Thursday, July 28, 2011

ฮือไล่"คณบดี"สะท้อนคุณภาพผู้บริหาร

ผ่าปมนักศึกษามช.ฮือไล่ 2 คณบดีคณะศึกษาศาสตร์-คณะสื่อสารมวลชนบทสะท้อนคุณภาพผู้บริหารมหาวิทยาลัย

ปรากฎการณ์การการเคลื่อนไหวของนักศึกษา คณาจารย์ และศิษย์เก่าในการขับไล่ผู้บริหารคณะ 2 คณะได้แก่ คณะศึกษาศาสตร์ และคณะการสื่อสารมวลชน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ในเวลาที่ไล่เรี่ยกัน นับเป็นปรากฎการณ์ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง

เพราะนอกจาก เหตุผลที่อ้างว่าผู้บริหารขาดธรรมาภิบาล และใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบแล้ว ยังผูกโยงไปถึง “ระบบประเมินคุณภาพการศึกษา” ของมหาวิทยาลัย



ที่ผ่านมามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (มช.) ได้รับการจัดอันดับให้จาก QS Asian University Rankings 2011 ให้เป็นมหาวิทยาลัยอันดับ 67 ของเอเชีย และมหาวิทยาลัยอันดับ 3 ของประเทศ ขณะที่คณะศึกษาศาสตร์ และคณะการสื่อสารมวลชนก็ได้ชื่อว่าเป็นคณะที่ผลิตบัณฑิตที่มีคุณภาพ โดยมีอายุยาวนานมาพร้อม ๆ กับการกำเนิดมหาวิทยาลัย อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทั้งสองคณะอาจจะมีบ้างที่มีความขัดแย้งภายตามแบบฉบับของ “มหาวิทยาลัยนอกระบบ” ที่ต้องต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงของโลก

ทว่า ก็ไม่เคยมีความขัดแย้งที่รุนแรงขนาดนี้

สิ่งที่สอดคล้องกันอย่างหนึ่งระหว่าง คณะศึกษาศาสตร์ และคณะการสื่อสารมวลชนก็คือ ปฏิกิริยาของ รศ.ดร.นิ่มอนงค์ งามประภาสม คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ และรศ.ดร.กุลิสรา กฤตวรกาญจน์ คณบดีคณะการสื่อสารมวลชนก็คือ ทั้งสองคนต่างก็ออกมาตอบโต้ฝ่ายที่เคลื่อนไหวขับไล่ทันทีว่า “การทำงานที่ผ่านมาทำให้มีผู้เสียผลประโยชน์” และการเคลื่อนไหวทุกอย่าง “มีผู้อยู่เบื้องหลังอยากเป็นคณบดีแทน”

แต่ข้ออ้างเหล่านี้ก็ไม่ได้สั่นคลอนขบวนการเคลื่อนไหวแต่อย่างใด คณะศึกษาศาสตร์นั้นเริ่มเคลื่อนไหวครั้งแรกตั้งแต่เมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่แล้ว โดยคณาจารย์ที่ทำหน้าที่บริหารในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารหลักสูตรฯ หัวหน้าสายวิชาฯ ประธานสาขาวิชาระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา จำนวน 25 คน จากทั้งหมด 33 คนตัดสินใจลาออกจากตำแหน่งด้วยความไม่พอใจประสิทธิภาพในการบริหารงานของคณะ และมีพฤติกรรมในลักษณะแสวงหาผลประโยชน์

พร้อมทั้งมีแผนจะยุบสาขาวิชาจาก 15 สาขาวิชา เหลือเพียง 4 สาขาวิชา ขณะเดียวกันตัวหลักสูตร และการประเมินคุณภาพคณะ และการประเมินคุณภาพหลักสูตรก็มีปัญหา ทำให้นักศึกษาเริ่มเคลื่อนไหวเชิงสัญลักษณ์อย่างใหญ่โต ด้วยการจำลอง“งานศพ”ให้กับคณบดีอย่างใหญ่โต พร้อมกับแห่โลงศพไปยังสำนักงานอธิการบดี เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคมที่ผ่านมา

