Tuesday, August 31, 2010

กบฟุ้งซ่าน....ข้างกำแพงวัด

กบฟุ้งซ่าน....ข้างกำแพงวัด

กบฟุ้งซ่านตัวหนึ่งนั่งอยู่ข้างกำแพงวัดทุกเช้ามันเฝ้าดูพระออกบิณฑบาตตั้งแต่เช้ามืด
พอพระกับมาถึงวัดเพื่อฉันเช้า...กบมันนึกในใจ อยากเกิดเป็นพระเป็นพระสบายดี
มีคนถวายอาหารให้กินทุกวันเมื่อพระฉันเสร็จก็นำอาหารที่เหลือมากมายนั้นไปให้เด็กวัดกินต่อแล้วเด็กวัดก็กินกันอย่างเอร็จอร่อยตอนนี้

กบเปลี่ยนใจ อยากเกิดเป็นเด็กวัดแล้ว เพราะสบายกว่าพระ มันเห็นเด็กวัดหลายคนตื่นสายได้ และไม่ต้องออกตามพระไปบิณฑบาตก็ได้ สบายกว่าเยอะเลย เมื่อเด็กวัดกันเสร็จก็โกยอาหารที่เหลือทั้งหมดให้หมาวัดไปกินแล้วเด็กวัดทุกคนก็ไปช่วยกันล้างจานถึงตอนนี้กบเปลี่ยนใจ

อยากเกิดเป็นหมาวัดแล้ว เพราะไม่ต้องล้างจานเหมือนเด็กวัดสบายว่า.....พอหมาวัดกินอาหารเสร็จก็แยกย้ายไปทำหน้าทีเฝ้าบริเวณวัดคอยเห่าคนแปลกหน้า ฝูงแมลงวันก็บินมาตอม และกินอาหารต่อจากหมาวัด ถึงตอนนี้ กบเปลี่ยนใจอีกแล้ว

อยากเกิดเป็นแมลงวัน เพราะสบายที่สุด ไม่ต้องทำอะไรเลยหนำซ้ำ
ยังมีกองอาหารให้กินไม่มีหมดด้วย ขณะที่เจ้ากบฟุ้งซ่านกำลังคิดเพลินๆ
อยู่นั้นพอดีหันมาเห็นแมลงวันบินมาใกล้ๆจึงใช้ลิ้นตวัดเอาแมลงวันเข้าปากตัวเองโดยสัญชาตญาณถึงตอนนี้ กบฟุ้งซ่านจึงบรรลุธรรมฉับพลัน ( Sudden knowledge) คิดได้ว่า เอ้อ! เป็นตัวของเราเองนี้แหละ ดีที่สุดเลย(The best to be yourself) จงเชื่อมั่นในตัวเอง (Be yourself)

ที่มา: forward mail

Monday, August 30, 2010

เทพแห่งบะหมี่ "รุ่งเรือง นางเลิ้ง" God of Fresh Noodle


ราชาบะหมี่หรือจะสู้ เทพแห่งบะหมี่ "รุ่งเรือง นางเลิ้ง"

อยากเห็นคนไทยรักกัน..มากินกันเลย ผมได้มีโอกาสกลับไปหาของกินแถวตลาดนางเลิ้งอีกครั้ง ซึ่งความตั้งใจอยากจะกินหมี่ที่ได้ชื่อว่า "เทพของบะหมี่" มีคำกล่าวไว้ว่า "ก๋วยเตี๋ยวกวางตุ้ง ข้าวมันไก่ไหหลำ บะหมี่ฮกเกี้ยน" จะกินหมี่ให้อร่อยจะต้องเป็นของชาวจีนฮกเกี้ยน ร้านนี้เขาตีหมี่เอง อย่าไปนึกถึงพวกที่ยืดเส้นโชว์น่ะครับ อันนั้นเป็นหมี่สดและจะต้องกินเลยเมื่อทำเสร็จ ไม่ใช้สูตรของฮกเกี้ยน ชาวฮกเกี้ยนจะใช้วิธีการนวดโดยนั่งบนไม้ไผ่แล้วหาความรู้สึกของความหนืด ระหว่างแป้งกับไข่ว่าได้ที่แล้วหรือยัง ที่มีดีกว่านี้คือเครื่องเคราครบ ไม่ว่า ปู เป็ดย่าง หมูแดง ที่มากกว่านั้นอีกหมูแผ่น ที่นำหมูสับต้มเป็นแผ่นอร่อยมาก..

มาดูกันเลยดีกว่า ผมบอกแล้วมาถึงที่ ร้านบะหมี่รุ่งเรือง ร้านนี้มีพี่วิเชียรเป็นเจ้าของกิจการรุ่นที่สองแล้วครับในเมืองไทย นับไปนับมาร้านนี้จะต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 50 ปี เป็นแน่ๆ เราเริ่มสั่งกันดีกกว่า ผมสั่งเต็มข้อของที่ร้าน บะหมี่แห้งหมูแดง ปี หมูสับแผ่น ตัวบะหมี่มีกรรมวิธีนวด แล้วยังมีกรรมวิธีลวกอีก เพื่อที่จะให้บะหมี่ได้ที่ รับรองรสชาติว่า จะหาหมี่อร่อยแบบนี้ได้ยากมากครับ ที่สำคัญบะหมี่ร้านนี้สามารถไปทำอี่หมี่ได้ไม่เละครับ (จะหาร้านที่ทำเป็นก็เห็นมีแต่ร้าน เลี่ยว เลียง เซ่ง กับ อาเลกราชวงศ์ เท่านั้น) ที่เหลือไม่เข้าเหลี่ยม มาจากที่สอง บะหมี่แห้งเป็ด (บะหมี่ไม่บรรยายแล้ว) มาที่เนื้อเป็ดได้นุ่มนวล ตัวหนังเป็ดกรอบได้ใจเลยครับ ที่สำคัญน้ำราดที่ลงตัวมากๆ เมื่อมาบวกกับบะหมี่แล้ว จัดมาเลย ไม่ต้องถามกันเลยครับ สำหรับใครที่ต้องการกินน้ำซุปขอได้เลยครับ น้ำซุปเข้าเหลี่ยมมากเลยครับ
ไปมาสะดวกมากครับ ไปตลาดนางเลิ้งให้ได้ก่อนแล้วกันครับคุณพี่ คุณน้อง ไปถึงไปกลางตลาด ร้านจะอยู่ในตลาดครับแต่ออกมาทางสนามม้าหน่อย (ไม่ใช่ตลาดสดที่เขาขายของสดอยู่น่ะ) จะเป็นร้านค้าหลายห้องอยู่ครับ ที่ร้านของกินเยอะนอกจากบะหมี่ครับ ทั้งข้าวหน้าเป็ด ข้าวขาหมู ลูกชิ้นปิ้ง ปอเปี้ยสด ที่เหลือจำไม่ได้แล้วครับเยอะจริงๆ ไปไม่ถูกโทรไปเลยครับ โทร 02 281 9755 , 02 281 0862

ที่่มา: ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 30 สิงหาคม 2553

เทคนิคสุดครีเอทสร้างเซ็กซ์ แบบ DIY

เปิดประตูความสุขด้วยตัวเอง หากยังไม่พร้อมที่จะบรรเลงรักกับแฟน หรือจริงๆ เพราะยังหาคนดีๆ มาไม่ได้ แต่ก็ใช่ว่าจะหาความสุขให้กับตัวเองไม่ได้เสียเมื่อไหร่ เพราะถึงจะเปล่าเปลี่ยวเหี่ยวใจในช่วงที่อารมณ์เร่าร้อนไปบ้าง วิธีง่ายๆ อย่างการโลกสวยด้วยมือเรา มันก็ช่วยได้เหมือนกันนะ หรือคุณจะปฏิเสธล่ะว่าไม่เคย..

เทคนิคลดอาการอดอยากปากแห้ง ให้คุณได้สุขกายสบายจิตจากการช่วยตัวเองที่นำมาแนะในวันนี้ อาจจะเป็นวิธีใหม่ๆ ที่ทำให้คุณมีความสุขมากขึ้นก็ได้

Pillow Talk

หมอน นุ่มๆ นอกจากจะหนุนนอนให้สบายเวลาหลับแล้ว ประโยชน์ของมันก็มากกว่าที่คิด เพราะหมอนนี่แหละสามารถกลายเป็นอุปกรณ์เซ็กซ์ทอยสุดประหยัด และปลอดภัยสำหรับสาวๆ ด้วย วิธีการใช้นั้นเพียงนำหมอนที่อยู่บนเตียงมาซ้อนกันหลายๆใบ จนคุณรู้สึกว่ามันมีความยืดหยุ่นพอสมควรแล้ว ก็ให้สวมบทบาทเป็นคาวเกิร์ลให้จนเสร็จภารกิจไปเลย

The clitoral roll

สำหรับ ผู้หญิงแล้ววิธีเบสิกอย่างการใช้นิ้วก็ยังเป็นเทคนิคสุดฮอตเหมือนเดิม แต่บางคนก็ใช้สิ่งที่มีไม่คุ้มค่าเอาซะเลย เพราะวิธีการนี้ไม่ใช่ว่าจะใช้นิ้วไหนก็ได้ ดังนั้นที่ดีที่สุดก็คือ นิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ จากนั้นก็ใช้สัมผัสที่ปุ่มสวิตช์หรรษาของคุณอย่างอ่อนโยน โดยหมุนเป็นวงกลมแล้วค่อยเพิ่มความเร็วและพลังให้มากขึ้นตามจังหวะจนตัวบิด งอกันไปข้าง แต่มีเคล็ดลับนิดนึงว่าก่อนจะลงมือเอานิ้วไปจุ่มในน้ำเย็นก่อนนะ แล้วจะติดใจกว่าเดิมอีก อิอิ

The electric toothbrush

เทคนิค เพิ่มความสนุกสำหรับสาวๆ อีกชิ้นอย่าง แปรงสีฟันไฟฟ้า คาดไม่ถึงล่ะสิว่ามันก็ใช้ได้ แต่คุณต้องเลือกขนแปรงที่นุ่มนวลหน่อยนะ ไหนๆ ก็จะใช้วิธีนี้ก็ควรเลือกใช้ของที่มีคุณภาพนิดนึง ซึ่งวิธีการใช้นั้นเพียงแค่นำไปสัมผัสกับน้องสาวบริเวณคลิสตอริส เว้นระยะเวลาบ้างโดยพักสัก 10 วินาทีจึงค่อยเปิดเครื่องใหม่จะช่วยให้คุณถึงจุดประทับใจด้วยตัวเองจนลืม เวลาไปเลยล่ะ

The showerhead

เทคนิคที่สยิวสุดๆ ทั้งชายและหญิงก็ต้องรู้สึกดีกันทั้งนั้น เพียงเปิดฝักบัวอาบน้ำให้เป็นละอองน้ำเหมือนสเปรย์ แล้วฉีดไปที่จุดยุทธศาสตร์สร้างอารมณ์อย่างของผู้หญิงก็ที่บริเวณปุ่มคลิสต อริส ส่วนผู้ชายนั้นเป็นบริเวณหัวนม หรือลูกบอลแฝดของคุณ ที่สำคัญควรใช้น้ำในอุณหภูมิที่พอเหมาะร้อนสลับเย็นก็ยิ่งสะกิดอารมณ์ให้ พุ่งพล่านกว่าเดิมเสียอีกนะ

ความสุขที่สร้างด้วยตัวคุณเองแบบนี้ อาจจะไม่ใช่คำตอบที่ดีที่สุดเหมือนที่ธรรมชาติที่สร้างให้ชายหญิงได้มีความ สัมพันธ์กัน แต่บางทีเรื่องเซ็กซ์หากเจอคนไม่ถูกใจหรือยังไม่มีใคร ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน ยังไงๆ ก็ยังช่วยได้อยู่ดี หรือคุณว่าไม่จริงล่ะ

ที่มา: ทีมข่าวไลฟ์สไตล์ ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 31 สิงหาคม 2553

กฤษฎีกาสับเละ ต้นเหตุค่าโง่ ขรก.รวมหัวโกง

กฤษฎีกา ยืนกรานค้าน ยธ. (โยธา) แก้กฎหมายห้ามใช้อนุญาโตตุลาการระงับข้อพิพาทสัญญารัฐ-เอกชน สับแหลกรัฐแพ้คดีสัมปทาน เพราะเจ้าหน้าที่ (ยธ.) รับอ่อนหัด ไม่รู้กฎหมาย ฉ้อฉลรวมหัวทุจริต ทำให้แพ้ (เลวสุด ๆ อยู่นี่เอง)
...
กฤษฎีกา ยืนกรานค้าน ยธ. แก้กฎหมายห้ามใช้อนุญาโตตุลาการระงับข้อพิพาทสัญญารัฐ-เอกชน สับแหลกรัฐแพ้คดีสัมปทาน เพราะเจ้าหน้าที่รับอ่อนหัด ไม่รู้กฎหมาย ฉ้อฉลรวมหัวทุจริต ทำให้แพ้คดีตั้งแต่ขั้นร่างสัญญา -บริหารสัญญา...

ผู้สื่อข่าวรายงานจากทำเนียบรัฐบาลว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 31 ส.ค. สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ขอความเห็นชอบความเห็นและข้อเสนอแนะของสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ที่เสนอผลการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... โดยเห็นว่า ไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่ง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ตามที่กระทรวงยุติธรรมเสนอให้แก้ไขห้ามไม่ให้หน่วยงานของรัฐใช้ระบบ อนุญาโตตุลาการระงับข้อพิพาทสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน โดยอ้างเหตุว่าหน่วยงานรัฐมักจะแพ้คดีหรือต้องเสียค่าโง่มาตลอด และให้แจ้งเวียนความเห็นและข้อเสนอแนะให้หน่วยงานของรัฐต่างๆ ทราบและถือปฏิบัติตามข้อเสนอแนะของกฤษฎีกาต่อไป

คณะกรรมการกฤษฎีกา เห็นว่า พ.ร.บ..อนุญาโตตุลาการ พ.ศ.2545 ที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบัน มีหลักการที่เป็นไปตามกฎหมายแม่บทว่าด้วยอนุญาโตตุลาการทางพาณิชย์ระหว่าง ประเทศของคณะกรรมาธิการว่าด้วยกฎหมายการค้าระหว่างประเทศแห่งสหประชาชาติ (UNCITRL Model Law on International Commercial Arbitration) และสอดคล้องกับหลักกฎหมายอนุญาโตตุลาการในหลายประเทศที่กำหนดให้ใช้วิธีการ อนุญาโตตุลาการระงับข้อพิพาททางสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน และเป็นที่ยอมรับของผู้ลงทุนทั่วไปจากต่างประเทศ ถือเป็นปัจจัยสำคัญประการหนึ่งที่สร้าง ความเชื่อมั่นแก่ผู้ลงทุนจากต่างประเทศที่จะเข้ามาลงทุนร่วมกับหน่วยงานของ รัฐในประเทศไทย การเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อห้ามมิให้ใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในการระงับข้อ พิพาทฯ ทำให้ต้องนำเรื่องเข้าสู่การพิจารณาและวินิจฉัยคดีโดยศาลเท่านั้น ย่อมมีผลกระทบต่อความเชื่อมั่นของผู้ลงทุน การเจรจาทางการค้า การจัดทำสนธิสัญญาว่าด้วยการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนกับต่างประเทศ และการพัฒนาระบบอนุญาโตตุลาการในประเทศไทย

ทั้งนี้ คณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นว่า ปัญหาการที่หน่วยงานของรัฐหลายแห่งต้องตกเป็นฝ่ายแพ้คดีในชั้น อนุญาโตตุลาการ มิได้มีสาเหตุมาจากบทบัญญัติมาตรา 15 แห่ง พ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2544 แต่น่าจะมีสาเหตุมาจากขั้นตอนต่างๆ ตั้งแต่ปัญหาการจัดทำสัญญา ที่หน่วยงานของรัฐไม่มีเจ้าหน้าที่ซึ่งมีความรู้ความเชี่ยวชาญทั้งในด้าน กฎหมายที่เกี่ยวข้องกับเนื้อหาสาระของสัญญา ด้านเทคนิคการเขียนสัญญา และในด้านเนื้อหาสาระของสัญญา จึงร่างสัญญาที่ทำให้หน่วยงานของรัฐเสียเปรียบ เจ้าหน้าที่ของรัฐที่เกี่ยวข้องกับการทำสัญญาร่วมลงทุนกับเอกชนมีพฤติการณ์ ฉ้อฉล เอื้อประโยชน์แก่เอกชน ปัญหาการบริหารสัญญา เช่น การแก้ไขเปลี่ยนแปลงงาน การส่งมอบพื้นที่ก่อสร้างล่าช้า การออกแบบผิด การอนุมัติล่าช้า เป็นต้น รวมทั้งปัญหาการตั้งอนุญาโตตุลาการ ผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งมักจะมีความรู้ความเชี่ยวชาญทางด้านกฎหมายเอกชน ไม่มีความรู้ความเชี่ยวชาญด้านกฎหมายมหาชน จึงไม่สามารถชี้ขาดข้อพิพาทได้ถูกต้องตามหลักกฎหมายปกครองเหมือนกับการ วินิจฉัยโดยศาลปกครอง

ดังนั้นอาจสรุปสาเหตุที่หน่วยงานของรัฐตกเป็น ฝ่ายแพ้คดีในชั้นการพิจารณาของ อนุญาโตตุลาการได้ว่า เกิดจากปัญหาการจัดทำสัญญาปัญหาการบริหารสัญญา และปัญหาการตั้งอนุญาโตตุลาการ ไม่ได้เกิดจากระบบอนุญาโตตุลาการซึ่งมีประสิทธิภาพและเหมาะสมกว่าการดำเนิน คดีในศาล ซึ่งปัญหาดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดยทางการบริหารงานของหน่วยงานต่างๆ นั้น จึงไม่มีความจำเป็นต้องแก้ไขเพิ่มเติมบทบัญญัติแห่งพ.ร.บ.อนุญาโตตุลาการ พ.ศ. 2545 ตามร่างกฎหมายที่กระทรวงยุติธรรมเสนอแก้ไข

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมการกฤษฎีกามีข้อเสนอแนะ ว่าในชั้นการตรวจพิจารณาร่างสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชนนั้น หน่วยงานของรัฐควรคำนึงถึงหลักเกณฑ์ ดังนี้ ในกรณีร่างสัญญาสัมปทาน ควรจัดให้มีผู้เชี่ยวชาญเฉพาะสาขาและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ปฏิบัติการตามร่างสัญญา เข้าร่วมกันเป็นคณะกรรมการตรวจพิจารณาร่างสัญญา ในข้อสัญญาควรกำหนดให้มีวิธีการระงับข้อพิพาทเบื้องต้นขึ้นในหน่วยงาน เจ้าของโครงการเสียก่อนที่จะเสนอข้อพิพาทนั้นต่ออนุญาโตตุลาการ เพื่อวินิจฉัยชี้ขาด ได้แก่ การไกล่เกลี่ยข้อพิพาท (Mediation) โดยมีบุคคลที่สามที่มีความเป็นกลางให้การช่วยเหลือคู่สัญญาในการหาทางออกของ ปัญหาความขัดแย้ง ส่วนการบริหารสัญญา ควรจัดให้มีหน่วยงานของรัฐ หรือระบบการตรวจสอบการปฏิบัติตามข้อสัญญา เพื่อให้การปฏิบัติตามข้อสัญญามีความต่อเนื่องและถูกต้องตามสัญญา

นอกจากนี้ เมื่อพบการปฏิบัติไม่เป็นไปตามสัญญา หรือมีความล่าช้าให้รีบแจ้งคู่สัญญาทราบ เพื่อเป็นการดำเนินการแก้ไขปัญหาและระงับข้อพิพาทที่อาจเกิดขึ้นต่อไป และการพิจารณาคัดเลือกบุคคลทำหน้าที่อนุญาโตตุลาการ นอกจากต้องมีความเป็นกลางและเป็นอิสระตามมาตรา 19 แล้ว ความรอบรู้และความเชี่ยวชาญเฉพาะในสัญญาภาครัฐของผู้ทำหน้าที่ อนุญาโตตุลาการถือเป็นสิ่งสำคัญ และการแก้ไขปัญหาการใช้วิธีการอนุญาโตตุลาการในสัญญาระหว่างหน่วยงานของรัฐ กับเอกชน อาจกระทำโดยอาศัยมติคณะรัฐมนตรีอนุมัติ วันที่ 28 ก.ค.52 เป็นรายกรณีไป ซึ่งวิธีการนี้ก็มีการใช้กันในบางประเทศ เช่น ราชอาณาจักรซาอุดีอาระเบีย สหพันธ์รัฐรัสเซีย และยูเครน ซึ่งคณะรัฐมนตรีจะได้ตรวจสอบถึงความเหมาะสมของสัญญาได้ด้วย
ที่มา: ทีมข่าวการเมือง ไทยรัฐออนไลน์ อังคาร 31 สิงหาคม 2553

Sunday, August 29, 2010

flunk: สอบตก

คำ slang ที่ใช้บอกว่า สอบตก (fail) ก็คือ flunk : ซึ่งเป็นคำกริยา (Informal)
v. flunked, flunking, flunks
v.intr. To fail, especially in a course or an examination. ตก โดยเฉพาะการสอบตกในวิชา หรือ การสอบ
v.tr.
1. To fail (an examination or course).
2. To give a failing grade to.

ตัวอย่าง I flunked maths and physics. ฉันสอบตกวิชาเลข และฟิสิกส์

ถ้าเป็นคำนาม n.
1. The act or an instance of flunking. การกระทำหรือพฤติกรรมของการตก
2. A failing grade. เกรดที่สอบตก
ตัวอย่าง The teacher got two flunks in his grading report. ในรายงานเกรดของคุณครูมีนักเรียนสอบตก 2 คน

สำนวน (Phrasal Verb): flunk out จะเป็นการไล่หรือถูกไล่ออกจากโรงเรียน หรือวิชา เพราะการทำงานหรือการสอบได้ผลงานที่ต่ำกว่ามาตรฐานที่กำหนด (เช่นได้คะแนนสอบต่ำกว่าเกณฑ์) To expel or be expelled from a school or course because of work that does not meet required standards.

ตัวอย่าง I am going to flunk out because I am too lazy to study this tough subject. ฉันกำลังจะตกออก เพราะว่าฉันขี้เกียจเรียนวิชาที่ยากนี้

ในภาพยนต์อินเดีย เรื่อง 3 idiots ซึ่งเป็นหนังคุณภาพจาก Bollywood มีตอนหนึ่ง
Farhan Qureshi พูด: [after finding out Rancho topped their exam หลังจากที่รู้ว่า Rancho เพื่อนของเขาสอบได้ที่หนึ่ง] That day we learned, when your friend flunks, you feel bad, when he tops, you feel worse. วันนั้นเราเมื่อเรารู้ว่าเพื่อนของเราเขาสอบตก คุณรู้สึกแย่ แต่เขาสอบได้ที่สูงสุด (ที่หนึ่ง) คุณรู้สึกแย่สุด ๆ

คำต่อไปนี้ แปลว่า'สอบตก' (fail to get a passing grade) ทั้งสิ้น
fail, screw up (informal), plough (Brit. slang), flush it, bomb, fall short (in what is expected),

ดร.SoS

ต้มตุ๋น: อ้างว่าลูกค้าโอนเงินผิด มาที่บัญชีเรา

ศุกร์ที่ 28 มีนา มีคนโทรเข้ามาบอกว่าเป็นพนักงานแบงค์กรุงเทพฯ บอกว่ามีลูกค้าโอนเงิน เข้ามาที่บัญชีเราผิด บอกเลขบัญชีทุกอย่างถูกหมด แล้วก็บอกให้โอนเงินกลับด้วย เพราะว่าลูกค้าคนนั้น เดือดร้อนมาก เราก็บอกว่าขอไปเช็คก่อน

พอวันเสาร์เราไปกดตังค์ก็พบว่ามีเงินเข้ามาบัญชีเราผิดตามจำนวนที่เค้าบอกจ! ริงๆ ก็เลยโอนคืนไปให้... ก็ไม่คิดว่ามีอะไร เพราะมันก็ไม่ใช่เงินเราจริง....
จนมาวันนี้ได้รับใบ แจ้งหนี้ CITIBANK มี ยอด Call for cash ให้ผ่อนจ่ายรายเดือน ก็เลยโทรไปเช็คที่ call center เค้าบอกว่าเราโทรไปขอเบิกเงินสดเข้าบัญชีเราเอง เมื่อวันที่ 25 มีนา เราก็บอกว่าไม่ได้ทำ.. .อย่างนี้ก็โดนหลอกแล้วซิ พนักงาน call center ก็ได้แต่บอกให้ไปแจ้งความ ซึ่งก็ยังดีที่เราเก็บ slip ที่เราโอน เงินไว้นะ......

จะรบกวนผู้รู้ค่ะ ว่าจะทำอย่างไรต่อดี จะไปแจ้งความที่ไหน แล้วตำรวจจะช่วยเราได้ไหม เพราะจำนวนเงินนั้นก็หลายหมื่นเลยค่ะ
จากคุณ : jupjib - [ 19 เม .ย. ! 51 14:36:15 ]
วิธีแก้ไข
หากเจอแบบนี้ ไม่ต้องทำรายการโอนครับ ถึงจะมีการโอนเข้ามาผิดจริง ทางธนาคารสามารถทำรายการแก้ไขได้เองอยู่แล้ว การทำรายการโอนเงิน เท่ากับเราเป็นผู้สั่งโอน การแก้ไขจะทำได้ลำบากขึ้น

หรือหากเป็นการโอนจาก ATM หรือ CDM ให้ขอหลักฐานเป็นหนังสือออก โดยธนาคารมาให้เราก่อน ( ตัวจริงนะครับ)
แล้ว เช็คข้อมูลกับธนาคารต้นทางก่อนจนแน่ใจ อีก 10-15 วันค่อยโอนก้อไม่เสียหาย เพราะไม่ได้มีเจตนาโกง ฟ้องมาก้อชนะแน่นอน

ถ้าเป็นการทำรายการ โอนผิด ธนาคารแค่แจ้งลูกค้าปลายทาง แล้วจัดการเองได้เลยแน่นอน

นี่เป็นวิธีหลอกลวงแบบใหม่ เพื่อนๆ โปรดระวัง แจ้งเตือนกันให้ทั่ว คนส่วนใหญ่ในสังคมเป็นคนดี...อยากคืนเงินคนที่เดือดร้อนแน่อยู่แล้ว ดังนั้นมีโอกาสตกหลุมนี้ได้ไม่ยากเลย เจ้าของบัญชีที่รับโอนกลับคงเป็นคนบ้านนอก ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรนัก ถูกจ้างให้เปิดบัญชีี พร้อมบัตร ATM ได้ เงิน 200-300 บาทก็เอาแล้ว คนโกงก็กด ATM เชิดไปแล้วหลายหมื่น

ข้อควรระวังเรื่องนี้
1. ถ้าโอนผิดจริง แบงก์สาขาจะสามารถจัดการได้เองเลย เราไม่ต้องทำอะไรครับ
2. เบอร์โทรเข้ามา ถ้าแปลกๆ แบบไม่แสดงเบอร์ หรือ เป็นแบบโทรจาก internet ให้ระวังไว้ก่อนเลยครับ
3. ใบแจ้งหนี้บัตรเครดิต ควรทำลายอย่าให้เหลือเห็นข้อมูลต่างๆ เช่น วงงินสินเชื่อ หรือ เลขบัญชีธนาคารที่ตัดอัตโนมัติ

โปรดกระจาย! ข่าวเรื่องนี้ไปยังเพื่อนและญาติ ๆ โดยด่วน เพื่อป้องกันการหลอกลวงเช่นนี้

Thursday, August 26, 2010

Fart: ตด หรือ ผายลม

วันนี้มี ตด หรือ fart มาฝาก คำนี้ส่วนมากจะนำมาซึ่งบรรยากาศที่ไม่ค่อยจะน่ารื่นรมย์ แต่บางครั้งก็ทำให้ขบขันได้เช่นกัน คำ "ผายลม" นั้นส่วนมากก็ใช้ในหนังสือนวนิยายจีนซะมากกว่า ประมาณว่า พูดจาเหม็น ๆ เหมือนไม่ได้พูด เป็นคำด่าว่าซะมากกว่า

fart ในบางสถานะการณ์ ถือเป็นคำที่อยู่ในข่าย ก้าวร้าว (vulgar or offensive) คำนี้เป็นได้ทั้ง กริยา (verb) และ คำนาม (noun) มีรากศัพท์มาจาก Middle English words ได้แก่ ferten, feortan or farten ซึ่งเป็นคำในกลุ่มภาษาเยอรมันโบราณ (the Old High German) คือคำ ferzan

ในบางเหตุการณ์ 'fart' ถูกใช้แสดงในลักษณะ "คนน่ารำคาญ (irritating person)" หรือ "คนโง่ foolish person"

สำนวนคำกริยา (verb phrase) ที่กล่าวว่า 'fart around' หมายถึงการแสดงการใช้เวลาอย่างไม่ฉลาด อย่างไร้เป้าหมาย (spend time foolishly or aimlessly)

ส่วน 'brain fart' ใช้ในลักษณะเดียวกันกับ 'senior moment' ซึ่งเป็นภาวะหลง ๆ ลืม ๆ (a momentary lapse in concentration or occurrence of forgetfulness) เช่นภาวะที่เรียก Absence seizure

สำหรับ 'fart sack' เป็นแสลงของทหาร (military slang) จะหมายถึง เตียง หรือ ถุงนอน (sleeping bag)

มีการใช้คำ'Duck fart' ในละครห้องน้ำขบขัน (toilet humour) หมายถึงภาวะการมีลมในท้อง (flatulence)

A fart that came from your butt causes strange noise and vibrating sensation.
ตดที่มาจากก้นของท่านมีเสียงประหลาดที่ให้ความรู้สึกที่สั่นไหวอีกด้วย

A fart is a combination of gases (nitrogen, carbon dioxide, oxygen, methane, and hydrogen sulfide). ตดเป็นการผสมผสานของแก๊สชนิดต่า่ง ๆ (เช่น ไนโตรเจน ค่าร์บอนไดออกไซด์ ออกซิเจน มีเทน และไฮโดรเจนซัลไฟด์

A fart travels from a person's stomach to their anus. ตดก็มีทางเดินของมัน มันท่องเที่ยวจากกระเพาะอาหารไปยังรูก้น

When a you swallow(eat) too much air or eats foods that the human digestive system cannot digest easily gas becomes trapped in your stomach. เมื่อคุณสวาปาม เอ๊ย กลืน (swallow หรือ eat, gobble, guzzle, gulp, polish off ,wolf, devour, wolf down คำเหล่านี้เกี่ยวกับการกินทั้งสิ้น) กลืน"ลม" หรือ "อาหาร" มากไป ทำให้ระบบย่อย ไม่สามารถย่อยได้อย่างมีประสิทธิภาพ แก๊สจากอาหาร ก็มีโอกาสสูงที่จะถูกกักเก็บไว้

The only way for this excess gas to exit the body is through the anus. ทางเดียวที่แก๊สส่วนเกินเหล่านี้จะออกไปจากร่างกายได้ ก็โดยการออกทางรูก้น (anus)

ทำไม "ตด" จึงเหม็นเหลือเกิน The gas that makes your farts stink is the hydrogen sulfide gas. แก๊สในตดที่ทำให้เหม็นเหลือเกินคือแก๊สไฮโดรเจนซัลไฟด์ This gas contains sulfur which causes farts to have a smelly odor. แก๊สนี้มีส่วนประกอบของซัลเฟอร์ทำให้ตดมีกลิ่นตุตุ The more sulfur rich your diet, the more your farts will stink. อาหารที่คุณกินยิ่งมีส่วนประกอบของซัลเฟอร์มากเท่าไหร่ ก็ทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นที่รุนแรงเท่านั้น Some foods that cause really smelly farts include: beans, cabbage, cheese, soda, and eggs. อาหารที่ำทำให้ตดมีกลิ่นเหม็นได้แก่ ถั่ว กระหล่ำ เนย โซดา(น้ำอัดลม) และไข่

A scientific name for a fart is flatus or flatulence. ชื่อทางวิทยาศาสตร์อย่างเป็นทางการของตด คือ flatus หรือ flatulence

The word fart is just one of many different terms used to describe the release of gasses from the human body. มีหลายคำที่ใช้แทนคำว่า"ตด"ได้ที่เป็นการอธิบายการปล่อยแก๊สออกจากร่างกายของเรา Other popular names for farts or farting include: gassers ช่างแก๊สก๊าส, stinkers (ไอ้เหม็น), air biscuits (บิสกิตลม), bombers (มือระเบิด), barking spiders (แมงมุมเห่า), rotten eggs (ไข่เน่า), and wet ones (ไอ้เปียก). คุณสามารถปลดปล่อย"ตด" ได้ด้วยคำต่อไปนี้ You can "pass gas ปล่อยแก๊ส", "break wind ผ่าลม", "blast ทิ้งระเบิด", "beef เนื้อ", poof, "rip one ฉีก(ใคร)", "let one fly ปล่อยบินไป", "step on a duck เหยียบเป็ด", and "cut the cheese ตัดเนยแข็ง".

