Tuesday, December 28, 2010

เก๋งแข่งนรกเสยท้ายรถตู้ 8 ศพเละ ร่วงจากโทลล์เวย์

อัดโครมเต็มแรงทางลงม.เกษตรฯผู้โดยสารกระเด็นบาดเจ็บสาหัสอีก 7

อุบัติเหตุสยองโทลล์เวย์ส่งท้ายปีเสือ สาวนามสกุลเทพหัสดิน ณ อยุธยา ซิ่งเก๋งฮอนด้า ซีวิค พุ่งชนท้ายรถตู้โดยสารที่มีคนนั่งเต็มคัน ส่งผลรถตู้ประตูฉีกหลังคาเปิด ผู้โดยสารร่วงตกลงมาตายเกลื่อนถนนวิภาวดีฯ 8 ศพ เจ็บอีก 7 ตำรวจเร่งสอบสวนหาชื่อคนตายเป็นใครบ้าง

อุบัติเหตุสยอง ส่งท้ายปีเสือครั้งนี้ เกิดขึ้นเมื่อเวลา 21.45 น. วันที่ 27 ธ.ค. พ.ต.ท.ฉัตรไชย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน (สบ 3) สน.วิภาวดี รับแจ้งเหตุรถชนบนทางด่วนยกระดับอุตราภิมุข หรือทางด่วนโทลล์เวย์ ฝั่งขาเข้า แขวงลาดยาว เขตจตุจักร มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก โดยผู้เสียชีวิตส่วนหนึ่งกระเด็นตกลงมาอยู่บนถนนวิภาวดีรังสิต จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครกู้ภัยมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง

พบศพผู้เสีย ชีวิตกระจายเกลื่อนอยู่บนถนนช่องทางคู่ขนาน ตั้งแต่หน้าสำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ ถึงประตูทางเข้ามหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ฝั่งขาเข้า 4 ศพ สภาพศพผู้เสียชีวิตทั้งหมดอยู่ในสภาพสยดสยอง นอกจากนี้ยังพบศพชายค้างอยู่บนสะพานลอยคนข้าม สภาพกะโหลกศีรษะเปิด เศษสมองร่วงไหลหล่นลงมาบนพื้นถนน เจ้าหน้าที่กู้ภัยต้องใช้เชือกผูกไว้กันร่างไร้วิญญาณร่วงหล่นลงมา บางศพอยู่บนฟุตปาท บางศพตกอยู่ในคลองระบายน้ำ นับได้ทั้งหมด 8 ศพ เป็นชาย 4 ศพ หญิง 4 ศพ ส่วนผู้บาดเจ็บอาสาสมัครกู้ภัยและพลเมืองดีช่วยกันนำส่งโรงพยาบาลวิภาวดี 7 ราย เป็นชาย 4 คน หญิง 3 คน

ส่วนจุดเกิดเหตุอยู่บนทางด่วนโทลล์เวย์ ก่อนถึงช่วงทางลงบางเขน บริเวณช่องกลางถนนพบรถฮอนด้า รุ่นซีวิค สีขาว ทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร สภาพกระโปรงหน้ารถยุบเกือบถึงคอนโซล ห่างออกไปประมาณ 10 เมตรเลนเดียวกัน พบรถตู้โดยสารยี่ห้อโตโยต้า สีเทาฟ้า ทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร เลขข้างรถ ต-11827 วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์-รังสิต ถึงบีทีเอสจตุจักร สภาพรถทั้งหน้าหลังยับเยินเป็นเศษเหล็ก ประตูหลังและหลังคาฉีกเปิดออกมา ภายหลัง พ.ต.ท.สนอง แสงมณี สว.จร. สน.วิภาวดี ขึ้นมาอำนวยความสะดวกในที่เกิดเหตุ และลากรถทั้ง 2 คันลงไปไว้ที่ สน.วิภาวดี เพื่อรอการสอบสวน

สอบสวนเบื้องต้น รถเก๋งฮอนด้าทราบชื่อคนขับว่า น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา ยังไม่ทราบอายุ วิ่งมาด้วยความเร็วมุ่งหน้าเข้ากรุงเทพฯ เมื่อถึงที่เกิดเหตุ หักหลบรถตู้ที่วิ่งอยู่ในเลนกลางไม่พ้น พุ่งชนเต็มแรงเสียงดังสนั่น จนรถตู้กระเด็นชนผนังคอนกรีตข้างทาง ประตูรถฉีกขาด ทำให้ผู้โดยสารกระเด็นตกลงมาเสียชีวิตสยองถึง 8 ศพ ขณะที่ น.ส.อรชร เทพหัสดินฯ บาดเจ็บสาหัส ถูกนำส่งโรงพยาบาลวิภาวดี

