ตำรวจภูธรภาค 3 แถลงจับกุมเจ้าของอู่เคาะพ่นสีรถยนต์รายใหญ่ อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ สวมซากเลขตัวถังรถ เลขแชสซีส์ ผบช.ภ.3 ฝากเตือนประชาชนก่อนซื้อขาย ให้ขนส่งตรวจสอบลงลึกอย่างละเอียด...
เมื่อวันที่ 21 มี.ค. ที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 3 อ.เมือง จ.นครราชสีมา พล.ต.ท.ภาณุ เกิดลาภผล ผบช.ภ.3 พร้อมด้วย พล.ต.ต.กรกต สาริยา รอง ผบช.ภ.3 พล.ต.ต.ประยนต์ ลาเสือ ผบก.ศสส.ภ.3 พ.ต.อ.ภาณุ บุรณศิริ รอง ผบก.สส.ภ.3 พ.ต.อ.นกันต์วุฒิ เลี่ยมสงวน ผกก.สส.2.ภ.3 พ.ต.อ.ประสงค์ เรืองเดช ผกก.หน่วยปฏิบัติการพิเศษ และชุดสืบสวนสอบสวน 2 ตร.ภ.3 ร่วมกันแถลงข่าวการจับกุมแก๊งสวมซากรถยนต์ และโจรกรรมรถยนต์ในพื้นที่
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ ศสส.ตร.ภ.3 ทราบเบาะแสขบวนการสวมซากรถยนต์ จึงสั่งการให้ ตร.ภ.นครราชสีมา, บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ร่วมกันสืบสวนหาข่าวแหล่งดัดแปลงสวมซากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ มาสวมกับรถยนต์ที่ถูกโจรกรรม หรือหลบหนีไฟแนนซ์ เพื่อทำให้เป็นรถยนต์ที่ถูกกฎหมาย มีหมายเลขทะเบียน หมายเลขเครื่อง หมายเลขตัวรถตรงตามสมุดคู่มือจดทะเบียน เพื่อหลีกเลี่ยงการจับกุมของเจ้าหน้าที่ตำรวจ รวมถึงการขยายผลถึงแหล่งจำหน่ายรถยนต์ที่สวมซากนี้
จากการสืบสวนของชุดปฏิบัติการ สส.2 ตร.ภ.3 เมื่อวันที่ 15 มี.ค.ที่ผ่านมา ได้ร่วมกับกำลังตำรวจ ภ.จว.บุรีรัมย์ นำหมายค้นจากศาลจังหวัดบุรีรัมย์เข้าตรวจค้นอู่สมศักดิ์ อะไหล่ยนต์ ซึ่งเป็นอู่เคาะพ่นสี เลขที่ 908/7-17 บ้านนางรอง ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ มีนายสมศักดิ์ บุญสะอาด อายุ 50 ปี เป็นเจ้าของอู่ มีพฤติการณ์รับซื้อซากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุ ผลการตรวจค้นพบรถยนต์กระบะบรรทุกยี่ห้ออีซูซุ รุ่นดีแม็คซ์ สีฟ้า ติดหมายเลขทะเบียน บธ 3916 ชัยภูมิ ขณะนั้นมีนายท็อปศิริ มิชาลี อายุ 40 ปี ชาว จ.อุบลราชธานี มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าช่างเชื่อม กำลังใช้เครื่องมือเชื่อมต่อเลขตัวรถอยู่บริเวณใต้ท้องรถ และพบชิ้นส่วนรถยนต์ยี่ห้อชนิดต่างๆ จำนวนมาก
