Thursday, October 6, 2011

14 ปีคดีฆ่าแม่ ส.ส.คมคาย สิ้นสุดการรอคอย ทีมสังหารชดใช้กรรม!!

--------------
ทีมสังหารชดใช้กรรม!!
--------------

เสียงระเบิดที่ดังกึกก้องเมื่อช่วงสายของวันที่ 6 ก.ย. 2540 ทำให้รถเบนซ์ ซี 220 ที่กำลังขับเข้าลานจอดรถภายในสถาบันราชภัฏรำไพพรรณี (ขณะนั้น) อ.เมือง จ.จันทบุรี ถูกแรงอัดและไฟไหม้จนกลายเป็นซาก และทำให้คนขับเสียชีวิตอย่างน่าสยดสยอง

คดีนี้กลายเป็นข่าวครึกโครม เพราะนอกจากเหตุการณ์จะเกิดขึ้นใจกลางเมืองแล้ว ผู้ที่เสียชีวิตยังเป็นคนดังของจังหวัด คือ นางปัทมา เฟื่องประยูร มารดาของนางคมคาย พลบุตร อดีต ส.ส.จันทบุรี และน่าตื่นตระหนกไปยิ่งขึ้น เมื่อพบว่าต้นตอที่ทำให้รถเบนซ์ระเบิดมาจากระเบิดแสวงเครื่องสั่งการด้วยรีโมตคอนโทรล ที่ถูกติดตั้งไว้ใต้ท้องรถ ช่วงที่รถต้องขับข้ามเนินลูกระนาดทำให้ท้องรถครูดไปกับพื้นซีเมนต์ จึงเกิดระเบิดขึ้น!!

ระเบิดลูกนี้สั่นสะเทือนไปถึงวงการสีกากี ทำให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ต้องระดมตำรวจมือดีเข้ามาทำคดี นำโดย พล.ต.อ.ณรงค์วิช ไทยทอง รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ พล.ต.อ.จุมพล มั่นหมาย พล.ต.อ.ปานศิริ ประภาวัต และพล.ต.ท.อัศวิน ขวัญเมือง จนสืบทราบว่าระเบิดที่คนร้ายนำไปติดตั้งใต้ท้องรถนั้น หมายจะสังหาร นายสนิท เฟื่องประยูร หรือ ส.จ.หนิด อดีต ส.จ.จันทบุรี ผู้เป็นสามีของนางปัทมา และบิดาของนางคมคาย แต่เกิดขัดข้องทางเทคนิค กดรีโมตไม่ได้ ทีมสังหารจึงล้มเลิก ขณะที่ระเบิดยังคงติดตั้งอยู่ เมื่อมารดานางคมคายนำรถไปใช้จึงรับเคราะห์แทน

โดยที่ชนวนเหตุมาจากการเมืองใน จ.จันทบุรี ที่ต่อสู้กันอย่างรุนแรง!!

ตำรวจพบว่าทีมสังหารมี จ.ส.ต.ทรงฤทธิ์ เทวานุรักษ์ หรือ "จ่าฤทธิ์" สายสืบ สภ.อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ร่วมอยู่ด้วย จึงสอบสวนจนเปิดปากสารภาพหมดเปลือก ว่าทีมสังหาร ประกอบด้วย นายประสงค์ แสงจันทร์ หรือ "หมู แก่งคอย" มือระเบิด นายเอกสิทธิ์ อยู่สุข หรือ "ส.จ.รักษ์" อดีต ส.จ.เลย นายสิทธิพร ขำอาจ หรือ "จ่ามี" อดีต ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคประชาธิปัตย์ จ.ส.อ.นิคม จิตรกุล หรือ "จ่าเปี๊ยก ซีโฟร์" นายกนกพล เอี่ยมสวัสดิ์ หรือ "เหน่ ซีโฟร์" นายโสภณ ปัทมานุช หรือ "แดงฟู" คนสนิทนักการเมืองชื่อดัง และนายจเร สุขเจริญ หรือ "เร ชาร์กกี้" ลูกน้องจ่าฤทธิ์ โดยมีผู้จ้างวานเป็นบุคคลในแวดวงการเมือง แต่ไม่มีพยานหลักฐานสาวไปถึง !?!

