Monday, April 30, 2012

อันดับคอร์รัปชั่นไทย

ภายหลัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เข้าพบ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ ได้ประชุมเร่งรัดการจัดการปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นในประเทศไทย โดยมีการประชุมเชิงปฏิบัติการเพื่อติดตามความคืบหน้ายุทธศาสตร์ต่อต้าน ทุจริตคอร์รัปชั่น และเน้นย้ำเรื่องจัดการระบบเก็บ “ส่วยใต้โต๊ะ” ในการดำเนินโครงการของรัฐ เรื่องการปราบคอร์รัปชั่นนี้ เป็นนโยบายสำคัญของแทบจะทุกรัฐบาล โดยในสมัยรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ได้มีการประกาศสงครามกับความยากจน ยาเสพติด ทุจริตคอร์รัปชั่น และ มีวาทะที่คนยังจำกันได้ว่า ถ้าคนในรัฐบาลทุจริต ไม่ต้องมีใบเสร็จก็พร้อมจะเอาผิดทันที

สำหรับการจัดอันดับปัญหาคอร์รัปชั่นทั่วโลกที่จัดล่าสุดนั้น ดร.จุรี วิจิตรวาทการ เลขาธิการองค์กรเพื่อความโปร่งใสในประเทศไทย (Transparency Thailand) เปิดเผยว่า ผลการจัดอันดับดรรชนีชี้วัดภาพลักษณ์คอร์รัปชั่นประจำปี พ.ศ. 2554 ประเทศไทยได้ 3.4 คะแนน จากคะแนนเต็ม 10 คะแนน อยู่อันดับที่ 80 จากการจัดอันดับทั้งหมด 183 ประเทศทั่วโลก และอยู่อันดับที่ 10 จาก 26 ประเทศในภูมิภาคเอเชีย โดยประเทศไทยมีคะแนนเท่ากับ ประเทศโคลอมเบีย เอลซัลวาดอร์ กรีซ โมร็อกโก และเปรู ทั้งนี้ผลการจัดอันดับประจำปี 54 ประเทศส่วนใหญ่ยังคงมีคะแนนต่ำกว่าครึ่งหนึ่ง มีเพียง 49 ประเทศเท่านั้นที่ได้คะแนนตั้งแต่ 5 คะแนนขึ้นไป โดยอันดับที่ 1 เป็นของนิวซีแลนด์ ได้คะแนน 9.5 อันดับที่ 2 ได้แก่ เดนมาร์กและฟินแลนด์ ได้ 9.4 คะแนน หากนับเฉพาะภูมิภาคเอเชีย สิงคโปร์ได้อันดับหนึ่งด้วยคะแนน 9.2 ขณะที่อันดับสุดท้าย ตกเป็นของโซมาเลียและเกาหลีเหนือ ได้คะแนนเพียง 1 คะแนนเท่านั้น


::อันดับคอร์รัปชั่นไทย © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด  วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555

เรียนอย่างไร? ในยุคปริญญาล้นประเทศ

ประเทศเราทุกวันนี้จะมีคนจบปริญญาตรีประมาณปีละ 600,000 คน มีบัณฑิตจบใหม่มากมายที่หางานทำไม่ได้ เพราะส่วนมากจะจบจากคณะสาขาด้านศิลปศาสตร์และสังคมศาสตร์ (ปีละมากกว่า 400,000 คน) ซึ่งเกินความต้องการของตลาดแรงงาน ในบ้านเราหลายคนตกงาน บางคนเรียนต่อ ที่รองานไม่ไหวก็ต้องไปทำงานไม่ตรงวุฒิ หรือต่ำกว่าวุฒิ

ส่วน ที่จบด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก็จะมีโอกาสหางานได้ง่ายขึ้นมาหน่อย แต่ก็ต้องมีความสามารถจริง เพราะจำนวนที่จบด้านนี้ก็ประมาณ 2 แสนคน ซึ่งล้นตลาดเช่นเดียวกัน สาขาที่จะมีตลาดงานรองรับแน่นอน จะมีเฉพาะบัณฑิตในสาขาวิทยาศาสตร์สุขภาพ น้องๆ ที่จบจากคณะ แพทย์ เภสัช ทันตะ เทคนิคการแพทย์ พยาบาล สาธารณสุข หางานไม่ยาก เพราะที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยต่างๆ มีการเปิดรับน้อย ช่วงนี้จึงมีคนที่จะจบด้านนี้รวมกันทั้งประเทศก็แค่ปีละไม่เกิน 30,000 คน

ดัง นั้น น้องๆ ที่กำลังเรียนอยู่ในมหาวิทยาลัย คงต้องปรับตัวกันบ้าง อย่าไปเข้าใจผิด คิดว่าจบแล้วจะเอาปริญญาไปเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ สมัครงานทำได้ง่ายๆ เหมือนสมัยก่อน ในยุคปริญญาล้นประเทศอย่างนี้ เราจึงควรใช้เวลาที่เรียนอยู่อย่างมีเป้าหมาย เป้าหมายของเรา ไม่ใช่..
เรียน เพื่อ สอบ 
สอบ เพื่อ จบ
และจบ เพื่อ ปริญญา

แต่ เป้าหมายเราที่ควรจะเป็น คือเรียนเพื่อพัฒนาคุณค่าในตนเอง เพราะถึงแม้ว่าปริญญาจะล้นประเทศ แต่บัณฑิตที่มีคุณค่านั้นขาดแคลนจริงๆ ผมมีคำแนะนำง่ายๆ ให้ลองไปปรับวิธีคิด เปลี่ยนวิธีดำเนินชีวิต เพื่ออนาคตของเราเองครับ ลองมาลงทะเบียนหลักสูตร พัฒนาคุณค่าของเราเอง เป็นหลักสูตรที่เราคิดเอง เรียนรู้เอง และให้เกรดตัวเอง หลักสูตรนี้มี 4 วิชา

1.วิชาชอบ

คือชอบอะไรสนใจอะไรก็แบ่งเวลา ไปทำในเรื่องที่ตนเองชอบ อย่ามัวแต่เรียน สอบ และ เที่ยวไปวันๆ สิ่งที่เราชอบ ถ้าชอบมันจริงศึกษาจริง บางทีมันจะเป็นส่วนหนึ่งในการทำงานในอนาคต มีรุ่นน้องคนหนึ่งเรียนสังคม ภูมิศาสตร์ แต่ชอบถ่ายรูปมาก ถ่ายจริงจัง พอจบมาก็ไม่ได้ไปทำงานด้านที่เรียน แต่ไปเป็นช่างภาพนิตยสาร ตอนนี้กลายเป็นช่างภาพ National Geographic กลายเป็นช่างภาพระดับโลก มีนักศึกษามาคุยกับผมทางเฟซบุ๊ก บอกว่าเรียนไม่ดี เพราะเอาเวลาไปเล่นหมากรุก มาปรึกษาเรื่องเรียนต่อ ผมก็แนะนำไปว่าให้ศึกษาจริงจังเรื่องหมากรุก ก็จะมีช่องทางหารายได้เลี้ยงตัวได้ คนนี้ก็ได้เป็นนักกีฬาทีมชาติไปแล้วกำลังจะไปแข่งซีเกมส์ที่อินโดนีเซีย และก็รับสอนหมากรุก มีรายได้ มีความสุขทั้งๆ ที่ยังเรียนไม่จบ อาชีพใหม่ๆ ที่เกี่ยวข้องกับความรู้ ความถนัดทางหมากรุกอาจเกิดขึ้นอีกมากมาย เช่นไปอยู่ในทีมทำเกม (คนเล่นหมากรุกจะมีความถนัดในด้านเกมที่ใช้ความคิด) ไปอยู่บริษัท Board game online (เช่นหมากต่างๆ ไพ่บริดจ์) หรืออนาคตอาจเป็นนักหมากรุกอาชีพระดับโลกก็ได้

2.วิชาชีพ
ใคร ที่เรียนคณะสาขาที่หางานง่ายอยู่แล้วก็อาจไม่ต้องใส่ใจในวิชานี้ แต่ใครที่เรียนในสาขาที่จบแล้วหางานทำยาก ต้องรีบหาวิชาชีพกันตั้งแต่ตอนนี้แล้ว เช่น แบ่งเวลาไปสนใจกิจการครอบครัว ใครไม่มีธุรกิจ ที่บ้านไม่ได้ค้าขาย ก็ควรหาทางไปฝึกงานที่ตนเองมีความชอบ อย่ารอจนจบ มันช้าไป ใครสนใจเรื่องทำขนม ทำผม ก็เริ่มเรียนได้เลย อย่างน้อยก็มีอาชีพแน่ มีงานแน่ ถ้าไม่มีใครรับเข้าทำงานก็สามารถหาเลี้ยงตนเองได้

3.วิชาช่วย
คือ ภาษาอังกฤษ จำเป็นที่สุด เพราะตลาดงานที่ใช้ภาษาอังกฤษนั้นกว้างมากและรายได้ก็สูง โอกาสที่เราจะได้ไปทำงานในบริษัทข้ามชาติมีสูงขึ้นทุกวัน หลายบริษัทในยุโรป อเมริกา หันมาจ้างคนอินเดีย คนจีน และคนในเอเซียที่มีความรู้ และสามารถสื่อสารด้วยภาษาอังกฤษได้ ในบ้านเราก็มีบริษัทข้ามชาติมากมาย และจะมากขึ้นเรื่อยๆ เขตการค้าเสรีอาเซียนก็เป็นอีกโอกาสที่เราจะมีงานดีๆ ถ้าเราใช้ภาษาอังกฤษได้ พวกเราต้องฝึกฝนตนเองให้สามารถอ่านได้ พูดได้ เขียนได้ เริ่มตั้งแต่วันนี้ได้เลย ดูหนังซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ ดูบอลก็เสียงพากย์ภาษาอังกฤษ เข้าเว็บ อ่านข่าว ให้เป็นภาษาอังกฤษ จะได้ผลดีกว่าไปลงทะเบียนเรียนภาษา การที่เราสามารถใช้ภาษาอังกฤษในการอ่านเขียน พูดคุยและค้นหาความรู้จะช่วยให้เราเป็นบัณฑิตที่มีคุณค่าเพิ่ม อย่างนี้หางานทำได้แน่

4. วิชาใช่
วิชาสุด ท้ายของหลักสูตรเพิ่มคุณค่าให้ตนเองนี้ คือสิ่งที่น่าเป็นห่วงที่สุด ทุกวันนี้เจ้าของกิจการมักจะบ่นเรื่อง เด็กจบใหม่ไม่สู้งาน เด็กจบใหม่ขาด Royalty (ความจงรักภักดีต่อองค์กร) ขาดความรับผิดชอบ ชอบเบี้ยวงาน เอาตัวรอดไปวันๆ ดังนั้น จึงอยากบอกพวกเราว่าคนจะประสบความสำเร็จได้ ต้องเป็นคนที่มีคุณธรรม ความซื่อสัตย์ ความอดทน การมีน้ำใจ ความกตัญญู ความรับผิดชอบ สิ่งเหล่านี้จะต้องฝึกฝน จนเกิดผล เมื่อเกิดผลเราจะยิ่งมั่นใจ และทำต่อไป จนเป็นนิสัย และสุดท้ายกลายเป็นบุคลิกภาพของตัวเรา ใครๆ ก็อยากได้ ลูกน้องที่รับผิดชอบ ใครๆ ก็ยกย่องหัวหน้าที่ซื่อสัตย์ คนโกงอาจดูเหมือนจะได้เปรียบ อาจคล้ายๆ จะชนะ แต่มันก็เหมือนในหนังนั่นแหละคือ ตอนจบคนดีความดีชนะทุกที.


อ.วิริยะ ฤาชัยพาณิชย์


::เรียนอย่างไร? ในยุคปริญญาล้นประเทศ ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555

เครือข่ายสมาชิก กบข.แถลงการณ์ ตั้งป้อมสู้ เตรียมฟ้องศาลยุบ กบข. ขู่เตรียมชุมชนใหญ่กดดัน

เครือข่ายสมาชิก กบข. ออกแถลงการณ์ เริ่มการก่อตั้งสมาคมเพื่อต่อสู้เรียกร้องให้แก้ไขกฎหมาย กบข.พร้อมกับตั้งทีมกฎหมายยื่นเรื่องฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ

เมื่อเวลา 16.00 น.วันนี้ (29 เม.ย.2555) ดร. วิศร์ อัครสันตติกุล ประธานองค์กรเครือข่ายสมาชิก กบข. แห่งประเทศไทย กล่าวว่า ตามที่องค์กรเครือข่ายฯ และองค์กรพันธมิตรร่วมได้นำตัวแทนสมาชิก กบข. ทั่วประเทศกว่า 1 หมื่นคนเคลื่อนไหวมาที่กระทรวงศึกษาธิการ ทำเนียบรัฐบาลและหน้ารัฐสภา เมื่อวันที่ 27 มี.ค.55 ที่ผ่านมา เพื่อเรียกร้องขอให้แก้ไขหลักเกณฑ์การคำนวณเงิน กบข. ตามมาตรา 63 ให้ได้รับบำนาญที่สูงขึ้น ลาออกได้ ตายให้ได้รับประโยชน์ที่เป็นธรรมและให้มีผลย้อนหลังไปถึงผู้เกษียณไป แล้ว โดยขอให้รัฐบาลนำเสนอกฎหมายโดยเร็วและกำหนดระยะเวลาให้รู้ผลภายใน 15 วันนั้น
“เมื่อวันที่ 27 เม.ย.55 ที่ผ่านมา องค์กรเครือข่ายฯ ได้นัดประชุมคณะกรรมการบริหารและคณะทีมงานฝ่ายกฎหมาย ที่คุรุสภา กรุงเทพฯ และมีมีมติ ดังนี้

1.ให้จัดตั้ง “สมาคมสมาชิกกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการแห่งชาติ (สก.บช.)” โดยเร็วเพื่อขับเคลื่อนต่อสู้ให้เกิดความเป็นธรรมแก่สมาชิกให้ถึงที่สุด โดยมีข้าราชการ 12 ประเภท เข้าร่วมเป็นสมาชิกจำนวนหลายแสนคน

2. ให้ฝ่ายกฎหมายต่าง ๆ ที่เสนอตัวเข้ามาร่วมต่อสู้กับ กบข. ได้ยื่นฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ ในกรณีที่สมาชิก กบข. ไม่สามารถลาออกจากการเป็นสมาชิกได้ ซึ่งเห็นว่ากฎหมาย กบข.เป็นกฎหมายที่จำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน เป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน และต่อศาลอื่น ๆในประเด็นคณะกรรมการใช้จ่ายงบประมาณและการลงทุนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย

3.เข้าพบฯพณฯ นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีซึ่งมีอำนาจสูงสุด เพื่อขอให้ดูแลเยียวยาผลกระทบที่เกิดแก่สมาชิกโดยกฎหมายที่ไม่เป็นธรรมนี้ และขอให้โปรดเห็นใจสมาชิก กบข.โดยการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน” ประธานองค์กรเครือข่ายสมาชิก กบข. แห่งประเทศไทย กล่าว

“หากไม่เป็นผลหรือเป็นการล่าช้าออกไป เพราะได้มีการเรียกร้องมากว่า 4 ปีแล้ว ที่ประชุมมีมติให้ใช้แนวทาง ดังนี้

1.สมาชิกไม่ต้องการให้มี กบข. แล้ว คือ ให้ยกเลิก กบข.กองทุนนี้เสีย โดยการล่ารายชื่อให้งดส่งเงินเข้ากองทุน เป็นเบื้องต้น

2.สมาชิกจำนวนมากจะใช้วิธีอหิงสา คือ พร้อมใจกันนัดอดอาหารที่หน้ารัฐสภาโดยพร้อมเพรียงกัน จนกว่าจะมีการนำกฎหมายเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา และ

3.ให้ดำเนินการกับ น.ส.โสภาวดี เลิศมนัสชัย เลขาธิการ กบข. กรณีที่กล่าวให้ร้ายแก่สมาชิก กบข. ทุกประเภท ในทางเสียหายว่า เรียกร้องเกินความเป็นจริง ซึ่งทำให้คนที่ไม่เป็นสมาชิกเสียเปรียบ ทั้งที่สมาชิกได้เรียกร้องสิทธิเท่า ที่ตนพึงมีพึงได้เท่านั้น มีการหน่วงเหนี่ยวการแก้ไขกฎหมาย และจะเคลื่อนไหวไปทวงถามข้อเท็จจริง ที่สำนักงาน กบข.ด้วย”

ดร.วิศร์ อัครสันตติกุล กล่าวย้ำอีกว่า ข้าราชการที่เป็นสมาชิก กบข.ทั้ง 12 ประเภทมีความเดือดร้อนและประสงค์อย่างยิ่งที่จะขอให้รัฐบาลเร่งดำเนินการให้ เสร็จทันการประชุมสมัยนิติบัญญัติ นี้ ซึ่งได้รับการประสานจากองค์กรเครือข่ายทั่วประเทศมาแล้ว คาดว่าจะมีสมาชิก กบข. ทั่วประเทศหลายหมื่นคน พร้อมใจกันนัดชุมนุมใหญ่อีกในเร็วๆ นี้ และจะ เพิ่มปริมาณมากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อเคลื่อนไหวยื่นข้อเรียกร้องต่อรัฐบาล ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ทำเนียบรัฐบาลและนัดอดอาหารที่หน้ารัฐสภา หากยังไม่เป็นผลสำเร็จ ที่ประชุมมีมติที่จะชุมนุมยืดเยื้อต่อไป โดยไม่มีกำหนดเลิก”

:: เครือข่ายสมาชิก กบข.แถลงการณ์ ตั้งป้อมสู้ เตรียมฟ้องศาลยุบ กบข. ขู่เตรียมชุมชนใหญ่กดดัน วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555 © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด

-----------------------

* เห็นใจสมาชิก กบข.ทุกท่านท่เสียสิทธิ์พีงมีพีงได้ ขอให้จงสู่ต่อไปอย่าท้อแท้และท้อถอยเด็ดขาด แม้ผมไม่ได้เป็นสมาชิก กบข.ก็ตามเพราะเพื่อนผมได้บำนาญน้อยกว่าผมมาก แม้จะได้รับเงินก้อนหนึ่งจาก กบข.แต่หากคำนวณแล้วอยู่เกิน ๓ ปีหลังจากเกษียณจะขาดทุนจนกว่าชีวิตจะสูญสิ้นคำนวณดูเองก็แล้วกันนะครับ ผมเห็นใจพวกท่านจริง ๆ จากใจผู้ไม่ได้สมัครเป็นสมาชิก กบข. *ผมขอสนับสนุนการเรียกร้องในครั้งนี้ และอยากจะให้สภาอาจารย์แห่งประเทศกับสภาอาจารย์ทุกมหาวิทยาลัยออกแสดงความคิดเห็นร่วมกันเรียกร้องในครั้งนี้ด้วยเพื่อให้เกิดผลเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น * เห็นด้วยอย่างยิ่งครับ...กบข.เป็นกฎหมายที่จำกัดสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน เป็นการขัดกับรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน และต่อศาลอื่น ๆในประเด็นคณะกรรมการใช้จ่ายงบประมาณและการลงทุนที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย * ในฐานะสมาชิก ขอขอบคุณท่านประธานและเครือข่าย เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง เป้าหมายของเราคือขอ เราได้รับสิทธิ์อันพึงมีพึงได้ วันเวลาที่ผ่านมาพวกเราอดทนยิ่งกว่าทนรวมทั้งเสียสละเพื่อส่วนรวมมามากมาย บัดนี้เราคงต้องขอสิทธิ์อันควรได้คืน ตอบกลับ · 1 · ถูกใจ · ติดตามโพส · 18 hours ago * เห็นด้วยอย่างยิ่งในการแก้กฏหมาย เพราะผมก็เป็นสมาชิก กบข.ด้วยคนหนึ่ง และจะเข้าร่วมชุมนุมในครั้งหน้าด้วย ตอบกลับ · 1 · ถูกใจ · ติดตามโพส · 19 hours ago * มีปีนึงที่ส่งเงินเข้า กบข.2000 แต่ผลปีนั้น ขาดทุน 300 แต่ข่าวปีนั้น เลขา กบข.ให้โบนัสตัวเองอื้อซ่า คิดเล่นๆ นะครับ ปี 42 ผมทำงานครั้งแรก เขาบังคับให้มัคร สมาชิก กบข. เขาว่าเกษียณได้ สองล้าน นี่แหละ ผมเลยลองนึกดูทหารนายสิบ 17 เหล่า ๆละ 80 คน เกษียณพร้อมๆกัน กบข.ต้องจ่าย เกือบ สามพันล้าน นี่แค่นายสิบ ถ้ารวมทั้งหมด 12 ประเภทจะจ่ายเท่าไรครับ ผมว่า อนาคต กบข เจ๊งแน่นอน ตอบกลับ · 1 · ถูกใจ · ติดตามโพส · 17 hours ago * รู้อย่างนี้ไม่สมัคหรอก กบข.ได้ไม่เท่าที่เสีย คนมาอธิบายครั้งแรกเสนอแต่เงินก้อนโต แต่เดี๋ยวเป็นไปอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า เงินก้อนที่ได้จะเท่ากับเงินบำนาญผู้ที่ไม่เข้า กบข.เพียง 3 ปีเอง * เลิกตะแบงเถอะ ยังเอาโครงการบ้าบอมาหลอกล่อ ฝันเฟื้องอยู่อีกหรือ ปัญหาเก่ายังแก้ไม่ได้ แก้ปัจจุบันนี้ให้ได้ก่อนดีกว่าไหม * เขาโกงเรามานานแล้วครับ ต้องช่วยกันกำจัดครับ

40ส.ว.รุมสับพักหนี้ ซัดประชานิยมบ้าคลั่งนำชาติวิบัติ

กลุ่ม 40 ส.ว.รุมสับนโยบายพักหนี้ดี เอาภาษีช่วยคนบางกลุ่ม เชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี สั่งเดินหน้า ไล่ส่ง “ยิ่งลักษณ์” หวั่นประชานิยมบ้าคลั่งนำชาติวิบัติ...

ที่รัฐสภา มีการประชุมวุฒิสภา โดยมีนายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานวุฒิสภา เป็นประธาน โดยก่อนเข้าสู่วาระการประชุม น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี กลุ่ม 40 ส.ว. ได้หารือถึงนโยบายพักหนี้ดีของรัฐบาลว่า รู้สึกไม่สบายใจและไม่เข้าใจนโยบายรัฐบาล การพักหนี้ดีก่อให้เกิดผลเสีย ความคิดของ นายทนุศักดิ์ เล็กอุทัย รมช.คลัง ทำให้ รมช.คลังอีกคนหนึ่ง ที่ครอบครัวท่านผ่านการเป็นเจ้าของธนาคารมาก่อน รู้ดีว่าการทำเช่นนั้นย่อมเกิดผลกระทบต่อฐานะของธนาคารอย่างไร จึงไม่เห็นด้วย ซึ่งเป็นหน้าที่ รมว.คลัง ที่จะตัดสินใจแต่ก็ยังไม่กล้า

จน กระทั่งช่วงสงกรานต์ที่ ครม.ได้ไปรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ต่างประเทศ หลังจากนั้น พ.ต.ท.ทักษิณ ก็ได้สั่งการทันที ให้ดำเนินนโยบายนี้ต่อไป ตนจึงสงสัยฝากถามไปยัง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่ามีนายกฯ อยู่นอกประเทศใช่หรือไม่ เนื่องจากท่านไม่สามารถตัดสินใจในการบริหารงานได้ ถ้าอย่างนั้นก็ให้ลาออกไปเสีย ให้มีนายกฯ เพียงคนเดียวก็สิ้นเรื่อง

ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.สรรหา กล่าวเสริมว่า เท่าที่ทราบเงินที่จะนำมาช่วยเหลือเป็นการหารกันคนละครึ่งระหว่างธนาคารรัฐ 5 แห่ง กับเงินของรัฐบาลที่มาจากภาษีประชาชน มีคำถามและอยากให้รัฐบาลทบทวนดังนี้ คือ

1.เป็นการเอาภาษีอากรของรัฐไปใช้สร้างความเป็นธรรมให้กับสังคม ถ้าถูกกลุ่มก็พอรับได้แต่ถ้าผิดกลุ่ม เป็นกลุ่มที่มีกำลังอยู่แล้ว รัฐบาลจะตอบคำถามนี้อย่างไร ในขณะที่คนยากจนที่เป็นหนี้เอ็นพีแอล หรือไม่มีโอกาสที่จะเป็นหนี้ก็ยังมีอยู่ ดังนั้นจะเป็นการคอรัปชันอย่างหนึ่งหรือไม่

2.จะเป็นการสร้าง ประเพณีหรือสร้างความคาดหวังให้กับสังคมในทางที่ผิด ซึ่งต่อไปแทนที่จะไปกู้จากธนาคารเอกชน ก็จะหันไปกู้ธนาคารของรัฐแทน เพราะมีโอกาสพักหนี้ได้ นอกจากนี้ การกำหนดหลักเกณฑ์รายละไม่เกิน 5 แสนบาท อาจก่อให้เกิดการช่วยเหลือผิดกลุ่ม เพราะเราจะไม่รู้ว่าลูกหนี้รายนี้ จะมีหนี้จากธนาคารรัฐรายอื่น หรือธนาคารเอกชนด้วยหรือไม่ จึงเห็นด้วยกับผู้ที่กล่าวว่า เป็นนโยบายประชานิยมบ้าคลั่ง จะนำชาติไปสู่ความวิบัติในที่สุด


::40ส.ว.รุมสับพักหนี้ ซัดประชานิยมบ้าคลั่งนำชาติวิบัติ
:: ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555

Sunday, April 29, 2012

2555:: ชี้ยอดแอดมิชชั่น 122,169คน

วันนี้(25 เม.ย.) ศ.ดร.สมคิด  เลิศไพฑูรย์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์(มธ.)  ในฐานะประธานที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.)  กล่าวถึงยอดรับสมัครคัดเลือกบุคคลเข้าศึกษาต่อในสถาบันอุดมศึกษาด้วยระบบ กลางการรับนิสิตนักศึกษาหรือแอดมิชชั่นกลาง  ปีการศึกษา 2555 ว่า มีผู้สมัครและชำระเงิน จำนวน  122,169 คน  ซึ่งยอดสมัครใกล้เคียงกับปีที่ผ่านมา  แม้ปีนี้มีระบบรับตรงผ่านเคลียริ่งเฮาส์ซึ่งรับไปก่อนแล้ว  อาจเป็นเพราะนักเรียนบางคนที่ติดรับตรงแล้วแต่ได้คณะที่ไม่ชอบจึงสละสิทธิ์ และมาสมัครแอดมิชชั่นกลางแทน

ทั้งนี้ในวันที่ 29-30 เม.ย.2555 นี้ สมาคมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(สอท.) จะเปิดให้นักเรียนเข้ามาตรวจเช็ครายชื่อของตนเองว่าถูกตัดสิทธิจากแอดมมิ ชชั่นกลางหรือไม่ และเช็คข้อมูลผลคะแนนสอบต่าง ๆ ที่ใช้ในแอดมมิชชั่นกลางที่มีอยู่ในมือกับที่สอท.มีอยู่นั้นตรงกันหรือไม่ เช่น คะแนนการทดสอบวัดความถนัดทั่วไปหรือแกตและการทดสอบความถนัดทาง วิชาการ/วิชาชีพหรือแพต   เป็นต้น โดยตรวจเช็คได้ที่เวบไซต์ สอท. www.cuas.or.th และถ้าตรวจเช็คแล้วพบว่าข้อมูลไม่ตรงกันให้ติดต่อที่สอท.โดยตรง โทร.0-2354-5155-6

ด้านนายอภิชาติ  จีระวุฒิ เลขาธิการคณะกรรมการการอุดมศึกษา (กกอ.)  กล่าวว่า ขณะนี้คณะกรรมการดำเนินโครงการทุนอุดมศึกษาเพื่อพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีมติเห็นชอบปฎิทินการดำเนินการรับสมัครนักเรียนที่สนใจจะเข้าร่วม โครงการสนับสนุนทุนการศึกษาต่อระดับปริญญาตรีในประเทศให้แก่เยาวชนที่มีภูมิ ลำเนาในเขตพัฒนาพิเศษเฉพาะกิจ จังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ทุนอุดมศึกษาเพื่อการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ระยะที่ 2  ปีการศึกษา 2555  เฉพาะนักเรียนที่ยังไม่มีที่เรียน จำนวน 125 ทุน   รับสมัคร วันที่ 9-11 พ.ค. 55 ณ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ปัตตานี  ประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์สอบสัมภาษณ์ วันที่ 25 พ.ค.55 สอบสัมภาษณ์  สถาบันอุดมศึกษาต้นสังกัด วันที่ 28-30 พ.ค. 55  และประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าศึกษา วันที่ 5 มิ.ย. 55 ทั้งนี้นักเรียนสามารถติดตามรายละเอียดต่างๆ ทางเว็บไซต์ www.mua.go.th ช่วงต้นเดือนพ.ค. 55 หรือสอบถามโทร. 0-2610-5468

::
:: 2555 ชี้ยอดแอดมิชชั่น 122,169คน © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันพุธที่ 25 เมษายน 2555

พายุฤดูร้อนถล่มบ้านพิจิตรกว่า40พังยับ

พายุฤดูร้อนถล่มบ้านพิจิตรกว่า40พังยับ

พายุฤดูร้อนถล่ม พิจิตร พังยับ 40 หลัง ด้านท่าปลา รุนแรงรอบ 20 ปี ส่วนที่กาญจนบุรี หลังคาปลิวว่อน ตัดสายไฟมืดสนิททั้งคืน ขณะที่อ่างทองร้อนจัดพ่อเฒ่า 89 ช็อกดับ กรุงเก่าร้อนผวางูเลื้อยเข้าบ้าน

30 เม.ย.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อิทธิพล พายุฤดูร้อนที่ มีกระแสลมที่รุนแรง ส่งผลสร้างความเสียหายกับบ้านเรือนประชาชน ยานพาหนะ และพืชผลทางการเกษตร โดยที่ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตรพายุฤดูร้อนได้ พัดบ้านเรือนประชาชนเสียหาย ในพื้นที่จำนวน 6 หมู่บ้าน จำนวนกว่า 40 หลังคาเรือน ของ ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร โดยลมพายุเป็นลักษณะลมหมุนมาเป็นช่องลม ส่งผลให้หลังคาบ้าน ข้างฝาบ้าน สังกะสีถูกกระแสลมพัดปลิวติดกับต้นไม้ ทรัพย์สินภายในบ้าน รวมไปถึงยานพาหนะ เช่นรถสามล้อเครื่องถูกต้นไม้ขนาดใหญ่หักทับจนเสียหายทั้งคัน ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลรังนก ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากพายุเพื่อเร่งช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
นายธีรพงศ์ เพ็ชรพงศ์ นายก อบต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ลมพายุฤดูร้อนพัด สร้างความเสียหายเมื่อช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา โดยลมได้สร้างความเสียหายเฉพาะในพื้นที่ตำบลรังนกจำนวน 6 หมู่บ้าน กว่า 40 หลังคาเรือน ความเสียหายก็จะมีทั้งหลังคาบ้านที่มีจำนวนมากที่ลมพัดหายไปทั้งหลัง ทรัพย์สินภายในบ้าน และยานพาหนะของประชาชน ส่วนพืชผลทางการเกษตรอยู่ระหว่างการสำรวจ
สำหรับการช่วยเหลือ ขณะนี้ อบต. เร่งสำรวจเพื่อนำข้อมูลส่งยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด พิจิตร พร้อมกับนำงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบลรังนก เพื่อให้การช่วยเหลือโดยด่วน เพื่อให้ประชาชนได้สามารถอยู่อาศัยในบ้านของตนเองได้เนื่องจากขณะนี้อากาศใน พื้นที่เปลี่ยนแปลง ทั้งอากาศร้อนจัด และพายุฤดูร้อน ที่อยู่อาศัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าจะเกิด พายุฤดูร้อน ซึ่งก็สร้างความเสียหายแต่ พายุฤดูร้อน ซึ่งมีแต่แรงลม แต่ยังไม่สามารถลดความแห้งแล้งในพื้นที่ได้เนื่องจากพายุที่พัดในครั้งนี้มีฝนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

พายุถล่มท่าปลารุนแรงรอบ 20 ปี บ้านเรือน ยุ้งข้าว โรงเพาะเห็ด สวนมะม่วง เสียหาย

ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าบ้านเรือนชาวบ้านในเขตเทศบาลร่วมจิต อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ได้รับความเสียหายหลังจากเกิดพายุฤดูร้อนช่วง กลางดึกที่ผ่านมา ด้านนายชุมพล ร่วมสุข นายกเทศมนตรีตำบลร่วมจิต มอบหมายสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ลงพื้นที่สำรวจความเสีย เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน และใช้หอกระจายข่าวของเทศบาลตำบลร่วมจิต ประชาสัมพันธ์ความรุนแรงของพายุทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูง ภายในโรงเรียนอนุบาลท่าปลา-ร่วมจิต หักโค่นทำให้กระแสไฟฟ้าดับ พร้อมให้ประชาชนสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน ทรัพย์สิน พืชผลทางเกษตรต่อเจ้าหน้าที่
นายชินกฤต วัฒนเถมิน สท.เขต 1 เทศบาลตำบลร่วมจิต อ.ท่าปลาดุก จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า เร่งออกสำรวจบ้านเรือนชาวบ้านที่ถูกพายุฤดูร้อนพัด กระหน่ำเสียหาย โดยพายุฝนได้สร้างความเสียหายบ้านเรือนในพื้นที่ใน 3 หมู่บ้าน ของตำบลร่วมจิต คือหมู่ 1 หมู่ 2 และ หมู่ 6 กว่า 40 หลังคา ส่วนใหญ่หลังคาที่เป็นกระเบื้องและสังกะสี ถูกแรงพายุพัดปลี้วหายไปไกลกว่า 100 เมตร เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นอน เสื้อผ้า ถูกฝนเปียกเสียหาย
ทั้งนี้ ที่เสียหายมากที่สุดคือบ้านของ นางยุพิน อินเต้ม อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 142 หมู่ 1 บ้านร่วมจิต นอกจากพายุจะพัดเอาแผ่นกระเบื้องมุงหลังตกแตกกระจัดกระจายแล้ว สวนหลังบ้านซึ่งสร้างยุ้งฉาง เก็บข้าวเปลือกไว้ทั้งรับประทานและทำพันธุ์กว่า 3 ตันเปียกน้ำฝนเสียหายเพราะสังกะสีมุงหลังคายุ้งฉ่างถูกกระแสลมพัด โรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้าของชุมชนร่วมจิต ที่ตั้งใกล้กันตัวโรงเรือนพังเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ แบบแรงลมพัดราบเป็นหน้ากอง นอกจากนี้พายุฝนยังได้สร้างความเสียหายแก่ต้นลำไยที่กำลังติดช่อ มะม่วงที่ติดผลถึงเวลาเก็บผลผลิตขาย เสียหายจำนวนมาก
นางยุพิน อินแต้ม กล่าวว่า ช่วงเกิดพายุตัวเองอยู่บ้านเพียงลำพัง นานประมาณครึ่งชั่วโมง ขณะนั่งและกอดเสาบ้านไว้ พายุได้พัดเอากระเบื้องมุงหลังบ้านหายไป ฝนตกหนักได้แต่กระโกนร้องขอความช่วยเหลือ จนญาติๆและเพื่อนบ้านมาช่วย จากนั้นก็ได้ยินเสียงวัวที่อยู่ในคอกหลังบ้านร้องเสียงดัง เมื่อไปดูพบว่าต้นลำไยพันธุ์พื้นเมืองขนาดใหญ่โค่นทับทั้งคอกและวัวจำนวน 10 ตัว เพื่อนบ้านต่างช่วยกันต้อนฝูงวัว ท่ามกลางพายุฝนอย่างอลม่าน โชคดีที่รอดตายหวุดหวิด
ด้านนายสว่าง แสงสุวรรณ กล่าวว่า สวนมะม่วงพันธุ์อกร่องและเขียวเสวยกว่า 50 ต้นที่กำลังติดผลถึงเวลาเก็บขาย ถูกพายุพัดล่วงล่นเต็มใต้ต้นมะม่วง เสียหายร้อยละ 80 ปกติมะม่วงจะขายได้กิโลกรัมละ 20 บาท พายุที่พัดล่วงทำให้ผลแตก มีรอยช้ำ ไม่สวย คงขายไม่ได้นอกจากจะแบ่งให้เพื่อนบ้านไปรับประทาน นับเป็นพายุที่รุนแรงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในรอบ 20 ปี เบื้องต้นแจ้งความเสียหานให้กับเทศบาลตำบลร่วมจิต