นายกิตติศักดิ์ เจ้าของอู่ ให้การว่า รถยนต์คันดังกล่าวเป็นรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุจนไม่สามารถซ่อมได้ สั่งซื้อรถยนต์ที่มียี่ห้อ รุ่นและสีตรงกันมาจากนายถวิล ไม่ทราบนามสกุลและที่อยู่ ในราคา 120,000 บาท จากนั้นได้ให้นายท็อปศิริ ช่างเชื่อมฝีมือดีตัดเลขตัวรถเดิมออก แล้วนำเลขตัวรถของคันหมายเลข ทะเบียน บธ 3916 ที่เพิ่งซื้อมาเชื่อมต่อจนเสร็จเรียบร้อย เตรียมส่งขายให้เต็นท์รถมือสองต่อไป
นายกิตติศักดิ์ กล่าวด้วยว่า เปิดอู่มากว่า 10 ปีแล้ว เพิ่งมาคิดวิธีนี้พร้อมลงมือทำได้ 2-3 ปี มีรายได้พออยู่ได้ โดยซื้อซากรถมาในราคาถูก แล้วทำการดังกล่าว ก่อนจะส่งไปขายให้ตามเต็นท์รถยนต์มือสองในพื้นที่ จ.นครราชสีมา บุรีรัมย์ อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ ในราคาเท่ากับท้องตลาดแล้วแต่สภาพรถที่ได้มา ส่วนใหญ่จะอยู่ที่คันละ 300,000-400,000 บาท ทำมาแล้วนับร้อยคัน เป็นการซื้อมาขายไป มีรายได้หมุนเวียนหลายสิบล้านบาท
ตำรวจจึงได้แจ้งข้อกล่าวหานายกิตติศักดิ์ กับนายท็อปศิริ ร่วมกันลักทรัพย์หรือรับของโจร พร้อมส่งตัวให้พนักงานสอบสวน สภ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
นอกจากนี้ จากการตรวจสอบข้อมูล พบว่ารถยนต์คันดังกล่าวพบเอกสารหลักฐานเป็นบัตรประกันสุขภาพ ระบุชื่อนายพิทักษ์ สายบุตร อายุ 35 ปี ชาว จ.ชัยภูมิ หมายเลขทะเบียนเดิมคือ บบ 9896 อุบลราชธานี ถูกโจรกรรมไปเมื่อวันที่ 23 ก.พ. 2555 และได้แจ้งหายไว้ที่ สน.บางขุนเทียน กทม.แล้ว
ต่อมานายพิทักษ์ได้เดินทางมาดูรถที่หายไปด้วยตัวเอง พร้อมกับมอบช่อดอกไม้ขอบคุณ พล.ต.ต.ประยนต์ ลาสือ และชุด สส.ภ.3 นอกจากนี้จากการสืบสวนขยายผล ได้ทำการตรวจยึดรถยนต์ที่สวมซากและส่งไปจำหน่ายตามร้านจำหน่ายรถมือสองในพื้นที่ต่างๆ ของ ตร.ภ.3 รวมจำนวน 10 คัน
พล.ต.ท.ภาณุ กล่าวว่า พฤติกรรมผู้ต้องหารายนี้จะตระเวนรับซื้อซากรถยนต์ที่เกิดอุบัติเหตุตามสถานที่ต่างๆ และจะได้คู่มือการจดทะเบียนเล่มจริงมาด้วย จากนั้นจะตัดตัวเลขแชสซีส์รถ เลขตัวถังรถคันนั้นไว้ แล้วเสาะหารถที่ส่วนใหญ่เป็นรถขโมยในรุ่น ยี่ห้อ สีเดียวกันกับคันซากรถ จากนั้นเอาเลขที่ตัดไว้ไปสวมใส่รถคันที่ขโมยมาเชื่อมต่ออย่างแนบเนียนกลมกลืนด้วยความชำนาญ ก็จะได้รถคันใหม่ขึ้นมา แล้วนำไปส่งขายตามเต็นท์ต่างๆ ในราคาถูกกว่าท้องตลาดมาก ผู้ที่ซื้อต่อไม่รู้แน่นอน ฉะนั้นฝากไปยังประชาชนว่า การจะซื้อรถยนต์ตามเต็นท์ต่างๆ ถ้าสงสัยก็ขอให้เจ้าหน้าที่ขนส่งตรวจสภาพให้ละเอียดถี่ถ้วนรัดกุม
ที่มา:: ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 21 มีนาคม 2555
No comments:
Post a Comment