Friday, July 26, 2013
'เสพยาไอซ์' ทำให้ อ้วน หน่้าแก่ ตายไม่สวย
อธิบดีกรมอนามัย ซัดเสพยาไอซ์ แล้วผอมแป๊ป แล้วอ้วนหนักกว่าเดิม ขาวแบบซีดเพราะระบบเลือดเสียหาย หน้าแก่ ย้ำมั่วยานัน้ อันตรายกว่ายาบ้า 4-5 เท่า อันตรายถึงตาย.. (ศพไม่สวย)
เป็นเรื่องที่สร้างความสับสนให้กับสังคมอย่างยิ่ง จากกรณีที่เป็นข่าวว่อนในโลกสังคมออนไลน์ นักแสดงหญิงซีรีส์ดัง "ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น" ที่กำลังฮิต และมาแรงในตอนนี้ มีภาพหลุด นางเอกซีรีส์เรื่องดังกล่าวที่กำลังทำท่าเสพยาอยู่ และตอนนี้มีข่าวว่าเจ้าตัวก็ได้ออกมายอมรับแล้วว่า เคยลองเสพจริงๆ แต่เสพฯเพียงแค่หนึ่งครั้ง ไม่ได้เสพติด และได้มีคนบอกมาว่าเสพยาไอซ์จะช่วยทำให้ผิวขาว หน้าใส ผอมลงอย่างรวดเร็ว
ล่าสุด นายแพทย์เจษฎา โชคดำรงสุข อธิบดีกรมอนามัย ออกมากล่าวผ่านไทยรัฐออนไลน์ถึงความเชื่อในเรื่องของสาวๆ ที่เชื่อกันมาตลอดเวลาว่าการเสพยาไอซ์จะทำให้ขาว ผอม หน้าใสได้จริงว่า เป็นไปไม่ได้เลย 100% ยาไอซ์ มีความรุนแรงกว่ายาบ้าเป็น 4-5 เท่า ยาพวกนี้ เวลาเสพฯเข้าไปแล้ว จะมีผลข้างเคียง คือ ในช่วงต้นๆ ที่มีการเสพใหม่ๆ จะทำให้ใจสั่น เบื่ออาหาร และพวกนี้จะมีผลต่อระบบการไหลเวียนของโลหิตต่างๆ แต่พอเสพนานๆ ไปสักพักหนึ่ง เริ่มจะมีการชินกับยาแล้วจะกลับมากินอาหารได้เหมือนเดิม และทำให้อ้วนเหมือนเดิม
"ส่วนในแง่ที่ว่าผิวขาวนั้นไม่จริงใหญ่เพราะพวกยาไอซ์ จะไปทำให้เส้นเลือดหดตัว พอเส้นเลือดหดตัว เส้นเลือดที่จะไปเลี้ยงที่ผิวหนังหรือสมองจะลดลง โดยเฉพาะเลือดที่ไปเลี้ยงที่ผิวหนังจะลดลง และทำให้ผิวซีด ไม่ใช่ขาวมันซีดเหมือนคนที่ขาดเลือด ซึ่งจริงๆ ดูแล้วจะทำให้คนแก่ลงไปด้วยซ้ำ และที่สำคัญขณะนี้มีการพิสูจน์แน่นอนแล้วว่า เอกซเรย์ด้วยคอมพิวเตอร์ และพวกที่เสพต่างๆ จะทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลง และจะมีการทำลายระบบประสาท ความจำ การอ่าน ฯลฯ ก็จะเสียไปด้วย ทั้งนั้นมันเป็นไปไม่ได้แน่นอน 100% ที่จะทำให้ขาว ผอม อาจเป็นการเข้าใจผิดซะมากกว่า"
อธิบดีกรมอนามัย ได้ตำหนิดาราสาวที่ออกมาให้ข่าวว่า ไม่สมควรที่จะสื่อออกไปเลย จะทำให้พวกเด็กมีการเลียนแบบ ซึ่งมันเป็นการเลียนแบบที่ผิด จริงๆ ควรจะสื่อออกไปว่า จะต้องการให้ ขาว ผอม มันเกี่ยวกับ เรื่องการกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ มีอารมณ์ที่ดี มีสุขภาพจิตที่ดี และมีการออกกำลังกายที่เหมาะสมอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อย อาทิตย์ละ 3 วัน วันละ 30 นาที สิ่งเหล่านี้จะทำให้ผิวพรรณดีตามไปด้วย คนที่มีอารมณ์ดีสุขภาพดีจะทำให้ผิวพรรณสวยเปล่งปลั่งไปให้ตัวอยู่แล้ว
"ย้ำอีกทีว่าความแรงของยาไอซ์แรงกว่ายาม้าอยู่ 4-5 เท่า การเสพมากๆ คนที่มีสุขภาพไม่ค่อยดีอยู่แล้ว หรือการเสพยาไอซ์ร่วมกับยาอื่นต่างๆ อาจทำให้เสียชีวิตได้ ก็ควรจะหลีกเลี่ยง" อธิบดีกรมอนามัยกล่าวสรุป