พายุฝนถล่มกาญจนบุรีบ้านเรือนเสียหายนับร้อย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก ในพื้นที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ได้เกิดความเสียหายขึ้นในหลายพื้นที่ เกิดเหตุ สังกะสีหลังคาบ้านประชาชนหลังหนึ่ง ปลิวไปติดกับสายไฟ ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟฟ้าดับตลอดคืน มีบ้านเรือนเสียหายในหลายพื้นที่ มีที่ตำบลดอนตาเพชร หมู่ที่ 5 และ หมู่ที่ 12 มีบ้านเรือนเสียหายนับสิบหลังคาเรือน ที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 8 บ้านใหม่พัฒนา ต.หนองสาหร่าย ซึ่งเป็นบ้านของ นางใกล้รุ่ง จิตนิยม ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มทับหลังคาบ้านเสียหายทั้งหลัง โชคดีที่ขณะเกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในบ้าน เนื่องจากออกไปช่วยงานบ้านญาตินอกพื้นที่ ซึ่งตำบลที่เสียหายมากที่สุด มีบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลังคาเรือน ส่วนใหญ่หลังคาบ้านโดนลมพัดปลิวว่อน แต่ยังไม่ได้รับรายงาน ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยขณะนี้ผู้นำหมู่บ้านที่รับผิดชอบในพื้นที่ กำลังเร่งสำรวจความเสียหาย
ล่าสุด นายไชโย ฤทธิรงค์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายอำเภอพนมทวน ผู้นำท้องถิ่นและองค์กรส่วนท้องถิ่น ได้เดินทางเข้าสำรวจในพื้นที่ ซึ่งพบว่า มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายมากที่สุด คือ หมู่ 9 หมู่14 หมู่ 17 บ้านโป่งกู๊ป ต.พังตรุ เสียหายประมาณ 200 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่สภาพหลังคาบ้าน โดนพายุพัดเสียหาย ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ ส่วนความช่วยเหลือเบื้องตน ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจกถุงยังชีพ เป็นข้าวสารอาหารแห้ง โดยจะขอเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจากจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อช่วยเหลือราษฎร ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป

สลดอากาศร้อนจัดพ่อเฒ่าวัย 89 ช็อกตายคาบ้าน

ร.ต.อ.ไพฑูรย์ อุ้ยประโค ร้อยเวรสภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิต อยู่ภายในบ้านบริเวณบ้านเลขที่ 37/3 หมู่ที่ 1 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์โรงพยาบาลอ่างทองและเจ้าหน้าทีกู้ภัยวีอาร์จังหวัดอ่างทอง ในที่เกิดเหตุเป็นเพิงสังกะสี ภายในเตียงนอนพบศพ นายเฟี้ยม ป้อมเขตต์ อายุ 89 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตอยู่ท่ามกลางความโศกเศร้าของลูกๆและญาติๆ
จากการสอบสวน นางสำรวม ประสงค์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่38 หมู่ที่ 1 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ลูกสาวนายเฟี้ยม กล่าวว่า พ่อตนเดินไม่ได้ นอนอยู่ในเพิงสังกะสีมานาน และตอนนี้อากาศร้อนมาก โดยเฉพาะ2-3 วันที่ผ่านมา พ่อจะบ่นร้อนทุกวัน ประกอบกับหลังคาและฝาบ้านเป็นสังกะสี จึงทำให้อบและร้อนมากขึ้น ทุกวันจะต้องมาเช็ดตัวระบายความร้อนให้พ่อตลอดเวลา และเมื่อเช้านี้พ่อได้ตะโกนเรียก บอกว่า ร้อนมากขอน้ำแป๊ปซี่ใส่น้ำแข็ง เพื่อแก้กระหาย ตนจึงเดินไปซื้อใส่ถุงมาให้ แต่ยังไม่ถึงบ้านเลย พ่อก็ขาดใจตายก่อน
ด้านร.ต.อ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบ ก็พบว่า ผู้เสียชีวิตอายุมาก ประกอบกับเดินไม่ได้ และช่วงนี้อากาศร้อนจัด อาจทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดการช๊อกกะทันหัน จนทำให้เสียชีวิตก็เป็นได้

ชาวกรุงเก่าผวา อากาศร้อนจัด งูยั้วเยี๊ยะเลื้อยเข้าบ้าน กินกระต่าย

เมื่อเวลา 08.30 น. หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ รับแจ้งจากนางเกสร สวัสดิกุล อายุ 59 ปี ประธานชมรมอสม.หัวรอ บ้านเลขที่ 143/110 ม. 8 ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่ามีงูเหลือมเข้าไปกินกระต่ายที่อยู่ในกรงบ้านของนายอเนก ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านติดกัน ขอให้ไปช่วยจับด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจเดินทางไปถึง พบว่า งูเหลือมดังกล่าวมีความยาว 4 เมตรเศษ กำลังเขมือบกระต่ายเข้าไปในท้อง อยู่บนหลังคาของกรงเลี้ยง และในกรงยังมีกระต่ายเหลืออีก 4 ตัว จนท.พยายามช่วยกันจับด้วยความยากลำบาก เนื่องจากงูเหลือมพยายามที่จะหนีลงที่พื้น ซึ่งมีช่องลงไปใต้พื้นดิน แต่จนท.ก็สามารถจับตัวเอาไว้ได้ แล้วนำใส่ถุงเพื่อนำไปปล่อยแหล่งธรรมชาติ
นางเกสร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ก็มีงูเหลือมเลื้อยเข้ามาในบริเวณบ้านเรือนประชาชนในละแวกเดียว กันหลายครั้ง และมีสัตว์เลี้ยงประเภทแมวและสุนัขหายไป โดยเฉพาะที่บ้านหลังดังกล่าวมีงูเลื้อยเข้ามา 4 ครั้งและสามารถจับเอาไว้ได้ทั้งหมด เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะอากาศที่ร้อนจัดขณะนี้ ทำให้งูที่อยู่ใต้ผิวดินและในป่าที่อยู่หลังบ้านเลื้อยหนีร้อนเข้าไปในบ้าน เรือนประชาชน แล้วกินสัตว์เลี้ยงดังกล่าว ซึ่งทางหน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าช่วงนี้ได้รับแจ้งและออกไปจับงูจำนวนมาก ซึ่งเตือนให้ประชาชนปิดช่องทางเข้าบ้านให้ดี โดยเฉพาะห้องน้ำที่คาดว่างูจะหลบเข้าไปหาจุดที่มีความชื้นและความเย็น :: พายุฤดูร้อนถล่มบ้านพิจิตรกว่า40พังยับ (c) คม ชัด ลึก ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555

Take Me To Your Heart:: Michael Learns to Rock เนื้อเพลง: Take Me To Your Heart

Michael Learns to Rock เนื้อเพลง: Take Me To Your Heart

Hiding from The Rain and Snow
Trying to forget but I won't let go
Looking at a crowded street
Listening to my own heart beat

So many people all around the world
Tell me where do I find someone like you girl

[Chorus:]
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true

They say nothing lasts forever
We're only here today
Love is now or never
Bring me far away

Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is - be my guiding star
It's easy take me to your heart

Standing on a mountain high
Looking at the moon through a clear blue sky
I should go and see some friends
But they don't really comprehend

Don't need too much talking without saying anything
All I need is someone who makes me wanna sing

[Chorus:]
Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand before I'm old
Show me what love is - haven't got a clue
Show me that wonders can be true

They say nothing lasts forever
We're only here today
Love is now or never
Bring me far away

Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is - be my guiding star
It's easy take me to your heart

Take me to your heart take me to your soul
Give me your hand and hold me
Show me what love is - be my guiding star
It's easy .. take me to your heart

คุก 4 ปีนักการเมืองดังอินเดียรับสินบน

วันนี้ (28 เม.ย.) สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานจากกรุงนิวเดลี ประเทศอินเดีย ว่า ศาลแขวงนิวเดลีมีคำพิพากษาในวันนี้ ในคดีที่ นายบันการู ลักษมัน วัย 72 ปี อดีตประธานพรรคภาราติยะ ชนตะ (บีเจพี) แกนนำพรรคฝ่ายค้าน และกลุ่มการเมืองของชาวฮินดูชาตินิยมในอินเดีย ตกเป็นจำเลยในข้อหาเรียกรับเงินสินบน โดยศาลตัดสินให้ลงโทษจำคุกนายลักษมันเป็นเวลา 4 ปี และปรับ 100,000 รูปี (ประมาณ 62,000 บาท) ตามกฎหมายว่าด้วยการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชันของอินเดีย จากความผิดฐานรับเงินสินบน เพื่อแลกกับผลประโยชน์ในการซื้อขายอาวุธกับทางการ
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อ 11 ปีก่อน นายลักษมันถูกผู้สื่อข่าวสถานีโทรทัศน์ทาเฮลกา ปลอมตัวเป็นพ่อค้าอาวุธ ส่งมอบเงินสินบนให้ พร้อมกับแอบบันทึกภาพวิดีโอไว้เป็นหลักฐาน และต่อมาภาพบันทึกดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกอากาศไปทั่วประเทศ สร้างแรงสั่นสะเทือนพรรคพรรคบีเจพี ซึ่งขณะนั้นชนะการเลือกตั้งได้เป็นรัฐบาล นำโดยนายกรัฐมนตรีอตาล พิหารี วัจปายี สุดท้ายนายลักษมันต้องลาออกจากประธานพรรค และถูกสั่งฟ้องดำเนินคดี

:: คุก 4 ปีนักการเมืองดังอินเดียรับสินบน © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันเสาร์ที่ 28 เมษายน 2555

บุกจับเจ้าคณะตำบลตั้งก๊วนเขย่าไฮโล

 บุกรวบเจ้าคณะตำบลแม่เหียะ-เจ้าอาวาส ร่วมก๊วนเล่นไฮโลกับฆราวาสนับสิบรายกลางสวนลำไยในเมืองลำพูน ตำรวจภาค 5 ส่งดำเนินคดีพร้อมจับสึก
เมื่อเวลา 18.30 น. วันนี้(29 เม.ย.) พ.ต.อ.ธวัชชัย อยู่มาก ผกก.สส.บช.ภ.5 นำกำลังกว่า 20 นาย เข้าปิดล้อมสวนลำไย หมู่ 6 ต.มะกอก อ.ป่าซาง จ.ลำพูน หลังได้รับแจ้งว่ามีผู้ลักลอบเล่นการพนัน เมื่อไปถึงพบนักพนันทั้งชาย หญิงนับสิบรายกำลังนั่งเล่นพนันไฮโลกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด โดยเจ้าหน้าที่ถึงกับต้องตกตะลึงเมื่อพบว่าในกลุ่มนักพนัน มีพระสงฆ์อยู่ในชุดห่มเหลือง 3 รูป ร่วมวงเล่นพนันอยู่ด้วย จึงเข้าจับกุมพร้อมควบคุมตัวนักพนันทั้งหมด 13 ราย เป็นชาย 7 คน หญิง 3 คน และพระสงฆ์อีก 3 รูป ไปดำเนินคดีที่ สภ.ป่าซาง จ.ลำพูน

สำหรับพระสงฆ์ทั้ง 3 รูป ประกอบด้วย พระครูโกศล ปริยัติวิสิฐ อายุ 44 ปี เจ้าอาวาสวัดชื่อดังแห่งหนึ่งใน ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ และมีตำแหน่งเป็นเจ้าคณะตำบลแม่เหียะด้วย 2.พระแสวง ปัญญาวิโร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดแห่งหนึ่งใน ต.หนองล่อง อ.เวียงหนองล่อง จ.ลำพูน และ 3. พระสุพจน์ สิริวัณโณ อายุ 34 ปี พระลูกวัดแห่งหนึ่งใน จ.ลำพูน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ได้ลงบันทึกประจำวัน พร้อมแจ้งข้อหาเล่นพนัน (ไฮโล) เอาทรัพย์สินกันโดยไม่ได้รับอนุญาตกับนักพนันทั้งหมด ก่อนนำตัวพระทั้ง 3 รูป ไปให้เจ้าคณะตำบลป่าซางทำการสึกจากการเป็นพระต่อไป

::บุกจับเจ้าคณะตำบลตั้งก๊วนเขย่าไฮโล © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันอาทิตย์ที่ 29 เมษายน 2555
-----------------

อย่าทำให้โลกติเตียนอีกเลย
** พระธรรมวินัยของพระพุทธองค์ไม่เสื่อมหรอก แต่คนที่ปฏิบัติทำเสื่อมเสียเอง แม้จะเป็นอาบัติเพียงเล็กน้อย แต่ทางโลกแล้วถือว่ามหาศาล เราเป็นพระ เขาให้ลดละเลิกกลับไปเล่นซะเอง แล้วจะสอนใครได้ในเมื่อตัวเองยังปฏิบัติไม่ได้ ช่างไม่ละอาย เมื่อปฏิบัติไม่ได้ก็ลาสิกขาออกมาเสีย ไม่ใช่ดันทุรังอยู่ให้ศาสนามัวหมองเปล่าๆ


ยามเชียงใหม่ดับคาป้อม พบจุดยากันยุงสุม-ร้อน

พบยามวัยหนุ่มนอนตายตัวแข็งคาป้อมหน้าหมู่บ้านจัดสรรใน อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สภาพปิดประตูหน้าต่างแล้วจุดยากันยุง เบื้องต้นคาดสาเหตุจากขาดอากาศหายใจประกอบกับร้อนอบอ้าว...
เมื่อเวลา 08.30 น. วันที่ 30 เม.ย. มีรายงานว่า พ.ต.ท.เชวงศักดิ์ วงษ์เทพ พนักงานสอบสวน (สบ 3)  สภ. สารภี รับแจ้งเหตุมีผู้เสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุในป้อมยามหน้าหมู่บ้านจัดสรรแห่ง หนึ่ง หมู่ที่ 4 ต.หนองผึ้ง อ.สารภี จ.เชียงใหม่ จึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ผู้เกี่ยวข้องไปตรวจสอบ
ทั้งนี้ พบศพนายอุทิศ คำแก้ว อายุ 27 ปี อยู่บ้านเลขที่ 1/ช หมู่ 4 ต.โป่งแยง อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่ สภาพนอนเสียชีวิตอยู่ภายในป้อมยามในท่านอนหงาย สภาพตัวแข็ง สวมชุดยามสีน้ำเงิน นอกจากนั้น ในป้อมยามยังพบว่ามีควันจากการจุดยากันยุง และประตูหน้าต่างปิดทุกบาน ตามร่างกายไม่พบร่องรอยการถูกทำร้าย เบื้องต้นคาดว่า สาเหตุน่าจะเกิดจากขาดอากาศหายใจ ประกอบกับสภาพอากาศร้อนอบอ้าวจน หัวใจล้มเหลวเฉียบพลัน โดยเสียชีวิตมาประมาณ 2-3 ชั่วโมง ซึ่งญาติไม่ติดใจสาเหตุ จึงมอบศพให้ไปดำเนินการตามประเพณีต่อไป

:: ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555

ฝันร้ายวิกฤติต้มยำกุ้ง หลอนแบงก์ไทยสยายปีก

40-41 องศาเซลเซียสใจกลางกรุงเทพฯ แถวๆ ย่านถนนสีลมในสัปดาห์ที่ผ่านไป ผมเลยไม่เห็นพนักงานของบริษัท ห้างร้าน หรือพนักงานธนาคารในย่านสีลมออกมาเดินกินข้าวเที่ยงอย่างหนาตาเหมือนที่เคย เห็น เพราะร้อนขนาดกว่า 40 องศาอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนในย่านศูนย์กลางการเงินของเมืองไทย เลยทำให้หลายคนขอหาที่นั่งกินข้าวในออฟฟิศตัวเองดีกว่า เชื่อมั้ยครับ คลื่นมนุษย์ทำงานสีลมไม่ออกมากินข้าวเที่ยงเพราะร้อนจัด พลอยทำให้บรรยากาศตามถนนสีลมลึกเข้าไปตามตรอกซอกซอยที่เตรียมละลายทรัพย์ ซบเซาไปมาก

ผมเกิดความรู้สึกขึ้นมาทันทีว่า บรรยากาศไร้คนเดินหนาตาย่านสีลมในวันทำการนั้นเคยเกิดขึ้นเมื่อเกือบ 15 ปีผ่านมาแต่ไม่ใช่เพราะอากาศร้อนจัด(ทะลุเกิน 40 องศาเหมือนปีนี้แน่) แต่เกิดจากผลกระทบของวิกฤติสถาบันการเงินล้มละลาย ถูกปิดกิจการ ต้องเร่ขายกิจการครั้งใหญ่ของประเทศไทยเมื่อวันที่ 2 กรกฎาคม 2540 คนในวัยกว่า 40 ปีขึ้นไปเก็บไปนึกถึงเป็นฝันร้าย พลิกหาตำราทำธุรกิจกันใหม่ กลับวิธีคิดวิธีทำจากหางมาเป็นหัว ถอดความเสี่ยงมาใส่ความกล้าๆกลัวๆอย่างชัดเจน ซึ่งที่น่าแปลกใจ และรู้สึกห่วงแทน คือ ถึงวันนี้และอีก 3 ปีข้างหน้าที่การเป็นประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน หรือ AEC จะสมบูรณ์แบบนั้น ความกล้าๆกลัวๆของเจ้าของกิจการ นักธุรกิจ นักบริหาร และองค์กรสถาบันการเงินไทยยังมีอยู่ ทั้งๆที่เพื่อนบ้านแห่เข้ามาเจาะฐานที่มั่นมากขึ้น