ที่มา: เก๋งแข่งนรกเสยท้ายรถตู้ 8 ศพเละ ร่วงจากโทลล์เวย์ ไทยรัฐฉบับพิมพ์ 28 ธันวาคม 2553
-------------------

'เร็วก็ตาย ไม่เร็วตายอยู่ดี' สุดอาลัย ..จากใจโชเฟอร์รถตู้


จากเหตุการณ์เมื่อคืนวันที่ 27 ธันวาคม 2553 กับอุบัติเหตุบนทางด่วนรถเก๋งซีวิคชนท้ายรถตู้สาย 118 ธรรมศาสตร์-จตุจักร เชื่อว่าทั้งคนทำงาน และนักศึกษาที่ใช้บริการรถตู้สายนี้ รวมถึงคนอื่นๆที่ใช้บริการรถตู้อยู่ทั่วกรุงเทพฯ คงเกิดความวิตกกังวลอยู่พอสมควร เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกกับอุบัติเหตุรถตู้ ที่ทำให้เกิดการสูญเสียชีวิต...

ความเสียหายที่เกิดขึ้น นอกจากเรื่องชีวิตและทรัพย์สินแล้ว ภาพลักษณ์ของรถตู้ก็คงดูแย่กว่าเก่า แม้ว่าครั้งนี้รถตู้จะเป็นฝ่ายถูกชนก็ตาม และหลายชีวิตที่สูญเสียในเหตุการณ์สุดสยองเมื่อคืน คนขับรถตู้เองก็ใช่ว่าจะนิ่งเฉย ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นกันอย่างพร้อมเพรียง ซึ่งพวกเขาเองก็บอกว่าไม่เข้าข้างใคร เพราะคนขับรถตู้ที่แย่จริงๆ ก็มี แต่ก็ไม่ใช่ทั้งหมดอย่างที่สังคมเข้าใจ

นายพิทยา ศรีจงใจ พนักงานขับรถตู้สาย 118 เพื่อนร่วมงานของผู้ตาย เล่าว่า ในคืนวันเกิดเหตุ รถตู้ของผู้ตายเป็นคันสุดท้ายที่วิ่งออกจากวิน ซึ่งในตอนนั้นก็ยังทักทายกันอยู่ แต่พอรู้ว่าเกิดอุบัติเหตุก็ตกใจมาก ส่วนเรื่องสังคมจะมองว่ารถตู้ผิดหรือถูก ก็อยากให้แยกแยะด้วย เพราะทุกๆ คนรักชีวิตตัวเองเหมือนกัน

"เมื่อคืนวันเกิดเหตุผมออกวินพอดี ก็ยังทักกับพี่เขาเป็นปกติ ยังเห็นพี่เขากวักมือเรียกผู้โดยสารให้ขึ้นรถอยู่เลย เขาก็รีบวิ่งขึ้นรถ เพราะก็อยากกลับบ้านกัน แต่พอมาเจออุบัติเหตุผมนึกแล้วสงสารมาก ทั้งพี่คนขับและผู้โดยสาร และรถคันนี้วิ่งเป็นคันสุดท้ายแล้วด้วย ผมว่าก็ไม่น่าจะขับเร็วอะไรมากนะ เพราะไม่ต้องเอารอบเพิ่มแล้ว แทนที่จะได้กลับบ้านกัน ก็ต้องมาทิ้งชีวิตไว้บนถนนแทน"

ส่วนเรื่องว่าใครจะมองว่าคนขับรถตู้ไม่ดี นายพิทยา กล่าวว่า ก็ไม่ถูกนะ บางคนก็ขับช้า บางคนก็เร็ว คนขับทุกคนกลัวเหมือนกันหมด ก็ระมัดระวังกันที่สุดแล้ว แต่บางทีก็ต้องเข้าใจเพราะรถตู้แต่ละวินไม่เหมือนกัน

