Tuesday, May 3, 2011

ผ่าแผนพัฒน์ ฉบับที่ 12 ของจีน

- ผ่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 ของจีน

สภาประชาชนจีน (Nation People’s Congress หรือ NPC) ไทยเรียกว่า รัฐสภาจีน ได้อนุมัติร่างแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ซึ่งเป็นแผน 5 ปี ฉบับที่ 12 เมื่อกลางเดือนมีนาคมที่ผ่านมา

แผนนี้มี 5 เป้าหมาย คือ ด้านเศรษฐกิจ ด้านเทคโนโลยี ด้านสิ่งแวดล้อม ด้านเกษตร และด้านสังคม

โดยด้านเศรษฐกิจ จีนตั้งเป้าจะขยายตัว 7% ต่อปี ในช่วง 2011 – 2015 จะสร้างงานใหม่ในเขตเมือง 45 ล้านตำแหน่ง ควบคุมการว่างงานในเมืองต่าง ๆ ไม่ให้เกิน 5% คุมสินค้าประจำวันให้มีเสถียรภาพ (ไม่ใช่แปลว่าต้องราคาถูก แต่ต้องไม่ขึ้นลงวูบวาบ) เตรียมรับภาวะการส่งออกที่อาจชะลอตัว ด้วยการเพิ่มกำลังบริโภคภายในประเทศมาทดแทน มุ่งเพิ่มมูลค่าการค้าภาคบริการให้ถึง 47% ของ GDP (คือเพิ่มปีละ 4%) แปลว่า ไม่มุ่งขยายกำลังผลิตของโรงงานมากนักอีกต่อไป และพัฒนาชนบทให้เป็นเมือง จนได้สัดส่วนเมือง / ต่อชนบทเท่ากับ 51.5 / 48.5

ส่วนด้านเทคโนโลยี จีนตั้งงบวิจัยและพัฒนาเพิ่มเป็น 2.2% ของ GDP แปลว่า เราจะได้เห็นผลผลิตจาก Lab และนักคิดนักวิจัยของจีนเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดขึ้นอีกภายใน 5 ข้างหน้า จีนมุ่งจะทำให้มีสิทธิบัตรสิ่งประดิษฐ์ 3.3 ชิ้น / ประชากรหมื่นคน นี่จะทำให้คล้ายญี่ปุ่น เกาหลี ที่นักคิดนักประดิษฐ์นั้นก็คือ ประชาชนช่างคิดช่างประดิษฐ์นั่นเอง อาจเป็นการออกแบบกลไกง่าย ๆ แต่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน หรือ เป็นเครื่องมือที่ซับซ้อน แต่พยายามตอบโจทก์ที่ท้าทาย แม้ไม่ตอบสนองการใช้สอยในชีวิตประจำวัน แต่ก็จะเป็นพื้นฐานสำคัญให้เกิดการก้าวข้าม (Break though) ไปสู่สิ่งประดิษฐ์ที่ทรงมูลค่าสูง คล้ายกับกรณีหุ่นยนต์อะชิโมะของญี่ปุ่น โดยบริษัทฮอนด้าวันนี้ที่เดินได้ วิ่งได้ พูดได้ เท่านั้นแต่วันหน้ามันจะกลายเป็นคนขับรถให้มนุษย์ พร้อมบริการสารพัด เช่น ขับรถไปก็ทำการจองโต๊ะอาหาร จองตั๋วเครื่องบิน จ่ายค่าซักรีด หิ้วกระเป๋าไปเช็คอิน และกอดคุณตอนที่พบหน้าพร้อมอุ้มลูก ๆ ของคุณ และสุนัขจากที่บ้านไปรอรับคุณที่สนามบินก็ได้

ด้านสิ่งแวดล้อม จีนมุ่งประหยัดการใช้พลังงานให้ได้ 16% ลดการปล่อยก๊าซ CO2 17% เพิ่มพื้นที่ป่าไม้เป็น 21.6% เพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้ได้ 11.4% และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้น้ำต่อหน่วย 30% (เพราะน้ำใต้ดินของโลกเข้าถึงภาวะวิกฤตแล้ว)

ด้านการเกษตร จีนจะผลิตธัญพืชให้ได้ไม่ต่ำกว่า 540 ล้านตัน จะรักษาพื้นที่เกษตรให้ไม่ต่ำกว่า 1,818 หมู่