วันนี้ใครผ่านไป แถวถนนรัชดาภิเษก ก็ได้เห็นธนาคารไอซีบีซีจากเมืองจีน วันนี้นักลงทุนไปซื้อขายหุ้นที่ตึกเซ็นทรัลเวิลด์ ก็ได้เห็นเครือข่ายธนาคาร เมย์แบงก์จากมาเลเซีย(ที่มีมูลค่าธุรกิจใหญ่กว่ากลุ่มบริษัท ปตท.ด้วยซ้ำไป) วันนี้ใครดูหน้าจอทีวีในรายงานข่าวพิเศษเกี่ยวกับเรื่องพลังเศรษฐกิจเออีซี ช่วงเที่ยง และช่วงเย็นทางช่อง 3 ก็ได้เห็นยี่ห้อธนาคารซีไอเอ็มบีไทยซึ่งเป็นหนึ่งในเครือข่ายธนาคารชั้นนำ จากมาเลเซียโผล่ตรงมุมด้านล่างของจอเป็นระยะๆ วันนี้ใครผ่านไปแถวถนนเยาวราชก็ได้เห็นโฉมหน้าสาขาใหม่ๆ ที่กล้าลงทุนยกเครื่องออกแบบใหม่ของธนาคารยูโอบีซึ่งเป็นธนาคารจากสิงคโปร์

ผม ไม่ได้ยกตัวอย่าง แต่บรรยายให้เห็นสถานที่จริงของธนาคารต่างชาติที่เข้ามาเจาะและเร่งขยายฐาน ในประเทศไทยมากขึ้นเรื่อยๆ ในเมื่อตลาดเมืองไทยเป็นที่หอมหวนในการเข้ามาลงทุนของธนาคารต่างชาติ ซึ่งวันนี้มีความแข็งแกร่งกว่าธนาคารบ้านเรามาก ที่สำคัญมีความเข้าใจผู้ประกอบการคนไทยรุ่นใหม่มากขึ้นอย่างน่าใจหาย ในเมื่อวิธีคิดของธนาคารข้ามชาติเหล่านี้ถอดความกล้าๆกลัวๆออกไปแต่ใส่ความ กล้าเสี่ยงบนระบบบริหารจัดการที่เน้นกระจายความเสี่ยงของการดำเนินธุรกิจใน เครือ โดยอาศัยการสร้างเครือข่ายให้กว้างและลึกมากกว่าเน้นการสร้างมูลค่า ทรัพย์สินให้ใหญ่โตแบบกระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่ง ในเมื่อวิธีคิดกลับทางอย่างสิ้นเชิงกับธนาคารในบ้านเราด้วยการเข้าไปหา ลูกค้าใหม่ๆในต่างประเทศมากกว่าที่จะตามลูกค้าของธนาคารตัวเองเข้าไปตั้ง สาขาในต่างประเทศนั้นๆ ในเมื่อธนาคารต่างชาติใช้การพัฒนาคนและรู้จักใช้คนในท้องถิ่นของประเทศนั้นๆ เป็นคนบริหารสาขาและเชื่อมธุรกิจธนาคารให้ใหญ่โตมากกว่าที่จะส่งคนของตัวเอง ไปนั่งบริหารในต่างแดน ทั้งหมดนี้ ไม่เพียงแค่ผมเท่านั้นแต่คนไทยอีกจำนวนมากที่เป็นนักธุรกิจ เจ้าของกิจการ ไปถึงนักท่องเที่ยวล้วนเห็นความแตกต่างชัดเจนเมื่อเดินทางไปในต่างประเทศ โดยเฉพาะในอาเซียน และนึกย้อนมองกลับมาที่ประเทศไทย

ทุกเสี้ยว วินาทีของเศรษฐกิจจากวันนี้ไปในอนาคต ล้วนต้องอาศัยจินตนาการมากกว่าการเก็บฝันร้ายและภาพหลอนของวิกฤติการเงินใน อดีต ที่มักถูกใช้เป็นเครื่องเตือนใจ แต่อย่าใช้บ่อยเกินไปจนกลบต่อมจุดจินตนาการทางเศรษฐกิจและการลงทุน เหมือนเมื่อกาลครั้งหนึ่งนาน นาน นานมาแล้ว ธนาคารสัญชาติไทยแห่งหนึ่งเคยมีขนาดใหญ่อันดับ 1 ในกลุ่มอาเซียน !!!

บัญชา ชุมชัยเวทย์

:: ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555

แกะดำ Black Sheep

สำนวน แกะดำ เป็นสำนวนเชิงพฤติกรรม ที่บอกว่า มีการกระทำที่ไม่เหมือนคนอื่น ผิดแผกแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ จะเรียกเป็น คนผ่าเหล่า ก็ได้เด้อ

: พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้คำนิยามความหมายไว้ว่า่ แกะดำ (สํานวน) น. คนที่ทําอะไรผิดเพื่อนผิดฝูงในกลุ่มนั้น ๆ (ใช้ในทางไม่ดี).

เขาเคยเป็นแกะดำในการร้องเพลง แต่ตอนนี้เขากลายเป็นแกะทองคำ He was a black sheep in singing, but now he is the golden sheep.

เขารู้สึกว่าหล่อน(เธอ)อาจเป็นแกะดำ He feel like she is a black sheep.

ครอบครัวคิดว่า เธอเป็นแกะำดำ The family thinks she is a black sheep.

มันมีข้อสงสัยอะไรมั๊ยว่าทำไมเธอถึงเป็นแกะดำในโรงเรียนแห่งนี้ Is it any wonder why she is a black sheep in this school?

เขาเป็นแกะดำที่เป็นฮีโร่ เพราะเขาคิดเขาทำอะไรแตกต่างไปจากคนอื่น ๆ
This black sheep is the hero because he thinks he does things differently.

เขาไม่เคย(ย้อน)กลับไปประเทศญี่ปุ่นเพราะว่าเขาเป็นแกะดำของบ้านของครอบครัว
He has never returned to Japan because he is a black sheep in his family.

Dr.SoS





Thursday, April 26, 2012

สารกันบูดในเส้นใหญ่

โดยทั่วไปก๋วยเตี๋ยวที่เราเห็นขายตามท้องตลาดมีทั้งเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นใหญ่ บะหมี่ และกวยจั๊บ

หาก ทำเสร็จแล้วขายเลย เราเรียกเส้นประเภทนี้ว่าเส้นสด ไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน เพราะมีความชื้นสูงทำให้มีอายุการเก็บรักษาสั้นประมาณ 5 วัน

เมื่อ เก็บได้ไม่นานการกระจายสินค้าก็ไปได้ไม่ไกล ทำให้ผู้ประกอบการอาจหันมาพึ่งสารเคมีเพื่อยืดอายุ จากที่เคยเก็บไว้ได้ไม่เกิน 5 วัน ก็สามารถเก็บไว้ได้เกิน 10 วัน ถ้าใส่เยอะๆจะยิ่งยืดอายุให้นานขึ้นอีก

หากทานเส้นก๋วยเตี๋ยวเหล่านี้เข้าไป ผู้บริโภคอย่างเราอาจกลายเป็นถุงใส่สารเคมีเคลื่อนที่ได้ สารเคมีที่ว่าคือ สารกันบูด

ตามความเข้าใจของเรานั้น สารกันบูด เป็นสิ่งที่ใส่ในอาหารได้ แต่ต้องไม่เกินปริมาณที่มาตรฐานกำหนด

เพราะ อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้ เช่น สารกันบูดที่ชื่อ กรดเบนโซอิก หากใน 1 วันเรารับประทานอาหารอะไรก็แล้วแต่ที่มีสารชนิดนี้ปนอยู่ไม่เกิน 500 มิลลิกรัม ตับและไตก็จะสามารถกำจัดออกได้ทางปัสสาวะ

แต่ถ้าเกิน 500 มิลลิกรัมทุกวัน ตับและไตก็จะทำงานหนัก และถ้ากำจัดออกจากร่างกายไม่หมด กรดเบนโซอิกจะไปสะสมในร่างกายทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานของตับไตลดลง ซึ่งเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการเจ็บป่วยด้วยตับและไตพิการได้

ตามประกาศกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ใช้สารกันบูดทุกชนิดรวมกันได้ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัม/กิโลกรัม

วันนี้ สถาบันอาหารจึงสุ่มตัวอย่างก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ จากตลาด 5 แห่ง เพื่อตรวจหาสารกันบูดกรดซอร์บิก ผลวิเคราะห์พบว่า มี 1 ตัวอย่าง พบสารกันบูดกรดซอร์บิก

ทางที่ดีหลีกเลี่ยงการซื้อก๋วยเตี๋ยวเส้นสดที่ขายไม่หมดวันต่อวันเพื่อความปลอดภัย!

::สารกันบูดในเส้นใหญ่ ไทยรัฐฉบับพิมพ์ วันศุกร์ที่ 27 เมษายน 2555

เออีซีดันค่าแรงเกิน 300 บาท "โกร่ง" เตือนไทยเผชิญหน้าวิกฤติแรงงาน

“ดร.โกร่ง” กระทุ้งลบทัศนคติ ผวาวิกฤติต้มยำกุ้งปี 40 ขึ้นสมอง หวั่นประวัติศาสตร์ซ้ำรอยจนเงินออมท่วมประเทศ ไม่มีการลงทุนเพิ่ม โดยเฉพาะการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ เตือนไทยเตรียมพร้อมเผชิญวิกฤติแรงงาน ไม่นานพม่าแห่กลับประเทศ ชี้หลังเออีซีค่าแรงพุ่งเกิน 300 บาทแน่

นายวีรพงษ์ รามางกูร ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์เพื่อการฟื้นฟูและสร้างอนาคตประเทศ (กยอ.) กล่าวปาฐกถาในหัวข้อ “ทิศทางเศรษฐกิจไทย” ในงาน “60 ปี ไทยโทรทัศน์ 35 ปี อสมท” ว่า ปัจจุบันภาคธุรกิจของไทยต้องปรับตัวให้สอดรับกับบริบทการเปลี่ยนแปลงของเศรษฐกิจโลกที่มีการเปลี่ยนขั้วมหาอำนาจทางเศรษฐกิจ จากเดิมที่สหรัฐอเมริกาและยุโรปเคยเป็นผู้นำและเป็นตลาดส่งออกที่สำคัญที่สุดของไทย โดยในอดีตไทยเคยมีสัดส่วนการส่งออกสินค้าไปยังสหรัฐฯและยุโรปรวมกันประมาณ 45% แต่ปัจจุบันเหลือเพียงประมาณ 12% ในขณะที่การค้าขายกับอาเซียนและเอเชียสูงถึงเกือบ 80% “ผมมีความเห็นต่างจากนักเศรษฐศาสตร์ฝั่งตะวันตกที่มองว่าเศรษฐกิจของจีนเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย จริงอยู่ที่เศรษฐกิจจีนเติบโตน้อยลงเหลือ 8-9% ขณะที่ก่อนหน้านี้เติบโต 11-12% แต่หากคิดเป็นมูลค่าทางเศรษฐกิจจะพบว่ามีมูลค่าเพิ่มขึ้นหรือเป็นการเติบโตบนฐานเศรษฐกิจที่มีขนาดใหญ่มากขึ้น สามารถจำหน่ายสินค้าและบริการได้มากขึ้น ดังนั้นจีนจะมีบทบาทเป็นผู้นำทางเศรษฐกิจโลกต่อไปอีกหลายปี”

นายวีรพงษ์ กล่าวว่า ภาคธุรกิจของไทยยังต้องปรับตัวเรื่องการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันและเพิ่มประสิทธิภาพทางการผลิตด้วยการใช้องค์ความรู้ เครื่องจักรที่ทันสมัยขึ้นและใช้แรงงานให้น้อยลง เนื่องจากในอนาคตอันใกล้ เมื่อประเทศเพื่อนบ้านโดยเฉพาะพม่า เปิดประเทศ ก็มีความเป็นไปได้สูง ที่แรงงานจำนวนมากที่มาทำงานในไทยจะย้ายกลับประเทศ อุตสาหกรรมที่ไม่ปรับตัวในเรื่องนี้จะเกิดปัญหาขาดแคลนแรงงาน นอกจากนั้นเมื่อเปิดเสรีประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนหรือเออีซี แนวโน้มค่าแรงขั้นต่ำจะปรับตัวสูงกว่า 300 บาทต่อวันแน่นอน ดังนั้น หากไม่ยกระดับอุตสาหกรรมให้สามารถแข่งขันได้ก็จะเกิดปัญหาตามมาในอนาคต จะหวังให้รัฐบาลอุ้มตลอดไปไม่ได้

อย่างไรก็ตาม ในรอบ 15 ปีที่ผ่านมาหลังจากวิกฤติปี 2540 ฐานะการออมของประเทศได้เพิ่มสูงขึ้น โดยมีการเกินดุลบัญชีเดินสะพัดมาโดยตลอด โดยประเทศไทยมีเงินออมที่ไม่ได้เอาไปลงทุนมากถึง 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ทุนสำรองอยู่ที่ 180,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ซึ่งเท่ากับว่ามีเงินไหลเข้ามาจากต่างประเทศประมาณ 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ สะท้อนให้เห็นว่านักลงทุนต่างชาติเชื่อมั่นในเศรษฐกิจไทย “กระนั้นแนวความคิดของภาคราชการหรือนักเศรษฐศาสตร์บางคน ก็ยังไม่เปลี่ยนแปลง โดยมักวิตกว่าจะเกิดวิกฤติเศรษฐกิจเหมือนในปี 2540 ได้อีก ในระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมาจึงไม่มีการผลักดันให้มีการลงทุนเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศ”

เขา ยังระบุว่า การจะพัฒนาประเทศได้ ต้องเปลี่ยนทัศนคติ ลืมอดีตและสร้างอนาคตใหม่ จะใช้วิธีคิดแบบเก่าๆเหมือนกับบริษัทที่มีกำไรแล้วก็ไม่ลงทุนต่อ เอาเงินไปฝากธนาคาร ไปซื้อพันธบัตรกินดอกเบี้ยต่ำๆ เป็นระยะเวลานานๆ จะทำแบบนั้นต่อไปไม่ได้ เพราะทัศนคติแบบนี้ไม่เกิดประโยชน์ต่อประเทศอย่างที่ควรจะเป็น

ขณะเดียวกัน ประเทศไทยต้องตระหนักในความสำคัญในฐานะที่เป็นศูนย์กลางการผลิตของสินค้าอุตสาหกรรมที่สำคัญของโลก เช่น รถยนต์ ชิ้นส่วนรถยนต์ ฮาร์ดดิสก์ และชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งนอกจากรักษาความได้เปรียบในส่วนนี้ไว้แล้ว ยังจะต้องปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานที่ล้าหลังและยังไม่ได้รับการปรับปรุง เช่น ระบบการบริหารจัดการน้ำ ซึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันว่ารัฐบาลได้มีวงเงิน 350,000 ล้านบาทในการวางระบบบริหารจัดการน้ำ คาดว่าจะใช้เวลาในการเร่งรัดโครงการต่างๆในระยะเวลา 18 เดือน “ประตูระบายน้ำที่เรามีอยู่เป็นประตูน้ำที่ทันสมัย แต่ทันสมัยเมื่อ 100 ปีที่แล้ว ต้องมีการปรับปรุง เช่น ประตูน้ำบางโฉมศรีที่ในปีนี้จะใช้งบซ่อมแซม 70 ล้านบาท และจะมีการปรับปรุงให้ทันสมัยในอนาคต รวมทั้งจะต้องสร้างเขื่อนกั้นลุ่มน้ำยมให้ได้ หากจะมีการขัดใจกับเอ็นจีโอก็ต้องขัด เพราะในลุ่มน้ำดังกล่าวยังไม่มีเครื่องมือควบคุมน้ำแต่อย่างไร”

นอกจากนี้ ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ที่ต้องมีการเร่งก่อสร้างในระยะเร่งด่วน ก็คือ การขยายสนามบินสุวรรณภูมิ การสร้างทางรถไฟแอร์พอร์ตลิ้งค์ เพื่อเชื่อมสนามบินดอนเมืองกับสุวรรณภูมิ รวมทั้งต้องเร่งเจรจากับสายการบินต้นทุนต่ำหรือโลว์คอสต์แอร์ไลน์ ให้ย้ายมาอยู่ที่สนามบินดอนเมือง

รวมทั้งปรับปรุงแอร์พอร์ตลิ้งค์ที่มีอยู่ให้ใช้การได้ดีขึ้น ขณะที่ระบบรางที่มีความล้าหลังมาก นอกจากการปรับปรุงระบบรางคู่แล้ว ก็ต้องเปลี่ยนหัวรถจักรให้เป็นหัวรถจักรไฟฟ้า อย่างไรก็ตามการดำเนินงานของรถไฟนั้น รัฐบาลต้องสนับสนุนให้มีการลงทุนอย่างเต็มที่ เพื่อให้พัฒนาและแข่งขันกับการขนส่งทางถนนที่มีต้นทุนสูงกว่า

นอกจากนี้ รัฐบาลยังตัดสินใจในการลงทุนรถไฟความเร็วสูงหลายเส้นทาง ได้แก่ กรุงเทพฯ-เชียงใหม่, กรุงเทพฯ-ระยอง, กรุงเทพฯ-มาเลเซีย และกรุงเทพฯ-อุดรธานี หรือเชื่อมต่อไปถึงเวียงจันทน์ อย่างไรก็ตามในเส้นทางต่างๆจะมีการเริ่มก่อสร้างบางส่วนในระยะแรก เช่น สายเหนือจะก่อสร้างถึง จ.พิษณุโลก ก่อน สายตะวันออกจะก่อสร้างถึง อ.พัทยา จ.ชลบุรี และสายอีสานจะก่อสร้างถึง จ.นครราชสีมา ก่อน จากนั้นจึงดำเนินการในส่วนที่เหลือต่อไปตามเป้าหมาย

::เออีซีดันค่าแรงเกิน 300 บาท "โกร่ง" เตือนไทยเผชิญหน้าวิกฤติแรงงาน ข่าวเศรษฐกิจ ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 26 เมษายน 2555

Wednesday, April 25, 2012

เหตุสุดวิสัย:: force majeure; inevitable event

เหตุสุดวิสัย ตามพจนานุกรมไทย: พจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ถือว่า เหตุสุดวิสัย เป็น ภาวะที่พ้นความสามารถที่ใครจะป้องกันได้ events/risks/situations beyond the reasonable control / an event beyond human control.