ขณะที่ นพ.ประดิษฐ สินธวณรงค์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ไทยกำลังเผชิญปัญหาการหวนกลับมาแพร่ระบาดของยาเสพติด ซึ่งพยายามดึงดูดกลุ่มเด็กและเยาวชนที่เป็นวัยอยากรู้อยากลอง โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงให้เสพยาไอซ์ โดยสร้างความเชื่อปลูกฝังค่านิยมผิดๆ ว่า เป็นยาของคนมีเงิน หรือกลุ่มไฮโซ เสพแล้วจะทำให้ผอม ผิวพรรณดี ไม่มีกลิ่นตัว ทั้งที่จริงแล้วเป็นสารตัวเดียวกับยาบ้า คือเมทแอมเฟตามีน ที่นิยมใช้กันในกลุ่มคนใช้แรงงาน ขับรถระยะเวลานาน เช่น รถสิบล้อ รถส่งของ แต่สร้างภาพเพื่อยกระดับให้มีราคาสูงขึ้น
อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่ายาชนิดนี้เมื่อเสพแล้วจะทำให้ไม่เกิดความอยากอาหาร ผู้เสพจึงผอมลง เมื่อเสพติตต่อกันในระยะยาวจะทำให้ร่างกายทรุดโทรม เซลล์ประสาทสมองจะถูกทำลายทำให้ความคิดไม่ว่องไว ไม่เป็นเหตุเป็นผล ความจำไม่ดี หากเสพเกินขนาดจะเกิดพิษเฉียบพลัน ทำให้หัวใจเต้นเร็ว เต้นผิดจังหวะ เกิดปัญหาหัวใจวายเฉียบพลัน เสียชีวิตได้ง่ายๆ บางรายอาจเกิดอาการประสาทหลอน เกิดอุบัติเหตุได้ และที่น่าห่วงเมื่อคนเสพยาไอซ์ จะมีอาการเหมือนคนเสพยาบ้า เพราะสารเมทแอมเฟตามีน จะออกฤทธิ์กระตุ้นจิตประสาท เช่น กระฉับกระเฉง อารมณ์ดีผิดปกติ นอนไม่หลับ ไม่อยากกินอาหาร แต่อาการจะรุนแรงกว่า และเกิดอาการทางจิตประสาทได้เร็วกว่ายาบ้า เพราะมีสารเมทแอมเฟตามีนเข้มข้นสูงมากกว่า 90% ขณะที่ยาบ้าเป็นเมทแอมเฟตามีนที่มีส่วนผสมอื่นๆ เพื่อทำให้มีลักษณะเป็นเม็ด
ทั้งนี้ จากข้อมูลของสถาบันธัญญารักษ์ในรอบ 4-5 ปีที่ผ่านมา ผู้ที่เข้ารับการบำบัดสารเมทแอมเฟตามีน เป็นผู้เสพไอซ์อย่างเดียว เสพไอซ์ร่วมกับยาบ้า หรือสารเสพติดอื่นๆ เข้ารับการบำบัดเพิ่มขึ้นประมาณ 20-30% จากเดิมที่เป็นผู้เสพยาบ้าอย่างเดียว ที่น่าห่วงไปกว่านั้นพบว่า ผู้เข้ารับการบำบัดมีอาการทางจิตร่วมด้วย เช่น ประสาทหลอน หวาดระแวงเพิ่มขึ้น จากเดิมที่เคยพบเพียง 20% เพิ่มเป็น 45% ในปี 2555
สำหรับการบำบัดรักษายาไอซ์ ยาบ้า หรือสารกระตุ้นประสาททั้งหลาย ยังไม่มียารักษาเฉพาะ จะใช้การรักษาตามอาการ ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักจะมีอาการซึมเศร้า บางรายรุนแรงถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย จะใช้ยาต้านการซึมเศร้า สิ่งสำคัญคือการฟื้นฟู เนื่องจากสารเมทแอมเฟตามีนจะเข้าไปทำลายเซลล์สมอง เซลล์ประสาท เป็นโรคที่เรียกว่าโรคสมองติดยา ต้องใช้เวลาในการบำบัดรักษาและฟื้นฟูอย่างน้อย 3-4 เดือน และติดตามดูแลช่วยเหลือหลังผ่านการบำบัด 1 ปี เพื่อไม่ให้กลับไปเสพซ้ำอีก โดยกระทรวงสาธารณสุข มีความพร้อมในการบำบัดรักษา แต่ปัญหาที่พบคือผู้เข้ารับการบำบัดจำนวนไม่น้อยที่ออกจากกระบวนการบำบัดกลางคัน ทำให้กลับไปเสพซ้ำ ขณะที่ผู้ผ่านการบำบัดครบระยะเวลา สามารถเลิกเสพยาถาวรถึง 90 %
