มีเรื่องราวเกี่ยวกับทุนการศึกษาสำหรับบุตรเจ้าหน้าที่ของรัฐที่ประสบภัย จากการปฏิบัติหน้าที่ไม่ว่าจะเสียชีวิตหรือทุพพลภาพมาให้รับทราบ
เรื่อง นี้ไม่ค่อยได้รับรู้กันอย่างแพร่หลายมากนัก ทั้งๆที่ข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐเหล่านั้นได้เสียสละตัวเองอย่างใหญ่ หลวงเพื่อชาติบ้านเมืองซึ่งย่อมต้องได้รับการช่วยเหลือดูแลจากรัฐเพื่อเป็น การตอบแทนในวีรกรรม
ทั้งนี้ นายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ได้สรุปเรื่องราวมาให้ทราบว่า
คณะ รัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการให้ความช่วยเหลือแก่บุตรของเจ้า หน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย การปราบปรามยาเสพติด ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่
โดยมีการให้ความช่วยเหลือให้เป็นทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องและเงินยังชีพรายเดือนจนจบปริญญาตรี ดังนี้
1.เงินยังชีพรายเดือน อนุบาล/ประถมศึกษา 1,000 บาท เด็กเล็ก/กศน./ปวช./มัธยมศึกษา 1,500 บาท ปริญญาตรี/อนุปริญญา/ปวส. 2,500 บาท
2.เงิน ทุนการศึกษารายปี ปฐมวัย/กศน. 5,000 บาท อนุบาล/ประถมศึกษา 6,000 บาท มัธยมศึกษา/ปวช. 10,000 บาท ปริญญาตรี/อนุปริญญา/ปวส. 20,000 บาท
การ ยื่นขอรับความช่วยเหลือ ให้ยื่นขอรับทุน ยื่นขอรับความช่วยเหลือต่อหน่วยงานต้นสังกัดทั้งในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค โดยให้หน่วยงานต้นสังกัดรวบรวมเอกสารหลักฐานส่งให้ศูนย์ประสานการช่วยเหลือ ทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องและเงินยังชีพรายเดือน สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี
บุตรเจ้าหน้าที่ของรัฐที่มีสิทธิได้ รับการช่วยเหลือทุนการศึกษาตามระเบียบของทางราชการอยู่แล้วในเหตุเดียวกัน นี้ ให้ได้รับทุนการศึกษาทางเดียว
กลไกการช่วยเหลือมีคณะกรรมการ พิจารณาให้ความช่วยเหลือทุนการศึกษารายปีต่อเนื่องและเงินยังชีพรายเดือนแก่ บุตร เจ้าหน้าที่ของรัฐที่ปฏิบัติหน้าที่ในการรักษาความมั่นคง การรักษาความสงบเรียบร้อย และการปราบปรามยาเสพติดทั่วประเทศ ที่เสียชีวิตหรือทุพพลภาพจากการปฏิบัติหน้าที่ เรียกย่อว่า "คทช." มีปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่ นายสมพาศ นิลพันธ์ ผู้อำนวยการกองการเจ้าหน้าที่ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โทร. 08-1804-6777 หรือศูนย์ประสานการช่วยเหลือฯ โทร.0-2828-6270 หรือดูรายละเอียดที่ www.opm.go.th หัวข้อ ศูนย์ประสานการช่วยเหลือทุนการศึกษาฯ
เรื่องดังกล่าวเจ้าหน้าที่ของรัฐและหน่วยงานของรัฐยังไม่ค่อยทราบ และมีผู้ยื่นขอรับสิทธิน้อยมาก จึงบอกกล่าวมาให้ทราบโดยทั่วกัน.
"ซี.12"
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ ซี.12 2 มีนาคม 2554
No comments:
Post a Comment