ในภาษาอังกฤษ คำที่ให้ความหมายในทำนองหรือในเชิง "เหตุสุดวิสัย" ได้แก่ force majeure; inevitable event ; vis major (Latin) ; act of God ; cas fortuit ; casus fortuitus ; unexpected event(s); unavoidable accident คำเหล่านี้ มีนิยามความหมายในเชิง "เหตุสุดวิสัย" ทั้งสิ้น

เมื่อ"เหตุสุดวิสัย" force majeure; inevitable event ; vis major (Latin) ; cas fortuit ; casus fortuitus เป็นภาวะที่พ้นความสามารถที่ใครจะป้องกันได้ เช่น สงคราม war, ประท้วง strike, จราจล riot, อาชญากรรม crime, บริษัทประกันต่าง ๆ จะยกเหตุการณ์ ที่เป็นเหตุสุดวิสัยดังกล่าวเป็นข้อยกเว้นในการรับทำประกัน

"เหตุสุดวิสัย" ที่เป็น act of God เช่น พายุเฮอริเคน hurricane, น้ำท่วม flooding, แผ่นดินไหว earthquake, ภูเขาไฟระเบิด volcanic eruption เหตุสุดวิสัยเหล่านี้ทำให้ข้อกำหนดตามสัญญาต้องระงับไป Act of God prevents one or both parties from fulfilling their obligations under the contract.

ในการประชุมรัฐสภา การที่ผู้แทนราษฎรเสียบบัตรแทนกันไม่ถือเป็นเหตุการที่เรียกว่า เหตุสุดวิสัย In parliament meeting, representatives using other representatives' voting cards cannot be considered force majeure.

มันเป็นเหตุการณ์"เหตุสุดวิสัย"หรือคุณจงใจ Was it force majeure or you set it up this inevitable event??

นี่มันไม่เป็นเหตุการณ์"เหตุสุดวิสัย เพราะมันไม่ใช่สงคราม ประท้วง หรือ จราจล "It wasn't considered force majeure as it was not war, protest, or riots.

ในทางทหาร force majeure จะให้ความหมายแตกต่างออกไปบ้าง Force majeure, in the military, has a slightly different meaning. ซึ่ง force majeure จะหมายถึงเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นที่ภายนอกหรือภายใน ที่เรือหรืออากาศยานได้รับอนุญาตให้เข้าพื้นที่หวงห้ามโดยไม่ถูกโทษทางวินัย It refers to an event, either external or internal, that happens to a vessel or aircraft that allows it to enter normally restricted areas without penalty.

Dr.SoS
----------------------------
force majeure ; inevitable event ; force majeure

Tuesday, April 24, 2012

สุดระทึก- เร่งกู้!รถไฟบรรทุกน้ำมันตกรางดอนเมือง

สุดระทึก- เร่งกู้!รถไฟบรรทุกน้ำมันตกรางดอนเมือง

จนท.กู้ภัยนำรถเครนขนาดใหญ่มาทำการเตรียมกู้โบกี้ รถไฟบรรทุกน้ำมันตกราง ใกล้คลังสินค้าดอนเมือง เบื้องต้นจนท.ยังไม่สามารถระบุเวลาแล้วเสร็จได้

เมื่อเวลา 16.20 วันที่ 24 เม.ย.2555 เกิดเหตุรถไฟบรรทุกน้ำมันดิบจำนวน 6 โบกี้ ตกรางพลิกคว่ำบริเวณตรงข้ามสนามบินดอนเมือง ทำให้น้ำมันดิบทั้ง 5 โบกี้ รั่วไหลออกมา เจ้าหน้าที่พยายามปิดวาล์ว เพื่อป้องกันไม่ให้น้ำมันไหลกระจายไปบริเวณอื่น และพยายามดูดน้ำมันดิบกลับเข้าถัง ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ต้องปิดการจราจรถนนกำแพงเพชร 6 ทำให้การจราจรติดขัด เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สามารถปิดวาล์วถังน้ำมันได้แล้ว 3 โบกี้ และกำลังกู้รถไฟขบวนดังกล่าว นอกจากนี้รถไฟขบวนสายเหนือ สายอีสาน หยุดเดินขบวนรถชั่วคราว ส่วนสาเหตุครั้งนี้คาดว่าน่าจะเกิดจากรางชำรุด เนื่องจากเกิดน้ำท่วมก่อนหน้านี้
พ.ต.ท.สุวิทย์ รัตนพันธ์ สารวัตรเวร สน.ดอนเมือง ลงพื้นที่ตรวจสอบกรณีเกิดเหตุรถไฟบรรทุกน้ำมันดิบจาก จ.พิษุโลก มุ่งหน้าโรงกลั่นน้ำมันบางจาก เกิดตกรางจำนวน 6 โบกี้ บริเวณถนนขาเข้ากรุงเทพฯ ก่อนหน้าคลังสินค้า ถ.วิภาวดีรังสิต เบื้องต้นขบวนรถไฟดังกล่าวมีจำนวน 21 โบกี้ โดย 6 โบกี้สุดท้าย ได้เกิดพลิกตะแคงตกราง ส่งผลให้เกิดน้ำมันดิบรั่วไหลออกมาจำนวนมาก
เบื้องต้นเจ้าหน้าที่จากการท่าอากาศยานและการรถไฟฯได้เดินทางเข้าตรวจสอบที่ เกิดเหตุ ขณะเดียวกันเจ้าหน้าที่ได้ปิดจราจรบริเวณถนนโลคัลโรด และ ถนนวิภาวดีรังสิตขาเข้าแล้ว เพื่อป้องกันประจุหรือประกายไฟจากรถยนต์ ที่อาจส่งผลให้เกิดเพลิงลุกไหม้ และเพื่ออำนวยความสะดวกในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ด้วย อย่างไรก็ตามขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างดำเนินการเข้าไปปิดฝาวาล์ว เพื่อป้องกันการระเบิดขึ้นได้ อีกทั้งได้เตรียมวางหัวฉีด และเตรียมโฟมป้องกันการลุกไหม้แล้ว ทั้งนี้คาดว่าต้องใช้เวลาในการเคลื่อนย้ายสักระยะหนึ่ง

จนท.กู้ภัยฯ นำเครนขนาดใหญ่เตรียมกู้โบกี้รถไฟที่คว่ำอยู่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา18.23 น. เจ้าหน้าที่ทำการแยกโบกี้รถไฟส่วนที่คว่ำออก ในขณะที่หน่วยกู้ภัยม้าเหล็ก เคลื่อนย้ายเครนขนาดใหญ่เพื่อทำการกู้โบกี้รถไฟมายังจุดเกิดเหตุ โดยเจ้าหน้าที่เร่งเตรียมทำการกู้โบกี้รถไฟที่คว่ำ คาดว่าจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 8 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่เผยอุปสรรคของการยกคือตัวเครนอาจติดสายไฟฟ้าที่พาดผ่าน

จนท.กู้แล้ว 1 โบกี้ แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาการกู้โบกี้แล้วเสร็จได้

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 20.35 น. จนท.กู้ภัยฯ ได้ใช้รถเครนยกตู้โบกี้ตั้งขึ้นได้แล้ว 1 โบกี้ แต่ยังไม่สามารถระบุเวลาการกู้โบกี้แล้วเสร็จได้

:: คมชัดลึกออนไลน์ วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555
==========================

กู้รถไฟน้ำมันตกรางสำเร็จเปิดใช้ทางแล้ว


ขบวนรถไฟบรรทุกน้ำมันตกรางที่ดอนเมือง ทำประชาชนแตกตื่นจนเจ้าหน้าที่ต้องปิดถนนโรคัลโรดเพื่อให้รถดับเพลิงเข้ามา จัดการน้ำมันที่รั่วไหล โชคดีไม่มีไฟลุกไหม้ เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งมือทำงานกันอย่างหนักเพื่อเปิดเส้นทางรถไฟ ล่าสุดกู้ซากรถไฟได้แล้วพร้อมเปิดใช้เส้นทางตามปกติ วันนี้ ( 24 เม.ย.) นายสมยศ รอดเกิด นายสถานีรถไฟดอนเมืองได้รับแจ้งจาก นายปริญญา ประยงค์ พนักงานขับรถไฟขบวน 640 บึงพระ- สถานนีแม่น้ำ  ว่าได้เกิดเหตุ รถไฟบรรทุกน้ำมันตกราง ที่เกิดเหตุอยู่บริเวณ หน้า บ.บริการเชื้อเพลิงกรุงเทพ ถ.กำแพงเพชร 6 แขวงดอนเมือง เขตดอนเมือง กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชา พร้อมทั้งประสานเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม.  ตรวจสอบที่เกิดเหตุ
ในที่เกิดเหตุพบรถไฟขบวนดังกล่าว ซึ่งบรรทุก จากทั้งหมด 26 โบกี้ แต่ละถังบรรจุน้ำมันเตาจำนวน 38,000 ลิตร โดยมีน้ำมันเตาไหลออกมาอยู่ตลอดเวลา เจ้าหน้าที่จึงทำการปิดการจราจรถ.กำแพงเพชร 6 ทั้งขาเข้าและออก จากนั้นเจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยได้ทำการฉีดโฟมเพื่อควบคุมอุณหภูมิไม่ให้ เกิดประกายไฟ พร้อมกันผู้ที่ไม่เกี่ยวข้องออกจากที่เกิดเหตุ
จากการสอบถามนายปริญญา ประยงค์ พนักงานขับรถไฟ ให้การด้วยเสียงตื่นตระหนกว่า ได้ขับรถไฟเดินทางจากสถานีจ่ายเชื้อเพลิงบึงพระ ต.บึงพระ อ.เมือง จ.พิษณุโลก มุ่งหน้าสถานีบริการเชื้อเพลิงย่านคลองเตย โดยขับมาถึงที่เกิดเหตุได้ยินเสียงดังสนั่นบริเวณท้ายขบวนจึงทำการหยุดรถไฟ พร้อมลงไปตรวจสอบพบรถไฟดังกล่าว
โดยทางนายยุทธนา ทรัพย์เจริญ ผู้ว่า รฟท. ได้กล่าวในขณะที่เดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุว่า “สาเหตุในครั้งน่าเกิดจากสาเหตุจากที่รางรถไฟขยายตัว แต่ทาง รฟท. ก็มีการดำเนินการตรวจสอบอยู่ตลอด 3 เวลา เนื่องจากตลอดทั้งวันจะมีขบวนรถน้ำมัน วิ่งเข้า-ออกเมือง ประมาณ 5 ขบวนต่อวัน ซึ่งถ้าหากตรวจสอบพบว่าตรงจุดไหนเป็นจุดที่เสี่ยง ก็จะดำเนินการลดอุณหภูมิของรางรถไฟ โดยการนำน้ำมาชโลมที่ตัวเหล็กราง เพื่อไม่ให้เกิดความร้อนสูง และหลังจากนี้ในการเคลื่อนย้าย ก็จากนำรถเครนขนาดใหญ่ของ รฟท. มาทำการยกตู้รถไฟออกจากจุดเกิดเหตุ ก่อนที่จะทำการซ่อมแซมรางต่อไป
เมื่อเวลา 00.30น. วันที่ 25 เม.ย. บรรยากาศการเก็บกู้โบกี้รถไฟที่ตกราง ที่เกิดเหตุยังคงมีกลิ่นน้ำมันกระจายอยู่โดยรอบบริเวณ เจ้าหน้าที่ได้พยายามใช้รถเครนยกโบกี้ของรถไฟที่กีดขวางเส้นทางรถไฟขาออก เพื่อเปิดเส้นทางให้รถไฟขบวนอื่นๆสามารถวิ่งได้ จนเมื่อเวลาประมาณ 01.00น. ก็สามารถยกโบกี้รถไฟที่กีดขวางรางรถไฟขาออกได้สำเร็จ เพื่อเปิดให้ขบวนรถไฟที่ยังตกค้างทยอยวิ่งส่งผู้โดยสาร โดยใช้เส้นทางฝั่งขาออกเพียงรางเดียว ในการให้รถไฟขบวนขาเข้าและขาออกวิ่งสลับกัน โดยมีจุดสลับรางรถไฟอยู่ที่ สถานีรถไฟบางซื่อ กับ สถานีรถไฟรังสิต

ส่วนการเก็บกู้ขบวนรถไฟนั้น เจ้าหน้าที่ยังคงเร่งมือทำงานกันอย่างหนักเพื่อเปิดเส้นทางรถไฟ และซ่อมแซมรางรถไฟ ให้กลับมาวิ่งได้ตามปกติ โดยเมื่อกลางดึกที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้เก็บกู้ซากรถไฟแล้วซ่อมแซมรางเป็นที่เรียบร้อยทำให้การเดิน รถไฟกลับมาใช้งานได้ตามปกติแล้ว

:: © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันพุธที่ 25 เมษายน 2555


ศาลสั่งคืนภาษีบางกอกแอร์ฯ 117 ล. เช่าที่สนามบินสมุย

ศาลภาษีอากรกลาง สั่งเทศบาลเมืองเกาะสมุย คืนภาษี "บางกอกแอร์เวย์ส" เช่าที่สนามบินสมุย 117 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย หลังเห็นว่าไม่ชอบด้วยกฎหมาย...

ที่ศาลภาษีอากรกลาง วันที่ 25 เม.ย.ศาลมีคำพิพากษาในคดีที่บริษัทบางกอกแอร์เวย์ส เป็นโจทก์ฟ้องเทศบาลเมืองเกาะสมุยเป็นจำเลย ฐานขอให้เพิกถอนการประเมินภาษีโรงเรือน และให้คืนเงินภาษีที่จ่ายไปแล้ว 4 ปีคืน

โจทก์ฟ้องว่า โจทก์เป็นบริษัทประกอบกิจการสายการบินในประเทศ วันที่ 29 พฤศจิกายน 2553 เทศบาลเมืองเกาะสมุย ได้แจ้งว่าโจทก์ต้องจ่ายภาษีโรงเรือนและที่ดินของปี 2550-2553 เนื่องจากโจทก์มีรายได้จากการนำสนามบินสมุยไประดมเงินทุนผ่านกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และกองทุนรวมดังกล่าว ขายหุ้นได้เงิน 9,500 ล้านบาท แล้วกองทุนจ่ายค่าตอบแทนให้โจทก์ 9,300 ล้านบาท โดยกองทุนหักไว้ 200 ล้านบาท ต่อมาโจทก์ทำสัญญาเช่าสนามบิน 30 ปี (เอาสนามบินไปเข้าตลาดหลักทรัพย์ แล้วเช่าสนามบินของตัวเอง) โดยโจทก์ตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้กองทุนรวมเดือนละ 26,125,000 บาท ทางเทศบาลเมืองเกาะสมุยเห็นว่า การที่โจทก์นำเอาทรัพย์สินของสนามบินสมุยไปทำสัญญาเช่าระยะยาวกับกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์สนามบินสมุยมีกำหนด 30 ปี และโจทก์ได้รับค่าตอบแทนจำนวน 9,300 ล้านบาทนั้น เงินทั้งหมดต้องเสียภาษีโรงเรือนปี 2550 จำนวน 3.9 ล้านบาท ปี 2551 จำนวน 37 ล้านบาทเศษ ปี 2552 จำนวน 38 ล้านบาทเศษ และปี 2553 จำนวน 38 ล้านบาทเศษ โจทก์ไม่เห็นด้วย เพราะสัญญาเช่าระยะยาวระหว่างโจทก์กับกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ เป็นเพียงกลไกส่วนหนึ่งของการระดมเงินทุนของโจทก์ผ่านกองทุนรวมอสังหาริม ทรัพย์เท่านั้น มิใช่เป็นการให้เช่าทรัพย์สิน เลยไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือน

ศาล พิเคราะห์แล้วเห็นว่า การที่โจทก์นำทรัพย์สินทั้งหมดของสนามบินสมุยไปออกหน่วยลงทุนผ่านกองทุนรวม อสังหาริมทรัพย์ เพื่อนำหลักทรัพย์เข้าจดทะเบียนกับตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ต่อมาโจทก์ทำสัญญาเช่าระยะยาวให้กองทุนรวมนำไปหาผลประโยชน์โดยทำสัญญาเช่า มีกำหนดระยะเวลา 30 ปี โดยกองทุนรวมตกลงจ่ายค่าตอบแทนให้โจทก์จำนวน 9,300 ล้านบาท จำเลยไม่สามารถนำเงินจำนวนดังกล่าวมาคำนวณเพื่อกำหนดค่ารายปี ในการที่จะประเมินภาษีโรงเรือนและที่ดินของโจทก์ได้ เนื่องจากสัญญาเช่าระยะยาวมิใช่เป็นการให้เช่าทรัพย์สินตามปกติทั่วไป แต่เป็นการทำสัญญาที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการจัดหาเงินทุนหรือระดมเงิน การจัดเก็บภาษีของเทศบาลเมืองเกาะสมุย จึงไม่ชอบ จึงพิพากษาให้จำเลยเพิกถอนการประเมินภาษีที่เก็บไปแล้ว 4 ปี รวม 117 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยต่อไป

:: ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 25 เมษายน 2555
==========================
อุธรณ์ ฎีกา ต่อไปเด้อ ...ที่ฮัก

หวิดดับ!สาวเม้าท์เพลินตกหลุมลึก6ม.

หวิดดับ!สาวเม้าท์เพลินตกหลุมลึก6ม.