"ที่คุณเห็น บางคันปาดซ้าย ปาดขวา แย่งคน ก็เพราะเขาต้องการได้รอบเร็วๆ จะได้ถอนทุนในแต่ละวันได้ อย่างวินนี้ค่าเช่ารถวันละ 2,000 บาท ค่าแก๊สอีก 300 วิ่งได้ประมาณ 3 รอบ ซึ่งถ้าจะให้ได้ทุนคืนทั้งหมดก็ต้องวิ่งให้ได้ 8 ขา (4 รอบ) แต่พอวิ่งๆ ได้น้อยกว่านั้นมันก็ต้องเร็ว ค่าเช่าแต่ละวินจะแพงมากหรือน้อยมันขึ้นอยู่กับเส้นทาง และจำนวนลูกค้า ถ้ามากก็ค่าเช่าแพง มันก็ถึงต้องรีบทำรอบให้ได้เยอะๆไงครับ แต่สำหรับผมก็ยอมรับนะว่าขับเร็ว แต่เราก็มีสมาธิตลอด เพราะมีผู้โดยสารอีกหลายชีวิตที่เขามั่นใจในตัวเรา แต่ถ้าเป็นตอนที่ผมรถเปล่าก็ยอมรับว่าเร็วกว่าปกติครับ ซึ่งก็ต้องดูแลรถดูแลตัวเองดีๆเหมือนกัน แต่กับครั้งนี้มันสุดวิสัย เขามาข้างหลัง รถตู้ก็ควบคุมอะไรไม่ได้แล้ว"

ทางด้านเพื่อนพนักงาน ของผู้ตายอีกคนของรถตู้สาย 118 นายไพรัตน์ สายรัตน์ บอกว่า รู้สึกเสียใจเช่นกัน วันนี้ทั้งวันตั้งแต่เกิดเรื่องบรรยากาศก็เงียบเหงาเป็น 2 เท่า จากที่เงียบอยู่แล้วเพราะเป็นช่วงสิ้นปี

"เห็นเหตุการณ์มันแรงมากนะ ชนจนรถพังขนาดนั้นได้ ประตูก็ล็อคไม่อยู่หรอกครับ รู้สึกเสียใจนะ เพราะทั้งคนขับที่ตาย และผู้โดยสารก็เหมือนญาติเราทั้งนั้น คุ้นหน้ากัน เจอทุกวันครับ ผมเองก็เป็นคนขับรถก็ระวังมาตลอด ไม่อยากเกิดอุบัติเหตุอะไรเลย จะให้เลี่ยงเส้นทางก็คงไม่ได้ เพราะทางด่วนเส้นนี้เราต้องใช้วิ่งตลอด ถนนข้างล่างถ้ารีบมากๆ ก็ไปไม่ได้แล้วครับ ผู้โดยสารที่เขาขึ้นก็เพราะเราขึ้นทางด่วนด้วย คนขับอย่างพวกผมก็ต้องระวังอยู่แล้ว แต่บนทางด่วนรถมันขับเร็วทุกคันครับ"

นอก จากนี้เพื่อนร่วมอาชีพอย่างวินอื่นๆ เมื่อได้ยินข่าวกับเหตุการณ์นี้ก็รู้สึกสลดใจอย่างมาก ต่างก็บอกว่า ถึงอย่างไรทุกคนก็ยังต้องทำมาหากิน ส่วนที่สังคมยังมองภาพของรถตู้ในแง่ลบก็รู้สึกกังวล นายอู๋ หัวหน้าวินรถตู้สายจตุจักร-บางบัวทอง ซึ่งทำหน้าที่คอยดูแลรถตู้ และคนขับเล่ากับ "ไทยรัฐออนไลน์" ว่า ยินดีถ้าทางภาครัฐจะจัดระเบียบรถตู้ ถ้าจะช่วยให้อะไรดีขึ้นกว่านี้

"ทุกวันนี้ผู้โดยสารเขาก็กลัวอยู่แล้วนะ ถ้าเป็นไปได้ก็ไม่มีใครอยากขึ้นรถตู้หรอก ผมเองเป็นคนคุมวินก็เข้าใจนะ เพราะก็เคยมีผู้โดยสารร้องเรียนเหมือนกันเรื่องพนักงานขับรถไม่สุภาพ เราก็ต้องว่ากล่าวตักเตือนกัน แต่ถ้าไม่ไหวจริงๆ ก็ต้องให้พักงานครับ แต่ทุกคนต้องทำมาหากินน่ะ ทุกอย่างพออยู่บนท้องถนนแล้ว ผมควบคุมไม่ได้หรอก และรถตู้สมัยนี้แข่งขันกันสูงมาก และไม่มีอะไรที่มาจัดระเบียบให้ชัดเจนด้วย ก็เหมือนแท็กซี่ รถเมล์ครับ มีปาดเหมือนกัน ถ้ารัฐหรือ ขสมก.ทำอะไรบ้างก็ดี แต่เท่าที่ผ่านมา 10 ปี ผมไม่เห็นจะมีอะไรเลย"