จนในที่สุดสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ที่มีน.พ.เกษม วัฒนชัย เป็นนายกสภาฯนั้นก็มีมติให้ถอดถอน รศ.ดร.นิ่มอนงค์ออกจากตำแหน่ง เมื่อวันที่ 23 กรกฎาคมที่ผ่านมา ให้ถอดถอนคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ ออกจากตำแหน่ง หลังพิจารณาว่าบกพร่องต่อหน้าที่และหย่อนความสามารถ


ขณะที่คณะการสื่อสารมวลชนเอง ก็ไม่ได้แตกต่างกัน เพราะคณาจารย์ภายในคณะจำนวน 8 คน จากทั้งหมด 16 คน ก็ทำหนังสือให้มหาวิทยาลัยดำเนินการสอบสวน รศ.ดร.กุลิสราเช่นเดียวกันในข้อหาร้ายแรง อาทิเช่น การใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรม จนทำให้บุคลากรลาออกจำนวนถึง 16 คน และตามมาด้วยการลาออกของหัวหน้าแขนงวิชา 5 แขนงวิชา นอกจากนี้ยังมีประเด็นการบริหารงานโดยมีผลประโยชน์ทับซ้อน ทำให้การร้องเรียนขยายวงกว้างขึ้น มีบุคลากร ศิษย์เก่า นักศึกษาปัจจุบัน และคณาจารย์คนอื่น ออกมาส่งเอกสารให้คณะกรรมการสอบสวนของมหาวิทยาลัยเพิ่มเติม จนนำมาซึ่งการแต่งชุดดำประท้วงผู้บริหาร ตั้งแต่เมื่อปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา

แต่จนแล้วจนรอดผ่านมา 7 เดือน ขั้นตอนของคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงก็ยังไปไม่ถึงไหน อีกทั้งยังมีผลการประเมินคุณภาพออกมาอย่างไม่เป็นทางการว่า “ประเมินคุณภาพการศึกษาไม่ผ่าน” มาเป็นประเด็นเพิ่มเติม นำไปสู่การออกมาใส่ชุดดำออกแถลงการณ์เรียกร้องให้คณบดีลาออกเมื่อวันที่ 25 กรกฎาคมที่ผ่านมา

ถึงขั้นที่ “ว่าที่บัณฑิต” นั้น ร่วมกันเข้าชื่อไม่รับปริญญาในเดือนมกราคมนี้ทั้งรุ่น หากว่ารศ.ดร.กุลิสรายังคงเป็นผู้ลงนามในใบปริญญาให้ และยังคงนั่งเก้าอี้เป็นคณบดีอยู่

เดือดร้อนถึง ศ.ดร.พงษ์ศักดิ์ อังกสิทธิ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ต้องออกมาชี้แจงว่า ข้อเรียกร้องของทั้ง 2 คณะไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเมืองภายใน เพราะทั้งรศ.ดร.นิ่มอนงค์ และรศ.ดร.กุลิสราเองถูกเรียกร้องหลังจากบริหารงานมาเป็นระยะหนึ่งแล้ว จึงน่าจะมีปัญหาในแง่การบริหารงานจริง ส่วนกระบวนการสอบสวนรศ.ดร.กุลิสรานั้นจะเร่งให้แล้วเสร็จในอีกไม่กี่วันนี้ และจะถูกถอดถอนเหมือนคณบดีคณะศึกษาศาสตร์หรือไม่ ต้องรอให้สภามหาวิทยาลัยตัดสินในวันที่ 20 สิงหาคม รวมถึงขอให้ยุติการเคลื่อนไหวในลักษณะนี้ เพราะทำให้เสียภาพพจน์ของมหาวิทยาลัย รวมถึงจะยกเลิกกระบวนการสอบสวนทั้งหมด หากยังเคลื่อนไหว “ข้างถนน” ในลักษณะนี้อีก