สาวจีนตกลงไปในหลุมลึกกว่า 6 เมตร ขณะกำลังเดินคุยโทรศัพท์โดยไม่ทันระวัง เคราะห์ดีแท็กซี่ฮีโร่ ผ่านมาพบช่วยชีวิตเอาไว้ได้ รอดตายหวุดหวิด

วันอังคารที่ 24 เม.ย.55 กล้องวงจรปิดบันทึกภาพไว้ได้ขณะที่วัยรุ่นสาวคนหนึ่งกำลังเดินคุยโทรศัพท์ อยู่บนฟุตปาธอย่างเพลิดเพลิน ในเมืองซีอาน มณฑลส่านซี และจู่ๆ ก็เดินตกลงไปในหลุม ซึ่งเป็นจุดที่แผ่นกระเบื้องปูถนนหายไปโดยไม่ทันได้สังเกต แต่โชคดีที่คนขับรถแท็กซี่ ที่ขับรถผ่านบริเวณนั้นเห็นเข้าพอดี จึงหยุดรถทันที และลงไปในหลุมที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางครึ่งเมตรและลึก 6 เมตร เพื่อช่วยชีวิตสาวน้อยรายนี้เอาไว้ได้ทันท่วงที โดยเกิดจากปัญหาน้ำใต้ดินกัดเซาะ จึงทำให้เกิดหลุมขนาดใหญ่บริเวณข้างใต้ของทางเดินเท้า และหลุมได้ขยายวงกว้างมากขึ้น

นายหวัง เหว่ย คนขับรถแท็กซี่ บอกว่า เด็กสาวตกลงไปนอนอยู่ข้างใต้หลุม และร้องไห้ด้วยความหวาดกลัว เขาจึงลงไปในหลุม แต่ก็ไม่สามารถพาเธอขึ้นมาได้ จนกระทั่งหน่วยดับเพลิงมาถึงที่เกิดเหตุและหย่อนบันไดลงไป แต่บันไดดูไม่ค่อยแข็งแรง เด็กสาวกรีดร้องตลอดเวลาด้วยความหวาดกลัว จนเขาต้องปลอบว่าจะคอยอยู่ข้างหลังเพื่อรองรับเธอจนกว่าจะไต่ขึ้นไปถึงปาก หลุม สุดท้ายทั้งคู่ก็ขึ้นจากหลุมได้อย่างปลอดภัย และนายหวัง เหว่ย ก็เดินออกจากที่เกิดเหตุไปอย่างเงียบๆ โดยไม่มีใครรู้เรื่องราวความดีของเขา จนกระทั่งครอบครัวของเด็กสาวได้ไปหาเขาถึงที่ทำงานและกล่าวขอบคุณสำหรับความ ช่วยเหลือในครั้งนี้

::  คม ชัด ลึก ออนไลน์ วันอังคารที่ 24 เม.ย.2555

Monday, April 23, 2012

สุนัขตัวผู้ไม่ยอมทิ้งคู่หลังถูกรถชนตาย

ภาพสะเทือนใจ สุนัขเพศผู้ไม่ยอมออกห่างจากคู่ของมัน หลังจากที่ถูกรถชนตาย
เหตุการณ์น่าสลดใจนี้เกิดขึ้นที่ประเทศจีน เมื่อสุนัขตัวผู้ไม่ยอมทิ้งคู่ของมัน โดยภาพที่มีการเผยแพร่ในสื่อต่างประเทศได้แสดงให้เห็นว่าสุนัขที่ซื่อสัตย์ปฏิเสธที่จะทิ้งคู่ของมัน แม้ว่าสุนัขตัวเมียจะเสียชีวิตแล้วจากการถูกรถชน โดยมันยังคงนั่งเฝ้าศพอยู่ข้างๆ และส่งเสียงเห่าหอน เมื่อมีคนลากร่างของคู่มันออกจากถนน
ผู้หญิงคนหนึ่งกล่าวว่า "พวกมันอยู่ด้วยกันตลอดเวลา โดยปกติแล้วตัวเมียจะวิ่งออกมาก่อนและตัวผู้ก็จะวิ่งตาม มันสะเทือนใจมากเมื่อภาพที่เห็น คือมันไม่ยอมทิ้งคู่ของมัน" อย่างไรก็ตามหลังจากเจ้าหน้าที่ได้เก็บศพสุนัขเพศเมียไปแล้ว เจ้าตัวผู้ก็ยังคงไม่ยอมหนีไปไหนยังคงเฝ้าวนเวียนในจุดที่คู่ของมันตาย

::สุนัขตัวผู้ไม่ยอมทิ้งคู่หลังถูกรถชนตาย โพสต์ทูเดย์ดอทคอม © บริษัท โพสต์ พับลิชชิง จำกัด (มหาชน) วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555

================
ความรักของหมา-ใครว่าไม่มี

อาชีพโสเภณีจะหมดสิ้นลงในอนาคต มีหุ่นยนต์บริการขายกามารมณ์แทน

นักวิทยาศาสตร์นิวซีแลนด์ กล่าวทำนายว่า ผู้ประกอบอาชีพโสเภณีจะหมดสิ้นลง ไม่เกินปี พ.ศ. 2593 นี้ แต่จะมีหุ่นยนต์มาบริการแทน นักวิทยาศาสตร์แห่งโรงเรียนการจัดการวิกตอเรีย ที่นครเวลลิงตัน เมืองนกกีวี ระบุว่า สิ่งนี้จะเกิดเป็นจริงภายในเวลา 40 ปีนี้ เขาได้กล่าววาดภาพว่า ย่านโสเภณีอันโด่งดัง ในกรุงอัมสเตอร์ดัม จะเปลี่ยนสภาพกลายเป็นย่านโสเภณีแบบล้ำยุค ซึ่งจะมีหุ่นยนต์นุ่งน้อยห่มน้อย ทั้งผมสีบลอนด์และผมดำ ไม่น้อยกว่า 100 ตัว ในชุดกางเกง จีสติงและชั้นใน ลูกค้าที่ต้องการให้เทพบุตรและเทพธิดา ที่มีนานาเชื้อชาติ รูปร่าง อายุ ภาษาและแบบอย่างทางเพศแบบต่างๆ บริการอย่างครบเครื่อง อาจต้องควักกระเป๋าสูงถึงประมาณ 300,000 บาท เขายังบอกด้วยว่า การสร้างและใช้งานหุ่นยนต์เพื่อกามารมณ์เหล่านี้ขึ้น จะทำให้กามโรคสูญพันธุ์ลงในที่สุด ตลอดจนการล่อลวงเพื่อไปเป็นโสเภณีด้วย และที่สำคัญยังจะพลอยทำให้กระทาชายทั้งหลายไม่รู้สึกเป็นบาปเป็นกรรมอีกต่อไป ::อาชีพโสเภณีจะหมดสิ้นลงในอนาคต มีหุ่นยนต์บริการขายกามารมณ์แทน ไทยรัฐฉบับพิมพ์ วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555

คำสารภาพ จาก "นายพลดอลล่าร์" "คุณหญิงแมงมุม" คือผู้หญิงที่อยากอยู่ด้วยจนวันตาย!!

ถ้ารู้ว่าแต่งงานแล้วมีความสุขขนาดนี้ ก็คงไม่หวงชีวิตโสดมาจนอายุปูนนี้!! นี่คือความในใจของ “นายพลดอลล่าร์–พล.ต.พัชร รัตตกุล” ทายาทหนุ่มใหญ่วัย 50 ปี ของเจ้าพ่อหาดทิพย์ “ร้อยตรีไพโรจน์ รัตตกุล” ซึ่งจูงมือคู่หมั้นสาวต่างวัยเจ้าของสูตรรักแมงมุมขยุ้มหัวใจ “คุณหญิงแมงมุม–ม.ร.ว.ศรีคำรุ้ง ยุคล” ลูกสาวสุดรักของผู้กำกับภาพยนตร์ระดับตำนาน “ท่านมุ้ย-หม่อมเจ้าชาตรีเฉลิม ยุคล” เข้าประตูวิวาห์หวานชื่นไปเมื่อค่ำวันที่ 21 เม.ย.ที่ผ่านมา ท่ามกลางบรรยากาศโรแมนติกเกินบรรยายของสวนหลวง ร.9 สวนพฤกษศาสตร์ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพมหานคร ซึ่งถูกเนรมิตด้วยฝีมือคุณแม่เจ้าสาว “หม่อมกมลา ยุคล ณ อยุธยา” เพื่อให้เป็นฉากรักสุดสวีตชวนฝันราวกับเทพนิยาย พร่างพรายไปด้วยแสงไฟแสงดาวระยิบระยับ ตามความฝันของ “คุณหญิงแมงมุม”
งานนี้ “นายพลดอลล่าร์” ลดดีกรีความเข้มแบบชายชาติทหาร เหลือไว้เพียงแต่รอยยิ้มกว้าง แววตาสุขล้นปรี่ และใบ หน้าอิ่มเอิบเพราะน้ำหนักขึ้นหลายกิโลตามประสาคนมีความสุข เจ้าบ่าวสุดหล่อเปิดใจว่า วันนี้ถือเป็นวันแรกที่ได้เริ่มต้นชีวิตคู่กับ “แมงมุม” ได้อยู่ด้วยกัน และสร้างครอบครัวอบอุ่นด้วยกัน “แมงมุม” คือผู้หญิงที่อยากอยู่ด้วยจนวันตาย!! น้องทำให้ผมเป็นคนดีขึ้น และมีความสุขทุกวินาที ตลอดเวลาที่คบกันมา 5 ปี รู้สึกประทับใจที่น้องเป็นคนจริงใจ ตรงไปตรงมา และรักครอบครัวมาก คุณชายอดัม-ม.ร.ว.เฉลิมชาตรี ยุคล ช่วยต้อนรับเพื่อนบ่าวสาว ด้านเจ้าสาวคนสวย ที่ยิ่งดูสง่างามขึ้นในชุดเจ้าสาวสุดโก้ตกแต่งขนนกของ “Vathit Itthi” ก็เผยความรู้สึกว่า ตื่นเต้นมากๆ คุณแม่เนรมิตทุกอย่างให้ตามที่ฝัน “แมงมุม” ไม่ใช่ คนหวานอะไร แต่ก็ปลื้มที่ได้ยินว่าเราเป็นผู้หญิงที่ “พี่ดอลล่าร์” อยากอยู่ด้วยจนวันตาย เวลาอยู่กับ “พี่ดอลล่าร์” ทำให้ใจเย็นขึ้น เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น และรู้สึกอบอุ่นหัวใจ ท่านพ่อบอกเสมอว่า มีอะไรต้องคุยกัน ต้องใจเย็น และให้สงสาร “พี่ดอลล่าร์” บ้าง พอถามถึงเรื่องทายาท “คุณหญิงแมงมุม” รีบชิงตอบว่า อยากมีลูกเร็วๆค่ะ เพราะรักเด็ก ขอเป็นแฝดสามเลยละกัน...เจอภารกิจหนักซะแล้วท่านนายพล!! ::คำสารภาพ จาก "นายพลดอลล่าร์" "คุณหญิงแมงมุม" คือผู้หญิงที่อยากอยู่ด้วยจนวันตาย!! ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555

ชนบทสเปนจัดพิธีดูตัวหนุ่มโสด สาวชาวเมืองแห่หาคู่ครอง

เหลือเชื่อ - ชนบทสเปนจัดพิธีดูตัวหนุ่มโสด สาวชาวเมืองแห่หาคู่ครอง เมืองเกษตรกรรมทางตอนกลางของสเปน จัดพิธีดูตัวหนุ่มโสด 68 ราย สาวโสดทั่วประเทศแห่เดินทางมาหาคู่... สำนักงานจัดหาคู่ “อโซคามู” ในเมืองแคนเดเลดา ซึ่งเป็นพื้นที่เกษตรกรรมริมแม่น้ำโลเบราทางตอนกลางของสเปน จัดพิธีหาคู่เมื่อ 21-22 เม.ย. พร้อมเชิญชวนหญิงโสดทั่วประเทศให้เดินทางมาร่วมพิธีดูตัวหนุ่มโสด 68 ราย ซึ่งเป็นชาวแคนเดเลดาโดยกำเนิด ทั้งนี้ ต้องหาคู่ครองที่มาช่วยกันดูแลกิจการเกษตรกรรม รวมถึงช่วยกันเพิ่มจำนวนประชากร หลังแคนเดเลดาประสบภาวะประชากรเพศชายน้อยกว่าเพศหญิง รวมถึงการอพยพออกไปหางานในเมืองใหญ่ ทำให้อัตราการแต่งงานและการเกิดใหม่ของประชากรในแคนเดเลดาลดลงต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2494 ขณะที่หญิงสาวจากเมืองใหญ่จำนวนมากสนใจเดินทางมาร่วมงานครั้งนี้ :: ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 24 เมษายน 2555

ศาลอนุมัติหมายจับมาเฟียสุวรรณภูมิ

ศาลอนุมัติหมายจับมาเฟียสุวรรณภูมิ ศาลจังหวัดสมุทรปราการออกหมายจับมาเฟียเรียกเก็บเงินค่าจอดรถที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริเวณอาคารจอดรถชั้น 5 แล้ว วันที่ 23 เม.ย. นางสาววิไลวรรณ นัดวิไล โฆษกท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) เปิดเผยว่า ตามที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ.) ได้แจ้งความกับตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เมื่อวันที่ 11 เมษายน 2555 เพื่อดำเนินคดีกับบุคคลและกลุ่มบุคคลที่เข้ามาแอบอ้างเรียกเก็บเงินค่าจอดรถเพิ่มจากผู้ใช้บริการที่อาคารจอดรถของ ทสภ.ในข้อหาบุกรุกนั้น ขณะนี้ ศาลจังหวัดสมุทรปราการได้อนุมัติหมายจับบุคคลและกลุ่มบุคคลดังกล่าวแล้ว ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ดำเนินการจับกุมผู้กระทำผิดตามขั้นตอนกฎหมายแล้ว นางสาววิไลวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า อย่างไรก็ตาม หากผู้ใช้บริการพบเห็นการเรียกเก็บเงินเพิ่มเติมนอกเหนือจากอัตราค่าจอดรถที่ ทสภ.กำหนดไว้ กรุณาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ซึ่งมีสำนักงานตั้งอยู่ที่ชั้น 1 อาคารผู้โดยสาร หมายเลขโทรศัพท์ 0-2134-0555 หรือแจ้งการพบเห็นผู้กระทำความผิดได้ที่ ฝ่ายบริหารการขนส่ง ทสภ. หมายเลขโทรศัพท์ 0-2132-9511-2 :: ไทยรัฐออนไลน์ 23 เมษายน 2555 ------------------------ เมืองไทย สุดยอดเจ้าพ่อมาเฟียถึงสนามบิน อ้าย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) (ทอท.) ก็สุดเลว ยำ บริหารงารสุดเห่ยหลายจุด หุ้้นมันน่าโง่ซื้อไปได้ไง โกงคอรับชั่นกันเป็นแก๊ง ..