อีกหนึ่งพนักงานขับรถสายมีนบุรี-จตุจักร นายสิงห์ ช่องรัมย์ วัย 57 ปี บอกว่าการที่สังคมจะรู้สึกแย่กับคนขับรถตู้ก็ไม่แปลก เพราะมันมีจริงๆ แต่คนดีๆ ก็ยังมี ขอให้ทุกคนที่ขับรถอย่าประมาท และอย่าเอาแต่ใจตัวเอง

"ถ้ามองรวมๆ คนขับรถตู้ไม่ค่อยประมาทนะ นอกจากพวกที่ไม่รับผิดชอบจริงๆ อย่างวินผมจะเข้มงวดมาก ทำไม่ดีมีสิทธิ์ถูกไล่ออกเลย ผู้โดยสารเองถ้ารู้สึกว่าพนักงานขับรถแย่จริงๆ ก็โทรไปร้องเรียนได้ เพราะเราก็แคร์ผู้โดยสารนะครับ กลัวเขาไม่กล้านั่งเหมือนกัน จะขับรถเร็วๆ เอารอบเยอะๆ อย่างเดียวคงไม่ได้ แต่อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นที่ผ่านมา โทษรถตู้กันตลอดผมก็ไม่ค้านนะ ไม่เข้าข้างใคร เพราะบางคนมันก็ประมาทจริงๆ กำลังห้าวเลยก็มี แซงกันไปมาและเร็วด้วย ผมก็อยากฝากให้คนขับรถทุกคนอย่าประมาท ที่สำคัญอย่าเอาแต่ใจตัวเอง ใจเย็นๆ กันหน่อย เห็นใจผู้โดยสารด้วย ทุกคนก็กลัวครับ เพราะถ้าเกิดอะไรขึ้นมันแก้ไม่ได้ แล้วมันแย่นะอย่างเหตุการณ์ครั้งนี้"

ความสลดหดหู่ที่เกิดขึ้น คงไม่มีใครคาดคิดอยากให้เกิด ขณะที่บรรดาผู้ใช้บริการรถตู้โดยสารเอง เมื่อเห็นข่าวจากเหตุการณ์ครั้งนี้ต่างก็บอกว่ากลัว แต่ก็คงทำอะไรไม่ได้ เพราะรถตู้สาธารณะยังไงก็เป็นทางเลือกในการเดินทางที่สะดวกที่สุดแล้ว

น.ส สิโนบล สายเพ็ชร นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นรุ่นน้องคณะของหนึ่งในผู้เสียชีวิตด้วย บอกว่า ตัวเองนั้นต้องใช้รถตู้เป็นประจำ ซึ่งพอเกิดเหตุการณ์นี้ก็กลัว และบรรยากาศของที่มหาวิทยาลัยวันนี้ก็ค่อนข้างเงียบเหงา ทั้งที่วันนี้เป็นวันสอบกลางภาค 2/2553

"หนูเรียนที่รังสิตยังไงก็ต้องนั่งรถตู้ไป เรียนอยู่แล้ว ก่อนหน้าที่เกิดเหตุการณ์นี้หนูก็กลัวนะ เพราะรถตู้ขับเร็วมาก หนูก็เห็นใจนะ เพราะบางคันก็ขับหลายรอบมากเกินไป แต่ที่หนูเคยเจอก็มีขับเร็วจนหัวทิ่มบ้าง ปาดหน้าบ้าง อยากให้ช่วยดูแลคนขับหน่อยค่ะ สภาพรถด้วย เพราะบางคันก็เก่า ยิ่งพอมีข่าวก็เสียวๆ เหมือนกัน เพราะมันรู้สึกใกล้ตัว เมื่อคืนพอทุกๆ คนรู้ข่าว ในเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ ก็โพสต์เรื่องนี้กันเยอะ เลิกอ่านหนังสือกันเลยค่ะ เพราะคนที่เสียชีวิตเป็นรุ่นพี่ที่คณะด้วยค่ะ ตอนนี้ที่มหา'ลัยเงียบมาก ทั้งที่เป็นวันสอบ"

อีกหนึ่งนักศึกษาร่วมคณะรัฐศาสตร์ ม.ธรรมศาสตร์ ศูนย์รังสิต นายอิทธิพล สนธิณรงค์ ชั้นปีที่ 3 บอกว่า หดหู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากฝากให้ทุกๆ คนมีจิตใจสาธารณะให้มากขึ้น