ด้านสังคม จีนจะคุมประชากรให้อยู่ที่ 1,390 ล้านคนใน 5 ปี ข้างหน้า จะเพิ่มอายุขัยเฉลี่ยของคนสูงวัยเพิ่มอีกหนึ่งปี สร้างที่อยู่อาศัยราคาถูกให้ผู้มีรายได้ต่ำกว่า 36 ล้านยูนิต เพิ่มค่าแรงขั้นต่ำอย่างน้อย 13% / ปี น่าสนใจที่สุดคือ จะเพิ่มจำนวนอาสาสมัครสังคมให้ได้ 10% ของประชากร นั่นคือ 139 ล้านคน (เพราะหัวใจของอาสาสมัครนั้น คือ พลังที่ยิ่งใหญ่ที่สุดที่ชาติใดก็ตามจะมีได้จริง เพราะสร้างสรรค์กว่า ถูกกว่า ทุ่มเทกว่า และมีหัวใจกว่าจ้าง)

อ่านดูแล้วน่าสนใจไหมครับ...

จีนส่งสัญญาณว่า จีนจะลดการพึ่งพาโลกภายนอกลงในระยะยาว แต่จะเน้นการขยายพลังเศรษฐกิจจากภายในประเทศตัวเองเป็นจุดเน้น (ซึ่งน่าจะมั่นคงกว่าควบคุมดูแลได้ดีกว่า) จีนจะก้าวสู่พลังงานร้างสรรค์ และก้าวสู่ผู้นำของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีข้อมูลข่าวสาร พลังงานทดแทน การลงทุนใน Low Carbon Society (สอดคล้องกับรายงานการลงทุน หรือ World Investment Report ของ UNCTAD) อุตสาหกรรมชีวภาพ
ซึ่งถือเป็นเศรษฐกิจสร้างสรรค์ทางวิทยาศาสตร์ และก้าวสู่การผลิตอุปกรณ์ชั้นสูง การใช้วัสดุใหม่ (Material Science) และผลิตรถยนต์พลังงานทดแทน

ภาพพจน์ของจีนกำลังจะเปลี่ยนอย่างยิ่งใหญ่ในช่วง 5 ปีนี้แล้วครับ ทัศนะของโลกที่ว่า จีน คือ โรงงานสกปรก ผลิตสินค้าโหล แรงงานไม่มีความรู้ ได้เปลี่ยนไปเป็นสิ่งที่โลกจะคุ้นเคยคล้ายแบรนด์เยอรมัน หรือเกาหลี
ที่ไฮเทคและเชื่อถือได้หรืออาจจะมากกว่านั้น

ส่งท้ายด้วยเรื่องที่ปรากฎในแผนเป็นครั้งแรกคราวนี้ คือ เรื่องพลังทางวัฒนธรรม หรือ Soft Power ของจีน ซึ่งจะกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการดำเนินนโยบายต่างประเทศของจีนในอนาคต จีนถือว่าจากจุดนี้เป็นโอกาสการเปลี่ยนธรรมเนียมการทำงานการทูตของโลกสากล ที่ยุโรปเคยครองและมีบทบาทมานาน โดยเฉพาะการที่โลกตะวันตกเห็นการเผชิญหน้าทางกฎหมายเป็นเรื่องปกติ แต่สำหรับโลกชาวตะวันออกอย่างจีนแล้ว มิตรภาพและความเข้าใจสำคัญกว่า เพราะถ้าคิดจะอยู่ร่วมต้องคิดอย่างเพื่อนอย่างมิตร ถ้าคิดจะอยู่รอดก็คิดอย่างนักกฎหมาย หรือทนายความ

ส่งท้ายด้วยคำ อาจารย์ประเวศ วะสี ที่เคยสอนผมว่า เวลาเราจะทำอะไรให้สำเร็จ ให้ถอดออกทุกหมวก อย่าเป็นนักอะไรทั้งนั้น อย่าเป็นนักบัญชี อย่าเป็นนักกฎหมาย อย่าเป็นนักการเมือง อย่าเป็นนักการทูต อย่าเป็นนักทหาร อย่าเป็นนักการศึกษา อย่าเป็นข้าราชการ แต่ให้เป็น... มนุษย์...ครับ

ขอจบลงด้วยจิตคารวะครับ

วีระศักดิ์ โควสุรัตน์
ผู้อำนวยการสถาบันระหว่างประเทศเพื่อการค้าและการพัฒนา


ที่มา: ผ่าแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติจีน ฉบับที่ 12 เดลินิวส์ออนไลน์ วันพฤหัสบดี ที่ 21 เมษายน 2554

No comments:

Post a Comment