พ่ายศึกปทุมฯ กับปรากฏการณ์รอยร้าวเสื้อแดง เอฟเฟกต์ทัวร์แก้กรรมของคนดูไบ

เสียกระบวนท่าหมดรูปแบบกันเลยทีเดียว กับการพ่ายแพ้ของผู้แทนในสนามเลือกตั้งของ จ.ปทุมธานี ที่พรรคเพื่อไทยเรียกได้ว่า กินแห้วทั้ง 2 สนาม ทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่ คือ ส.ส.และนายก อบจ. ปูมหลังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ที่ทำให้ว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี มั่นใจถึงขนาดลาออกจากการเป็น ส.ส.แล้วโดดลงไปแข่งในสนาม อบจ.ที่ว่ากันว่างบเยอะจำนวนมาก ว่ากันว่านับพันล้านบาท ปรากฏการณ์ครั้งนี้น่าสนใจมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกกันว่าเป็น 'เมืองหลวงเสื้อแดงภาคกลาง' เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของบริเวณนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่จำนวนมาก และเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่าใครจะได้หรือไม่ได้ ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ผลกลับออกมาอย่างน่าตกใจ คือไม่ได้ตามที่หวัง คำถามคืออะไรเป็นปัจจัยทำให้ไม่ได้รับเลือกอีกครั้งในเกมนี้ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี เหตุการณ์ดังกล่าวได้นำเข้าสู่ในที่ประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ในการนำมาหารือว่า หากในอนาคตนั้น ถ้า ส.ส.คนใดต้องการที่จะลงไปสมัครการเมืองท้องถิ่นจะไม่ได้รับอณุญาตจากพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน แต่หากฝ่าฝืนหรือมีการขัดคำสั่งของที่ประชุม พรรคเพื่อไทยก็จะตัดสิทธิ์ไม่ให้บุคคลผู้นั้นลงสมัครในนามพรรคอีกต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ของที่ จ.ปทุมธานี ถือว่าราคาแพงมากที่ต้องแลกมาด้วยภาพลักษณ์ของพรรค การตอกย้ำความรู้สึกของคนเสื้อแดงว่าเป็นการหนีปัญหา จึงแสดงพลังว่าไม่ต้องการแล้วกับพฤติกรรมแบบนี้จึงรวมใจเทคะแนนให้ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเป็นการสั่งสอนพรรคเพื่อไทยให้ได้เห็น ผสมกับความอึดอัดใจของการบริหารการจัดการของรัฐบาลในเรื่องที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในเรื่องการที่ใช้ จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่รับน้ำเป็นเวลานาน ก็เป็นได้ เพราะที่แล้วมาชาวปทุมธานีได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก โดยอาจจะรู้สึกอึดอัดใจในหลายปัญหาที่หมักหมม จนกลายเป็นเรื่องที่แสดงออกมาถึงผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ อย่างอันตราย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แม้กระทั่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และอีกหัวโขนคือแกนนำคนเสื้อแดง จะออกมาบอกว่า ไม่ให้ด่วนสรุปเหตุดังกล่าวว่าเกิดจากความไม่พอใจในผลงานของรัฐบาล เพราะเป็นการตัดสินใจของตัวบุคคลเอง แต่การที่เพิ่มมาตรการกฎเหล็กออกมาว่าห้าม ส.ส.เพื่อไทยไปลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นเพราะเกรงว่าจะเสียเก้าอี้ ส.ส. ก็คงสะท้อนอะไรบางอย่างในใจลึกๆ ของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นพรรคก็จะไม่สนับสนุนบุคคลดังกล่าวอีกต่อไป โดยเริ่มจากกรณี จ.ปทุมธานี เป็นที่แรกในการประเดิมกฎเหล็กเป็นการกู้หน้าก่อนใครเพื่อน ข้ามมาที่งานเก็บตกทัวร์แก้กรรมที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งถือได้ว่าจบลงอย่างชื่นมื่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างยิ่งใหญ่ที่สามารถเรียกคนเสื้อแดงมารวมตัวกันได้มากมายกว่า 2 หมื่นคนที่ต่างแดนในครั้งนี้ นอกจากงานที่จัดจะเปรียบเสมือนได้กับอีเวนต์ งานที่มีการไปทัวร์ที่นู่นที่นั่น แล้วก็ให้มาพบปะกันที่ตามจุดนัดพบต่างๆ เริ่มต้นจากที่แรกของก็คือที่ สปป.ลาว โดยเบื้องหลังของการพบกันระหว่างคนเสื้อแดงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กว่าจะได้เจอกันนั้นเป็นไปด้วยความทุลักทุเลลำบากเป็นอย่างมาก เหตุก็เพราะทางการลาวนั้นไม่ต้องการจะให้มีความเอิกเกริกเกินไป เกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ในระยะยาวกับประเทศไทย เพราะอย่าลืมว่าสถานะของประเทศไทยตอนนี้ก็ใช่จะอยู่บนความที่แน่นอน เพราะหากจะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ออกหน้าออกตานั้น หากสถานการณ์เกิดพลิกผันอำนาจเปลี่ยนขั้วก็จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงในบัดดลทันที เบื้องหลังกำหนดดังกล่าวแทบจะมืดบอดในทันที เนื่องจากถูกปิดไม่ให้มีใครได้ล่วงรู้ แม้กระทั่งพวกแกนนำคนเสื้อแดงที่คอยประสานงานใน สปป.ลาว เพราะก่อนหน้านี้หลายคนทำตัวเสมือนเป็นเจ้าของงานดูแลภาพรวมทั้งหมด ทั้งคนใหญ่คนโตเสื้อแดงที่เป็นแกนนำอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะเมื่อถึงวันมาของนายใหญ่จริงๆ แล้วคนแทบจะเป็นใบ้ เพราะหมายทุกอย่างถูกกำหนดการของ สปป.ลาวทำให้เลื่อนไปหมด คนเสื้อแดงกว่า 5 พันคนผิดหวังที่จะได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้ แต่กลับมีแกนนำบางคนไปโอ้อวดว่างานประสบความสำเร็จ เพราะคนมากันอย่างล้นหลามเป็นหมื่นๆ คน เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่างแม้ว่าจะมีคนในระดับบิ๊กๆ ในพรรคและแกนเสื้อแดงของแต่ละสายพยายามดอดเข้าพบและแย่งซีนออกนอกหน้าผ่านจอทีวี แต่กลับโดนเมินอย่างเห็นได้ชัดผ่านหน้าจออย่างเต็มตา ว่าจะพยายามสร้างราคาให้ประชาชนได้เห็นถึงความสนิทสนมโดยใช้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเครื่องมือในการสร้างราคา แต่กลับไม่ได้รับความสนใจแม้แต่เอ่ยปากทักทาย หรือให้ได้พบเป็นการส่วนตัว แม้กระทั่งจะพูดคุยก็ยังไม่มีโอกาส ซ้ำร้ายกลับเอาภาพที่ยืนชิดใกล้กับนายใหญ่มาแอบอ้างในการพูดถึงในแต่ละครั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โดยสรุปก็สามารถชี้ให้เห็น แม้ว่าเสื้อแดงจะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้ แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่ากลุ่มคนดังกล่าวจะเป็นกลุ่มดียวกันอย่างเป็นปึกแผ่น ในแต่ละสายก็จะมีนายที่คุมกลุ่มของคนของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป แต่สุดท้ายจุดรวมกันก็คือคนๆ เดียว พ.ต.ท.ทักษิณ กับพรรคเพื่อไทย แต่ปรากฎการณ์ที่ค่อนข้างเหลือเชื่อ ของ จ.ปทุมธานี อาจจะสะท้อนให้เห็นและคิดไปได้ว่าคนเสื้อแดงพร้อมที่จะก้าวข้ามคนที่ชื่อ"ทักษิณ" เพราะไม่ใช่ว่ายี่ห้อพรรคเพื่อไทยภายใต้โลโก้"ยิ่งลักษณ์"จะมีความแน่นอนเสมอไป แบบนี้แกนนำแต่ละคนที่หวังพึ่งบารมีนายใหญ่ต้องหันมาสนใจฐานเสียงมวลชนของตนเอง มิใช่จะหวังเพียงได้ท่อน้ำเลี้ยงเท่านั้น :: ไทยรัฐออนไลน์ 24 เมษายน 2555 ------------------------------- * ผิดหวังพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก น้ำท่วมทำคนเดือดร้อน ตกงานบานเบอะ บ้านโดนยึด ของแพงมโหฬาร แม้กระทั่งค่าตัดผมยังขึ้นเลย บะหมี่เป็นชามละ 30 เป็นอย่างน้อย ค่าแรง 300 ซ้ำเติมให้ตกงานอีกเกือบครึ่ง บริษัท sme เจ๊งไม่เป็นท่า .. ค่าแก๊สรถ NGV LPG ขึ้นไม่ยอมหยุด

ผู้ชายขายตัว escort man,

ในโลกนี้ใช่ว่า จะมีแต่ผู้ชายที่ต้องการผู้หญิง แต่ผู้หญิงก็ต้องการผู้ชายด้วยเช่นกัน จึงเกิดอาชีพ ผู้ชายขายตัว ผู้ชายขายบริการ

gigolo = ผู้ชายขายบริการ ผู้ชายขายตัว พูดง่าย คือ ผู้ชายที่ทำรักทำเซ็กเพื่อเงิน a man who performs sex acts on women for money เรียกภาษาบ้่าน ๆ เรียก อีตัวผู้ชายหรืออีดอกชาย (a man-whore)

เขาคิดว่าผมเป็นผู้ชายขายตัวขายบริการ พวกผู้หญิงยินดีง่ายเพื่อให้ผมทำให้พวกเธอพวกหล่อนพอใจมีสุข They think me a gigolo: Women pay me to give them pleasure

ปกติ gigolo ผู้ชายขายบริการชั้นสูง หรือ ผู้ชายขายตัวชั้นสูง ราคาแพงน่ะเด่ะ

escort man = ผู้ชายขายตัว

เธอมีปัญญาจ่ายตังก์ให้ผู้ชายที่มาร่วมรักด้วย
She can afford to pay for male escort sex

เป็นครั้งแรกที่เธอเรียกใช้ผู้ชายเป็นเพื่อนเที่ยว และเธอก็ตื่นเต้น
It is her first time she’d ever used a male escort and she is nervous.

male escort = ผู้ชายนั่งชั่วโมง ผู้ชายเป็นเพื่อนเที่ยว(ให้ผู้หญิง) ผู้ชายขายตัว

gigolo = ผู้ชายขายตัว

ขายตัวน่ะ ขายหัวใจไปด้วยหรือเปล่า

Dr.SoS
====================

จมอยู่ในทะเลทุกข์ แล้วเมื่อไหร่จะได้ขึ้นฝั่ง

"(คนเราถ้า)จมอยู่ในทะเลทุกข์ แล้วเมื่อไหร่จะได้ขึ้นฝั่ง" หลวงจีนแก่ ๆ ผู้กวาดลาดวัดเส้าหลิน ในเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า กล่าวเตือนสติ "คนสมัยก่อนไม่มีความรู้ถูกประนามว่า โง่เขลา แต่ท่าน(ทั้่งหลาย)เป็นผู้มีความรู้ แต่ยังทำเรื่องโง่ ๆ อีก" คำกล่าวเตือนสติของหลวงจีนรูปเดียวกัน ทุกข์มันหนัก ถ้าได้ไปแบกมันเชียว ปล่อยมันไป ให้ทุกอย่างไปตามทางของมัน ทำใจให้ว่าง ปล่อยใจให้สบาย เปลือยใจให้หมด ให้รู้ทันทุกข์ ทุกอย่างย่อมไม่เที่ยง มันมา เดี๋ยวมันก็จะไป มีสติ รู้เท่าทันทุกข์ คิดให้ดีก่อนทำ ให้คิดแล้วคิดอีก จะได้ไม่ผิดหวัง ลองอ่านอีกครั้งเผื่อจะมีสติสตังสตางค์ บ้าง "(คนเราถ้า)จมอยู่ในทะเลทุกข์ แล้วเมื่อไหร่จะได้ขึ้นฝั่ง" หลวงจีนแก่ ๆ ผู้กวาดลาดวัดเส้าหลิน ในเรื่อง 8 เทพอสูรมังกรฟ้า กล่าวเตือนสติ "คนสมัยก่อนไม่มีความรู้ถูกประนามว่า โง่เขลา แต่ท่าน(ทั้่งหลาย)เป็นผู้มีความรู้ แต่ยังทำเรื่องโง่ ๆ อีก" คำกล่าวเตือนสติของหลวงจีนรูปเดียวกัน (c) copyright 2555

Wednesday, April 11, 2012

แนะเส้นทางออกกรุง ไปชุ่มฉ่ำ-ท่องเที่ยวสงกรานต์

แนะนำเส้นทางเลี่ยงถนนสายหลักออกจากกรุงเทพฯ ช่วงสงกรานต์ปี 2555 ทั้งขึ้นภาคเหนือ อีสาน ตะวันออกและใต้ ด้านตำรวจเล็งประสานชุมชนร่วมป้องกันเมาไม่ขับ เพื่อลดอุบัติเหตุ...

เกือบจะเป็นเรื่องปกติของช่วงเทศกาลสงกรานต์​ ซึ่งมีวันหยุดต่อเนื่องหลายวัน แต่ก่อนที่หลายๆ คนจะได้ไปเล่นสาดน้ำชุ่มฉ่ำ ท่องเที่ยวต่างจังหวัด หรือกลับภูมิลำเนาไปรดน้ำดำหัวญาติผู้ใหญ่อันเป็นที่รักเคารพแล้ว จะต้องฟันฝ่ากับการจราจรบนถนน โดยเฉพาะเส้นทางมุ่งหน้าออกจากกรุงเทพฯ ที่มักเต็มไปด้วยรถราคับคั่งจนต้องใช้เวลาเดินทางมากกว่าปกติกว่าครึ่งค่อนวัน

ดังนั้น เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อมในการเดินทางลดความหนาแน่นบนถนน ใช้เวลารวดเร็วยิ่งขึ้นและความปลอดภัยในการเดินทาง ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์จึงได้รวบรวมข้อมูลเส้นทางเลี่ยง และทางลัดถนนสายหลักจากหลายๆ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กองบังคับการตำรวจทางหลวง กรมทางหลวง และกรมทางหลวงชนบท เป็นต้น มาแนะนำ ดังนี้

เส้นทางมุ่งหน้าสู่ภาคเหนือมี 3 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1. จากบางบัวทอง ทล.340 สุพรรณบุรี ชัยนาท อ.มโนรมย์ ทางหลวงหมายเลข (ทล.) 32 หรือสายเอเชีย และนครสวรรค์ เส้นทางที่ 2. จากกรุงเทพฯ ทางด่วนแจ้งวัฒนะ ด่านเก็บค่าผ่านทางบางปะอิน เลี้ยวขวาเข้า ทล.9 เลี้ยวซ้ายเข้า ทล. 347 ต่างระดับบางปะหัน ทล.32 อ่างทอง สิงห์บุรี ชัยนาท และนครสวรรค์ และเส้นทางที่ 3. กรุงเทพฯ ไป ทล.305 อ.บ้านนา ทล.33 อ.หินกอง ทล.1 หรือ ถ.พหลโยธิน สระบุรี ถึง ทล.21 ลพบุรี อ.ชัยบาดาล อ.วิเชียรบุรี เพชรบูรณ์ พิจิตร และพิษณุโลก

เส้นทางมุ่งหน้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 4 เส้นทาง ได้แก่ เส้นทางที่ 1. จากกรุงเทพฯ ทล.305 อ.บ้านนา ทล.3222 ทล.2 หรือ ถ.มิตรภาพ อ.แก่งคอย อ.มวกเหล็ก และนครราชสีมา เส้นทางที่ 2. กรุงเทพฯ ไป ทล.304 อ.พนมสารคาม อ.กบินทร์บุรี อ.นาดี อ.วังน้ำเขียว และ อ.ปักธงชัย เส้นทางที่ 3. กรุงเทพฯ ทล.304 อ.พนมสารคาม เลี้ยวซ้าย ทล.359 สระแก้ว เข้า อ.อรัญประเทศ อ.ตาพระยา ไป อ.โนนดินแดง อ.นางรอง และเส้นทางที่ 4 .จากกรุงเทพฯ ทล.7 หรือ ถ.มอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ- ชลบุรี เลี้ยวซ้ายเข้า ทล.314 ฉะเชิงเทรา เชื่อมต่อ ทล.304

สำหรับเส้นทางมุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออกมี 3 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1. จากกรุงเทพฯ ขึ้นด่วนบางนา ขึ้นยกระดับบูรพาวิถี ผ่าน อ.บางพลี อ.บางปะกง จ.ชลบุรี เส้นทางที่ 2. ทางด่วนศรีนครินทร์ ทล.7 มุ่งหน้าสู่ภาคตะวันออก และเส้นทางที่ 3. วงแหวนตะวันออก ถ.สุขุมวิท ถ.วงแหวนตะวันตก ไป อ.พระประแดง

ส่วนเส้นทางมุ่งหน้าสู่ภาคใต้มี 2 เส้นทาง คือ เส้นทางที่ 1. ถ.บรมราชชนนี ถ.พุทธมณฑล นครชัยศรี ถ.เพชรเกษม สู่ภาคใต้ เส้นทางที่ 2. ทางด่วนดาวคะนอง ถ.พระราม 2 มุ่งสมุทรสาคร สมุทรสงคราม แยกวังมะนาว และ ถ.เพชรเกษม มุ่งหน้าสู่ภาคใต้

ทั้งนี้ ผู้ใช้รถใช้ถนนสามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมล่วงหน้า หรือตรวจสอบข้อมูลจราจรระหว่างการเดินทางเพิ่มเติมได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1193 ของตำรวจทางหลวง หมายเลข 1586 ของกรมทางหลวง หมายเลข 1146 ของกรมทางหลวงชนบท

ด้าน พล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธุ์ม่วง ที่ปรึกษา (สบ 10) ซึ่งได้รับมอบหมายจาก พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ ดามาพงศ์ ผบ.ตร.ให้รับผิดชอบการอำนวยการจราจรและป้องกันอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ปีนี้ เปิดเผยว่า จะมีมาตรการต่างๆ ลดการเกิดอุบัติเหตุมากที่สุด ส่วนเป้าหมายในการลดอุบัติเหตุและผู้เสียชีวิต ตั้งเป้าจะลดให้เหลือน้อยที่สุด ซึ่งเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในช่วงเทศกาลปีใหม่

พล.ต.อ.สมยศ กล่าวต่อว่า พล.ต.อ.เพรียวพันธ์ มีนโยบายชัดเจนให้ตำรวจประสานทุกหน่วยงาน ทั้งภาครัฐและเอกชนร่วมรณรงค์ลดอุบัติเหตุ โดยที่ผ่านมา พบว่าถนนสายรองเกิดอุบัติเหตุมากที่สุดถึง 80% สาเหตุเกิดจากรถจักรยานยนต์มากที่สุด ซึ่ง พล.ต.อ.เพรียวพันธ์มีนโยบายชัดเจนให้ตำรวจในพื้นที่ประสานกับคนในชุมชนทำความเข้าใจผู้ขับขี่ ช่วยกันสอดส่องดูแล และป้องกันผู้ดื่มสุราไม่ให้ขับขี่ยานพาหนะทุกชนิดเพื่อป้องกันอุบัติเหตุ

::แนะเส้นทางออกกรุง ไปชุ่มฉ่ำ-ท่องเที่ยวสงกรานต์ วันพฤหัสบดีที่ 12 เมษายน 2555
::แนะเส้นทางออกกรุง ไปชุ่มฉ่ำ-ท่องเที่ยวสงกรานต์ ไทยรัฐออนไลน์

แพทย์เตือนระวังเด็กเล็กอุจจาระร่วงเฉียบพลัน

ภาวะท้องเสียเป็นปัญหาที่พบบ่อยโดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน หากได้รับการดูแลรักษาที่ไม่เหมาะสมอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนจนเป็นอันตรายต่อเด็กได้ และมีโอกาสเกิดปัญหาอุจจาระร่วงยืดเยื้อหรือเรื้อรังตามมา ซึ่งมีผลกระทบต่อสุขภาพของลูกอย่างมาก

เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2555 พญ.วิมล เสกธีระ กุมารแพทย์สาขาทารกแรกเกิด โรงพยาบาลเวชธานี กล่าวถึงภาวะท้องเสียในเด็กว่า ในทางการแพทย์เด็กที่มีภาวะท้องเสียจะหมายถึง เด็กที่มีการถ่ายอุจจาระเหลว จำนวน 3 ครั้งต่อวันหรือมากกว่า หรือถ่ายมีมูกหรือเลือดอย่างน้อย 1 ครั้ง หรือถ่ายเป็นน้ำจำนวนมากกว่า 1 ครั้งขึ้นไปใน 1 วัน ยกเว้นทารกแรกเกิดที่กินนมแม่

ส่วนภาวะเด็กยืดตัวในภาษาโบราณสันนิษฐานว่า เด็กที่อยู่ในวัยยืดตัวจะเป็นวัยที่ชอบเอาสิ่งของต่างๆ เข้าปาก จึงทำให้มีภาวะถ่ายเหลวได้ แต่อาการจะไม่รุนแรง และมักจะหายได้เอง ซึ่งทางการแพทย์จะไม่มีภาวะเด็กยืดตัว