"สิ่งที่เกิดขึ้น หดหู่ครับ ถือเป็นอุทาหรณ์ของคนใช้รถใช้ถนน ถึงพี่เขาที่เสียชีวิตไปไม่ได้สนิท แต่ผมใช้รถสายนี้บ่อยทุกอาทิตย์ก็กลัวเหมือนกันครับ ปกติผมเองก็ระวัง แต่ในใจก็คิดนะเพราะรถตู้ขับเร็วมาก ส่วนมากชอบปาดบ่อย รถแก๊สก็กลัวเหมือนกัน เพราะก่อนหน้านี้มีรถตู้ตกสะพาน แก๊สระเบิดด้วย น่ากลัวครับ หลังจากเหตุการณ์นี้ก็คิดเยอะครับ ถ้าผมอยู่ในสถานการณ์แบบนั้นจะเป็นยังไง แต่ก็ไม่มีทางเลือกครับ เพราะต้องไปเรียน ผมคิดว่าคนที่ขับรถทุกคนควรมีจิตใจสาธารณะนิดนึง ทั้งรถเมล์ด้วย ผมเห็นอยากเลี้ยวก็เลี้ยวอยากปาดก็ปาด ใส่ใจกันนิดนึงครับ"

กี่ครั้งกี่หนแล้วที่อุบัติเหตุลักษณะนี้เกิดขึ้น ถือเป็นอุบัติเหตุส่งท้ายปี 53 ที่นอกจากจะนำความเสียใจมาสู่ญาติผู้เสียชีวิต และความวิตกกังวลที่มากขึ้นสำหรับผู้ใช้รถตู้โดยสารแล้ว ยังเป็นการสูญเสียทรัพยากรบุคคลดีๆ ที่สามารถเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศอีกด้วย

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2553

วุฒิภาวะไม่มี มาขับรถแบบไม่รับผิดชอบเพราะบ้านรวย พ่อแม่ไม่สั่งสอน กลับสนับสนุนให้ทำ เป็นการฆ่าคนอื่นทางอ้อม จนกลายเป็นการฆ่าคนไปจริง ๆ


ส่วนความคืบ หน้าอุบัติรถเก๋งฮอนด้า ซีวิค สีขาว ทะเบียน ฎว 8461 กรุงเทพมหานคร ชนท้ายรถตู้โดยสาร ยี่ห้อโตโยต้า สีเทาฟ้า ทะเบียน 13-7795 กรุงเทพมหานคร ของ น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา น้องต่างมารดาณัฏฐ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา นักแสดงหนุ่มค่ายเอ็กซ์แซ็กท์ จนผู้โดยสารกระเด็นตกทางยกระดับดอนเมืองโทลล์เวย์

เสียชีวิต 8 ราย พ.ต.ท.ฉัตรชัย เอี่ยมอ่อง พนักงานสอบสวน (สบ 3) งานศูนย์ควบคุมจราจรวิภาวดีรังสิต/ทางพิเศษ กก.2 บก.จร. กล่าวว่า ดูกล้องวงจรปิดของโทลล์เวย์แล้วสามารถจับภาพได้ในระยะแค่เพียง 70 เมตรเท่านั้น เป็นภาพรถเก๋งของ น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา อายุ 16 ปี ขับประกบคู่กับรถตู้แล้วไปเบียดชนรถตู้ด้านฝั่งขวาจนรถตู้เสียหลักเบนออก ซ้าย จากนั้นไม่เห็นอะไรอีกเลย เพราะหลุดเฟรมกล้องแล้ว เบื้องต้นทราบว่า น.ส.อรชรได้รับ บาดเจ็บรักษาตัวอยู่ที่ รพ.วิภาวดี ยังไม่ได้สอบปากคำเช่นเดียวกับผู้โดยสารที่รอดชีวิต ทำให้ไม่สามารถแจ้งข้อหาใครได้ ต้องรอตรวจสอบพยานแวดล้อม และสอบปากคำผู้เกี่ยวข้องก่อน

