ในสามก๊กไอทีตอนที่ผ่านๆ มา ผมเขียนถึงก๊กเก่าแก่ทั้งสองก๊ก
คือไมโครซอฟท์และแอปเปิลไปแล้ว
คราวนี้เป็นคิวของก๊กสุดท้ายซึ่งเป็นก๊กน้องใหม่กันบ้าง
ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นกูเกิลนั่นเอง...
ตามประวัติศาสตร์แล้ว
วุยก๊กของโจโฉ สืบทอดอำนาจมาจากอาณาจักรฮั่นเดิม
(โจโฉครองอำนาจโดยที่ยังรักษาสถานภาพของฮ่องเต้ฮั่นเอาไว้)
ส่วนง่อก๊กของตระกูลซุนก็เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีอำนาจในแดนใต้มานาน
เพิ่งมาเริ่มแข็งเมืองในช่วงที่อำนาจจากส่วนกลางอ่อนแอลง
ส่วนวุยก๊ก
ซึ่งในสามก๊กหลายเวอร์ชั่นยกให้เป็นตัวเอก
เป็นก๊กใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างแผ่นดินปั่นป่วนวุ่นวาย โดยเล่าปี่ กวนอู
เตียวหุย ร่วมสาบานกันเป็นพี่น้อง ค่อยๆ
สร้างตัวขึ้นมาจากศูนย์จนกลายมาเป็นหนึ่งในสามก๊กใหญ่
และภายหลังก็มีขุนศึกกับกุนซือผู้เก่งกาจเข้าร่วมด้วยหลายราย
ที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ ขงเบ้ง จูล่ง ฮองตง ม้าเฉียว เป็นต้น
มา
ดูในโลกไอทีจะเห็นว่าที่มาของกูเกิลนั้นคล้ายๆ กัน คือ
กูเกิลไม่มีรากเหง้ายาวนาน เป็นประวัติศาสตร์ของวงการไอทีมา 30 กว่าปี
แบบไมโครซอฟท์และแอปเปิล กูเกิลเพิ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทในปี 1998
(นับถึงวันนี้มีอายุได้ 14 ปี ในขณะที่ไมโครซอฟท์อายุ 37 ปี แอปเปิลอายุ 36
ปี)
จุดเริ่มต้นของกูเกิลเกิดจากนักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัย
สแตนฟอร์ด 2 คน คือ Larry Page และ Sergey Brin
พัฒนาระบบการค้นเว็บที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าบริการในท้องตลาดช่วงนั้น
และตัดสินใจหยุดเรียนมาเปิดบริษัทแทน
ผลิตภัณฑ์ของกูเกิลมีเพียงอย่างเดียวในช่วงแรก
แต่ก็ดีมากจนโค่นคู่แข่งมานับไม่ถ้วน
และกูเกิลก็ขยายสายผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ครอบคลุมบริการอื่นๆ
บนอินเทอร์เน็ต เช่น อีเมล์ เอกสาร แผนที่ ภาพถ่าย วิดีโอ ฯลฯ
จนกลายเป็นราชาแห่งอินเทอร์เน็ตในที่สุด เฉกเช่นเดียวกับ “จ๊กก๊ก”
ที่ตอนแรกไม่มีอาณาจักรของตัวเอง เป็นแค่กองกำลังเล็กๆ
แต่ใช้ไหวพริบและอาศัยช่องว่างของมหาอำนาจที่กำลังปะทะกัน
สร้างตัวเองขึ้นมาได้ทางภาคตะวันตกของแผ่นดินจีน
จุดเปลี่ยนสำคัญ
ครั้งหนึ่งของกูเกิล คือ การได้ Eric Schmidt ผู้บริหารมากประสบการณ์
(อดีตเขาเคยทำงานกับ Sun และ Novell) มานั่งเก้าอี้เป็นซีอีโอให้
เพราะการปล่อยให้สองผู้ก่อตั้งวัยรุ่นบริหารกันเองเพียงลำพังอาจล้มเหลวได้
กูเกิลภายใต้การเติบโตของ Schmidt เติบโตอย่างก้าวกระโดด
ผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจใหม่ของโลกไอทีได้สำเร็จ
โครงสร้างการบริหาร
ของกูเกิลจะใช้ระบบผู้บริหารสูงสุด 3 คน คือ Eric Schmidt ในฐานะซีอีโอ
และสองผู้ก่อตั้ง Larry Page กับ Sergey Brin
ตัดสินใจร่วมกันในเรื่องสำคัญๆ ของบริษัท
แนวทางนี้ช่วยให้กูเกิลสามารถตอบโจทย์ทั้งในแง่วิสัยทัศน์ระยะยาวของ
Page/Brin ที่จะรวบรวมข้อมูลสารสนเทศจากทั้งโลกมาไว้ที่เดียวกัน
และการแปรเปลี่ยนแผนงานเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ Schmidt
แนว
ทางการใช้ผู้บริหารหลัก 3 คน เป็นคณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจสูงสุด
จึงคล้ายกับ “จ๊กก๊ก” ของเล่าปี่ที่มี 3
พี่น้องร่วมสาบานเป็นแกนกลางนั่นเองครับ (บางคนอาจบอกว่า Schmidt
ทำหน้าที่คล้ายกับขงเบ้งมากกว่า อันนี้ผมเห็นด้วยในระดับหนึ่งเหมือนกัน)
Eric
Schmidt เพิ่งลงจากตำแหน่งซีอีโอไปเมื่อปีที่แล้ว 2011
และส่งไม้กลับคืนให้ Larry Page
ที่เติบโตและมีประสบการณ์มากขึ้นแล้วมาเป็นซีอีโอแทน อย่างไรก็ตาม Schmidt
ยังนั่งเก้าอี้บริหารต่อไปในฐานะประธานของบริษัท
และรักษาโครงสร้างการบริหารแบบ 3 คนเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนให้ Larry Page
ขึ้นมาเด่นแทนเท่านั้น
กูเกิลไม่มีรากเหง้าใดๆ มาก่อนเลย
เป็นบริษัทที่เกิดจากเว็บและโตขึ้นมาด้วยเว็บเพียงอย่างเดียว
ซึ่งต่างไปจากแอปเปิลที่โตมากับฮาร์ดแวร์
และไมโครซอฟท์ที่โตมาด้านซอฟต์แวร์
ดังนั้นกูเกิลจะทำผลิตภัณฑ์ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตออกมาได้ดีมาก
แต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์อาจยังไม่ดีมากนัก เช่น Chrome
OS ยังสู้ Windows ไม่ได้ และ Android เอง ก็ยังเป็นรอง iOS ในหลายจุด
เป็นต้น
จุดอ่อนอีกประการหนึ่งของกูเกิลคือรายได้หลักของกูเกิลยังมา
จากโฆษณาออนไลน์แทบทั้งหมด
(แม้ว่ากูเกิลจะมีบริการเป็นร้อยเป็นพันชนิดก็ตาม)
ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่กูเกิลอาจจะโดนตีที่แกนกลางของบริษัท
แล้วถึงกับล่มสลายในชั่วเวลาไม่นานได้เลย
ตรงนี้ต่างไปจากไมโครซอฟท์และแอปเปิลที่มีรายได้มาจากหลายทาง
ต่อให้ตลาดไหนเจอคู่แข่งที่น่ากลัว ก็ยังใช้รายได้จากส่วนอื่นมาทดแทนได้
กู
เกิลเองก็ทราบปัญหานี้ดี และพยายามกระจายแหล่งรายได้ออกไปมากขึ้น เช่น
ขายสินค้าและบริการต่างๆ อย่างเพลง หนังสือ แอพ
แต่ในภาพรวมก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก
คือมีรายได้เข้ามาบ้างแต่ยังไม่มีสัดส่วนเยอะอย่างที่หวัง
มาร์ค Blognone
::ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2555
No comments:
Post a Comment