ฉะนั้น คำถามที่ต้องสะท้อนกลับไปยังมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ และสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) ก็คือ เพราะเหตุใดกระบวนการตรวจสอบข้อร้องเรียนของมหาวิทยาลัยถึงได้ล่าช้าจนต้องออกมาเคลื่อนไหวกันนอกคณะ ผ่านหน้าหนังสือพิมพ์


รวมไปถึงเพราะเหตุใดเมื่อมีหลักฐานเชิงประจักษ์ผ่านการชี้แจง “ผลการประเมินคุณภาพ” ที่ถูกชี้แจงออกจากปากคณะกรรมการประเมินคุณภาพ ออกมาแล้วว่า การทำงานของผู้บริหารของทั้ง 2 คณะ นั้นไม่มีจุดแข็งด้านการบริหาร และอาจทำให้ไม่ผ่านการประเมินคุณภาพ แต่มหาวิทยาลัยก็ยังคงปล่อยให้ทำงานต่อไป โดยไม่มีกระบวนการเข้าไปจัดการ มีแต่น้ำเสียงของผู้บริหารให้ “ประนีประนอม” เพื่อไม่ให้เสียชื่อมหาวิทยาลัยเท่านั้น อีกทั้งยังสำทับด้วยว่าหากออกมาเคลื่อนไหวอีก จะยุติกระบวนการสอบสวนทั้งหมด

ล่าสุด ดูเหมือนว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าว จะลุกลามเป็นโดมิโน่ไปยังคณะและมหาวิทยาลัยอื่น ๆ หลังจากที่คณะศึกษาศาสตร์เคลื่อนไหวเพียง 3 วัน ที่มหาวิทยาลัยราชภัฎยะลา ก็เริ่มมีการเคลื่อนไหวในทำนองเดียวกัน ในการถอดถอนคณบดีคณะครุศาสตร์ และคณะวิทยาการจัดการ

เชื่อว่าคงมีอีกหลายสถาบันการศึกษาที่มีปัญหาในลักษณะคล้ายกัน ซึ่งแม้ว่าจะเกี่ยวข้องกับการเมืองภายในหรือไม่ก็ตาม แต่ก็ต้องเป็นหน้าที่ของมหาวิทยาลัยในการสอบสวน

และสกอ.เองก็ต้องยอมรับด้วยว่าระบบการร้องเรียน ตรวจสอบ และการประเมินคุณภาพผู้บริหารคณะนั้นมีปัญหาจริง ทำให้ปัญหาทั้งหลายถูกซุกอยู่ใต้พรมมานาน

หากไม่มีใครเคลื่อนไหว แวดวงอุดมศึกษาก็ยังมีความเสี่ยงที่จะเจอเรื่องพวกนี้แดงขึ้นมาอีกต่อไปเรื่อย ๆ

คงถึงเวลาต้องนำบทเรียนเพื่อปรับกระบวนการใหม่ เพราะคงไม่มีผู้ปกครองที่ไหน อยากให้บุตรหลานเข้าเรียนในสถาบันอุดมศึกษาที่มีปัญหาเรื่องการประเมินคุณภาพ หากยังคง “กลัวเสียหน้า” กันเหมือนวันนี้ ก็คงมีการเดินขบวนให้เห็นอีกเรื่อย ๆ

สำคัญแต่ว่าสกอ.จะเริ่มรู้สึกตัวหรือยัง ?