ด้าน พล.ท.นพ.พร้อมพงษ์ พีระบูล ผอ.รพ.วิภาวดี แถลงข่าวถึงอาการผู้ที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นว่า มีผู้รับการรักษาทั้งหมด 7 ราย คือ น.ส.กัญจน์นภัส ปัญญาประเสริฐ อายุ 23 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีบาดแผลทั้งตัว และมีอาการปวดหลัง แต่มีสติรู้เรื่องดี นายวรัญญู เกตุชู อายุ 20 ปี นักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ไหปลาร้าและหัวเข่าหัก ทั้งคู่เตรียมย้ายไปรักษาต่อที่ รพ.ธรรมศาสตร์ เนื่องจากเป็นนักศึกษาของที่นั่น นอกจากนี้ยังมี นายมูฮัมหมัด ชารีฟ อายุ 31 ปี มีบาดแผลที่เท้า เข่า และนิ้วก้อยเท้าแตก นายวิศรุต พลสิทธิ์ อายุ 35 ปี มีแผลถลอกและปวดตามตัว นายสุนทร ปิตตาทานัง อายุ 43 ปี มีบาดแผลที่ศีรษะ และหัวไหล่ด้านซ้ายเคลื่อน รอผ่าตัด และยังมีหญิงไทยไม่ทราบชื่อ อายุ 23 ปี อาการสาหัสอยู่ห้องไอซียู รอรับการผ่าตัด เนื่องจากศีรษะได้รับการกระแทกอย่างแรง กระดูกซี่โครงซ้ายหัก ไม่รู้สึกตัว หากรอดก็อาจพิการได้ ส่วนคนสุดท้าย คือ น.ส.อรชร เทพหัสดิน ณ อยุธยา คนขับรถเก๋ง มีบาดแผลที่ปาก และข้อศอก อาการไม่สาหัส

นายวิศรุต พลสิทธิ์ ผู้โดยสารที่บาดเจ็บเผยว่า เป็นพนักงานไอเอ็มจีของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรือ สวทช. วันเกิดเหตุเลิกงานได้เดินมาแล้วไปขึ้นรถตู้ที่จอดอยู่ใกล้ที่ทำงานจะกลับ บ้านย่านแจ้งวัฒนะ พอขึ้นรถก็หลับทันทีเพราะเหนื่อยจากการทำงาน รู้สึกตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงรถถูกชนดังสนั่น ก่อนที่รถตู้จะหมุนคว้างอย่างแรงไปกระแทกกับขอบกั้น เห็นคนในรถกระเด็นลอยตกไปด้านล่างหลายคน ส่วนในรถยังมีคนเจ็บร้องโอดครวญจำนวนไม่น้อย โชคดีที่ตนนั่งอยู่ตรงกลางรถเลยไม่กระเด็นออกนอกรถ แต่ก็บาดเจ็บที่ศีรษะและซี่โครง ต้องคลานออกมาจากซากรถ

ที่สถาบัน นิติเวชวิทยา รพ.ตำรวจ บ่ายวันเดียวกัน มีญาติของผู้เสียชีวิตทยอยเดินทางไปรับศพด้วยใบหน้าโศกเศร้า บางคนยังทำใจในการสูญเสียญาติพี่น้องไปอย่างกะทันหันไม่ได้ ถึงกับร้องไห้คร่ำครวญปล่อยโฮกอดโลงศพไม่อายใคร สำหรับผู้เสียชีวิตทั้ง 8 ราย ประกอบด้วย นายปรัชญา คันธา อายุ 21 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น.ส.สุดาวดี นิลวรรณ อายุ 20 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายเกียรติมันต์ รอดอารีย์ อายุ 23 ปี นายภิญโญ จินันทิยา อายุ 34 ปี ผู้ช่วยคณบดีฝ่ายบริหารจัดการงานเทคโนโลยีสารสนเทศ คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัย ธรรมศาสตร์ น.ส.ตรอง สุดธนกิจ อายุ 23 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 3 คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายอุกฤษณ์ รัตนโฉมศรี อายุ 30 ปี นักวิจัยไบโอเทค มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ นายศาสตรา เช้าเที่ยง อายุ 33 ปี นักวิทยาศาสตร์ระดับปริญญาเอกของ สวทช. และนางนฤมล ปิดตาทานัง อายุ 37 ปี คนขับรถตู้คันที่ประสบเหตุ

นางนฤมล นิลวรรณ อายุ 57 ปี นักแสดงรุ่นใหญ่ มีศักดิ์เป็นป้าของ น.ส.สุดาวดี หรือน้องนุ่น นิลวรรณ หนึ่งในผู้เสียชีวิต กล่าวว่า น้องนุ่นเป็นลูกสาวของน้องชาย คือ พ.ต.อ.ศรัญ นิลวรรณ ผกก.สภ.เขื่องใน จ.อุบลราชธานี ช่วงเวลา 4 ทุ่ม ตนกำลังขับรถเข้าไปแวะเติมน้ำมันที่ปั๊มบนถนนวิภาวดีรังสิต จู่ๆการจราจรเริ่มติดขัด เมื่อสอบถามเด็กปั๊มได้ความว่า มีอุบัติเหตุบนโทลล์เวย์ แต่ไม่ได้เอะใจกระทั่งน้องชายโทรศัพท์มาหาบอกให้ช่วยไปดูในที่เกิดเหตุ เพราะสงสัยว่าหลานสาวอาจอยู่ในรถด้วยถึงพบศพหลานถูกห่อวางอยู่ในรถปิกอัพ หน่วยกู้ภัยแล้ว

