ผลวิจัยพบว่าคนอ้วนมีความเสี่ยงที่จะเสียชีวิตในอุบัติเหตุรถชนมากกว่าคนที่มีน้ำหนักตัวปกติถึงร้อยละ 80
นักวิจัยด้านความปลอดภัยทางการขนส่งจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย เบิร์กลีย์ และมหาวิทยาลัยเวสต์เวอร์จิเนีย ศึกษาระบบรายงานการวิเคราะห์การเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ (เอฟเออาร์เอส) ซึ่งเป็นคลังข้อมูลเกี่ยวกับอุบัติเหตุบนท้องถนน โดยศึกษาข้อมูลจากปี 2539-2551 ครอบคลุมกรณีอุบัติเหตุรถชนกัน 2 คัน กว่า 57,000 ราย โดยตัดกรณีอื่นๆ ออกจนเหลือเพียงกรณีที่ทั้งสองฝ่ายขับรถที่มีขนาดและชนิดคล้ายกัน จากนั้นจึงเปรียบเทียบความเสี่ยงการเสียชีวิตกับดัชนีมวลกาย (บีเอ็มไอ) ของผู้เสียชีวิต ซึ่งคำนวนจากการนำน้ำหนักเป็นกิโลกรัม หารด้วยความสูงเป็นเมตรยกกำลังสอง คนวัยผู้ใหญ่ที่มีดัชนีบีเอ็มไออยู่ระหว่าง 18.5-24.9 ถือว่ามีน้ำหนักปกติ ถ้าต่ำกว่านี้ถือว่าน้ำหนักต่ำกว่าปกติ ส่วนคนที่มีดัชนีบีเอ็มไออยู่ระหว่าง 25.0-29.9 ถือว่าน้ำหนักตัวเกินปกติ และคนที่มีดัชนีบีเอ็มไอ 30.0 ขึ้นไป ถือว่าเป็นโรคอ้วน
นักวิจัยพบว่าผู้ขับขี่รถที่น้ำหนักน้อยกว่าปกติมีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 19 เปรียบเทียบกับคนน้ำหนักปกติ ขณะที่คนที่เป็นโรคอ้วนซึ่งมีดัชนีบีเอ็มไออยู่ระหว่าง 30-34.9 มีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 21 และคนที่เป็นโรคอ้วนซึ่งมีดัชนีบีเอ็มไอระหว่าง 35-39.9 มีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละ 51 ส่วนคนที่เป็นโรคอ้วนขั้นรุนแรงซึ่งมีดัชนีบีเอ็มไอ 40.0 ขึ้นไป มีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มขึ้นร้อยละถึงร้อยละ 80 นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบว่าหญิงที่เป็นโรคอ้วนมีความเสี่ยงเสียชีวิตสูงกว่าปกติ โดยหญิงที่เป็นโรคอ้วนซึ่งมีดัชนีบีเอ็มไอระหว่าง 35-39.9 มีความเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่มเป็นสองเท่าเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่น้ำหนักปกติ
นักวิจัยตั้งข้อสังเกตว่า คนที่เป็นโรคอ้วนมักได้รับบาดเจ็บในอุบัติเหตุทางรถยนต์ต่างจากคนที่น้ำหนักปกติ ข้อมูลจากหน่วยรักษาพยาบาลผู้ป่วยขั้นวิกฤติ (ไอซียู) ระบุว่าผู้ป่วยที่เป็นโรคอ้วนมีแนวโน้มได้รับบาดเจ็บที่หน้าอกมากกว่าปกติ แต่มีแนวโน้มได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะน้อยกว่า และมีแนวโน้มมีอาการแทรกซ้อนมากกว่า อีกทั้งต้องพักรักษาตัวในโรงพยาบาลนานกว่า และมีแนวโน้มเสียชีวิตจากอาการบาดเจ็บด้วย ทั้งนี้นักวิจัยกล่าวว่าสาเหตุอาจเป็นเพราะระบบรักษาความปลอดภัยในรถยนต์ อาทิ เข็มขัดนิรภัยถูกออกแบบมาสำหรับคนที่มีน้ำหนักปกติ และไม่ใช่สำหรับคนที่เป็นโรคอ้วน
No comments:
Post a Comment