เป็นเรื่องที่น่าสนใจในระดับน่าค้นหา ไทยรัฐออนไลน์มีโอกาสได้พูดคุยกับ ว.วชิรเมธี พระนักเทศน์มือทองในเมืองไทย ถอดรหัสความเป็น เซน ของสตีฟ จ็อบส์ บุรุษผู้ล่วงลับ
“สตีฟ จ็อบส์ สนใจในปรัชญาเซน….” ว.วชิรเมธีบอกว่าจ็อบส์เกิดมาในยุคซิตี้ อเมริกาทำสงครามกับทั่วโลก คนในยุคนั้นจึงเป็นคนที่ต่อต้านสงครามและหันหลังให้กับสังคม
“ณ เวลานั้นเอง ญี่ปุ่นก็เข้าไปในอเมริกา ลัทธิของกูรูจากอินเดียก็เข้าไปในอเมริกา สตีฟ จ็อบส์ ได้กลิ่นอายของจิตวิญญาณ และเขาก็เป็นบุปผาชน หรือเป็นฮิปปี้คนหนึ่ง พุทธปรัชญา สนใจเซน เขาไปอยู่สำนักเซนถึง 18 เดือน ไปอยู่อินเดียถึง 7 เดือน เพราะจะแสวงหาคำตอบทางจิตวิญญาณว่า แท้ที่จริงสิ่งที่ดีที่สุดที่มนุษย์คนหนึ่งควรจะได้รับคืออะไร แสดงว่าเขามาสนใจ เพราะบริบทของอเมริกา มันเป็นบริบทของจิตวิญญาณ เขาศึกษาลัทธิหลายลัทธิด้วยกัน แต่สุดท้ายเขาเลือกเซน เพราะมันตอบชีวิตเขาได้ว่า เซนนั้นเต็มไปด้วยความเรียบง่าย แต่มีความสุขลุ่มลึก แท้ที่จริง เซนก็คือพุทธศาสนานั่นเอง"
และนี่คือสิ่งที่เราทุกๆ คน ควรเรียนรู้ทั้ง 5 ข้อ
1. ทำในสิ่งที่รัก สตีฟ จ็อบส์ พูดเสมอว่า ที่เขาประสบความสำเร็จ เพราะเขาได้ทำในสิ่งที่เขารัก เขาจะไม่ไปเสียเวลาทำในสิ่งใดก็ตามที่เขาไม่มีความจริงจัง คลั่งไคล้ใหลหลง พอเขาได้ทำในสิ่งที่รัก เขาก็ประสบความสำเร็จ ซึ่งหลักตรงนี้ ตรงกับหลักของพระพุทธเจ้า ในอิทธิบาท 4 พระพุทธเจ้าบอกว่า คนที่อยากประสบความสำเร็จ ต้องมีฉันทะ ทำในสิ่งที่รัก ดังนั้น สตีฟ จ็อบส์ เขาทำตรงเป๊ะเลย
2. ทำสิ่งนั้นให้ดีที่สุด ถ้าไม่ดีที่สุด อย่าเสียเวลาไปทำ
3. เป็นคนที่กล้าคิดต่าง ทำให้โลกนี้มีคนอย่างสตีฟ จ็อบส์ เขาบอกว่า ถ้าเขาคิดเหมือนคนอื่น เขาก็ไม่สามารถสร้างนวัตกรรมอะไรได้ ฉะนั้น เขากล้าคิดต่าง กล้าคิดนอกกรอบ นวัตกรรมของเขาจึงเป็นนวัตกรรมที่ล้ำยุคมาก
4. สตีฟ จ็อบส์ นั้น เป็นสุดยอดของมืออาชีพ เวลาที่เขาจะพรีเซนต์นวัตกรรม เขาศึกษาทุกสิ่งทุกอย่าง แม้กระทั่งขวดน้ำที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ เขาก็ไปหมุนเกลียวดูว่า มันมีเกลียวหมุนยังไง แม้แต่แสงไฟที่ส่องลงบนเวที สตีฟ จ็อบส์ ก็ไปเช็กดูว่า มันเหมาะสมมั้ย สตีฟ จ็อบส์ ดูทุกรายละเอียด ขนาดลงลึกระดับพิกเซล
"ถ้าคุณอยากประสบความสำเร็จ คุณต้องทำงานแบบมืออาชีพ อย่าคิดว่าตัวเองเก่งแล้ว แน่แล้ว ไม่ต้องฝึก ขนาดสตีฟ จ็อบส์ ยังต้องฝึกทุกครั้งก่อนลุกขึ้นพูดบนเวที ทำอะไรก็ตาม อย่าทำทิ้งๆ ขว้างๆ แบบว่าขอไปที ให้ทำอย่างคนที่เป็นมืออาชีพ"
ประการสุดท้าย คือ สตีฟ จ็อบส์ บอกว่า ผมอยากเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้น อาตมาคิดว่า สำคัญมาก คนบางคนเกิดมาเพื่อให้โลกนี้แย่ลง แต่สตีฟ จ็อบส์ บอกว่า อยากเปลี่ยนโลกนี้ให้ดีขึ้น ถ้าเราคนไทยบอกว่า ผมอยากเปลี่ยนประเทศไทยให้ดีขึ้น และลงมือทำอย่างสตีฟ จ็อบส์ ประเทศไทยจะไปได้ไกลกว่านี้
การเสียชีวิตไม่เสียเปล่า หากเราเรียนรู้...!!