นักแสดงสาวใหญ่กล่าวทั้งน้ำตาว่า หลานนั่งรถตู้ออกจากสถาบันมุ่งหน้าไปที่ขนส่งหมอชิตเพื่อต่อรถทัวร์กลับบ้าน จ.อุบลราชธานี ฉลองเทศกาลปีใหม่กับพ่อ แต่กลับประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หลานเป็นเด็กดี เรียนเก่งมากมีความใฝ่ฝันว่า หากเรียนจบแล้วจะเรียนต่อเนติบัณฑิตแล้วสอบเป็นอัยการ เป็นผู้พิพากษา ไม่คิดว่าหลานจะด่วนจากไปรวดเร็วอย่างนี้ ที่ผ่านมาเวลาดูข่าวอุบัติเหตุคนตายเยอะๆ คิดตลอดว่า เรื่องแบบนี้ไม่น่าเกิดกับครอบครัวตัวเอง แต่ก็หนีไม่พ้น อยากให้ทุกฝ่ายช่วยกันป้องกัน ไม่อยากให้เกิดเหตุซ้ำซาก โดยเฉพาะบนทางด่วนซึ่งรถทุกคันต้องใช้ความเร็วสูง ที่สำคัญเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ประเทศต้องเสียบุคลากรมันสมองดีๆไปหลายคน

ส่วน นางพูลศิริ ทรงชมพันธุ์ อายุ 60 ปี ป้าของนายศาสตรา เช้าเที่ยง นักวิทยาศาสตร์ปริญญาเอก กล่าวว่า หลานชายได้ทุนจาก สวทช.ไปเรียนที่ประเทศอังกฤษ ก่อนจบกลับมาทำงานที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กำลังทำวิจัยเรื่องโรคมาลาเรีย ที่ผ่านมาญาติๆพยายามแนะนำให้ซื้อรถส่วนตัว แต่เจ้าตัวอ้างว่าทำงานเลิกไม่เป็นเวลา กลัวจะขับรถกลับไม่ไหว ขอเลือกใช้บริการรถตู้โดยสารดีกว่า

ที่กระทรวงคมนาคม นายเทียนโชติ จงพีร์เพียร อธิบดีกรมการขนส่งทางบก เปิดเผยถึงมาตรการป้องกันการเกิดอุบัติเหตุกับรถตู้โดยสารที่เกิดขึ้นบ่อย ครั้งว่า จากการตรวจสอบคนขับรถตู้คันเกิดเหตุ มีใบขับขี่รถโดยสารสาธารณะ และสภาพอายุรถตู้ไม่เกินกว่าที่กฎหมายกำหนดซึ่งในช่วงเดือน ม.ค. 54 กรมการขนส่งทางบกจะเรียกเจ้าหน้าที่ในฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาหารือเกี่ยวกับ มาตรการด้านความปลอดภัยของการโดยสารรถตู้ประจำทาง หลังจากนั้นจะเรียกให้ผู้ประกอบการรถตู้ที่จดทะเบียนอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มาสัมมนาร่วมกัน เพื่อให้ผู้ประกอบการตระหนักถึงความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของตัวเองและ ผู้โดยสาร รวมทั้งผู้ใช้รถใช้ถนน อย่างไรก็ตาม หากผู้โดยสารพบเห็นรถตู้โดยสารมีสภาพไม่มั่นคงแข็งแรง หรือไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการให้บริการ สามารถร้องเรียนได้ที่ศูนย์คุ้มครองผู้โดยสารสาธารณะ โทร. หมายเลข 1584 ตลอด 24 ชั่วโมง
นสพ.ไทยรัฐ

ที่มา: ไทยรัฐฉบับพิมพ์ วันพุธที่ 29 ธันวาคม 2553

Traffic safety the big New Year’s concern

The New Year holiday break is almost here and once again attention is focused on highway safety.

This year concern has been heightened by a horrendous fatal accident Monday night on the Don Muang elevated tollway.

Eight people died in the crash near the Bang Khen exit of the tollway. Seven others were seriously injured.

Pol Lt Col Chatchai Aiem-ong, superintendent at Vibhavadi police station, said footage from a camera on the tollway showed a car swerving just before it collided with a passenger van, which was travelling from Thammasat University Rangsit Campus. The impact pushed the van into the tollway barrier.

The van door was torn off and eight of the passengers were thrown out of the vehicle and over the barrier to the ground below.