Farts can be stinky, wet, loud, or silent but deadly. Pee-eeew!!! ตด .. นอกจากจะเหม็นแล้ว ยังอาจเปียก ดัง หรือ เงียบ แต่อาจถึงตายได้ ยี่...

Did you know? คุณรู้ไหม

* On the average, a healthy person farts 16 times a day. คนสุขภาพดีทั่วไปจะตดวันละ 16 ครั้ง
* Hey guys, don't be fooled by girls who tell you that they never fart. คุณผู้ชายอย่าได้ถูกผู้หญิงหลอกเชียว ว่าหล่อนไม่เคยตด Everyone farts, including girls. ทุกคนตด รวมทั้งผู้หญิงก็ตด In fact, females fart just as much as males. จริง ๆ แล้วผู้หญิงกับผู้ชายก็ตดพอ ๆ กัน
* Many animals fart too. สัตว์ส่วนมากก็ตดด้วย Cats, dogs, and cows. แมว หมา วัว Elephants fart the most. ช้างตดมากที่สุด
* People fart the most in their sleep. คนตดมากที่สุดขณะที่หลับอยู่
* Farts that contain a large amount of methane & hydrogen can be flammable ตดส่วนมากจะมีแก๊๊สมีเทน และ ไฮดรอเจนจำนวนมาก ทำให้ติดไฟได้นะ

การนำ fart มาใช้ในลักษณะตลก นั้น จะต้องระวังเพราะถือเป็นภาษาคำก้าวร้าว คำไม่สุภาพ (English language vulgarism) ถ้าจะใช้ใ้ห้สุภาพก็ต้องใช้ flatus หรือ flatulence นะครับ

Sunday, August 22, 2010

เผยข้าราชการจบ ป.ตรีรับน้อยกว่า พนง.บริษัท 83%

เผยข้าราชการจบ ป.ตรีรับน้อยกว่า พนง.บริษัท 83%

นางเบญจวรรณ สร่างนิทร เลขาธิการคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้สัมภาษณ์ที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) เมื่อวันที่ 19 สิงหาคม ถึงการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการพลเรือน ในวันที่ 1 ตุลาคม ภายใต้งบประมาณ 200 ล้านบาทว่า วงเงินดังกล่าวเกิดจากการประมาณการว่า จะมีผู้เกษียณอายุราชการ 3,000-4,000 ราย โดยแต่ละส่วนราชการจะทยอยบรรจุบุคคลเข้ารับราชการใหม่ ซึ่งอัตราเงินเดือนแรกบรรจุใหม่นี้จะเริ่มใช้กับบุคคลที่ได้รับการบรรจุเป็น ข้าราชการตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2553 เป็นต้นไป โดยมีวัตถุประสงค์หลักเพื่อลดความเหลื่อมล้ำระหว่างเงินเดือนภาคราชการกับ ภาคเอกชน

นางเบญจวรรณกล่าวว่า จากการตรวจสอบข้อมูลเงินเดือนแรกบรรจุระหว่างข้าราชการกับพนักงานบริษัท เอกชน พบว่า ผู้สำเร็จการศึกษาระดับ ปวช. ที่เข้ารับราชการได้รับเงินเดือนต่ำกว่าภาคเอกชนร้อยละ 13 ระดับ ปวส.ได้รับเงินเดือนต่ำกว่าร้อยละ 6 ระดับปริญญาตรีต่ำกว่าร้อยละ 23-83 ระดับปริญญาโทต่ำกว่าร้อยละ 57-86 ก.พ.จึงตั้งเป้าลดความแตกต่างตรงนี้ลงอย่างน้อยครึ่งหนึ่งเพื่อดูดดึงคนดีคน เก่งเข้ารับราชการ

"อย่างไรก็ตาม ก.พ.ตระหนักถึงความรู้สึกของข้าราชการรุ่นพี่ จึงได้ขยับอัตราเงินเดือนของบุคคลที่รับราชการอยู่ก่อนแล้ว เพื่อไม่ให้ข้าราชการรุ่นหลังมีอัตราเงินเดือนแซงหน้าข้าราชการรุ่นพี่ โดยฐานเงินเดือนที่จะขยับให้ก็อยู่ในงบประมาณ 200 ล้านบาทนี้แล้ว"

นางเบญจวรรณกล่าวว่า ขณะเดียวกัน ก.พ.จะกำหนดอัตราเงินเดือนแรกบรรจุของข้าราชการแบบช่วง โดยให้คณะอนุกรรมการข้าราชการพลเรือน (อ.ก.พ.) กระทรวงพิจารณาเลือกปัจจัย 4 ข้อ จากเกณฑ์หลักของ ก.พ. 8 ข้อ เพื่อปรับเพิ่มอัตราเงินเดือนแรกบรรจุในวันที่ 1 เมษายน 2554 สำหรับปัจจัยหลักของ ก.พ. ได้แก่

1.มีคะแนนสอบเข้ารับราชการยอดเยี่ยม
2.มีความสามารถในการใช้ภาษาต่างประเทศ
3.มีประสบการณ์ที่เป็นประโยชน์ต่อการเข้ารับราชการ
4.มีใบประกอบวิชาชีพ
5.บรรจุเข้ารับราชการในสาขาขาดแคลน
6.มีผลงาน หรือได้รับรางวัลระดับชาติและนานาชาติ
7.มีวุฒิการศึกษามากกว่า 1 ใบ ซึ่งในสัปดาห์หน้า ก.พ.จะเชิญผู้แทนทุกส่วนราชการมาชี้แจงแนวทาง

"อย่างไรก็ตาม ก.พ.ได้กำหนดช่วงในการขยับฐานเงินเดือนแรกเข้าไว้ดังนี้ ในเดือนเมษายน 2554 ให้ขยับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุไม่เกินร้อยละ 3 เดือนตุลาคม 2554 ให้ปรับขึ้นอีกไม่เกินร้อยละ 6 จากนั้นในเดือนเมษายน 2555 ให้ปรับขึ้นอีกไม่เกินร้อยละ 10 ทั้งนี้ หากรัฐบาลให้ความสำคัญและมีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้อย่างจริงจัง ข้าราชการก็จะมีโอกาสได้รับเงินเดือนแรกบรรจุใกล้เคียงกับภาคเอกชนมากขึ้น"

นางเบญจวรรณกล่าวว่า นอกจากการปรับอัตราเงินเดือนแรกบรรจุแล้ว ในวันที่ 1 เมษายน 2554 จะมีการปรับฐานเงินเดือนข้าราชการทุกประเภททั้งข้าราชการพลเรือน ตำรวจ ทหาร ครู อัยการ ศาล รัฐสภา รวมถึงข้าราชการบำนาญ พนักงานราชการ และลูกจ้างประจำ ร้อยละ 5 ภายใต้งบประมาณ 1.3 หมื่นล้านบาท แต่เป็นเพียงการปรับเพื่อรักษาระดับรายได้เท่านั้น เพราะในช่วงปี 2550-2552 อัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ร้อยละ 4.5

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การปรับโครงสร้างเงินเดือนครั้งนี้จะทำให้ข้าราชการมีลุ้นรับขึ้นเงินเดือน ในวันที่ 1 เมษายน 2554 เพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 11 โดยแบ่งเป็นการปรับขึ้นเงินเดือนทั้งระบบในอัตราร้อยละ 5 และการปรับขึ้นเงินเดือนตามการประเมินผลการปฏิบัติราชการในรอบครึ่งปีงบ ประมาณ (เลื่อนขั้นเงินเดือน) สูงสุดที่ร้อยละ 6

ที่มา: มติชนออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2553

น่าวิตก คนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตกว่า 5 ล้านคน ป่วยแล้วกว่า 1.6 ล้านราย โรคจิตเภทสูงอันดับ 1

เผยคนไทยป่วยทางจิตเพิ่มขึ้น ในปี 2551 ทั่วประเทศพบผู้ป่วยทั้งหมดกว่า 1 ล้าน 6 แสนราย อันดับ 1 คือโรคจิตเภท จำนวนกว่า 4 แสนราย หรือประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยทั้งหมด เร่งพัฒนาระบบการรักษา โดยตั้งเป้าพัฒนาสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยาให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญ รักษาผู้ป่วยจิตเภทโดยเฉพาะภายในปี 2554 และเปิดไอซียูรักษาผู้ป่วยจิตเวชที่มีอาการหนักแห่งแรกของไทย

ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยว่า ปัจจุบัน คนไทยมีแนวโน้มเกิดปัญหาสุขภาพจิตเพิ่มขึ้น ผลสำรวจของสำนักงานสถิติแห่งชาติ พ.ศ. 2552 พบประชาชนอายุ 15 ปีขึ้นไป มีปัญหาสุขภาพจิตร้อยละ 12 หรือประมาณ 5 ล้านคน คนกลุ่มนี้ยังไม่ใช่คนป่วย หากได้รับการดูแลส่งเสริมสุขภาพจิตก็จะทุเลาและหายเป็นปกติ ส่วนผู้ป่วยทางจิตที่ได้รับการดูแลรักษาในปี 2551 ทั่วประเทศมี 1,668,041 ราย มากที่สุดคือโรคจิตเภท 445,840 ราย รองลงมาได้แก่ โรควิตกกังวล 375,035 ราย โรคซึมเศร้า 199,667 ราย ที่เหลือเป็นโรคอื่นๆ เช่นติดสารเสพติด โรคลมชัก ปัญญาอ่อน โดยเฉลี่ยผู้ป่วยทางจิตจะใช้เวลารักษาในโรงพยาบาล 41 วัน สูงกว่าผู้ป่วยโรคทางกาย 5-6 เท่าตัว

ดร.พรรณสิริกล่าวต่อว่า ในการดูแลผู้ป่วยโรคจิตเภท ซึ่งเป็นโรคเรื้อรังต้องกินยาควบคุมอาการต่อเนื่อง และมีผู้ป่วยกลุ่มใหญ่ประมาณ 1 ใน 4 ของผู้ป่วยทางจิตทั้งหมด กระทรวงสาธารณสุข มีนโยบายจะพัฒนาสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา ซึ่งเป็นโรงพยาบาลจิตเวชแห่งแรกของไทย เปิดบริการมานานกว่า 120 ปี ให้เป็นศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางในการดูแลผู้ป่วยโรคนี้เป็นการเฉพาะภายในปี 2554 เพื่อเป็นศูนย์กลางในการรักษาและถ่ายทอดเทคโนโลยีการรักษาลงสู่ภูมิภาค ผู้ป่วยไม่ต้องเดินทางมารักษาในกรุงเทพฯ โดยจะเน้นการรักษาที่โรงพยาบาล และการจัดระบบติดตามเยี่ยมบ้านผู้ป่วยอย่างต่อเนื่อง หากผู้ป่วยได้รับการดูแลดี อาการก็จะไม่กำเริบ ไม่ต้องนอนโรงพยาบาล

ด้านนพ.สินเงิน สุขสมปอง ผู้อำนวยการสถาบันจิตเวชศาสตร์สมเด็จเจ้าพระยา กล่าวว่า ที่สถาบันจิตเวชศาสตร์ฯ มีผู้ป่วยโรคจิตเภทประมาณร้อยละ 50 ของผู้มารับการตรวจรักษาที่แผนกผู้ป่วยนอก และร้อยละ 60-70 ของผู้ป่วยที่ต้องนอนรักษาในโรงพยาบาล ได้พัฒนากระบวนการรักษาโดยใช้ยาและใช้ระบบไฟฟ้าทันสมัยที่สุดในประเทศ และเลือกใช้ยาให้เหมาะสมกับอาการ รวมทั้งจัดกิจกรรมฟื้นฟูสมรรถภาพ เช่นฟื้นฟูทักษะทางสังคม การฝึกอาชีพที่เหมาะสม โดยได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระบรมราชินีนาถ โปรดเกล้าฯให้จัดตั้งกองทุนสมเด็จพระราชินีนาถในรัชกาลที่ 9 เพื่อฟื้นฟูผู้ป่วยจิตเวช มีบริการจิตเวชฉุกเฉินตลอด 24 ชั่วโมง และจะเปิดไอซียูจิตเวชเป็นห้องแยกสำหรับควบคุมพฤติกรรมผู้ป่วยจิตเภทที่มี ความรุนแรงสูง เป็นแห่งแรกของประเทศในปี 2554

นพ.สินเงินกล่าวต่อว่า โรคจิตเภท มักพบในกลุ่มวัยรุ่น วัยทำงาน ผู้ป่วยกลุ่มนี้ลักษณะเด่นมีความผิดปกติทางความคิด พูดไม่ต่อเนื่อง มีประสาทหลอน หูแว่ว หรือหลงผิดคิดว่ามีเทพในร่างบอกให้ทำสิ่งต่างๆ สาเหตุส่วนหนึ่งเชื่อว่าเกิดจากความผิดปกติของสมองบางส่วน หากมีความเครียดมากระตุ้นก็จะทำให้อาการกำเริบ ผู้ป่วยกลุ่มนี้มีโอกาสหายน้อยมาก ส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 95 จะกลายเป็นผู้ป่วยเรื้อรัง ต้องกินยาควบคุมอาการตลอดชีวิต เนื่องจากผู้ป่วยจะมีความเสื่อมถอยของสมรรถภาพทางสมอง มีปัญหาในการใช้ชีวิต การทำงาน และสังคม ต้องรับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ที่มา: น่าวิตก! คนไทยมีปัญหาสุขภาพจิตกว่า 5 ล้านคน ป่วยแล้วกว่า 1.6 ล้านราย โรคจิตเภทสูงอันดับ 1 มติชนออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ทั่วโลกฮือฮา ซูดานใต้ไอเดียเก๋ จะสร้างเมืองเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ

สำนัก ข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 22 ส.ค.ว่า รัฐบาลซูดานใต้ ซึ่งคาดว่าจะได้รับเอกราชในปีหน้า ตามแผนประชามติในช่วงที่ผ่านมา ซึ่งได้รับคำมั่นสัญญาจากรัฐบาลกลางซูดาน ได้เปิดแผนพิมพ์เขียวสร้างเมืองต่างๆ ให้เป็นรูปสัตว์ ด้วยงบประมาณสร้างราว 10,000 ล้านดอลลลาร์ โดยภายใต้แผนที่วางนั้น จะมีการสร้างสรรค์เมืองหลวง 10 แห่ง เช่นการสร้างสวนสนุก เป็นรูปหูแรด และสร้างโรงแรมห้าดาวเป็นรูปตา,สร้างเมืองหนึ่งเป็นรูปยีราฟ ซึ่งมีสนามกอลฟ์บริเวณหน้าอก และโรงงานบำบัดน้ำเสียบริเวณหาง

ไอเดียดังกล่าว ได้สร้างความฉงนสนเท่ห์ใจให้แก่ทั่วโลก นายเดเนียล วานี ปลัดกระทรวงการวางแผนด้านการเคหสถาน เปิดเผยว่า ไอเดียดังกล่าวถึงขณะนี้นับว่าได้รับผลตอบแทนในทางบวก หรือดีมาก และมีเสียงชื่นชมจากทั่วทุกหนแห่ง

รายงานระบุว่า ซูดานใต้ ถือเป็นพื้นที่ยากจนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยมีการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2010 ไม่ถึง 2,000 ล้านดอลลาร์ โดยได้รายได้ส่วนใหญ่ของพื้นที่นี้มาจากน้ำมัน อย่างไรก็ตาม ด้านนักวิจารณ์ว่า ไอเดียสร้างเมืองอย่างมีสีสันและไอเดียนี้จะส่งผลให้ประเทศต่าง ๆ ผุดขึ้นอีกมากในโลก

ที่มา: มติชนออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 22 สิงหาคม พ.ศ. 2553

ชาติอื่นเมืองอื่นพยายามพัฒนาทำโน่นนี่ ของเราม้นทะเลาะกัน แย่ยิ่งกว่าหมา สงสารประเทศไทยจริง ๆ

'ขนมเปี๊ยะดอกไม้' หน้าตาแปลกใหม่ น่าสน

การพลิกแพลงหน้าตาขนมนั้นเป็นเรื่องสำคัญในปัจจุบัน เพราะนอกจากเรื่องรสชาติของขนมแล้ว เรื่องหน้าตาก็เป็นส่วนสำคัญไม่น้อยในการเรียกลูกค้า ซึ่งกับ “ขนมเปี๊ยะ” นั้น เมื่อดัดแปลงหน้าตาก็จะกลายเป็นขนมที่ร่วมสมัย น่าทานและน่าซื้อในทุกโอกาสได้ อย่างเช่นที่ทีม “ช่องทางทำกิน” มีข้อมูลมาแนะนำกัน...
อาจารย์ณนนท์ แดงสังวาล สาขาวิชาอุตสาหกรรมบริการอาหาร คณะเทคโนโลยีคหกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลพระนคร (มทร.พระนคร) ได้แนะนำการดัดแปลงขนมเปี๊ยะเดิม ๆ เป็น “ขนมเปี๊ยะดอกไม้” ที่ดูแปลกตาน่าทาน ไม่จำเจในแบบเดิม ๆ ซึ่งน่าจะสร้างตลาดใหม่ ๆ ให้เกิดได้ และน่าจะเป็นของฝากที่คนได้รับชอบ ซึ่งการทำขนมเปี๊ยะให้เป็นรูปดอกไม้นั้น อาจจะดูเหมือนยากกว่าทำขนมเปี๊ยะรูปกลม ๆ แต่จริง ๆ แล้วกลับง่ายกว่ามาก ๆ และที่สำคัญขนมจะสุกง่ายมาก เวลาอบจะสุกถึงไส้ขนมเลยทีเดียว

อุปกรณ์การทำขนมเปี๊ยะดอกไม้ ก็เหมือนกับอุปกรณ์ทำขนมทั่วไป ซึ่งหมายรวมว่าต้องมีเครื่องตีแป้ง และตู้อบขนมเพิ่มมาด้วย ต้นทุนอุปกรณ์ตกอยู่ที่ประมาณ 20,000 บาทขึ้นไป

การทำขนมเปี๊ยะ อาจารย์ณนนท์บอกว่า จะมีการทำแป้ง 2 ส่วน และไส้ 1 ส่วน ซึ่งแป้ง 2 ส่วนนั้นคือแป้งชั้นนอกและแป้งชั้นใน โดยส่วนประกอบของแป้งชั้นนอก ตามสูตรประกอบด้วย แป้งเค้ก 500 กรัม, น้ำเย็น 250 กรัม, น้ำมันพืช 100 กรัม, เกลือป่น 5 กรัม, น้ำตาลทราย 50 กรัม, นมผง 15 กรัม, ไข่แดงไข่ไก่ (สำหรับแต่งหน้า 15 กรัม) และงาดำคั่ว (สำหรับตกแต่ง) 100 กรัม

ส่วนแป้งชั้นใน ใช้แป้งเค้ก 300 กรัม และน้ำมันพืช 150 กรัม

สำหรับตัวไส้ ส่วนผสม “ไส้ถั่ว” นั้น ตามสูตรจะใช้ถั่วเขียวเลาะเปลือก 500 กรัม, น้ำตาลทราย 600 กรัม, น้ำมันพืช 250 กรัม, เนยสด 50 กรัม, กลิ่นวานิลลา 2 ช้อนชา และนมผง 30 กรัม

วิธีทำ เริ่มที่แป้งชั้นนอก ร่อนแป้งเค้กและนมผงเข้าด้วยกันลงอ่างผสมที่เตรียมไว้ จากนั้นผสมน้ำตาลทราย เกลือป่น และน้ำเย็นเข้าด้วยกัน คนจนส่วนผสมละลายดี เทลงในส่วนผสมแป้ง ตีจนแป้งจับตัวเป็นก้อน (ใช้ที่ตีแป้งรูปตะขอ) จากนั้นเติมน้ำมันพืช ตีแป้งต่อจนแป้งเนียน ไม่ติดมือ จึงนำแป้งออกมาแบ่งเป็นก้อน ก้อนละ 20 กรัม คลึงแป้งเป็นก้อนกลมด้วยมือ คลุมด้วยผ้าขาวบาง พักไว้ 5-10 นาที เพื่อให้แป้งคลายตัว และพองขึ้น

แป้งชั้นใน ให้ร่อนแป้งเค้กลงในอ่างผสม เติมน้ำมันพืชลงไป และตีจนส่วนผสมจับตัวเป็นก้อน เสร็จแล้วตัดแบ่งแป้งหนักก้อนละ 10 กรัม แล้วคลึงให้เป็นก้อนกลม พักไว้

จากนั้นนำแป้งชั้นนอกที่เตรียมไว้ก่อนหน้ามาห่อแป้งชั้นใน ปิดตะเข็บให้สนิท นำแป้งมารีดตามยาว แล้วพับทบ 3 ทบ พักไว้ 5 นาที แล้วรีดตามยาวอีกครั้ง พับทบ 3 ทบ พักไว้ 5 นาที แป้งจะเป็นชั้น ๆ พักเตรียมไว้

ต่อไปเป็นการทำไส้ขนมเปี๊ยะที่เป็นไส้ถั่ว ซึ่งต้องทำเตรียมไว้ก่อนหน้า โดยล้างถั่วเขียวเลาะเปลือกให้สะอาด แช่ในน้ำเปล่าประมาณ 12 ชั่วโมง จากนั้นล้างให้สะอาดอีกครั้ง แล้วนึ่งถั่วจนสุก

บดถั่ว น้ำตาลทราย น้ำมันพืช กลิ่น วานิลลา และนมผง เข้าด้วยกันด้วยเครื่อง แล้วเทลงบนกระทะทองเหลือง เปิดไฟกลางกวนจนส่วนผสมข้น และสามารถ ปั้นเป็นก้อนกลมได้ แล้วเติมเนยสด กวนต่อจนส่วนผสมเข้ากันดี ยกลงพักไว้จนถั่วเย็น แบ่งถั่วเป็นก้อน ๆ หนักก้อนละ 15-20 กรัม คลึงเป็นก้อนกลม เตรียมไว้

ขั้นตอนการห่อไส้ รีดแป้งเป็นแผ่นบางประมาณ 14 เซนติเมตร ตัดแบ่งเป็น 2 ชิ้น ใส่ไส้ถั่วกวนระหว่างแป้ง 2 ชิ้น ประกอบปิดตะเข็บให้สนิท แล้วรีดอีกครั้งให้เป็นแผ่นหนาประมาณ 34 เซนติเมตร ใช้มือทำให้ตัวขนมเป็นรูปวงกลม จากนั้นใช้กรรไกรตัดแบ่งเป็น 12 ช่อง แล้วบิดหันกลีบให้สวยงาม วางลงบนเตาอบที่ทาด้วยเนยขาว ตกแต่งหน้าด้วยไข่แดง งาดำคั่ว

อบขนมที่อุณหภูมิ 150 องศาเซลเซียส ประมาณ 30 นาที หรือกระทั่งสุก แซะออกจากถาดวางพักบนตะแกรงจนขนมเย็นสนิท แล้วนำไปอบควันเทียนประมาณ 10 นาที จนมีกลิ่นหอม จึงบรรจุภาชนะที่ปิดสนิท

แป้งปริมาณดังกล่าวข้างต้นจะทำ “ขนมเปี๊ยะดอกไม้” ได้ประมาณ 80 ลูก หรือ 80 ชิ้น โดยมีต้นทุนต่อสูตรประมาณ 200 กว่าบาท ตั้งราคาขายที่ชิ้นละ 10 บาท หรือแล้วแต่ตลาด ซึ่งนอกจากไส้ถั่วแล้วยังสามารถทำเป็นไส้อื่น ๆ อาทิ ไส้งาดำ ไส้ถั่วแดง หรือจะทำหน้าตา-ตกแต่งเป็นรูปแบบอื่น ๆ ก็ได้ อาทิ รูปสัตว์ต่าง ๆ ตามความสามารถ และความเป็นไปได้ เช่น รูปกระต่าย เป็นต้น

@@@@

สนใจเรื่อง “ขนมเปี๊ยะดอกไม้” ต้องการติดต่อ อาจารย์ณนนท์ ติดต่อได้ที่ โทร. 0-2281-9231-4 ต่อ 2106 ซึ่งนี่ก็เป็นตัวอย่างการพลิกแพลงรูปร่างหน้าตาของขนมเดิม ๆ ให้ “แปลกใหม่”

สุภารัตน์ ยอดศิริวิชัยกุล

ที่มา: 'ขนมเปี๊ยะดอกไม้' หน้าตาแปลกใหม่ น่าสน ช่องทางทำกิน เดลินิวส์ออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 08 สิงหาคม 2553

เซ็กซ์เปลี่ยนหลังผ่าตัด

สวัสดีค่ะ ทีมแพทย์ชูรัก ชูรส

ดิฉันเป็นมะเร็งปากมดลูกระยะที่ 1 แล้วทางคุณหมอที่ตรวจบอกให้ตัดปากมดลูกค่ะ

ดิฉันก็ตัดสินใจที่จะตัดปากมดลูกตามที่คุณหมอบอก ตอนนี้ตัดมาประมาณ 1 ปีกว่าแล้วค่ะ แต่เมื่อ 2 เดือนที่แล้ว เวลามีเพศสัมพันธ์กับสามี ดิฉันจะไม่ค่อยมีอารมณ์ ทางเพศ และเจ็บตรงกระเพาะปัสสาวะ ซึ่ง ก่อนหน้ามีเพศสัมพันธ์ก็ปกติดีไม่ได้ปวดปัสสาวะ แต่พอเริ่มมีเพศสัมพันธ์จะปวดตรงกระเพาะปัสสาวะ และหมดอารมณ์ทางเพศไปเลย ตรงนี้เกิดจากอะไรคะ

จาก คนทุกข์ใจ

ตอบ คุณคนทุกข์ใจ

เวลามีเพศสัมพันธ์แล้วรู้สึก “เจ็บ เจ็บ”ต้องมาสำรวจดูว่าที่เจ็บนั้นเจ็บตรงไหน ปกติแล้วจะเจ็บอยู่ 2 ตำแหน่ง คือ

ตำแหน่งแรก ตรงปากทางเข้า

ตำแหน่งที่สอง เจ็บที่ลึก ๆ ข้างใน

และจากที่เล่ามาคุณไม่มีความรู้สึกทางเพศ มันเลยทำให้ไม่มีน้ำหล่อลื่น สันนิษฐานว่าจะเจ็บตรงทางเข้า ถือว่าเจ็บจากการขาดน้ำหล่อลื่น ซึ่งไม่ใช่เป็นผลจากการผ่าตัดมะเร็งปากมดลูกซะทีเดียว เพราะการผ่าตัดเอามะเร็งปากมดลูกออกนั้นจะคว้านเอาเฉพาะปากมดลูกที่มีปัญหา ออกไปแล้วจะมีแผลอยู่ตรงปลาย ๆ มดลูก

ปกติแล้วหลังผ่าตัดแผลจะหายภายใน 6 สัปดาห์ แต่ว่าแผลเป็นที่แข็ง ๆ ข้างในอาจจะอยู่ค่อนข้างนานเหมือนคนเป็นแผลเป็นผ่าตัดทั่วไป จะให้หายเหมือนเดิมเป็นไปไม่ได้จะมีรอยนูน ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วช่องคลอดก็เป็นทรงกระบอก เวลามีเพศสัมพันธ์พอชน แรง ๆ ก็อาจจะเจ็บได้ ถ้าบางท่าชนแล้วเจ็บก็ต้องหลีกเลี่ยงท่านั้น หรือมุมนี้ไม่ได้ ท่านั้นไม่ดี ก็ต้องสำรวจตัวเองว่าท่าไหนที่ทำแล้วสุขมากกว่าเจ็บ แล้วกล้าที่จะพูดคุยกับสามีเพื่อจะได้มีความสุขสมทั้งคู่

แต่การที่ไม่มีน้ำหล่อลื่น ไม่มีอารมณ์ ทางเพศ จนทำให้มีเพศสัมพันธ์แล้วเจ็บ สาเหตุหลัก ๆ น่าจะมีผลมาจากจิตใจของคุณ ที่หลังผ่าตัดปากมดลูกหรือมดลูกไปมักจะมีความมั่นใจในตัวเองน้อยลง จนทำให้คิดว่าเพศสัมพันธ์หลังผ่าตัดไม่เหมือนเดิม

หรือถ้าไม่มีน้ำหล่อลื่นเลยแต่ปฏิเสธสามีไม่ได้ ลองใช้น้ำหล่อลื่นเทียมที่มีจำหน่ายในท้องตลาดมาช่วยเสริมให้รักลื่นไหล ลดอาการเจ็บได้ และที่สำคัญจะต้องหาท่าทางในการมีเพศสัมพันธ์ของตัวเองที่ไม่เจ็บให้ได้ด้วย หรือจะลองเป็นฝ่ายควบคุมกิจกรรมรักเอง เพื่อจะได้รู้จุด รู้ใจ และฟื้นคืนความสุขในเรื่องเพศกลับมาอีกครั้ง....ชูรัก ชูรส ทางช่อง 3 ทุกคืนวันพฤหัสบดี เวลา 24.00-00.30 น. (โปรดตรวจสอบวัน/เวลา/สถานี อีกครั้ง)

ที่มา: เซ็กซ์เปลี่ยนหลังผ่าตัด เสพสมบ่มิสม เดลินิวส์ออนไลน์ วันศุกร์ ที่ 20 สิงหาคม 2553

อยากเลิกกับแฟน

ถาม : ผมอายุ 22 ปีครับ มีปัญหาอยากให้คุณอาช่วยหน่อยครับ ผมมีแฟนครับแต่ตอนนี้เราห่างกันเพราะว่าผมกลับมาทำงานที่บ้านที่หัวหินครับ แต่บ้านแฟนอยู่เพชรบุรี ตอนนี้เราไม่เจอหน้ากันมาเกือบเดือนแล้วครับ ผมท้อใจที่ผมพยายามรักษาความสัมพันธ์ของเราด้วยการโทรฯหากันแต่พักหลังโทรฯ ไปแล้วเขาปิดเครื่องบ้าง ไม่รับโทรศัพท์บ้าง ทั้ง ๆ ที่ผมรู้ว่าเป็นเวลาว่างของเขา รับสายแล้วก็บอกว่างานยุ่งบ้าง ทำงานบ้าง ทั้ง ๆ ที่เขาแค่ฝึกงานเอง บางทีก็อยากจะรู้เหมือนกันว่า เขาไม่มีเวลาว่างมาคุยกับผมบ้างเลยหรือ ขนาดผมทำงานอยู่บ้าน พอมีว่างตรงกันผมก็รีบโทรฯหาเขาเลย เคยถามเหมือนกันว่ามีใครใหม่หรือเปล่า เขาก็บอกว่าไม่มี แต่ฟังน้ำเสียงและคำพูดฟังแปลก ๆ ฟังแค่นี้ก็รู้แล้วครับว่ามีคนอื่นอยู่ในใจ เพราะเขาโกหกไม่เก่งและเวลาจับได้ก็ไม่เคยยอมรับด้วย แต่ตอนนี้เราห่างกันมาก ความรู้สึกที่มีให้กันมันก็น้อยลงไปทุกที ๆ ผมอยากจะเลิกกับเขาให้จบ ๆ ไป ไม่อยากให้ค้างคาอยู่อย่างนี้เลยครับ ผมจะได้ตั้งใจทำงานของผมต่อไปโดยที่ไม่ต้องคอยมาพะวงโทรศัพท์นะครับ ช่วยชี้แนะด้วยนะครับ ขอบคุณครับ

====
ตอบ : ไม่ว่าเขาจะมีคนใหม่หรือไม่ก็ตาม คุณควรจะเลิกกับเขาได้แล้ว เพราะการที่คนเรารักกันนั้น เรื่องการโทรศัพท์หากันวันละ 3 เวลาจะไม่เป็นปัญหาเลย และถ้าหากอีกฝ่ายหนึ่งโทรฯมา ฝ่ายที่ได้รับจะต้องตื่นเต้นดีใจและมีความสุข ถ้าหากโทรฯมีคนรักโทรฯมาตอนที่เขากำลังติดธุระอยู่ เขาจะต้องบอกว่ามีธุระอยู่ และจะต้องบอกด้วยว่าอีกสักครู่จะโทรฯกลับ เขาจะไม่บอกว่าไม่ว่างเฉย ๆ แล้วเขาก็จะไม่ทำเฉยเมยโดยไม่โทรฯกลับ ถ้าหากคนเราเป็นคนรักกัน และบัดนี้ไม่โทรฯหากัน และเมื่ออีกคนหนึ่งโทรฯไปหาก็ไม่ยอมรับ หรือเมื่อรับแล้วก็บอกว่าไม่ว่างแล้วยังไม่โทรฯกลับด้วย ถือว่าเวลานี้ไม่ได้รักกันแล้ว และการที่เขาไม่รักคุณแล้ว ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะต้องมีคนอื่น เพราะคนเราหากจะเลิกรักใครสักคนหนึ่ง อาจจะมีหลายสาเหตุ ประการแรกเขาอาจจะเบื่อคุณด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง โดยที่เขาไม่ต้องมีคนใหม่ เขาก็เบื่อคุณได้ ประการที่สองเขามีเวลาคิดไตร่ตรองมากขึ้น แล้วเขาก็คิดว่าคุณยังไม่ใช่คน ๆ นั้น ที่เขาต้องการ ดังนั้นเขาก็จะไม่ต้องการที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กับคุณให้มากไปกว่านี้ หยุดเสียตั้งแต่ที่อะไร ๆ มันจะลึกเกินไป ประการที่สามเมื่อเขาย้ายถิ่นที่อยู่อาศัย เขาอาจจะเห็นโอกาสใหม่ ๆ และเขาก็เริ่มคิดว่าถ้าหากเขาปล่อยตัวให้ว่างในยามนี้ เขาอาจจะมีคนใหม่เข้ามา เป็นโอกาสที่ดีกว่าสำหรับเขาที่จะตกลงปลงใจกับคุณ ประการที่สี่เขาอาจจะได้พูดคุยกับใครบางคนที่รู้จักเขาดีและรู้จักคุณดี แล้วให้ความคิดเห็นว่าเขาและคุณไม่ เหมาะสมกันด้วยเหตุผลใดเหตุผลหนึ่ง และเขาก็เชื่อคน ๆ นั้น ก็เลยต้องการที่จะหยุดความสัมพันธ์กับคุณ ประการสุดท้าย เขาอาจจะมีคนอื่นก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุผลข้อใดก็ตาม คุณควรจะเลิกกับเขาได้แล้ว จะเอาเรื่องเช่นนี้มาเป็นกังวลและกลายเป็นปัญหาในการทำงานของคุณได้อย่างไร คุณอายุแค่นี้เอง ยังมีเวลาอีกมาก เชื่อว่าหาไปเรื่อย ๆ คุณก็ต้องมีแฟนใหม่ หรือบางทีไม่ต้องหา อยู่ดี ๆ ก็อาจจะมีคนที่ถูกชะตากันเข้ามาใกล้ชิดก็ได้ ดังนั้นในยามนี้คุณต้องตัดสินใจให้เด็ดขาดเลิกกับเขาได้แล้ว และพูดกับเขาไปตรง ๆ ว่า ไม่ต้องเกรงใจกัน ไม่ต้องกลัวว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเจ็บ ถ้าหากไม่คิดที่จะพัฒนาความสัมพันธ์กันต่อไปแล้ว ก็บอกกันตรง ๆ ว่าหยุดความสัมพันธ์กันแค่นี้ ส่วนจะเป็นเพื่อนกันต่อไปได้หรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่ที่ความรู้สึกของคุณว่าเลิกกับเขาด้วยความเต็มใจหรือด้วยความเจ็บ ใจ แต่ถ้าจะให้ดี คุณไม่ควรจะเจ็บใจนะ เพราะคนอายุแค่นี้ ต่างคนต่างยังมีโอกาส ดังนั้นคุณควรจะใจกว้าง ให้โอกาสแก่เขา ให้เขามีโอกาสได้เลือก เขาอาจจะเจอคนที่ดีกว่าคุณหรือคนที่แย่กว่าคุณ แล้วคุณก็เท่ากับได้ให้โอกาสกับตัวเองด้วย เมื่อคุณตัดสินใจเลิกกับเขาแล้ว คุณก็มีโอกาสที่จะมองหาใหม่ และคุณก็อาจจะเจอคนที่ดีกว่าคนนี้ก็ได้ คนเราหากมีความรักแล้วเป็นทุกข์ มีความรักแล้วเสียการเสียงาน มีความรักแล้วเสียสุขภาพจิต สุขภาพกาย ก็ไม่ควรจะมีความรักนั้นอีกต่อไป แผ่นดินไม่ไร้เท่าใบพุทรา หากจะคิดหาใหม่ไม่น่าจะยาก อย่าไปทรมานตัวเองด้วยการรักคนที่เขาไม่ได้รักเราดีกว่า ถ้าหากเราจะรักใครสักคนหนึ่ง ควรจะหาคนที่เขารักเราตอบด้วย การรักใครคนใดคนหนึ่งเพียงข้างเดียว และเขาไม่ได้รักตอบนั้น เป็นการเสียเวลาของชีวิต และทำให้เรามีชีวิตที่ขาดทุน ที่สำคัญเสียงานเสียการ ทำให้ไม่มีสมาธิในการทำงาน ไม่มีพลังในการทำงาน ผลงานที่ได้ก็จะไม่ดี ที่นี้ก็จะเสียทั้งคนรักและเสียทั้งงาน ไม่คุ้มกันหรอกจะบอกให้

รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา
seri_wong@yahoo.com

ที่มา: อยากเลิกกับแฟน/อยากเลิกกะแฟน เสพสมบ่มิสม เดลินิวส์ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 16 สิงหาคม 2553

คนกลุ้มใจ(แฟน เพราะแฟนขี้ระแวง)

ตอน คนกลุ้มใจ(แฟน เพราะแฟนขี้ระแวง)

ถาม : ผมกับแฟนแต่งงานมีลูกแล้ว 4 ขวบ (อนุบาล2 รร.สอนภาษาจีน) ผมอายุ 27 แฟนผมอายุ 23 ปัญหาคือเราทะเลาะกันทุกวัน เมื่อก่อนผมไปทำงานที่ต่างประเทศ 3 ปี พอกลับมาบ้านแฟนจับได้ว่ามีแฟนอีกคนอยู่ที่โน่น(คนไทย) เขาโกรธมากแล้วเราก็ทะเลาะกันเรื่อยมา (เมื่อก่อนไม่ถึงขนาดนี้) เวลาเขาโกรธจะชอบโยนสิ่งของ เวลาผมออกไปนอกบ้านเขาก็จะคิดว่าผมออกไปหาผู้หญิงอื่น เคยบอกเลิกกันหลายครั้งแต่ก็เลิกไม่ได้เพราะห่วงลูก ถ้าเลิกกันผมบอกจะไม่ให้ลูกกับเธอ (ครอบครัวผมมีฐานะดีกว่าแฟน) ทุกวันนี้ผมเครียดมากผมไม่เคยคิดจะทะเลาะกับแฟน แต่เขาเป็นคนที่เอาแต่ใจตัวเองมากเวลาผมพูดหรือบอกอะไรเธอจะไม่ฟังและเถียง ตลอด ทุกวันนี้แม้แต่ห้องน้ำผมก็ต้องเป็นคนทำความสะอาดเวลาทะเลาะกันเขาจะพูดถึง เรื่องผู้หญิงคนอื่นตลอด เราพยายามปรับตัวแล้ว ก็เหมือนเดิม (ผมยังรักแฟนอยู่ครับ) ผมควรจะเลิกหรือจะทำยังไงดี ช่วยตอบด้วยครับอาจารย์ ทุกวันนี้แฟนที่เคยคบกันตอนอยู่ต่างประเทศเธอทำงานอยู่ที่ประตูน้ำส่วนผมทำงานที่ถนนวิทยุ แต่ผมไม่เคยติดต่อกับเธอ
คนกลุ้มใจ
======
ตอบ : เมื่อคุณยังรักแฟนคุณอยู่ คุณก็จะต้องพยายามทำให้เธอสบายใจและหมดความระแวงคุณ ถ้าหากเธอจะอารมณ์เสียและดูจะระแวงคุณอยู่บ้าง คุณก็ต้องเข้าใจ เพราะคุณได้ทำให้เธอหมดความไว้ใจคุณแล้ว คุณต้องคิดว่าการที่เธอต้องอดทนกับการอารมณ์เสียของเธอเวลานี้ ก็คือการไถ่บาปที่คุณทำไว้ นี่แหละเขาเรียกว่าไม่คิดก่อนทำ พอทำไปแล้วเกิดปัญหาจึงได้คิด ตอนนี้สิ่งที่คุณจะต้องทำคือ แสดงให้เธอเห็นว่าคุณรักเธอมาก ๆ อย่าหาเรื่องเถียงหรือทะเลาะกัน เธอร้อนมา คุณก็เย็นเข้าไว้ อย่าเถียง อย่าขึ้นเสียง ที่พูดอย่างนี้ไม่ได้หมายความว่าให้คุณนั่งเฉย ๆ โดยไม่พูดอะไรนะ ให้คุณพูดได้ แต่พูดด้วยเสียงที่ราบเรียบ เป็นความพยายามที่จะอธิบาย แล้วก็คิดถึงเวลาที่รักกันใหม่ ๆ ตอนนั้นคุณทำดีอย่างไรบ้าง คุณสร้างเสน่ห์ให้ตัวคุณอย่างไรบ้าง ดึงเอาพฤติกรรมเก่า ๆ นั้นกลับคืนมา เพื่อให้เธอเห็นว่าคุณยังรักเธออยู่ พยายามที่จะเอาใจเธอด้วยการทำสิ่งที่เธอชอบ ให้เธอเป็นคนสำคัญสำหรับคุณ ด้วยการจำรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ เกี่ยวกับตัวเธอ ให้เธอรู้สึกมั่นใจว่าเธอยังมีความสำคัญสำหรับคุณอยู่ คุณจึงจดจำรายละเอียดของช่วงเวลาของความรักครั้งยังอยู่ในช่วงน้ำผึ้งพระ จันทร์ได้ ทุกครั้งที่เธอทำอะไรที่ไม่เหมาะสม คุณจะต้องขอร้องด้วยเสียงออดอ้อนวิงวอนขอให้เธออย่าทำอีกเลย เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว ให้ครอบครัวเป็นที่อยู่แห่งความอบอุ่นและร่มเย็น ไม่ใช่เป็นบ้านที่เต็มไปด้วยความร้อนรุ่ม ของความโกรธที่นานวันจะกลายเป็นความเกลียด ซึ่งเธออาจจะพูดกล่าวโทษคุณว่าเป็นเพราะการกระทำของคุณนั่นแหละที่ทำให้บ้าน เป็นเช่นนี้ คุณก็อย่าเถียง แต่ให้ยอมรับว่ามันเป็นความจริง แต่ตอนนี้คุณสำนึกแล้ว คุณยอมรับว่าคุณผิดไปแล้ว คุณคิดได้แล้ว คุณเข็ดแล้ว คุณจะไม่ทำอีกแล้ว ขอให้เธอเชื่อใจคุณ และถามเธอว่าเธอต้องการให้คุณทำอะไรอย่างไรบ้างที่จะทำให้เธอไว้ใจคุณอย่าง แต่ก่อน พอใจคุณ ไม่เกรี้ยวกราดกับคุณ เวลาเธอพูดถึงผู้หญิงคนอื่นที่เธอคิดว่าคุณไปติดพัน ถ้าเป็นคนใหม่คุณก็ต้องบอกว่าคุณได้บทเรียนแล้ว ด้วยความรักลูกและเมีย คุณไม่มีวันที่จะทำเช่นนั้นอีก ถ้าหากเป็นคนเก่า คุณก็บอกเธอไปว่าทุกวันนี้คุณพยายามจะลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่คุณมองว่าเป็น ฝันร้าย ขอให้เธอช่วยคุณด้วย โดยการที่จะไม่พูดถึงผู้หญิงคนนั้นอีกเลย บอกเธอไปให้ชัด ๆ ว่าผู้หญิงคนนั้น ไม่ได้มีความหมายอะไรสำหรับคุณเลยแม้แต่น้อย อดีตที่เกิดขึ้นเป็นการลืมตัวชั่วคราว แต่บัดนี้คุณมีสติคิดได้ คุณคิดได้แล้วว่าไม่มีใครที่จะสำคัญสำหรับคุณมากกว่าเมียและลูก เพราะฉะนั้นคุณขอตั้งปณิธานที่จะเป็นผัวที่ดี และพ่อที่ดี และให้คุณค่าแก่เธอด้วยการบอกว่า การจะเป็นผัวที่ดีและพ่อที่ดีของคุณนั้น จะต้องมีเธอเป็นส่วนหนึ่งของความสำเร็จ คุณต้องการความเห็นใจ ความเข้าใจ และกำลังใจจากเธอ คุณต้องทำให้เธอรู้สึกว่าคุณพูดทุกอย่างข้างต้นนั้น ด้วยความจริงใจ พูดอย่างผัวที่รักเมีย พูดอย่างพ่อที่รักลูกที่มีความมุ่งมั่นด้วยความจริงใจที่จะดูแลครอบครัวให้ มีความสุข ความอบอุ่น

ถ้าหากคุณพยายามทำสิ่งต่าง ๆ ที่กล่าวมาด้วยความอดทน คุณน่าจะเปลี่ยนนิสัยเธอให้ลดความเกรี้ยวกราดและอารมณ์เสียลง คุณน่าจะทะเลาะกันน้อยลง คุณน่าจะไม่มีเรื่องที่จะต้องเถียงกันอีกต่อไป แต่คุณจะมีความพยายามที่จะหากิจกรรมครอบครัวมาทำด้วยกันสามคนพ่อแม่ลูก ขอให้ทั้งคุณและเมียคุณคิดถึงคุณภาพชีวิตของลูก เมื่อคุณทำให้เธอเกิดมาบนโลกใบนี้แล้ว คุณมีหน้าที่ให้ชีวิตที่ดีแก่เธอ ขอให้คุณทั้งสองคนถามตัวเองว่าได้ทำหน้าที่ของพ่อแม่ที่มุ่งมั่นให้ชีวิตที่ ดีแก่ลูกแล้วหรือยัง.