ที่มา: 'ว.วชิรเมธี' เจาะธรรมผ่าน 'สตีฟ จ็อบส์'!!! ไทยรัฐออนไลน์ไลฟ์สไตล์ วันจันทร์ที่ 26 ธันวาคม 2554 'ว.วชิรเมธี' เจาะธรรมผ่าน 'สตีฟ จ็อบส์'!!!
------------------
หลากทัศนะ 'สาวกแอปเปิล' กับ งานเปิดตัวหนังสือ'สตีฟ จ็อบส์'!
เป็นไปอย่างครึกครื้นกับงานเปิดตัวหนังสือ "สตีฟ จ็อบส์" โดยวอลเตอร์ ไอแซคสัน ของเนช่ันบุ๊คส์ เมื่อวันที่ 14 ธันวาคม 2554 ที่ผ่านมา แม้ว่าจะมีหนังสือเกี่ยวกับเรื่องราวของ สตีฟ จ็อบส์ หลายต่อหลายเล่ม แต่ดูเหมือนว่า เล่มนี้โดนใจสาวกคนรักสตีฟ จ็อบส์ อย่างจัง โดยได้หัวเรือใหญ่อย่าง นายสุทธิชัย หยุ่น ทุ่มสุดใจให้หนังสือเล่มนี้คลอดออกมาเร็วที่สุด
ภายในงานเต็มไปด้วยบรรดาคนรักสตีฟ จ็อบส์ ยืนรอต่อคิวสั่งซื้อหนังสือซื้อกันอย่างน่ารัก มีการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้างอะไรบ้าง หลายคนสั่งซื้อหนังสือยกกันเป็นลัง โดยหนังสือก็มีให้เลือกอ่าน 3 รูปแบบด้วยกัน ทั้งปกแข็ง ปกอ่อน และในรูปแบบอีบุ๊กส์
สำหรับบรรยากาศบนเวที มีการเสวนาพูดคุย นำโดย นายสุทธิชัย หยุ่น และแขกรับเชิญพิเศษหลายท่าน อาทิ ว.วชิรเมธี ดำเนินรายการอย่างสนุกสนาน โดยพิธีกรหน้าละอ่อน หนุ่ย-พงศ์สุข หิรัญพฤกษ์
ไม่บ่อยครั้งหนักที่บิ๊กเนมอย่าง นายสุทธิชัย หยุ่น จะออกตัวเป็นบรรณาธิการ แสดงว่าชีวิตของสตีฟ จ็อบส์ คงไม่ธรรมดาจริงๆ
“สตีฟ จ็อบส์ มีอิทธิพลต่อเขา ตรงที่ทำให้เขาเชื่อว่า คนที่มุ่งมั่น ตั้งเป้าในชีวิต ไม่ว่าจะตกอยู่ในสภาพของชีวิตอย่างไร ก็สามารถบรรลุเป้าหมายที่ตนอยากทำ และถ้าการทำงานมีโฟกัส จัดลำดับความต้องการของตัวเองให้ชัดเจน ไม่วอกแวก ย่อมก้าวไปถึงสิ่งที่ต้องการจะทำได้ ผมเอาด้านบวกของความเป็นศิลปินผสมกับความเป็นนักวิทยาศาสตร์ของเขามาเป็นเครื่องยืนยันว่า ด้านลบของคนไม่สามารถบดบังผลงานด้านสร้างสรรค์ได้...ถ้าเขารู้ว่าเขากำลังทำอะไรอยู่”
มาการันตีความน่าสนใจกันต่อที่นักแปลคนสวย นางณงลักษณ์ จารุวัฒน์ ที่เป็นกำลังในการแปลหนังสือเล่มนี้ รับรองด้วยตัวเองเลยว่า หนังสือเล่มนี้อ่านแล้วสนุกสนาน และมีประเด็นที่เป็นประโยชน์สำหรับผู้อ่านทุกเพศทุกวัย
“ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของ 1.โฟกัส หมายถึง ความสามารถในการรวมสมาธิ มีความมุ่งมั่น แน่วแน่ พิจารณาตัดสินว่าอะไรเป็นสิ่งที่ใช่และสำคัญ ตรงประเด็น ในสิ่งที่ตัวเองกำลังกระทำอยู่ 2. ความทุ่มเท ความใฝ่ฝัน ความหลงใหลในสิ่งที่เขาทำอย่างเต็มที่ เวลาเขาทำอะไร ทำอย่างเต็มที่ และมีความหลงใหล ถ้าคนเรามีความรู้สึกกับตรงนี้ รับรองว่าคุณให้ทุกอย่างกับงานที่คุณทำ 3. ความสมบูรณ์แบบ เขาเป็นคนที่เวลาทำอะไร ความทุ่มเทของเขานั้นหวังผล ต้องการที่จะให้ออกมาเป็นผลสัมฤทธิ์ที่ดีเริ่ด ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตามที่เขาคิดหรือกระทำ 3 อย่างนี้เป็นคุณสมบัติที่เราน่าจะเรียนรู้ และทำให้ได้อย่างสตีฟ จ็อบส์ 3 อย่างนี้คือคุณสมบัติเด่น และคุณลักษณะสำคัญในตัวเขา ซึ่งทำให้เขาสามารถสร้างสรรค์ผลงานที่สามารถพลิกโลกได้ และเชื่อว่า หากได้อ่านหนังสือเล่มนี้ เขามีอะไรบางอย่างที่ทำให้คุณหลงรักเขาได้”
อีกหนึ่งสาวกตัวจริง นันทขว้าง สิรสุนทร บรรณาธิการแมงโก้ TV ที่เจ้าตัวบอกว่า ถึงแม้ว่าจะไม่ได้หลงใหลได้ปลื้มอะไรหนักหนากับไอโฟนหรือไอแพด แต่ก็แฟนตัวจริงของไอพอดมาแต่ไหนแต่ไรเพราะชอบฟังเพลงเป็นชีวิตจิตใจ
"คนมักยกย่องสตีฟ จ็อบส์ ว่าเป็นเทวดา หรือสุดยอดของอภิคนอัจฉริยะ แต่พูดตรงๆเลยว่าเขาก็เป็นคนนิสัยไม่ดีหลายอย่าง เป็นคนที่ลูกน้องก็เกลียด เขาเป็นคนที่มีความเป็นมนุษย์เยอะ ชอบความเป็นมนุษย์ของเขา คือเขาไม่ต้องรักษาภาพลักษณ์ของตัวเองให้ดูดี เขาเป็นคนที่พร้อมจะทะเลาะเบาะแว้งกับคนในห้องประชุม ทุบโต๊ะ ปาแก้ว กับลูกน้อง ชื่นชมที่เขาเป็นคนอัจฉริยะ เป็นคนที่สามารถนำเอานวัตกรรมมาเดินมาจับมือกับศิลปะ ซึ่งปกติศิลปะมันไม่ค่อยจับมือกับเทคโนโลยี แต่สตีฟ จ็อบส์ เป็นคนแรกๆของโลก ที่เขาทำให้ศิลปะมันเดินมาอยู่ด้วยกันได้กับเทคโนโลยี "
พอหอมปากหอมคอกันไปกับหนังสือเล่มนี้ ต้องยอมรับจริงๆว่า กระแสเขาแรง ใครที่ยังคิดไม่ออกว่าอยากได้อะไรเป็นของขวัญวันปีใหม่ หนังสือชีวประวัติ "สตีฟ จ็อบส์" โดยวอลเตอร์ ไอแซคสัน เล่มนี้ น่าจับตามองเล่มหนึ่งเลยทีเดียว
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ไลฟ์สไตล์ วันจันทร์ที่ 19 ธันวาคม 2554 'สตีฟ จ็อบส์'!!!
No comments:
Post a Comment