Naruemon Nilawan, 57, aunt of Thammasat law student Sudawadee  Nilawan, 20, who died in the crash, said she wanted to see the strict enforcement of safety measures.

"Is it possible to make every passenger wear safety belts?" Ms Naruemon asked as she turned up at Police General Hospital to recover Sudawadee's body.
"Authorities should take it seriously now. Don't just talk about it when things like this happen."

Traffic safety was the top subject at yesterday’s cabinet meeting. Prime Minister Abhisit Vejjajiva said afterward that the government was considering enforcing additional legal measures in its efforts to improve road safety.

Authorities have been asked to study traffic-related laws which regulate the speed and condition of public transport vehicles and to see if more action could be taken to make the country's roads safer.

"The cabinet has also asked parties concerned to study the enforcement of using GPS technology in all public transport vehicles, and even in passenger vehicles, to help prevent accidents," he said.

Deputy government spokesman Marut Masayawanich said about 50,000 vocational students would be sent to checkpoints and car maintenance spots across the country to provide vehicle inspection services over the New Year break.

A total of 875 hospitals would deploy emergency response teams around the clock over the seven-day holiday, he said.

Adapted from a story in today's Bangkok Post

wreckage – the parts of a vehicle or building that remain after it has been severely damaged ซากตึกบ้านเรือนที่ถูกทำลาย
elevated – raised above the ground, or higher than the surrounding area ซึ่งอยู่ในระดับที่สูงกว่าสิ่งอื่น
tollway – a long wide road that you have to pay to drive on โทลล์เวย์, ทางด่วน
collide – (especially of moving objects) to hit something violently ชน,กระแทก
sedan – a closed car with a front and back seat for  passengers รถยนต์ส่วนบุคคลสี่ประตู
barrier – an object like a fence or wall that prevents people from moving forward from one place to another สิ่งขัดขวาง, กำแพง
concern – a worry ความกังวล
attention – interest, especially interest that the public has in a person, event, situation etc ความสนใจ
focus – to give attention, effort, etc. to one particular subject, situation or person rather than another เพ่งความสนใจ
highway – a main road for travelling long distances, especially one connecting and going through cities and towns ทางหลวง, ทางสายใหญ่
heighten – (of emotions) to cause to become stronger เพิ่ม, ทำให้แข็งแรงขึ้น,ทำให้สำคัญขึ้น
horrendous – extremely shocking; extremely unpleasant and unacceptable น่ากลัว, น่าสยดสยอง
fatal – causing someone to die ถึงตาย
injured – hurt in an accident or attack ซึ่งได้รับบาดเจ็บ
superintendent – a senior police officer เจ้าหน้าที่ตำรวจระดับสูง
footage – film or video of a particular subject or event ฟิลม์หรือคลิปภาพยนตร์ หรือวิดีโอ
swerve – to change directions suddenly เปลี่ยนทิศทาง
impact – the force with which one object hits another แรงกระแทก
strict – very careful and exact เข้มงวด
enforcement – the process of making sure that something happens, especially that people obey a law or rule การบังคับใช้กฎหมาย
measure – a firm action taken to solve a problem or stop an a dangerous unpleasant situation มาตราการ
turn up – to come somewhere มาถึง
authorities – the police or people in official organisations who have the legal power to make people obey laws or rules เจ้าหน้าที่ (ตำรวจ หรือผู้มีอำนาจ)
cabinet – the group of government ministers who make and approve government policy คณะรัฐมนตรี
legal – relating to the law or lawyers เกี่ยวกับกฎหมาย
effort – an attempt to do something ความพยายาม
improve – to make better  ทำให้ดีขึ้น
regulate – to control an activity officially by using rules ควบคุม
condition – the physical state of something สภาพ
public – provided, especially by the government, for the use of people in general  ที่เกี่ยวข้องกับส่วนรวม, ที่เป็นของสาธารณะ
party – one of the people or groups of people involved in an official argument, arrangement or similar situation คู่กรณี
concerned – involved in something, or affected by something ที่สัมพันธ์กับ
vocational students – students attending a school which provided the skills necessary for particular jobs นักเรียนอาชีวศึกษา
maintenance – the act of keeping something in good condition by checking or repairing it regularly การซ่อมบำรุง
spot – the particular place where someone or something is  ที่, สถานที่
inspection – the act of looking closely at something or someone and to check that everything is as it should be; examination การตรวจสอบอย่างละเอียด
deploy – to put in place ready for use นำมาใช้
emergency – an unexpected situation involving danger in which immediate action is necessary เหตุฉุกเฉิน
around the clock – throughout the whole day and night; 24 hours ทั้งวันทั้งคืน

.

No comments:

Post a Comment