รศ.ดร.เสรี วงษ์มณฑา
seri_wong@yahoo.com

ที่มา: เสพสมบ่มิสม เดลินิวส์ออนไลน์ วันอาทิตย์ ที่ 22 สิงหาคม 2553
====
ตอน คนกลุ้มใจ(แฟน เพราะแฟนขี้ระแวง)
เลิกระแวงเถอะ เดี๋ยวจะเลอะเทอะ หาสุขไม่เจอ แต่จะสุกแทนเพราะไฟลามบ้าน
ผมเป็นลูกที่เกิดจากภริยาคนแรกที่ท่านไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่คุณพ่อมีภริยาใหม่และจดทะเบียนสมรสด้วยกัน ตอนนี้ผมอายุได้ 25 ปี คุณพ่อของผมเพิ่งเสียชีวิต ผมจะฟ้องคดีเพื่อให้ผมเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายของคุณพ่อ ขณะที่ท่านเสียชีวิตแล้วทำได้หรือไม่ และจะต้องฟ้องใคร

=====
บุตรที่เกิดจากบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียน สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของมารดาแต่ผู้เดียว ดังนั้นถ้าหากบิดาไม่ได้จดทะเบียน รับเด็กเป็นบุตรไว้ก่อน หรือบิดามารดาได้มาจดทะเบียนสมรสกันในภายหลังแล้ว การที่บุตรนอกสมรสจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ บิดาได้ในวิธีที่สามคือฟ้องคดีขอให้ศาลมีพิพากษา ว่าเด็กเป็นบุตร

แต่ถ้าบิดาตายไปแล้ว ทำให้ไม่อาจใช้วิธีจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรหรือวิธีให้บิดามารดาจดทะเบียน สมรสกันในภายหลังได้ จึงอาจใช้วิธีฟ้องคดีต่อศาลให้มีคำพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรได้ แต่การที่ไม่มีตัวบิดาที่จะฟ้องเป็นจำเลยได้เพราะเสียชีวิตแล้ว และในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะมีผู้คัดค้านหรือไม่ การเริ่มต้นคดีเพื่อขอให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา จึงต้องทำเป็นคำร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท คือมีผู้ร้องขอมาฝ่ายเดียวก่อน ยังไม่ต้องฟ้องใคร เมื่อมีผู้มีส่วนได้เสียร้องคัดค้านเข้ามา ศาลจึงจะดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาทต่อไป (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4504/2537)

อย่างไรก็ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 บัญญัติหลัก กฎหมายเกี่ยวกับอายุของบุตรนอกสมรสที่จะฟ้องขอให้รับตนเป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายของชายไว้ด้วยว่า ในกรณีที่เด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว จะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เด็กบรรลุนิติภาวะ

ดังนั้น การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กมีอายุไม่เกิน 21 ปีบริบูรณ์ ถ้ามีการฟ้องคดีเมื่อบุตรอายุเกิน 21 ปีแล้วก็ไม่อาจจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้

ลองดูแนวตัวอย่างคดีที่ฟ้องร้องและศาลตัดสินไว้ คำพิพากษาฎีกาที่ 4786/2549 สรุปได้ว่า คดีนี้มีการยื่นคำร้องให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็น บุตรอายุได้ 34 ปี เป็นการที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันบรรลุนิติภาวะตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 วรรคสาม จึงขาดอายุความ แม้บุตรจะอ้างว่าบิดาที่ตายไปแล้วไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ใช่บุตร และการที่ไม่ได้มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายจนบิดาถึงแก่ ความตายมาก่อน เพิ่งจะมีเมื่อบุตรจะไปติดต่อขอรับเงินสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิก คุรุสภา

แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการให้อ้างว่าไม่มีหลักฐานแสดงว่าผู้ร้องเป็นบุตร ชอบด้วยกฎหมาย ของผู้ตาย นับเป็นเหตุขัดข้องโดยเพิ่งเกิดการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงต้องใช้สิทธิทางศาลขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วย กฎหมาย ของผู้ตายก็ตาม แต่การใช้สิทธิทางศาลของผู้ร้องก็ยังคงต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติเรื่อง อายุความดังกล่าวด้วย ผู้ร้องจะอ้างว่าเพิ่งถูกโต้แย้งสิทธิ คดียังไม่ขาดอายุความหาได้ไม่

ที่มา: บุตรนอกกฎหมายของบิดาที่เสียชีวิตแล้ว คลินิกกฎหมาย เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคารที่ 17 สิงหาคม 2553

สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมาย

การที่พ่อกับแม่ไม่ได้แต่งงานแต่เคยอยู่กินด้วยกันระยะหนึ่งและเลิกกันไป โดยมีลูกสาว 1 คน คือ ตัวหนู ต่อมาพ่อแต่งงานกับผู้หญิงอื่นและมีลูกด้วยกัน 2 คน แต่พ่อก็ยังส่งเสียเงินทองให้หนูเรียนหนังสือ แม้ว่านาน ๆ พ่อจะมาเยี่ยมหนูและแม่ แต่ถ้าพ่อมาครั้งใดจะพาหนูและแม่ไปกินข้าวนอกบ้านและซื้อของให้ บางครั้งพ่อก็ให้ลูกน้องแวะเอาของใช้มาให้ที่บ้าน ทำให้หนูและแม่มีความเป็นอยู่ที่ไม่เดือดร้อน

พ่อเคยบอกหนูว่าหนูเป็นลูกของพ่อที่มีสิทธิในทรัพย์สินและกิจการบริษัทเท่า กับลูกอีก 2 คน จึงอยากให้หนูเรียนหนังสือให้มาก ๆ เพื่อวันหนึ่งจะได้มาช่วยเหลือพ่อด้วยกัน แต่นั่นเป็นเพียงคำพูดลอย ๆ ของพ่อ ยังไม่ได้ทำหลักฐานอะไรยืนยัน หนูไม่กล้าที่จะรบเร้าพ่อมาก หนูจึงอยากทราบว่าหากวันข้างหน้าพ่อไม่ได้ทำหลักฐานอะไรที่หนูเข้ามาช่วย เหลือกิจการงานบริษัท และพ่อเกิดเสียชีวิตเสียก่อน หนูยังมีสิทธิในกิจการหรือทรัพย์สินของท่านอีกต่อไปหรือไม่
====

บุตรที่เกิดจากบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันถือว่าเป็นบุตรนอกกฎหมายของบิดา หลักกฎหมายโดยทั่วไปถือว่าเป็นบุตรที่ไม่มีสิทธิรับมรดกของบิดาที่เสียชีวิต ได้ แต่มีข้อยกเว้นว่าถ้าเป็นบุตรนอกกฎหมายที่มีพฤติการณ์ของบิดาได้ให้การ รับรองว่าเป็นบุตรไว้ด้วยแล้ว จะถือว่าเด็กมีสิทธิรับมรดกของบิดาเช่นเดียวกับบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายได้ (ซึ่งจะแตกต่างเรื่องบุตรนอกกฎหมายกลายเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาในภาย หลัง คือ บุตรนอกกฎหมายที่บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร บุตรนอกกฎหมายที่บิดามารดาจดทะเบียนสมรสในภายหลัง หรือศาลพิพากษาว่าบุตรนอกกฎหมายเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา)

ส่วนบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองในที่นี้ เป็นการรับรองโดยพฤติการณ์โดยข้อเท็จจริงไม่ใช่โดยข้อกฎหมาย ถึงจะรับรองไว้อย่างไรก็จะไม่ใช่บุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของบิดา ไม่มีสิทธิและหน้าที่ต่อกันอย่างบิดาและบุตรที่ชอบด้วยกฎหมาย ดังนั้นสิทธิของบุตรนอกกฎหมายที่บิดารับรองในที่นี้จึงมีเพียงสิทธิในการรับ มรดกของบิดาได้เท่านั้น

กรณีใดเป็นพฤติการณ์ที่บิดาให้การรับรองนั้นกฎหมายไม่ได้กำหนดแบบไว้ จึงต้องดูจากข้อเท็จจริงเป็นเรื่อง ๆ ไป มีคดีหลายคดีที่ศาลวินิจฉัยว่าเป็นพฤติการณ์ที่บิดาให้การรับรองว่าเด็กเป็น บุตร เช่น สมัยก่อนมีการต้องไปแจ้งสูติบัตรเด็กเกิดที่อำเภอหรือเขต บิดาก็ไปแจ้งสูติบัตรว่าตนเป็นบิดาเด็ก หรือบิดาให้เด็กใช้นามสกุลของบิดา หรือเมื่อเด็กโตเข้าโรงเรียนบิดาไปโรงเรียนแสดงตนว่าเป็นบิดาเด็กและเคยมี คดีที่ศาลตัดสินไว้ว่า แม้กระทั่งภาพถ่ายของบิดาที่โอบกอดหญิงที่เอามือลูบที่ครรภ์ของหญิง เมื่อเด็กในครรภ์คลอดออกมาถือว่าเป็นพฤติการณ์ที่ให้การรับรองว่าเด็กเป็น บุตรได้ไว้แล้ว เป็นต้น

พฤติการณ์ของบิดาที่ส่งเสียเลี้ยงดูและยอมรับว่าเป็นลูก ซึ่งเป็นที่รู้ของคนทั่วไปเป็นข้อเท็จจริงที่เป็นการรับรองบุตรของบิดาได้ ดังนั้น ถ้าบิดาไม่ได้ทำพินัยกรรมยกทรัพย์สินหรือกิจการของบิดาไว้ แต่ถ้าบิดาได้รับรองว่าบุตรนอกกฎหมายเป็นบุตรของตนไว้ แม้ว่าเด็กจะยังคงเป็นบุตรไม่ชอบ ด้วยกฎหมายของบิดาอยู่ต่อไป แต่ถือว่าบุตรนอกกฎหมายคนนี้เป็นทายาทของบิดา ที่มีสิทธิรับมรดกของบิดาด้วย ซึ่งหากบิดาตายและทายาทอื่นไม่ยอมรับ คงจะต้องโต้แย้งกันในคดีแบ่งมรดกของบิดาในระหว่างทายาททั้งหลายต่อไป

====
สรุปง่ายๆ พาพ่อไปจดทะเบียนรับเป็นบุตรใหูู้ถูกต้องที่อำเภอ หรือ สำนักงานทะเบียนราษฎร์ (พวกที่เกี่ยวกับทะเบียนบ้าน บัตรประชาชน เปลี่ยนชื่อ)

ที่มา: สิทธิรับมรดกของบุตรนอกกฎหมาย คลินิกกฎหมาย เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคารที่ 17 สิงหาคม 2553

Friday, August 20, 2010

ผู้หญิงนักดื่มเบียร์อยู่เป็นประจำให้ระวัง จะเป็น โรคสะเก็ดเงิน

ผู้หญิงที่เป็นคอเบียร์ประจำโปรดระวัง อาจจะเป็นโรคผิวหนัง ที่เรียกว่าโรคเรื้อนกวาง หรือโรคสะเก็ดเงินขึ้นได้

วารสาร วิชาการ "โรคผิวหนัง" ของสหรัฐฯ รายงานว่า สตรีที่ดื่มเบียร์ไม่ต่ำกว่าอาทิตย์ละ 5 หน จะเสี่ยงกับเป็นโรคนี้มากกว่าเพื่อนคนที่ไม่ได้ดื่มกว่ากันถึง 2 เท่า ผิดกับผู้ที่ดื่มเหล้าไวน์ขาว ไวน์แดง หรือเหล้าธรรมดากลับไม่เป็น

คณะนักวิจัยได้ศึกษากับพยาบาลวัยระหว่าง 27-44 ปี จำนวนไม่ต่ำกว่า 82,000 คน ได้พบว่าผู้ที่ดื่มเบียร์ อาทิตย์ละ 2-3 หน จะเสี่ยงกับโรคนี้มากกว่าผู้ที่ไม่ดื่ม ร้อยละ 72 และคนที่ดื่มเบียร์อาทิตย์ละ 5 แก้ว จะเสี่ยงกับโรค 1.8 เท่า พวกเขาสงสัยว่าโปรตีนของข้าวมอลต์ที่ใช้ในการหมักทำเบียร์อาจจะเป็นสาเหตุ ผู้ที่เป็นโรคนี้อาจจะมีอาการต่อโปรตีนนี้

โรคสะเก็ดเงินเป็นโรคผิว หนังเรื้อรัง จะขึ้นเป็นผื่นที่ตกสะเก็ดสีแดง ตามเข่า ข้อศอก และผิวหนังศีรษะ แต่อาจจะขึ้นได้ทั่วไป แม้แต่ที่ใบหน้า

ผู้หญิงนักดื่มเบียร์อยู่เป็นประจำให้ระวัง จะเป็น โรคสะเก็ดเงิน
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ 20 สิงหาคม 2553

Tuesday, August 10, 2010

อย.เตือนระวังน้ำปลา-น้ำส้มสายชูปลอมระบาด

"จุรินทร์" นำทีมจับโรงงานน้ำปลา-น้ำส้มสายชูปลอม อย.เตือนสุดอันตราย ทำกระเพาะ ไต พัง

วันนี้ (9 ส.ค.2553) ที่กระทรวงสาธารณสุข นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.สารณสุข นพ.พิพัฒน์ ยิ่งเสรี เลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) พล.ต.ต.จตุรงค์ ภุมรินทร์ ผบก.ปคบ. ร่วมกันแถลงข่าวการทลายโรงงานน้ำปลาปลอมที่ จ.สมุทรสงคราม และ จ.นครสวรรค์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อเดือน ส.ค. อย.และตำรวจ บก.ปคบ.ได้ร่วมกันทลายโรงงานน้ำปลาปลอมที่ จ.สิงห์บุรี ซึ่งผลตรวจทางห้องปฏิบัติการพบว่าผิดมาตรฐาน เนื่องจากพบค่าไนโตรเจน ซึ่งเป็นตัวบ่งชี้ปริมาณโปรตีนเพียง 0.7 กรัมต่อลิตร ทั้งที่ค่ามาตรฐานกำหนดว่าจะต้องมีไม่น้อยกว่า 4 กรัมต่อลิตร นอกจากนี้ยังพบสารกันบูดถึง 3,400-4,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม แต่ตามกฎหมายกำหนดว่าไม่ควรเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัม

เมื่อไม่นานนี้มีพลเมืองดีแจ้งเบาะแสมา จึงได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบโรงงานน้ำปลาแก้วจินดาอุตสาหกรรม ที่ตั้งอยู่ใน จ.นครสวรรค์ พบสถานที่ผลิตไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์จีเอ็มพี นอกจากนี้พบผลิตภัณฑ์น้ำปลาผสมตราทับทิมและน้ำปลาผสมตราปลาไส้ตันชุมพร ผลการตรวจสอบเบื้องต้นพบมีสารอาหารต่ำกว่ามาตรฐาน ทั้งยังพบผลิตภัณฑ์อ้างว่าเป็นน้ำปลาแท้ตราปลาไส้ตันชมจันทร์และพบน้ำเกลือ ปรุงอาหารตราดอกบัวคู่ ซึ่งจะได้นำไปส่งตรวจสอบกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ต่อไปว่าได้มาตรฐานหรือไม่ หากพบว่าผิดมาตรฐานมีโทษปรับไม่เกิน 5 แสนบาท หรือถ้าพบวัตถุกันเสียเกินปริมาณที่กำหนดมีโทษปรับไม่เกิน 2 แสนบาท

นอกจากนี้ยังได้เข้าตรวจสอบโรงงานน้ำปลาวิจิตร (ฮั่วฮะ) ที่อยู่ใน จ. สมุทรสงคราม ซึ่งผลการตรวจสอบโรงงานไม่ผ่านเกณฑ์จีเอ็มพี ทั้งยังพบผลิตภัณฑ์น้ำปลาและน้ำส้มสายชูเทียม มีการแสดงฉลากไม่ตรงตามที่ขออนุญาตด้วย ประกอบด้วย น้ำปลาผสมตรากุ้งวิจิตร บนฉลากแสดงเลขสารบบของน้ำเกลือปรุงอาหารตราเก้าสิบเก้า แสดงวันผลิตไม่ตรงตามข้อเท็จจริง ส่วนน้ำส้มสายชูเทียม ตราฮ่องเต้ มีการแสดงฉลากไม่ตรงตามที่ขออนุญาต เนื่องจากบนฉลากแสดงเลขสารบบของน้ำเกลือปรุงอาหารตราทิพย์ ทั้งยังพบฉลากผลิตภัณฑ์น้ำปลา วัตถุแต่งกลิ่นรสและฉลากน้ำส้มสายชูที่ไม่ถูกต้องหลายรายการ จึงได้อายัดและเก็บตัวอย่างส่งตรวจวิเคราะห์รวมมูลค่าของกลางประมาณ 15 ล้านบาท จึงได้แจ้งข้อหาสถานที่ผลิตอาหารไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์จีเอ็มพี ซึ่งมีโทษปรับไม่เกิน 1 แสนบาท ผลิตอาหารเพื่อมีฉลากเพื่อลวง เข้าข่ายอาหารปลอม มีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน -10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-1 ล้านบาท หากตรวจวิเคราะห์อาหารไม่ได้มาตรฐาน พบวัตถุกันเสียจะมีการดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

ด้าน นพ.พิพัฒน์ เลขาธิการ อย. กล่าวว่า ที่ต้องออกมาเตือนก่อนที่ผลการตรวจจะออกมา เพื่อความปลอดภัย เพราะอาจมีผู้บริโภคซื้อไปรับประทานหรือมีร้านค้านนำไปจำหนาย ดังนั้นอาจจะทำให้เป็นอันตรายกับไตได้ ส่วนกรณีน้ำส้มสายชูเทียม ตอนนี้ผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการยังไม่ออกแต่ที่เราเป็นห่วงคือ ในอดีตที่เคยจับกุมพบว่า มีการผลิตจากกรดซัลฟูริกที่มีความเข้มข้น อาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหารและเลือดออกในกระเพาะอาหารได้ ที่แนะนำให้รับประทานคือน้ำส้มที่ผลิตจากการหมัก มิใช่ผลิตจากสารเคมี กรณีน้ำส้มที่ตรวจพบ ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ผลิตหรือผ่านการขึ้นทะเบียน ระหว่างนี้จึงควรงดบริโภคก่อน

ที่มา: อย.เตือนระวังน้ำปลา-น้ำส้มสายชูปลอมระบาด เดลินิวส์ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 09 สิงหาคม 2553

บุตรนอกกฎหมายของบิดาที่เสียชีวิตแล้ว

ผมเป็นลูกที่เกิดจากภริยาคนแรกที่ท่านไม่ได้จดทะเบียนสมรสกัน แต่คุณพ่อมีภริยาใหม่และจดทะเบียนสมรสด้วยกัน ตอนนี้ผมอายุได้ 25 ปี คุณพ่อของผมเพิ่งเสียชีวิต ผมจะฟ้องคดีเพื่อให้ผมเป็นลูกที่ชอบด้วยกฎหมายของคุณพ่อ ขณะที่ท่านเสียชีวิตแล้วทำได้หรือไม่ และจะต้องฟ้องใคร

==ตอบ==

บุตรที่เกิดจากบิดามารดาไม่ได้จดทะเบียน สมรสกัน จะเป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของมารดาแต่ผู้เดียว ดังนั้นถ้าหากบิดาไม่ได้จดทะเบียน รับเด็กเป็นบุตรไว้ก่อน หรือบิดามารดาได้มาจดทะเบียนสมรสกันในภายหลังแล้ว การที่บุตรนอกสมรสจะเป็นบุตรที่ชอบด้วยกฎหมายของ บิดาได้ในวิธีที่สามคือฟ้องคดีขอให้ศาลมีพิพากษา ว่าเด็กเป็นบุตร

แต่ถ้าบิดาตายไปแล้ว ทำให้ไม่อาจใช้วิธีจดทะเบียนรับเด็กเป็นบุตรหรือวิธีให้บิดามารดาจดทะเบียน สมรสกันในภายหลังได้ จึงอาจใช้วิธีฟ้องคดีต่อศาลให้มีคำพิพากษาว่าเด็กเป็นบุตรได้ แต่การที่ไม่มีตัวบิดาที่จะฟ้องเป็นจำเลยได้เพราะเสียชีวิตแล้ว และในเบื้องต้นยังไม่ทราบว่าจะมีผู้คัดค้านหรือไม่ การเริ่มต้นคดีเพื่อขอให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดา จึงต้องทำเป็นคำร้องขอต่อศาลเป็นคดีไม่มีข้อพิพาท คือมีผู้ร้องขอมาฝ่ายเดียวก่อน ยังไม่ต้องฟ้องใคร เมื่อมีผู้มีส่วนได้เสียร้องคัดค้านเข้ามา ศาลจึงจะดำเนินคดีอย่างคดีมีข้อพิพาทต่อไป (คำพิพากษาศาลฎีกาที่ 4504/2537)

อย่างไรก็ตาม ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 บัญญัติหลัก กฎหมายเกี่ยวกับอายุของบุตรนอกสมรสที่จะฟ้องขอให้รับตนเป็นบุตรชอบด้วย กฎหมายของชายไว้ด้วยว่า ในกรณีที่เด็กบรรลุนิติภาวะแล้ว จะต้องฟ้องคดีภายใน 1 ปี นับแต่วันที่เด็กบรรลุนิติภาวะ

ดังนั้น การฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กมีอายุไม่เกิน 21 ปีบริบูรณ์ ถ้ามีการฟ้องคดีเมื่อบุตรอายุเกิน 21 ปีแล้วก็ไม่อาจจะฟ้องคดีขอให้รับเด็กเป็นบุตรได้

ลองดูแนวตัวอย่างคดีที่ฟ้องร้องและศาลตัดสินไว้ คำพิพากษาฎีกาที่ 4786/2549 สรุปได้ว่า คดีนี้มีการยื่นคำร้องให้เป็นบุตรชอบด้วยกฎหมายของบิดาเมื่อผู้ร้องซึ่งเป็น บุตรอายุได้ 34 ปี เป็นการที่ผู้ร้องได้ยื่นคำร้องขอเมื่อพ้นกำหนด 1 ปี นับแต่วันบรรลุนิติภาวะตามประมวลกฎหมาย แพ่งและพาณิชย์ มาตรา 1556 วรรคสาม จึงขาดอายุความ แม้บุตรจะอ้างว่าบิดาที่ตายไปแล้วไม่เคยปฏิเสธว่าไม่ใช่บุตร และการที่ไม่ได้มีข้อโต้แย้งเกี่ยวกับสิทธิหน้าที่ตามกฎหมายจนบิดาถึงแก่ ความตายมาก่อน เพิ่งจะมีเมื่อบุตรจะไปติดต่อขอรับเงินสงเคราะห์ครอบครัวของสมาชิก คุรุสภา

แต่เจ้าหน้าที่ไม่ดำเนินการให้อ้างว่าไม่มีหลักฐานแสดงว่าผู้ร้องเป็นบุตร ชอบด้วยกฎหมาย ของผู้ตาย นับเป็นเหตุขัดข้องโดยเพิ่งเกิดการโต้แย้งสิทธิของผู้ร้อง ผู้ร้องจึงต้องใช้สิทธิทางศาลขอให้ศาลมีคำสั่งว่าผู้ร้องเป็นบุตรชอบด้วย กฎหมาย ของผู้ตายก็ตาม แต่การใช้สิทธิทางศาลของผู้ร้องก็ยังคงต้องอยู่ภายใต้บังคับบทบัญญัติเรื่อง อายุความดังกล่าวด้วย ผู้ร้องจะอ้างว่าเพิ่งถูกโต้แย้งสิทธิ คดียังไม่ขาดอายุความ หาได้ไม่

ที่มา: บุตรนอกกฎหมายของบิดาที่เสียชีวิตแล้ว คลินิกกฎหมาย เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคาร ที่ 10 สิงหาคม 2553

ยอมความเพิกถอนทะเบียนหย่า

ดิฉันจดทะเบียนสมรสกับสามีซึ่งเป็นพ่อม่าย ต่อมาเรามีปัญหากัน แต่ดิฉันไม่ยอมหย่าตามที่สามีต้องการ เราจึงแยกกันอยู่ หลังจากนั้นมีหมายศาลมาที่บ้านซึ่งดิฉันอ่านแล้ว เป็นเรื่องภริยาเก่าฟ้องสามีว่าหลอกให้เธอจดทะเบียนหย่า ขอให้เพิกถอนการจดทะเบียนหย่า เมื่อดิฉันไปขอดูที่ศาลแต่ปรากฏว่าคดีตัดสินแล้วเป็นคำพิพากษาตามสัญญาประนี ประนอมระหว่างโจทก์จำเลยยินยอมเพิกถอนการหย่า ดิฉันจึงสงสัยว่าถ้ามีการเพิกถอนการจดทะเบียนหย่ากันได้ จะเป็นธรรมกับคนที่จดทะเบียนสมรสภายหลังได้อย่างไร

==ตอบ==
ตัวอย่างคดีศึกษาคดีหนึ่งที่ภริยาฟ้องสามีขอแบ่งสินสมรสที่เป็นเงินรางวัล จากการถูกสลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 ได้เงินรางวัล 12 ล้านบาท เทคนิคการต่อสู้คดีนี้มีหลายอย่างนับว่าน่าสนใจมาก มีการขออายัดเงินรางวัลส่วนที่ติดตามกลับมาได้ซึ่งเหลือไม่กี่ล้านบาทเพื่อ มิให้มีการยักย้ายถ่ายเททรัพย์ โดยศาลชั้นต้นตัดสินยกฟ้องภริยาผู้เป็นโจทก์ที่ขอแบ่งเงินรางวัล 6 ล้านบาท แต่ศาลยกฟ้องคือไม่ให้แบ่งสินสมรสเพราะภริยาไม่ได้ฟ้องหย่ามาด้วย เมื่อไม่ได้ฟ้องหย่า การสมรสจึงไม่สิ้นสุด ไม่อาจฟ้องขอแบ่งสินสมรสได้ อย่างไรก็ตาม ผลของคดีชั้นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ตัดสิน ให้ภริยาจัดการสินสมรสได้ครึ่งหนึ่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์และข้อเท็จจริงว่าการจัดการสินสมรสของสามีอาจทำให้เกิด ความเสียหาย

ประเด็นที่ดิฉันจะยกตัวอย่างเพราะคดีนั้น มีการต่อสู้เพื่อมิให้ภริยาคนที่สองมีส่วนแบ่งในเงินรางวัล โดยมีข้อเท็จจริงปรากฏขึ้นสู่ศาลว่า สามีมีภริยาคนแรกแต่ได้จดทะเบียนหย่ากันแล้ว ภริยาเก่าจึงมาฟ้องศาลขอให้เพิกถอนการหย่าโดยอ้างว่าเธอถูกหลอกให้จดทะเบียน หย่า แต่คดีนั้นมีการตกลงทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลระหว่างภริยาคนแรกผู้ เป็นโจทก์กับสามีซึ่งตกเป็นจำเลยว่าตกลงยกเลิกการหย่า และนำคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความเพิกถอนการจดทะเบียนหย่าของสามี กับภริยาคนแรก มาแสดงในคดีที่พิพาทกันเรื่องเงินรางวัลคดีนี้ปรากฏผลในคำพิพากษาฎีกาที่ 1053/2537 ซึ่ง ศาลฎีกาตัดสินว่า จำเลยกับภริยาเก่าจดทะเบียน หย่าด้วยความสมัครใจตั้งแต่ปี 2528

ต่อมาในปี 2531 จำเลยมาจดทะเบียนสมรสกับโจทก์โดยแสดงทะเบียนหย่าภริยาเก่าให้นายทะเบียนดู นายทะเบียนสอบถามความยินยอมของโจทก์จำเลยทั้งสองฝ่ายแล้วจึงทำการจดทะเบียน สมรสให้ แม้ในปี 2532 ภริยาเก่ามาฟ้องเพิกถอนการหย่าและทำ สัญญาประนีประนอมยอมความให้เพิกถอนการจดทะเบียนหย่าซึ่งศาลพิพากษาให้เพิก ถอนการหย่าก็ตาม ก็เป็นการกระทำภายหลังที่โจทก์จำเลยจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมายแล้ว ไม่มีผลทำให้การสมรสระหว่างโจทก์กับจำเลยเป็นโมฆะตามประมวลกฎหมายแพ่งและ พาณิชย์ มาตรา 1452 นั่นคือคดีที่ตกลงยอมความกันเอง ไม่ได้มีการสืบพยานต่อสู้คดีกันเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาตามพยานหลักฐาน

ผลของคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความ จึงไม่มีผลผูกพันถึงบุคคลภายนอกซึ่งไม่ได้เป็นคู่ความในคดีด้วย ดังนั้นถ้าการจดทะเบียนสมรสครั้งที่สองต้องสุจริต คือจดทะเบียนสมรสในขณะที่คู่สมรสอีกฝ่ายหนึ่งได้แสดงให้เห็นว่าได้จดทะเบียน หย่ากับคู่สมรสเดิมแล้ว ส่วนเขากับคู่สมรสเดิมจะจดทะเบียนหย่ากันเพราะเหตุผลใด มีผลเป็นการหย่าหรือไม่ก็ต้องไปว่ากล่าวกันเอาเอง ยังไม่มีผลทำให้การสมรสครั้งที่สองตกเป็นโมฆะแต่อย่างใด

ที่มา: ยอมความเพิกถอนทะเบียนหย่า คลินิกกฎหมาย เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคาร ที่ 03 สิงหาคม 2553

Monday, August 9, 2010

ประโยชน์จากฟักทอง

ฟักทองนอกจากจะอร่อยแล้ว แถมยังมีประโยชน์มากมาย วันนี้มีประโยชน์จากฟักทองมาบอก

- ฟักทองมีรสหวาน มีเบต้าแคโรทีนสูง จึงป้องกันมะเร็งได้ โดยเฉพาะมะเร็งกระเพราะปัสสาวะในผู้สูงอายุ ป้องกันโรคผิวหนัง บรรเทาอาการปวดเมื่อยหัวเข่าและเอว ป้องกันโรคอัมพาต

- ฟักทองสามารถป้องกันโรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต ช่วยบำรุงตับ ไต และสายตา

- ฟักทองเป็นผักที่มีเส้นใยสูง ให้พลังงานต่ำ ไขมันน้อย จึงเหมาะกับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก คาร์โบไฮเดรตในฟักทองช่วยบำบัดโรคแผลในกระเพราะ และลำไส้ส่วนบน

- ฟักทองสามารถช่วยกำจัดเสมหะ ช่วยให้ชุ่มปอด บรรเทาอาการหอบหืดที่เกิดจากอาการหลอดลมอักเสบเรื้อรังในผู้สูงอายุ ช่วยบำรุงกำลัง เหมาะสำหรับผู้ที่มีปอดและม้ามอ่อนแอ

- เมล็ดฟักทองมีสรรพคุณด้านการรักษาและลดโอกาสในการเกิดโรคนิ่วในกระเพราะปัสสาวะ และมีฤทธิ์เป็นยาถ่ายพยาธิตัวตืด

- น้ำมันที่สกัดจากเมล็ดมีรสหวานมัน ใช้ทานบำรุงประสาท

รู้อย่างนี้แล้ว อย่าลืมมองหาฟักทองมาทานกันดูได้

ที่มา: ประโยชน์จากฟักทอง เดลินิวส์ออนไลน์ วันพฤหัสบดี ที่ 05 สิงหาคม 2553

บำรุงผิวหน้าแห้งกร้านด้วยมะละกอ

ใครที่กำลังประสบปัญหาผิวหน้าแห้งกร้าน วันนี้มีวิธีบำรุงผิวหน้าด้วยมะละกอมาบอก

เริ่มจากเตรียมผลมะละกอสุก 1 ซีกเล็ก มีด ส้อมหรือเครื่องปั่น ที่คาดผมหรือหมวกคลุมผม จากนั้น ล้างหน้าด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้าให้สะอาด แล้วซับให้แห้งด้วยผ้าขนหนู ใช้หมวกคลุมผมหรือที่คาดผมเก็บผมให้เรียบร้อย แล้วนำมีดมาปอกเปลือกมะละกอ แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วยีด้วยส้อม หรือใช้เครื่องปั่นก็ได้ แต่ไม่ต้องละเอียดมาก นำมะละกอมาพอกให้ทั่วใบหน้า ยกเว้นบริเวณริมฝีปากและรอบดวงตา โดยขณะกำลังพอกก็ใช้ปลายนิ้วนวดคลึงใบหน้าไปเรื่อยๆด้วย เมื่อพอกเสร็จแล้ว ทิ้งไว้ประมาณ 20 นาที โดยห้ามเคลื่อนไหวใบหน้าโดยเด็ดขาด เมื่อครบเวลาให้ล้างออกด้วยน้ำอุ่นกับสบู่หรือโฟมล้างหน้าให้สะอาด ถ้าอยากให้ได้ผลดีควรทำเป็นประจำทุก ๆ 5 วัน เพื่อไม่ให้ความแห้งกร้านมาเยือนใบหน้า

เพียงเท่านี้ปัญหาเรื่องความแห้งกร้านบนใบหน้าก็จะหมดไป

ที่มา: บำรุงผิวหน้าแห้งกร้านด้วยมะละกอ เดลินิวส์ออนไลน์ วันจันทร์ ที่ 09 สิงหาคม 2553

เคล็ดลับการเลิกกาแฟ

ใครที่กำลังมองหาวิธีเลิกติดกาแฟ วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเคล็ดลับมาบอก