พร้อมย้ำว่า อยากให้สังคม ครอบครัว เพื่อนฝูงเปิดกว้างรับผู้ที่เสพยา ผู้ติดยา ว่าเป็นผู้ป่วย ช่วยเหลือสนับสนุนในการเข้ารับรักษา รวมทั้งให้โอกาสในการกลับไปใช้ชีวิตในการเรียน การทำงานโดยไม่มีการรังเกียจกีดกัน เพื่อไม่ให้หวนกลับเข้าสู่วงจรเดิมซ้ำอีก โดยผู้ที่หลงผิดและเสพยาไปแล้ว ยังมีวิธีการช่วยทัน สามารถโทรปรึกษาที่สถาบันธัญญารักษ์ สายด่วน 1165 ตลอด 24 ชั่วโมง
**ล้อมกรอบ**
ยาไอซ์ ยานรกราคาแพงที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาทนั้น มันมีชื่อทางเคมีว่า เมทแอมเฟตามีนไฮโดรคลอไรด์ ที่อยู่ในรูป เมทแอมเฟตามีนในรูปผลึกใส Crystal Methamphetamines Hydrochloride ความบริสุทธิ์สูง สังเคราะห์จากสารอีเฟดรีน (Ephedrine) ชื่อ “ICE” เรียกตามลักษณะที่ปรากฏ คือ ก้อนผลึกใสเหมือนน้ำแข็ง ปัจจุบันจัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522
ยานรกนี้มีชื่อหลากไปแล้วแต่แหล่ง ไอซ์ คือชื่อตามท้องถนน ที่เรียกดังนี้เพราะมักปรากฏในรูปแบบของผลึกโปร่งใสคล้ายกระจกหรือก้อน น้ำแข็ง ซึ่งอาจมีสีสันหลากกันไป จะเป็นสีชมพู สีฟ้าหรือเขียว ชื่ออื่นๆของไอซ์ ได้แก่ meth, crystal meth, shabu, glass, krank, tweak และ tina แล้วแต่จะนิยมเรียกในแหล่งนั้นๆ
สำหรับอาการของผู้เสพยานรกนี้ จะทำให้รู้สึกตื่นตัวบดบังความรู้สึกเหนื่อยล้า รู้สึกเคลิ้มฝัน อยู่นิ่งไม่ได้ นอนไม่หลับ ก้าวร้าว และรู้สึกเชื่อมั่นในตัวเองเกินไป ถ้าเสพในขนาดยาที่สูงจะเพิ่มความต้องการทางเพศ ซึ่งอาจนำไปสู่การสำส่อนทางเพศ และอาจนำไปสู่การติดเชื้อเอดส์ได้
บทลงโทษเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษ
ผู้จำหน่ายหรือมีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง น้ำหนักไม่เกิน 100 กรัม จำคุกตั้งแต่ 5 ปี ถึงตลอดชีวิต และปรับตั้งแต่ 50,000-500,000 บาท เกิน 100 กรัม ประหารชีวิตหรือจำคุกตลอดชีวิต
มีเฮโรอีนไว้ในครอบครอง โทษจำคุกตั้งแต่ 1-10 ปี และปรับตั้งแต่ 10,000-100,000 บาท
ผู้เสพเฮโรอีนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน-10 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000-100,000 บาท
มีกัญชาไว้ในครอบครองเพื่อจำหน่าย โทษจำคุกตั้งแต่ 2-15 ปี และปรับตั้งแต่ 20,000-150,000 บาท
ผู้ใดเสพกัญชา จำคุกไม่เกิน 1 ปี และปรับไม่เกิน 10,000 บาท
มีกัญชาไว้ในครอบครอง โทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี และปรับไม่เกิน 50,000 บาท
ผลิต (ปลูก) กัญชา จำคุกอย่างต่ำ 2 ปี และปรับอย่างต่ำ 20,000-150,000 บาท สารระเหย สารเสพติด ผิดกฎหมาย
Cr:: ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์ 26 กรกฎาคม 2556
Labels:
อันตราย อุบัติเหตุ
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment