สิ่งแรกที่ทำให้คุณสะดุดตาใครสักคน จะให้ น้ำหนักไปที่สิ่งไหนมากที่สุดน้า? แบบว่า ให้ความสำคัญไปที่หน้าตาของใครคนนั้นรึเปล่า เพราะได้ยินบ่อยนี่หว่า ว่าถ้าหน้าตาดีก็มีชัยไปกว่าครึ่ง แต่แหม บางคนก็ไม่ได้คิดอย่างเดียวกันนี้นะฮ้า แถมยังให้เหตุผลซะอีกว่า ถ้าขืนไปชอบคนที่หน้าตาดีเพียงอย่างเดียวก็ไม่ไหวอ่ะ เพราะคนหน้าตาดีน่ะ มีสิทธิ์ที่จะเป็นคนเจ้าชู้ด้วยน่ะซี
เอ้าก็คิดดูละกัน ว่าคนหล่อคนสวยเค้ามักจะภูมิใจในความเลิศเลอเพอร์เฟกต์ของใบหน้าตัวเองซะจน อาจนิยมมีรักเผื่อเลือกไปเรื่อยๆก็ได้นะ หนำซ้ำพวกหน้าตาดีมักจะมีผู้คนมากมายเสนอตัวเข้ามาทำความรู้จักมักจี่ หรือไม่ก็เข้ามาขายขนมจีบกันอย่างหน้าด้านๆ...เอ้ย ปรี่เข้ามาขายขนมจีบกันอย่างตรงไปตรงมา ดังนั้น คนหน้าตาดีจึงอาจเป็นคนช่างเลือกด้วยนะเอ้า
แต่แหม ถ้า "คนหน้าตาดี" จะเป็นคนช่างเลือกก็เป็นสิทธิ์ของเค้านะ ก็ในเมื่อเค้าเป็นพวกหล่อเลือกได้ หรือสวยเลือกได้ แล้วทำไมจะไม่เลือกล่ะ ต้องถือว่าคนหน้าตาดีเป็นคนโชคดีมากกว่าสิ
ซึ่งก็เอาเถอะ หากท่านใดสนใจอยากเป็นมิตรกับใครเพราะหน้าตามาเป็นอันดับหนึ่งหรือไม่ ตรงนี้คงขึ้นอยู่กับดุลพินิจของแต่ละท่านแล้วกัน ซึ่งแน่นอนว่า ทุกคนย่อมมีรสนิยมที่แตกต่างกันไป จะชอบคนหล่อ คนสวย หรือคนหน้าตาธรรมดาก็ได้ทั้งนั้น ขอเพียงให้เค้าเป็นคนดีก็แล้วกันเนอะ
เอา ล่ะ มาเข้าประเด็นที่อยากชวนคุยในสัปดาห์นี้กันเลยดีกว่า เพราะเท่าที่สังเกตสังการู้สึกว่า คำพูดคำจาที่ผู้ชายจะเอ่ยปากชวนฝ่ายหญิงคุยนั้น ถือเป็นสิ่งนึงที่ฝ่ายหญิงจะนำมาใช้ในการตัดสินใจว่าจะคบกับหนุ่มคนนี้ต่อไป ดี หรือจะตัดหาง ปล่อยวัดเค้าไปซะ
ทำไมน่ะเหรอ? เอ้า ก็เพราะผู้ชายบางคนแทนที่จะชวนคุยในเรื่องที่ทำให้สาวๆรู้สึกสบายอกสบายใจ และสร้างความสนุกสนานเฮฮาให้กับคุณเธอ (ซึ่งถ้าทำได้หยั่งงี้ รับรองหล่อนคงหลงเสน่ห์และอยากคบเค้าต่อไปอีกแน่ๆ) แต่หนุ่มบางคนไม่เป็นงี้สิ เพราะ ดั้น...สะเหล่อชอบชวนผู้หญิงคุยในเรื่องที่ทำให้เธออึดอัดใจเข้าให้ เฮ่อ ขืนเป็นซะแบบนี้ แล้วจะมีสาวคนไหนอยากคบหาเค้าเป็นเพื่อน หรือเป็นแฟนกันล่ะ ถ้าในเมื่อยังขืนพูดจาไม่ถูกหูซะหยั่งงี้ ก็อย่าคบกันดีกว่ามั้ง
อ่ะ งั้นมาดูละกันว่ามีคำพูดอย่างไรบ้างที่มักสร้างความขุ่นเคืองใจให้ฝ่ายหญิง แถมยังชวนให้อึดอัดใจซะด้วยซี เอ้าขอยกตัวอย่างเป็นแซมเปิ้ลให้ฟังละกัน เช่น...
1. ถ้าเผื่อคุณซึ่งเป็นฝ่ายหญิงที่มีน้องสาว หรือพี่สาว แล้วเผอิ้ญหนุ่มที่เข้ามาจีบดันรู้เข้าและพูดเปรียบเทียบขึ้นมาทำนองว่า แหมทำไมน้องสาว (หรือพี่สาว) น่ารักกว่าคุณตั้งแยะ
โอ๊ะ โอ หากขืนพูดประชด เอ๊ะ...หรือบางทีเค้าอาจแค่อยากจะกระเซ้าเย้าแหย่คุณก็ได้ แต่กรุณารู้ไว้เถอะ ว่าคำพูดอย่างนี้น่ะ มันแสลงรูหูแถมยังแสลงใจของฝ่ายหญิงด้วยนะเฟ้ย
ถึงแม้น้องสาวหรือพี่ สาวของหล่อนจะสวยหรือน่ารักกว่าก็จริง แต่ไอ้หนุ่มปากบอนรายนี้ก็ไม่ควรไปพูดจี้ใจดำเธอขึ้นมารู้ไหม เนี่ยแสดงว่า ไม่รู้จักรักษาน้ำใจของฝ่ายหญิงบ้างเลย
แล้วหยั่งงี้สาวคนไหนยังอยากคุยกับตานี่ต่อไปล่ะ
2. ในกรณีที่ยังรู้จักกันได้ไม่นาน แบบว่าฝ่ายหญิงยังไม่ทันรู้เลยว่ากำพืด...เอ้ย นิสัยใจคอของฝ่ายชายเป็นคนอย่างไร แต่เค้ากลับถามขึ้นมาว่าชอบผมรึเปล่า?
แหม ช่างเป็นหนุ่มใจร้อนซะจริงๆ ไม่รู้มันจะร้อนรนและใจร้อนไปถึงไหน ถึงอยากรีบรู้นักว่าคุณนั้นมีใจชอบเค้ารึยัง เอ๊ะ รึว่าที่อยากรีบรู้ความในใจของคุณเร็วๆ เพราะเค้าจะได้ไปเตรียมตัวเตรียมใจตัดสินอนาคตของตัวเองไงว่า จะรีบชิ่งหนีไปซะ ถ้าเผื่อคุณตอบว่ายังไม่รู้สิ เพราะยังรู้จักกันได้ไม่นานเท่าไหร่นี่หว่า แล้วมาถาม คำถามที่สร้างความลำบากใจให้ทำไมวะ
รู้เปล่าว่า ชายที่ถามคำถามนี้กับผู้หญิงน่ะ แสดงว่าเค้าเป็นคนที่ไม่มีความมั่นใจในตัวเองสักเท่าไหร่ ดังนั้น เค้าถึงอยากรู้น่ะสิว่า คุณมีใจให้เค้าหรือไม่นั่นเอง
แต่ที่บอกนี่ ก็ไม่ได้ห้ามให้หนุ่มๆถามคำถามนี้กับฝ่ายหญิงนะ เพียงแต่ควรถามเมื่อถึงเวลาที่เหมาะสมมากกว่า นั่นก็คือ ควรให้เวลาฝ่ายหญิงทำความรู้จักกับฝ่ายชายสักระยะนึงก่อน เช่น คบกันมาแล้วสัก 6 เดือน หรือปีนึง เออหยั่งงี้ หล่อนจะได้ตัดสินใจถูก และรู้ใจตัวเองว่าจะตอบอย่างไร
ไม่ใช่รีบมาถาม เพื่อจะได้รีบชิ่งหนีถ้าเธอตอบว่ายังไม่รู้! ก็ไม่แฟร์กับฝ่ายหญิงนะ
3. ถ้าคบกันไปสักระยะแล้ว เค้าดันถามโพล่งออกมาว่า คุณเคยนอนกับผู้ชายมาแล้วกี่คน? อู้หู ขืนถามแบบนี้ ฝ่ายหญิงก็น่าตบ "คนถาม" แทนคำตอบไปซะเลยก็แล้วกัน
เพราะไม่มีผู้ชายดีๆที่ไหนกล้า ตั้งคำถามประมาณนี้เพื่อถามคนที่ตัวเองจีบหรอกเว้ย ถึงแม้เค้าจะอยากรู้ก็ตาม แต่มันก็เป็นคำถามที่กวนทีนและกวนใจคนฟังเป็นอย่างยิ่ง
รู้ซะบ้างสิ ว่าคำถามแบบนี้อย่างัดออกมาพูด ให้เสียความรู้สึกกันเลย หากผู้ชายคนไหนไม่ไว้ใจผู้หญิงในเรื่องพรรค์นี้แล้วละก็ เอ็งจะไปจีบหรือคบหล่อนทำไมฮ้า!
4. พูดถึงแต่ความไม่ดีของเพื่อนผู้ชายของเธอ
แบบนี้ก็เท่ากับเค้าแสดงธาตุแท้ออกมาแล้วสิว่าทั้งหึงทั้งหวง ด้วยการพูดถึงแต่สิ่งที่ไม่ดีของเพื่อนผู้ชายของหล่อน เช่น ถ้าเค้ารู้ว่า เอ (เพื่อนผู้ชายของฝ่ายหญิง) เป็นพวกชอบเที่ยวกลางคืน เค้าก็จะเอา "เอ" ไปเล่าให้หล่อนฟังทันทีว่า เพื่อนของเธอนั้นมีนิสัย แบบนี้นะ
แหม ทำอย่างกะหล่อนไม่รู้มาก่อนงั้นแน่ะ แล้วถ้าจะใช้วิธี "ใส่ร้าย" เพื่อนของหล่อนเลยล่ะก็ อู้ยมันจะมากเกินไปแล้ว รู้ซะมั่งซิจ๊ะ ว่าถึงแม้เพื่อนของเธอจะดีหรือไม่ดี ก็ปล่อยให้ฝ่ายหญิงรู้เองดีกว่า ไม่ต้องคอยยุให้รำตำให้รั่วหรอกเฟ้ย.
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ โดย เมอร์ลิน 24 ตุลาคม 2553
No comments:
Post a Comment