- ให้ลดปริมาณการดื่มกาแฟในแต่ละวันลง เช่น จากที่เคยดื่มวันละ 4 แก้วให้ลดลงเหลือ 3 แก้ว แต่หากจำเป็นต้องดื่มแก้วที่ 4 ให้ชงด้วยกาแฟสกัดคาเฟอีน จนกระทั่งร่างกายเริ่มชินก็ให้ลดปริมาณลงอีก

- สำรวจว่า นอกจากกาแฟแล้ว ยังได้รับคาเฟอีนจากอาหารชนิดใดอีกบ้าง เช่น ชา โกโก้ ช็อคโกแลต ซีเรียลรสโกโก้ เครื่องดื่มชูกำลัง เป็นต้น จากนั้นให้ลดการบริโภคทุกอย่างร่วมกับการลดปริมาณกาแฟที่ดื่มในแต่ละวัน หรือเลิกบริโภคอาหารและเครื่องดื่มเหล่านี้

- นอนพักผ่อนอย่างเพียงพอในตอนกลางคืน อย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง

- ดื่มน้ำสะอาดวันละประมาณ 1-2 ลิตร และรับประทานวิตามินบีรวม ซึ่งจะช่วยทุเลาอาการอ่อนเพลีย

- การออกกำลังกาย จะช่วยให้สมองเพิ่ม ซีโรโตนิน และโดปามีน ได้เช่นเดียวกันกับการได้รับคาเฟอีน

- งดดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่

- รับประทานอาหารเช้า เพราะระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่เพียงพอจะช่วยให้สมองและร่างกายทำงานได้โดยไม่อ่อนเพลีย

- หากิจกรรมหรืองานอดิเรกทำ เพื่อหลีกเลี่ยงการดื่มกาแฟ และควรหลีกเลี่ยงการไปร้านกาแฟ

- หากมีอาการปวดศรีษะระหว่างงดกาแฟ สามารถรับประทานยาพาราเซตามอล หรือแอสไพรินได้ ไม่ควรรับประทานยาแก้ปวดไมเกรนซึ่งมีส่วนผสมของคาเฟอีนอยู่

- หากมีอาการหงุดหงิด ใจสั่น อาจจะใช้วิธีอาบน้ำเย็นช่วยได้

เพียงเท่านี้ก็สามารถทำให้เลิกติดกาแฟได้แล้ว

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 07 สิงหาคม 2553

วิธีใช้พัดลมแบบประหยัดพลังงาน

วิธีใช้พัดลมแบบประหยัดพลังงาน

บ้านไหนที่อยากใช้พัดลมแบบประหยัดพลังงาน วันนี้มีวิธีมาแนะนำ

- ควรใช้พัดลมตั้งพื้นหรือตั้งโต๊ะแทนพัดลมติดเพดานเพราะจะกินไฟน้อยกว่าพัดลมติดเพดานประมาณครึ่งหนึ่ง

- อย่าเปิดพัดลมทิ้งไว้เมื่อไม่มีคนอยู่

- เมื่อเลิกใช้แล้วควรปิดพัดลมและถอดปลั๊กออก

- ปรับระดับความเร็วลมพอสมควร

- เลือกขนาดให้เหมาะสมกับการใช้งาน

- ควรเปิดหน้าต่างใช้ลมธรรมชาติแทนถ้าทำได้

ง่าย ๆ เพียงเท่านี้ก็สามารถใช้พัดลมแบบประหยัดพลังงานได้แล้ว

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันจันทร์ ที่ 09 สิงหาคม 2553

Sunday, August 8, 2010

ความเชื่อต่าง ๆ จากแพทย์จีน

ความเชื่อต่างๆ จากแพทย์จีน

ท่านทราบหรือไม่ว่า แพทย์จีนมีความเชื่อในเรื่องอวัยวะต่าง ๆ ที่หากได้ลองทำจะทำให้ดูสุขภาพดี รายละเอียดมีมาบอก

- หวีผมบ่อย ๆ: จะช่วยให้ตาสว่าง และรากผมแข็งแรง

- ถูใบหน้าบ่อยๆ : เพื่อกระตุ้นให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น ใบหน้าเปล่งปลั่ง

- กระตุ้นใบหูบ่อยๆ : การดึงหู ดีดหู บีบหู ถูใบหูเบาๆ บ่อยหน่อย ช่วยบำรุงตานเถียน(จุดฝังเข็ม) ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เก็บพลังงานของร่างกาย (ใต้สะดือ) สัมพันธ์กับไต ซึ่งเปิดทวารที่หู ทำให้แรงดี ป้องกันเสียงดังในหู หูตึง และอาการเวียนหัว

- ขบฟันบ่อยๆ : จะช่วยให้ฟันแข็งแรง และกระตุ้นการหลั่งน้ำย่อย

- ใช้ลิ้นดุนเพดานปากบ่อยๆ : การ ใช้ปลายลิ้น กระตุ้นเพดานบนด้านหน้าเป็นการกระตุ้นจุดฝังเข็ม เพื่อเชื่อมพลัง ลมปราณตู๋และเยิ่น ซึ่งเป็นเส้นควบคุมแนวกลางลำตัวส่วนหลัง และส่วนหน้าร่างกาย ทำให้เกิดการกระตุ้นการหลั่งสารน้ำ และน้ำลาย

- กลืนน้ำลายบ่อยๆ : ช่วยกระตุ้นพลังบริเวณคอหอย และกระตุ้นการย่อยอาหาร

- หมั่นขับของเสีย : หมั่นขับของเสีย โดยเฉพาะดื่มน้ำให้พอ กินอาหารที่มีเส้นใย ออกกำลัง เพื่อ ป้องกันท้องผูก เมื่อปวดปัสสาวะหรืออุจจาระให้ถ่ายทันที อย่ารอโดยไม่จำเป็น การทิ้งของเสียไว้ในร่างกายนานเกินทำให้เกิดสารพิษ และการดูดซึมสารพิษ กลับเข้าสู่ร่างกายมากขึ้น ทำให้ป่วยง่าย

- ถูหรือนวดท้องบ่อยๆ : ให้นวดท้องตามเข็มนาฬิกาเบาๆ เพื่อช่วยให้การขับถ่ายของเสียดีขึ้น

- ขมิบก้นบ่อยๆ : จะช่วยป้องกันริดสีดวงทวาร และท้องผูก

- ถูผิวหนังบ่อยๆ : ใช้ฝ่ามือถูตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย คล้ายกับการถูตัวเวลาอาบน้ำ มีส่วนช่วยให้ เลือดและพลังไหลเวียนดี

รู้อย่างนี้แล้ว ใครมีความเชื่อแบบไหนก็ลองนำไปทำตามกันดูได้

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันอาทิตย์ ที่ 08 สิงหาคม 2553

Friday, August 6, 2010

นอภ.เขาชะเมาตื่นตัวรับเหตุการณ์ภัยธรรมชาติ

:: ผนึกกำลังซ้อมแผนอุบัติเหตุน้ำป่าไหลหลาก

อุบัติเหตุ คือสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ได้คาดคิด และสร้างความสูญเสียเป็นอย่างมาก ทั้งทางด้านทรัพย์สิน ร่างกาย หรือแม้แต่ชีวิต โดยเฉพาะอุบัติเหตุหมู่ เช่น น้ำป่าจากน้ำตกซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ในช่วงฤดูฝน และด้วยการตระหนักถึงปัญหาและความสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อำเภอเขาชะเมาจึงได้ร่วมกับทางอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง โรงพยาบาลเขาชะเมาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรรษา และอาสาสมัคร หน่วยกู้ภัยจัดการซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่ขึ้น โดยมี นายอินทรีย์ เกิดมณี นายอำเภอเขาชะเมาเป็นประธานในโครงการซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่ของโรงพยาบาลเขา ชะเมาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พร้อมด้วย นายสุเมธ สายธาร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง นายแพทย์ปรเมษฐ์ กิ่งโก้ นายแพทย์สาธารณสุขจังหวัดระยอง นายคณิต ตันติชัยวนิช ผู้อำนวย การโรงพยาบาลเขาชะเมาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา พ.ต.อ.ยงยุทธ สุระประเสริฐ ผกก.สภ. เขาชะเมา นางสวัลชนา มีลาภ พยาบาล วิชาชีพชำนาญการ เจ้าหน้าที่อุทยานเขา ชะเมา และกลุ่มอาสาสมัครหน่วยกู้ ภัยกว่า 50 คนเข้าร่วมฝึกซ้อมแผน อุบัติเหตุน้ำป่าไหลหลากกันอย่างคับคั่ง ณ อุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง หมู่ที่ 2 ต.น้ำเป็น อ.เขาชะเมา จ.ระยอง โดยในโครงการซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่ของโรงพยาบาลเขาชะเมาเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา โดยมีการบรรยายและฝึกปฏิบัติการซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่ มีการสมมุติสถานการณ์ฝนตกหนักมีพายุ และน้ำป่าไหลมาจากน้ำตกเขาชะเมาจนเกิดเหตุมีคนตายและบาดเจ็บจำนวนมาก

นายอินทรีย์ กล่าวว่า ในพื้นที่อำเภอเขาชะเมานั้นมีสถานที่ท่องเที่ยวน้ำตกเขาชะเมามีความสวยงามมี ความสูงของน้ำตกถึง 7 ชั้น ซึ่งมีนักท่องเที่ยวทั้งไทยและชาวต่างชาตินั้นได้เดินทางท่องเที่ยวพักผ่อน กันเป็นจำนวนมากสร้างเม็ดเงินเข้าสู่จังหวัดระยองปีละหลายล้านบาทและในขณะ นี้เป็นช่วงหน้าฝนได้มีฝนตกหนักพายุเข้าเกรงว่าจะเกิดน้ำป่า ไหลหลากและเป็นอุบัติเหตุเป็นสิ่งที่เราไม่คาดฝัน ไม่อยากให้เกิดขึ้นในครอบครัวใดและผู้ใด อุบัติ เหตุเกิดขึ้นได้ทันที ทันใด โดยไม่มีใครทราบล่วงหน้าเมื่อเกิด ขึ้น และจะทำให้สูญเสียอย่างมหันต์ โดยเฉพาะสูญเสียชีวิต เกิดทุพพลภาพพิการ สูญเสียอวัยวะ หรือสูญเสียทรัพย์สิน ต่าง ๆ ซึ่งอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ คือ อุบัติเหตุหมู่เป็นภาวะฉุกเฉินจากเหตุการณ์เดียวกันเป็นจำนวนมากจำเป็นต้อง ให้การรักษาอย่าง รีบด่วน ทั้งนี้ทางอำเภอเขาชะเมา มองเห็นถึงความสำคัญ จึงได้ร่วมกับทางโรงพยาบาลเขาชะเมาจัดทำโครงการการซ้อมแผนเพื่อ ตั้งรับ เมื่อเกิดอุบัติเหตุหมู่ขึ้นมา เพื่อป้องกันการสูญเสียทั้งหลายและทำให้คุณภาพชีวิตของประชาชนไปในทาง ที่ดี รวมทั้งจะได้มีการฝึกทักษะประสบการณ์ในการรักษาพยาบาลให้มีความชำนาญ และมีความพร้อมตลอดเวลา

นายอำเภอ เขาชะเมา ยังกล่าวเสริมอีกว่าในการซ้อมแผนครั้งนี้วัตถุประสงค์เพื่อให้ทีมงานแพทย์ พยาบาล และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องได้รู้ขั้นตอนและวิธีการปฏิบัติการดูแลผู้ได้ รับบาดเจ็บเมื่อเกิดภาวะอุบัติเหตุหมู่ เพื่อให้บุคลากรที่มีส่วนร่วมในการซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่ เพื่อจะได้ช่วยเหลือ ประชาชนให้มีประสิทธิ ภาพมากขึ้นเมื่อเกิดอุบัติเหตุหมู่ เพื่อให้หน่วยงานของรัฐ หน่วย งานของท้องถิ่นได้ทราบ ถึงหลักการประสานงานเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หมู่ และเพื่อให้มีการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานภายในและภายนอกได้อย่างถูกต้อง เมื่อเกิดอุบัติเหตุหมู่และสามารถปฏิบัติงาน ในทีมการปฏิบัติการช่วยเหลือผู้ประสบภัยได้อย่างถูกต้องและรวดเร็วซึ่ง ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือผู้ที่เข้าร่วมซ้อมแผนได้มีความรู้และทักษะใน การช่วยเหลือผู้ที่ได้รับอุบัติเหตุอย่างถูกต้อง ถูกวิธีและมีประสิทธิภาพมากที่สุด และผู้ ได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุหมู่ได้รับการรักษาไว้ทันท่วงทีและมีคุณภาพชีวิต ที่ดี

นายอำเภอเขาชะเมา กล่าวเสริมอีกว่าในการจัดการซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่ขึ้นในครั้งนี้ เนื่องจากในช่วงนี้เป็นช่วงฤดูฝน โดยเฉพาะน้ำตกเขาชะเมา ซึ่งเป็นสถานที่ท่องเที่ยวและมีนักท่องเที่ยวจำนวนมาก และน้ำตกมีปริมาณน้ำมากขึ้น และอาจเกิดอุบัติเหตุจากเหตุการณ์น้ำป่า จึงได้มีการจัดการซ้อมแผนอุบัติเหตุขึ้น เพื่อเป็นการป้องกันและรับมือกับเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน โดยมีการร่วมมือกันในหลายหน่วยงานทั้ง ทางอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวง โรงพยาบาล ตำรวจ อปพร. และทางอำเภอเขาชะเมาในการซ้อมแผนในครั้งนี้ เพื่อเพิ่มทักษะในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ในการปฏิบัติงานจริงเมื่อ เกิดเหตุ และเพื่อประโยชน์ต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

ด้าน นายสุเมธ สายธาร หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวงเปิดเผยถึงสาเหตุของน้ำป่าเกิดจากการ อิ่มตัวของผืนดินจากฝนที่ตกมากเกินขีดความสามารถในการดูดซับ ทำให้ปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาไหลไปตามผิวพื้นดินจากที่เคยถูกซึมซับไว้ได้ น้ำจะรวมตัวไหลสู่ที่ต่ำอย่างรวดเร็ว ในระหว่างทางจะมีน้ำ ป่าส่วนอื่นเพิ่มปริมาณสมทบ ทะลักลงไปตามร่องน้ำอย่าง รวดเร็ว ยิ่งชันและมีพื้นที่รับ น้ำมาก ก็ยิ่งมีความเร็วและ พลังที่รุนแรงมากขึ้น ผลที่ตามมาคือการเพิ่มระดับน้ำตามทางน้ำอย่างรวดเร็วนับเป็นวินาทีจนอพยพหนี ไม่ทัน

มาตรการป้องกันน้ำป่า ได้แก่ การไม่เข้าไปทำกิจกรรมในทางน้ำธรรมชาติหรืองดในช่วงหน้าฝนถ้าไม่จำเป็น โดยเฉพาะในฤดูฝน หากสังเกตเห็นว่าอาจมีฝนตกบนภูเขาให้รีบย้ายขึ้นที่สูงไว้ก่อน ในกรณีที่น้ำป่าเริ่มหลากลงมาสีของน้ำที่เปลี่ยนไป เสียงน้ำตกที่มีความรุนแรงมากขึ้น จงหลีกเลี่ยงรีบหันกลับหรือขึ้นจากน้ำไว้ก่อนเพราะน้ำป่าประมาทมิได้ น้ำป่ามีอันตรายสูงยิ่ง เนื่องจากเป็นการเกิดตามธรรมชาติโดยกะทันหันทันทีทันใด ฉะนั้นในพื้นที่เขตอุทยานแห่งชาติเขาชะเมา-เขาวงนั้นมีน้ำตกที่ขึ้นชื่อเป็น ที่สนใจนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาพักผ่อนไม่ขาดสายและอยู่ในช่วงหน้าฝนเกรง ว่าจะเกิดภัยธรรมชาติเพื่อความไม่ประมาท ทางเจ้าหน้าที่อุทยานฯ โรงพยาบาลฯ และอำเภอ ตำรวจ และอาสาฯ ร่วมในการจัดการซ้อมแผนอุบัติเหตุหมู่ขึ้นในครั้งนี้.

มาโนช สนองสุข

ที่มา: ข่าวภูมิภาค หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ออนไลน์ วันศุกร์ ที่ 06 สิงหาคม 2553