ที่มา: ทีมข่าวการศึกษา โพสต์ทูเดย์ดิจิตอล 27 กรกฎาคม 2554
------------------

“ศึกษาศาสตร์ มช.”ไล่คณบดี ม็อบอ้างไม่มีธรรมาภิบาล-บริหารงานล้มเหลว

ศูนย์ข่าวเชียงใหม่ - ศึกษาศาสตร์ มช.เดือด “คณาจารย์-บุคลากร-นศ.” จัดขบวนชุมนุม-ยื่นหนังสือ ร้องสภามหาวิทยาลัยปลดคณบดีพ้นตำแหน่ง อ้างบริงานล้มเหลว-ขาดธรรมาภิบาล-ส่อทุจริต ชี้เรื่องร้องเรียนมาตั้งแต่สิงหาปีก่อนแต่กลับไม่มีความคืบหน้า หวั่นยิ่งนานคณะยิ่งตกต่ำ เผยคณะปัญหาเพียบทั้งหลักสูตรไม่ได้ปรับปรุง-ยุบรวมสาขาวิชา-ปัญหาบุคลากร แถมคณะผู้บริหารทยอยลาออก-อาจารย์งดสังฆกรรมคณบดี

วันนี้ (21 ก.ค.) ที่คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ นักศึกษา คณาจารย์และบุคลากรของคณะศึกษาศาสตร์จำนวนประมาณ 300 คน ได้ร่วมชุมนุมเพื่อเรียกร้องให้คณบดีคณะศึกษาศาสตร์ออกจากตำแหน่ง และยื่นหนังสือต่อสภามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอให้ปลดคณบดีคณะศึกษาศาสตร์ออกจากตำแหน่ง

ขบวนของคณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาซึ่งมีทั้งป้าย ปราสาทจำลอง และพวงหรีดไว้อาลัยได้ชุมนุม และอภิปรายอยู่บริเวณหน้าอาคาร 2 คณะศึกษาศาสตร์ โดยมีเนื้อหาเรียกร้องให้ รศ.ดร.นิ่มอนงค์ งามประภาสม คณบดีคณะศึกษาศาสตร์คนปัจจุบันออกจากตำแหน่ง และหลังจากยื่นหนังสือต่อ ผศ.นพ.ศุภชัย เชื้อรัตนพงษ์ รองอธิการบดีฝ่ายบริหารทั่วไปและทรัพยากรบุคคล และงานสภามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นตัวแทนของทางมหาวิทยาลัยแล้ว ขบวนทั้งหมดได้เคลื่อนออกจากคณะศึกษาศาสตร์ไปสู่บริเวณหอนาฬิกา ก่อนจะเดินทางกลับคณะศึกษาศาสตร์เพื่อเนการแสดงพลังอีกด้วย

การชุมนุมและเคลื่อนขบวนในครั้งนี้นั้น เบื้องต้นมีรายงานว่า จะมีการเคลื่อนขบวนจากคณะศึกษาศาสตร์มาชุมนุมกันที่บริเวณสำนักงานอธิการบดี มหาวิทยาลัย เชียงใหม่ แต่ได้รับการขอร้องให้ละเว้นการเดินขบวนจากทางมหาวิทยาลัย จึงเปลี่ยนเป็นมาชุมนุมกันภายในบริเวณคณะแทน

สำหรับข้อเรียกร้องของคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาคณะศึกษาศาสตร์ต่อสภามหาวิทยาลัย ระบุว่า ที่ผ่านมา คณาจารย์และบุคลากรในคณะศึกษาศาสตร์บางส่วนได้ร้องเรียนต่อสภามหาวิทยาลัย เกี่ยวกับการขาดภาวะผู้นำและการบริหารงานโดยปราศจากหลักธรรมาภิบาลของ รศ.ดร.นิ่มอนงค์ตั้งแต่วันที่ 11 ส.ค.2553 และทางสภาได้ดำเนินการผ่านกระบวนการต่างๆ และมีมติให้ รศ.ดร.นิ่มอนงค์ บริหารงานในตำแหน่งคณบดีต่อไปจนถึงวันที่ 31 ต.ค.2554 เพื่อให้ครบวาระ 2 ปี และรอรับการประเมินกลางวาระต่อไป แต่ทางคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาเห็นว่า รศ.ดร.นิ่มอนงค์ ไม่ควรได้รับโอกาสให้ทำหน้าที่บริหารงานคณะศึกษาศาสตร์ต่อไป เพราะจะยิ่งสร้างความเสียหายให้กับคณะ จึงขอให้ทางสภามหาวิทยาลัยทำการปลด รศ.ดร.นิ่มอนงค์ ตั้งแต่วันที่ 25 ก.ค.เป็นต้นไป

ทั้งนี้ ปัญหาภายในคณะศึกษาศาสตร์ซึ่งนำมาสู่การออกมาเคลื่อนขบวนขับไล่ผู้บริหารของคณาจารย์ บุคลากร และนักศึกษาในครั้งนี้นั้น สืบเนื่องจากการที่คณบดีได้รับการร้องเรียนจากคณาจารย์ว่าขาดประสิทธิภาพในการบริหารงานของคณะ และมีพฤติกรรมในลักษณะแสวงหาผลประโยชน์ จนทำให้คณาจารย์ที่ทำหน้าที่บริหารในตำแหน่งประธานกรรมการบริหารหลักสูตรฯ หัวหน้าสายวิชาฯ ประธานสาขาวิชาระดับปริญญาตรี และระดับบัณฑิตศึกษา จำนวน 25 คน จากจำนวนทั้งสิ้น 33 คน ทำหนังสือถึงคณบดีเพื่อขอลาออกจากการปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งต่างๆ รวมทั้งมีอาจารย์บางส่วนไม่ให้ความร่วมมือและเข้าร่วมกิจกรรมที่จัดโดยคณบดี

นอกจากนี้ ยังมีประเด็นของการจัดทำแผนการรับนักศึกษาใหม่ในปีการศึกษา 2555 ซึ่งคณะศึกษาศาสตร์จะรับนักศึกษาในระดับปริญญาตรีเพียง 4 สาชาวิชา ได้แก่ พลศึกษา สุขศึกษาและการส่งเสริมสุขภาพ เกษตรกรรม และอุตสาหกรรมการศึกษา จากเดิมที่มีการเรียนการสอนในระดับปริญญาตรีทั้งสิ้น 15 สาขา หรือการที่สาขาวิชาต่างๆ ยังไม่ผ่านการปรับปรุงหลักสูตรตามกรอบมาตรฐาน TQF ของสำนักงานคณะกรรมการอุดมศึกษา (สกอ.) และประเด็นในเรื่องของการแต่งตั้งบุคลากรในฝ่ายบริหาร การขาดแคลนบุคลากรที่รับผิดชอบงานในด้านต่างๆ ซึ่งทำให้เกิดความขัดแย้งภายในคณะศึกษาศาสตร์มาอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนี้ ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่า อีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้คณาจารย์ บุคลากรและนักศึกษาตัดสินใจออกมาชุมนุมในครั้งนี้ เป็นผลมาจากการที่คณบดีไม่ดำเนินการชี้แจงถึงปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น แม้ว่าที่ผ่านมากลุ่มผู้คัดค้านจะได้เรียกร้องให้คณบดีได้ออกมาชี้แจงข้อมูลโดยตลอดก็ตาม

อนึ่ง มีรายงานข่าวแจ้งว่า คณะศึกษาศาสตร์เป็นหนึ่งใน 3 คณะ ของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ร่วมกับคณะการสื่อสารมวลชน และคณะนิติศาสตร์ที่ไม่ผ่านการประเมินระบบการประกันคุณภาพการศึกษา ของคณะกรรมการตรวจสอบและประเมินระบบการประกันคุณภาพการศึกษาภายใน มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้ดำเนินการไปในช่วงต้นเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา และยังมีรายงานข่าวด้วยว่า ภายในคณะการสื่อสารมวลชน ซึ่งมีปัญหาการร้องเรียนเรื่องการบริหางานของคณบดีเช่นเดียวกันนั้น อาจมีการเคลื่อนไหวทั้งจากคณาจารย์ บุคลากร นักศึกษาและศิษย์เก่าของคณะต่อกรณีดังกล่าวในเร็วๆ นี้ด้วยเช่นกัน

ที่มา: ASTV ผู้จัดการออนไลน์ 21 กรกฎาคม 2554

No comments:

Post a Comment