Wednesday, January 12, 2011

ส่วนลึกของคนเขมร (นิยมชมชอบคนไทย)

ย้อนหลังกลับไปในอดีต นิสัยคนเขมรมักยอมไทยมาโดยตลอด อาจจะเป็นเพราะความรู้สึกแย่กว่าทางด้านเศรษฐกิจ บวกกับสถานการณ์ในประเทศของตัวเองในตอนนั้นไม่ค่อยจะเรียบร้อย ทว่าขณะนี้เขมรสงบ ฝ่ายไทยกลับไม่เรียบร้อย ก็อาจจะมีเขมรบางส่วนมองคนไทยในทำนองที่เราเคยมองเขมรในอดีตบ้างเหมือนกันนะ ครับ

แม้ว่าจะระหองระแหงกินแหนงแคลงใจกัน ทว่าในส่วนลึกใต้บึ้งแห่งหัวใจของคนเขมร ก็ยังนิยมชมชอบและรักคนไทยมากกว่าเพื่อนบ้านชาติอื่น อาจจะมาจากเรื่องของความที่ในอดีตเขมรและไทยเคยอยู่ในแผ่นดินเดียวกัน คนเขมรก็เคยอยู่ภายใต้ร่มพระบรมโพธิสมภาร อาศัยพระบารมีแห่งพระมหากษัตริย์ไทยดำเนินชีวิตอยู่บนโลกใบนี้มาอย่างยาวนาน

ข่าว คนไทยยิงเขมรตาย ทหารไทยจับคนเขมร ตำรวจไทยไล่จับขอทานเขมร หรือแม้แต่ข่าวที่ "คนไทยหัวใจยังไม่รู้เรื่องศาสนา" ขึ้นเวทีปราศรัยด่าทอล่อเขมรอยู่เป็นเนืองนิตย์นั้น พวกนี้ก็เป็นเพียงข่าวชิ้นเล็กๆ เหมือน "ข่าวสั้นทันโลก" ในหน้า 15 ของ นสพ.ไทยรัฐนี่แหละ

ส่วนที่เป็นข่าวใหญ่ และเป็นข่าวที่อำนวยความยินดีปรีดาให้กับบรรดาเขมรทั้งชาตินั้น เป็นข่าวที่คนไทยกะคนเขมรดีกัน ทำงานด้วยกัน โดยทั่วไปคนเขมรสนใจแม้แต่ว่าคนไทยชอบทานอะไร หรือชอบอาหารรสไหน

นิติ ภูมิเข้าใจความรู้สึกอย่างนี้ได้ดีครับ เหมือนเมื่อก่อนตอนที่ยังเป็นเด็กเล็กอยู่ อายุสัก 7-10 ขวบ พอมีข่าวว่าคนกรุงเทพฯมาเยือนในตำบล แม้ว่าจะไกลแค่ไหน ผมกับเพื่อนก็จะชวนกันปั่นจักรยานไปดู อยากรู้ว่า คนกรุงเทพฯแต่งตัวยังไง พูดจาแบบไหน ผิวพรรณเป็นอย่างไร มารถอะไร แต่นิติภูมิก็ไม่กล้าเข้าไปยืนใกล้คนกรุงเทพฯดอกครับ เพราะกลัวพวกเขาหัวเราะเยาะภาษาและกลิ่นกายของผู้คนชนบท เมื่อคนกรุงเทพฯถาม ผมจะรู้สึกว่าชาไปทั้งตัว ตั้งแต่หัวจดเท้า เหมือนว่าจะลอยได้ ผมค่อยๆเขย่งเท้าตอบอย่างสุภาพ เพื่อนคนไหนได้พูดจากับคนกรุงเทพฯ ก็จะกลายเป็นคนเด่นในหมู่เพื่อนไปอีกหลายวัน มีการนำเอามาคุย มาล้อเล่นเลียนเสียงกันอยู่นาน

ผู้อ่านท่านผู้เจริญธรรม หัวใจของคนกัมพูชาส่วนใหญ่ก็เป็นเช่นนิติภูมิเมื่อสมัยก่อนตอนเป็นเด็ก ผู้อ่านท่านจะทราบไหมว่าข่าวใหญ่ที่ยังติดซึ้งตรึงใจคนเขมรอยู่จนทุกวันนี้ นี่ก็คือ ข่าวทหารไทยกะทหารเขมรดื่มเหล้าด้วยกันที่เวียลซ็อมบกขะมม แปลเป็นไทยได้ว่าที่บริเวณทุ่งรังผึ้ง เมื่อ 14 พฤศจิกายน 2551 แม้ว่าจะผ่านไปได้ 2 ปีกว่า ทว่าก็ยังมีการพูดจาเรื่องนี้กันอยู่

เหล่า นี้คือตัวหัวยักษ์และหัวรอง รวมทั้งเนื้อข่าวบางตอน ในหนังสือพิมพ์เขมร "พวกเขาร้องตะโกนกันทั้งสองฝ่ายว่า สถานที่แห่งนี้จะไม่เป็นที่นองเลือดอีกต่อไปแล้ว" "แม้ว่าระดับบนจะเจรจากันตึงเครียด หรือทุเลาเบาบางกันอย่างไร พวกเขาก็ไม่สนใจ" "ทหารกองกำลังเขมรัฐภูมินทร์นายหนึ่งกล่าวว่า งานเลี้ยงในวันนี้ แม้ว่าจะเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ แต่เราได้สร้างความใกล้ชิดสนิทรักใคร่ซึ่งกันและกันมาก"

สื่อเขมร รายงานว่า "งานเลี้ยงนี้ ไม่มีเครื่องดนตรีก็จริงอยู่ แต่ทหารทั้งสองฝ่ายได้เอากระติกน้ำ กะละมัง กระป๋อง หม้อ ฯลฯ มาทำเป็นเครื่องดนตรี ทหารไทยใจดีไปซื้อเนื้อวัวย่างจิ้มด้วยปลาร้าทรงเครื่อง พร้อมด้วยเครื่องเคียงมาจากตลาดในประเทศของเขา แต่เนื่องจากงานยิ่งสนุกสนานขึ้นเรื่อยๆ และกับแกล้มที่มีอยู่ก็ร่อยหรอลงมาก ทหารไทยจึงขับรถมอเตอร์ไซค์ออกไปหาซื้อกับแกล้มมาเพิ่ม" "งานเลี้ยงดำเนินไปได้ประมาณ 9 ชั่วโมง เริ่มตั้งแต่ตอนเช้าจนกระทั่งถึงบ่ายแก่ๆ"

"ทหารไทยกลายเป็นพ่อครัว ทำกับแกล้มมากมายหลายชนิด แต่พวกเขาใส่พริกเยอะมาก" "พวกเรารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ได้ใกล้ชิดและมีมนุษยสัมพันธ์อันดีต่อกัน" "ทหารไทยได้บอกกับทหารกัมพูชาว่า เราอย่าคิดแต่เรื่องการปะทะกันอีกต่อไปเลย หากว่าระดับบนสั่งให้พวกเราเผชิญหน้ากันโดยอาวุธ ก็ให้เราร่วมกันทิ้งอาวุธและยึดเอาสันติภาพแทน"

"พวกทหารไทยถือว่าระดับบนของพวกเขาเป็นผู้สร้างปัญหาหลายอย่างทำให้ประเทศไทยต้องมาพบกับวิกฤติในทุกวันนี้"

"เมื่องานเลี้ยงยุติลง ทหารไทยและทหารกัมพูชาแยกย้ายกันกลับฐาน"

"พวกเขาเดินโซซัดโซเซกันทุกคน เพราะเมาเหล้าขาว"

"นิติภูมิ นวรัตน์"

ข่าวที่อำนวยความยินดีปรีดาให้กับบรรดาเขมรทั้งชาตินั้น เป็นข่าวที่คนไทยกะคนเขมรดีกัน ทำงานด้วยกัน โดยทั่วไปคนเขมรสนใจแม้แต่ว่าคนไทยชอบทานอะไร หรือชอบอาหารรสไหน

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ 7 มกราคม 2554

No comments:

Post a Comment