กู้ซื้อบ้านหลังแรกดอก 0%
นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมีนโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชนให้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตัว เอง โดยได้ดำเนินโครงการบ้านหลังแรก และโครงการแปลงเช่าเป็นค่าผ่อน ผ่านธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) โดยโครงการบ้านหลังแรกนั้น มีเงื่อนไขว่าต้องเป็นบ้านราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ซึ่งจะได้ดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 2 ปี พร้อมทั้งยกเว้นค่าธรรมเนียมจดจำนองและการโอน 3% ให้กู้นาน 30 ปี ทั้งนี้มีวงเงินให้กู้ภายใต้โครงการทั้งสิ้น 50,000 ล้านบาท
“สิทธิที่ประชาชนจะได้รับภายในรัฐบาลนี้คือ สิทธิค่าโอนและค่าจดจำนอง ในโครงการบ้านหลังแรก เพราะกำหนดเวลาให้ผู้สนใจยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ระหว่าง 1 พ.ค.-30 ธ.ค.นี้ และทำนิติกรรมภายใน 1 พ.ค. 55 ซึ่งโครงการบ้านหลังแรกเริ่มทำได้เลย แต่โครงการที่ 2 นั้น กำลังตัดสินใจว่าจะทำก่อนหรือหลังการเลือกตั้ง เนื่องจากอาจต้องใช้เวลาในการดำเนินการอีกนิดหน่อย”
สำหรับโครงการแปลงเช่าเป็นค่าผ่อนนั้น เป็นการนำแนวคิดของขบวนการประชาวิวัฒน์ ที่ใช้กับผู้ขับรถแท็กซี่มาแล้ว โดยเป้าหมายหลัก เพื่อให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสมีบ้านของตัวเอง ทั้งนี้ กระทรวงการคลังกำลังหารือกับธอส. เพื่อปล่อยสินเชื่อให้ผู้ที่ต้องการซื้อบ้านเป็นของตัวเองราคาไม่เกิน 1.5 ล้านบาท และจ่ายค่าเช่าไม่เกิน 5,000-10,000 บาทต่อเดือน ซึ่งที่ผ่านมาคนกลุ่มนี้มีปัญหาคือไม่มีเงินดาวน์ แต่หากมีแหล่งเงินกู้ให้เขา และนำเงินที่เคยเป็นค่าเช่ามาผ่อนชำระเงินกู้กับธนาคารแทน เชื่อว่าจะทำให้ผู้มีรายได้น้อยมีโอกาสมีบ้านเป็นของตัวเองได้ โดยที่ธอส.ต้องแยกบัญชีดำเนินตามนโยบายรัฐ (พีเอสโอ) เพื่อขอเงินชดเชยจากรัฐบาล
นอกจากนั้นยังมีแนวคิดที่จะจัดตั้งเป็นออกกองทุน เพื่อทำหน้าที่ในการปล่อยกู้เงินให้ผู้มีรายได้น้อยไปซื้อบ้านเป็นของตัวเอง แล้วผ่อนชำระกับกองทุนแทน ซึ่งกำลังหารือกับบรรษัทตลาดรองสินเชื่อเพื่อที่อยู่ (บตท.) และบรรษัทประกันสินเชื่อขนาดย่อม (บสย.) เพื่อให้เข้ามาค้ำประกันสินเชื่อ โดยแนวทางดังกล่าว ต้องออกเป็นพ.ร.บ.จัดตั้งกองทุน แต่ทั้งนี้ จะมีข้อดีคือกองทุนฯ สามารถนำสินเชื่อไปแปลงเป็นหลักทรัพย์ได้ เพื่อจะได้ระดมทุนมาปล่อยกู้ให้ผู้มีรายได้น้อยอีกทางหนึ่งด้วย
“แนวโน้มราคาบ้านจะปรับเพิ่มสูงขึ้นดังนั้นจึงเป็นวิธีการออมที่ดีที่สุดและ สร้างความมั่นคงแก่ประชาชนด้วย ซึ่งปัญหาที่พบคือ ไม่มีแหล่งเงินให้คนกลุ่มนี้ และเขาจะผ่อนบ้านไม่ได้ ถ้ารัฐบาลไม่มีโครงสร้างทางการเงินให้”
ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 23 เมษายน 2554
No comments:
Post a Comment