ต่อมานายกนกพล ชิงเข้ามอบตัวหลังมีข่าวจะถูกฆ่าปิดปาก พร้อมให้การสารภาพซัดทอดผู้เกี่ยวข้องทั้งหมด เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงดำเนินคดีและส่งฟ้องเป็นรายแรก ซึ่งศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ก่อนจะตามรวบตัวทีมฆ่าได้เกือบทั้งหมด ยกเว้นนายโสภณ หรือแดงฟู และส่งฟ้อง โดยที่กัน จ่าฤทธิ์ และไอ้เร ลูกน้องคนสนิทไว้เป็นพยาน ซึ่งอัยการได้แยกสำนวนฟ้องต่างหากกับนายกนกพล

เรื่องราวทำท่าจะยากขึ้นเมื่อ จ่าฤทธิ์และไอ้เร เสียชีวิต โดยที่จ่าฤทธิ์ใช้ปืนยิงตัวตาย ส่วนไอ้เรถูกมือปืนยิงตายคาบ้านพัก นอกจากนี้ จ่ามีซึ่งได้ประกันตัวออกมาระหว่างการพิจารณาคดีของศาลชั้นต้น ยังไปพัวพันกับการหายตัวไปอย่างลึกลับของ น.ส.อาทิตยา ภูทะวงศ์ อดีตนักแสดงช่อง 7 พร้อมหลานสาวอายุ 15 ปีเมื่อปี 2548 ถัดมาอีกปีเดียว จ่ามีก็ยังถูกตำรวจ จ.ราชบุรีจับกุมกลางโรงแรมขณะเสพยาไอซ์กับพรรคพวก

อย่างไรก็ตาม ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ พิพากษาให้ประหารชีวิต จ่ามี และ ส.จ.รักษ์ ในฐานะผู้จ้างวาน ประหารนายประสงค์ หรือหมู แก่งคอย และ จ.ส.อ.นิคม หรือ จ่าเปี๊ยก ซีโฟร์ มือระเบิด แต่ให้การสารภาพจึงลดโทษเหลือจำคุกตลอดชีวิต

จากนั้นเมื่อวันที่ 29 พ.ย. 2549 ชุดสืบสวนกองปราบปรามได้รวบตัวนายโสภณ หรือแดงฟู ผู้ต้องหาคนสุดท้ายของคดีนี้ ได้ที่ลานจอดรถตะวันนาเรสซิเด้น ซ.พหลโยธิน 32 โดยที่นายโสภณได้ตัดไฝที่เป็นเอกลักษณ์ของตัวเองออกและโกนผม เพื่อเปลี่ยนแปลงโฉมหน้าและอำพรางตัว และให้การปฏิเสธเรื่องการเสียชีวิตของนางปัทมา ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการดำเนินการตามกฎหมาย

และล่าสุด เมื่อวันที่ 4 ต.ค.2554 ศาลได้อ่านคำพิพากษาศาลฎีกาในคดีหมายเลขดำ อ.2346/2544 ที่พนักงานอัยการจังหวัดจันทบุรี เป็นโจทก์ฟ้อง นายกนกพล หรือเสน่ห์ เยี่ยมสวัสดิ์ หรือ "เหน่ ซีโฟร์" เป็นจำเลยร่วมกันฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองและเจตนาไว้ก่อน และความผิด พ.ร.บ.อาวุธปืน และเครื่องกระสุนปืนฯ พ.ศ.2490

คดีนี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษาลงโทษจำคุกตลอดชีวิต ศาลฎีกาประชุมปรึกษาหารือแล้ว เห็นพ้องด้วยกับคำพิพากษาศาลอุทธรณ์ให้ลงโทษจำคุกตลอดชีวิตจำเลย และให้นับโทษต่อจากคดีหมายเลขแดงที่ 3966/2548 ที่อัยการกองคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ฟ้อง นายกนกพล หรือเสน่ห์ จำเลยในคดีนี้ ฐานร่วมกันฆ่า นางสมศรี หรือริน บุญหมื่น โดยไตร่ตรองไว้ก่อน

ถือเป็นการรับผลกรรมที่ได้ก่อเอาไว้

ไทยรัฐออนไลน์ 5 ตุลาคม 2554

No comments:

Post a Comment