สาเหตุของภาวะท้องเสียในเด็ก อาจเกิดจากภาวะติดเชื้อในลำไส้ซึ่งมีทั้งแบคทีเรียหรือไวรัส เกิดจากการติดต่อจากบุคคลหนึ่งไปสู่อีกบุคคลหนึ่งผ่านทาง fecal – oral – route (จากอุจจาระผ่านทางปาก) หรือโดยการรับประทานอาหารหรือดื่มน้ำที่ปนเปื้อนเชื้อบางชนิดทำให้เกิดโรคท้องเสีย และภาวะอาหารเป็นพิษได้ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ เช่น การแพ้นมวัว หรือแพ้อาหารอื่นๆ หรือจากการใช้ยาบางชนิด โดยเฉพาะยาปฏิชีวนะ เป็นต้น

สัญญาณอันตรายที่ควรรีบพบแพทย์
เมื่อเด็กมีภาวะขาดน้ำ เช่น ตาโหล เพลีย ซึม กระหม่อมหน้าบุ๋มลงลึก ปัสสาวะออกน้อยลง โดยเฉพาะถ้าไม่ปัสสาวะเลยภายใน 8 ชั่วโมง หรือมีภาวะไข้สูง ซึมหรือชักเกร็ง เนื่องจากเด็กที่ถ่ายเหลวมักเสียทั้งน้ำและเกลือแร่ต่างๆ ออกมาทางอุจจาระ ถ้าไม่ได้รับสารน้ำหรือเกลือแร่ชดเชย ทำให้มีภาวะขาดสมดุลของน้ำและเกลือแร่ อาจทำให้เด็กมีอาการชักเกร็งได้

นอกจากนี้ถ้าลูกๆ อาเจียนมาก กินไม่ได้เลย หรือถ่ายมากและบ่อยครั้งหรือถ่ายเป็นมูกเลือด ควรรีบพบแพทย์ทันที

การดูแลรักษาเบื้องต้นเมื่อมีภาวะท้องเสีย

ควรให้เด็กรับสารน้ำหรือเกลือแร่ เพื่อชดเชยอย่างพอเพียงโดยให้ (ORS) สารละลายเกลือแร่สำหรับเด็กโดยเฉพาะ ควรงดอาหารเสริมต่างๆ ชั่วคราว โดยเฉพาะงดอาหารประเภทผัก ผลไม้ น้ำผลไม้ ไข่ อาหารมันๆ ควรให้รับประทานแค่ข้าวต้มอ่อนๆ รับประทานทีละน้อย แต่บ่อยๆ แทน

สำหรับนม ถ้าเป็นนมแม่สามารถรับประทานต่อได้ แต่ถ้าเป็นนมผสมควรเจือจางนมลงเท่าตัว ถ้ายังไม่ดีอาจต้องเปลี่ยนนมเป็นนมสำหรับภาวะท้องเสียโดยเฉพาะ คือนมที่ไม่มีน้ำตาลแลคโตส เช่น โอแลค ซิมิแลค แอลเอฟ หรือแนนแอลเอฟ เป็นต้น หรืออาจรับประทานนมประเภทนมถั่วเหลืองได้

ข้อควรระวังที่สำคัญคือคุณแม่หรือผู้ดูแลไม่ควรซื้อยาแก้ท้องเสียมาให้เด็กรับประทานเอง เนื่องจากจะเกิดอันตรายต่อเด็กมากกว่า ถ้าไม่แน่ใจควรปรึกษาแพทย์สำหรับการใช้ยา

วิธีป้องกันภาวะท้องเสีย
1. ควรรับประทานนมแม่ให้นานที่สุด โดยเฉพาะในช่วง 6 เดือนแรก
2. ทำความสะอาด ล้างขวดนมให้ถูกวิธี ต้มขวดในน้ำเดือด 10-15 นาที หรือใช้เครื่องนึ่งขวดนมสำเร็จรูป หรือถ้าใช้ซึ้งนึ่งควรใช้เวลา 25-30 นาที
3. ให้อาหารเสริมตามวัย ดูแลความสะอาดในการเตรียมอาหารและภาชนะที่ใส่
4. ควรเป็นอาหารที่ปรุงสุกใหม่ๆ ร้อนๆ ไม่ควรตั้งทิ้งไว้นาน และหลีกเลี่ยงอาหารที่ปรุงจากกะทิ อาหารทะเล เนื่องจากหน้าร้อน อากาศร้อน อาหารจะบูดเสียง่าย
5. ควรมีสุขอนามัยส่วนบุคคลที่ดี ล้างมือให้สะอาดก่อนเตรียมอาหารให้ลูก หรือชงนม ก่อนให้นมหรือป้อนอาหารลูก
คุณพ่อคุณแม่อย่าลืมล้างมือทุกครั้งหลังเข้าห้องน้ำ หรือเปลี่ยนผ้าอ้อมให้ลูก เพื่อป้องกันภาวะท้องร่วงในเด็ก

Super Kid’s Center โรงพยาบาลเวชธานี

::แพทย์เตือนระวังเด็กเล็กอุจจาระร่วงเฉียบพลัน
::แพทย์เตือนระวังเด็กเล็กอุจจาระร่วงเฉียบพลัน ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 11 เมษายน 2555

Tuesday, April 10, 2012

อกหัก: เรียนจากเพลงเก่า - Eruption "One Way Ticket (to The Blues)"

เพลงเศร้าเคล้าสนุกว้าวุ่นเรื่องอกหัก อกหักเป็นสิ่งที่มีมานานมาก คู่กับโลก คู่กับผู้คนก็ว่าได้ Eruption Lyrics "One Way Ticket (to The Blues) "

ตั๋วขาเดียว (= One Way Ticket)
ความเศร้าเคล้าน้ำตา (= Blue Blues)

Mmmm… oohhhh … yeea yeea yeaah
One way ticket
One way ticket.
One way ticket
One way ticket.
One way ticket to the blues.

Choo choo train
Tuckin' down the track
Gotta travel on it ทางเดียวที่ให้เดิน
Never comin' back คงไม่ได้กลับมาอีกแล้ว
Ooh
Ooh got a one way ticket to the blues.

Bye bye love ลาก่อนความรัก
My babe is leavin' me คนรักของฉันกำลังจากฉันไป
Now lonely tear drops are all that i can see. ตอนนี้มีเพียงน้ำตาแห่งความโดดเดี่ยวที่ฉันเห็นได้

Ooh
Ooh
Got a one way ticket to the blues
Gonna take a trip to lonesome town คงต้องเดินทางไปเมีองคนเหงา
Gonna stay at heartbreak hotel. คงต้องพักอยู่ที่โรงแรมหัวใจสลาย

A fool such as i a fool such as i คนโง่เช่นฉัน คนโง่ ๆ เช่นฉันไง
There never was มันไม่เคย(โง่)มาก่อนนี่นา
I cry my tears away. ฉันร้องให้น้ำตาไหลทิ้งไป

One way ticket
One way ticket.
One way ticket
One way ticket.
One way ticket to the blues.

Choo choo train
Tuckin' down the track
Gotta travel on it
Never comin' back
Ooh
Ooh got a one way ticket to the blues.

Gotta go on

Gotta truck on
Got a one way ticket to the blues.

I gotta take a trip to lonesome town
Gonna stay at heartbreak hotel
Ooh
A fool such as i a fool such as i
There never was i cry my tears away.

One way ticket
One way ticket.
One way ticket
One way ticket.
One way ticket to the blues.

Choo choo train
Tuckin' down the track
Gotta travel on it
Never comin' back
Ooh yeah yeah yeah
Ooh got a one way ticket to the blues.

Got my ticket...
There is no way you can deny it
I see that you're oh so sad

:: อกหัก: เรียนจากเพลงเก่า - Eruption "One Way Ticket (to The Blues)"

ยาฆ่าเพลี้ยทำปลากรุงเก่าตายเป็นเบือ

ประมงกรุงเก่าเตือนเกษตรกรห้ามสูบน้ำจากคลองที่มีปลาตายเข้าบ่อเลี้ยง ชี้เหตุจากชาวนาปล่อยน้ำปนเปื้อนยาฆ่าเพลี้ยลงคลอง

วันนี้ (10เม.ย.2555) นายประมวล มีแป้น ประมงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่าขณะนี้ได้เกิดเหตุปลาตายในคลองบ้านโรง หมู่ 4 ต. สะพานไทย อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นระยะทางยาวกว่า 2 ก.ม. โดยปลาส่วนใหญ่เป็นปลาผิวน้ำ หรือปลาหัวเบา คาดว่ามีปลาตายไม่น้อยกว่า 2 ตัน หลังเกิดเหตุได้ส่งจนท.ประมงไปตรวจสอบพบว่าเกิดเหตุตั้งแต่ช่วงบ่ายวันที่ 9 เม.ย. 2555 ที่ผ่านมา เนื่องจากก่อนหน้านี้เกิดฝนตกลงมาอย่างหนัก ต้นข้าวในนาล้มระเนระนาดแช่น้ำที่ฝนตกลงมาท่วมขัง เกษตรกรที่ทำนาเกรงว่าข้าวจะตาย จึงได้ระบายน้ำจากนาลงสู่คลอง ซึ่งน้ำที่ปล่อยลงมาปนเปื้อนยาฆ่าเพลี้ย จึงทำให้มีปลาตายดังกล่าว

ขณะเดียวกันประมงจังหวัดได้รับรายงานว่ามีปลาจำนวนกว่า 10 ตันตายลอยอยู่ในคลองอีบาง คลองหนู คลองปากกราน หมู่ 8, 9 และหมู่ 10 ต.ปากกราน อ.พระนครศรีอยุธยา ส่วนใหญ่เป็นปลาตะเพียน และปลาสร้อย ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งสองแห่งนั้น ทางประมงได้ประสานกับทางองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นส่งคนออกไปช่วยเก็บซากปลาที่ตายลอยน้ำ แล้วนำไปฝังให้ไกลจากแหล่งน้ำ และยังได้ประสานกับทางชลประทานในการปล่อยน้ำดีไล่น้ำเสียในคลองต่างๆที่เกิดเหตุ ที่สำคัญได้แจ้งให้เกษตรที่มีปลาเลี้ยงในบ่อใกล้กับคลองที่เกิดเหตุ ห้ามสูบน้ำเข้าบ่อเลี้ยงเด็ดขาด เพราะจะทำให้ปลาตายได้ อย่างไรก็ตามเชื่อว่าหากไม่มีฝนตกลงมา และเกษตรกรไม่มีการระบายน้ำทิ้งออกจากนาอีก เชื่อว่าจะใช้เวลา 3-4 วันน้ำคงจะเข้าสู่ภาวะปกติทั้งหมด

::ยาฆ่าเพลี้ยทำปลากรุงเก่าตายเป็นเบือ
::ยาฆ่าเพลี้ยทำปลากรุงเก่าตายเป็นเบือ ©2555 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555

รัฐบาลงบไม่พอ ขึ้นเงินเดือนขรก.15,000 บาทพร้อมกัน

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง รับ เหตุทยอยขึ้นเงินเดือน 15,000 บาท ข้าราชการ เพราะรัฐบาลมีปัญหางบประมาณไม่เพียงพอ แจงยิบ ก่อนปี 57 ขรก.จะได้รับเงินค่าครองชีพถึง 15,000 บาท แน่...

นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.คลัง กล่าวว่า ที่ประชุม ครม.ได้มีการพิจารณาปรับโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการวานนี้ ไม่ได้เป็นการเลื่อนปรับโครงสร้างเงินเดือนออกไปเป็นปี 2557 เพราะเงินเดือนข้าราชการแรกเข้าทำงานในอัตราเงินเดือน 15,000 บาท มีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.2555 ที่ผ่านมาแล้ว แต่ในครั้งนี้เป็นการปรับโครงสร้างเงินเดือนผู้จบปริญญาตรี ซึ่งทำงานมานานแล้ว รวมไปถึงระดับปริญญาโทและปริญญาเอก เพื่อให้โครงสร้างเงินเดือนมีความสอดคล้องกัน และเหตุผลที่ไม่มีการปรับให้พร้อมกัน เนื่องจากรัฐบาลมีปัญหาเรื่องการจัดสรรงบประมาณที่ยังไม่เพียงพอ เพราะต้องจัดสรรงบประมาณไปใช้ในด้านอื่นๆ ด้วย

ด้าน นายรังสรรค์ ศรีวรศาสตร์ อธิบดีกรมบัญชีกลาง กล่าวว่า การปรับโครงสร้างเงินเดือนข้าราชการ ตามข้อเสนอของสำนักงาน ก.พ.นั้น ในปี 2555 ผู้จบระดับปริญญาตรีจะได้รับเงินเดือนเดิมพร้อมกับเงินเพิ่มค่าครองชีพ เพื่อให้ได้ระดับ 15,000 บาท จากนั้นในปี 2556 อัตราเงินเดือนจะปรับเพิ่มขึ้น และจะทยอยปรับเงินค่าครองชีพลง จากนั้นในปี 2557 เงินเดือนข้าราชการก็จะมีการจ่ายเต็มอัตรา โดยไม่มีค่าครองชีพ เพื่อรับเงินเดือนที่ 15,000 บาท

::รัฐบาลงบไม่พอ ขึ้นเงินเดือนขรก.15,000 บาทพร้อมกัน
::รัฐบาลงบไม่พอ ขึ้นเงินเดือนขรก.15,000 บาทพร้อมกัน ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 11 เมษายน 2555
------------------
สรุป เงินเดือนเช้าชามเย็นชาม
ป.ตรี เริ่มเข้า 2555 เงินเดือนน้อย + เิงินค่าครองชีพมาก = 15,000
ป.ตรี ทำงานปี 2 2556 เงินเดือนมากขึ้น + เิงินค่าครองชีพน้อยลง = 15,000 เท่าเดิม
ป.ตรี ทำงานปี 3 2557 เงินเดือนมากขึ้น + ไม่มีเิงินค่าครองชีพ = 15,000 เท่าเดิม

ปลูกมะนาวบนต้นตอส้มต่างประเทศทนน้ำท่วม - ดินดีสม เป็นนาสวน

ที่ผ่านมาในอดีตการปลูกมะนาวของเกษตรกรไทยนิยมปลูกโดยใช้กิ่งตอนหรือกิ่งปักชำโดยคิดว่าต้นเจริญเติบโตและให้ผลผลิตเร็ว โดยไม่ได้นึกถึงปัญหาในเรื่องของระบบรากที่ไม่แข็งแรงเพราะมีแต่รากฝอย เมื่อต้นมะนาวเริ่มให้ผลผลิตเต็มที่มักจะพบปัญหาว่าต้นมะนาวทรุดโทรมลงอย่างรวดเร็วเนื่องจากที่ภาระเลี้ยงผลมาก ที่สำคัญในปี พ.ศ. 2554 ที่ผ่านมาประเทศไทยประสบปัญหามหาอุทกภัยน้ำท่วมครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ ภาคการเกษตรได้รับความเสียหายอย่างยับเยิน เกษตรกรที่ปลูกมะนาวโดยใช้กิ่งตอนน้ำท่วมขังเพียงไม่กี่วัน พบว่าต้นมะนาวยืนต้นตายเกือบทั้งหมด ในขณะที่เกษตรกรที่ปลูกต้นมะนาวโดยใช้กิ่งเสียบยอดบนต้นตอส้มต่างประเทศรอดตายหลายรายเนื่องจากมีระบบรากที่แข็งแรง

ในแวดวงของนักวิชาการเกษตรและเกษตรกรผู้ปลูกมะนาวในเชิงพาณิชย์ต่างก็ยอมรับกันว่า มะนาวพันธุ์แป้นดกพิเศษซึ่งมีลักษณะผลและคุณภาพเหมือนกับพันธุ์แป้นรำไพทุกประการ แต่ผลผลิตดกกว่า 4-5 เท่า ในอายุต้นที่เท่ากันและมีการติดผลเป็นพวง เป็นพันธุ์ที่ตลาดต้องการผลผลิตมากที่สุด เนื่องจากพันธุ์ที่ออกดอกและติดผลง่าย ขนาดของผลค่อนข้างโต เปลือกผลบางและมีปริมาณน้ำในผลมาก มีอายุตั้งแต่ออกดอกจนถึงเก็บเกี่ยวผลผลิตใช้เวลาประมาณ 4 เดือน ที่สำคัญมะนาวพันธุ์แป้นดกพิเศษสามารถบังคับให้ออกฤดูแล้งได้ง่ายมาก ในช่วงปลายปี 2554 เป็นต้นมาจนมาถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2555 ราคามะนาวแป้นดกพิเศษขายจากสวนได้ราคาแพงมากเฉลี่ยผลละ 2-3 บาท เมื่อขายถึงผู้บริโภคราคาเฉลี่ยผลละ 5 บาท นับเป็นปีทองของชาวสวนมะนาวอีกครั้งหนึ่ง

การทำสวนมะนาวที่ปลูกด้วยกิ่งตอนนั้นอายุไม่ยืนยาว เฉลี่ยอายุประมาณ 3-5 ปีก็ตาย เกษตรกรจำเป็นต้องปลูกใหม่ ถ้าคิดการลงทุนปลูกใหม่ก็มีค่าใช้จ่ายมิใช่น้อย ทางเลือกใหม่ของเกษตรกรที่คิดจะลงทุนปลูกมะนาวแป้นอย่างยั่งยืน โดยที่ต้นมะนาวควรจะมีอายุยืนอย่างน้อย 10 ปีขึ้นไป ควรจะใช้ต้นตอส้มต่างประเทศ เช่น ทรอยเยอร์,สวิงเกิล, โวคา-เมอเรียน่าฯลฯ เป็นต้นตอซึ่งมีข้อมูลยืนยันทางวิชาการว่าทนทานโรครากเน่าและโคนเน่าได้ดี เนื่องจากมีระบบรากที่แข็งแรงและมีรากแก้ว เทคนิคในการเสียบยอดให้ใช้ต้นตอส้มทรอยเยอร์ที่มีขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.5-1 เซนติเมตร ตัดยอดต้นตอส้มให้สูงจากพื้นดินประมาณ 15เซนติเมตร จากนั้นนำกิ่งมะนาวพันธุ์แป้นดกพิเศษเสียบยอดด้วยวิธีการผ่าลิ่มให้แผลมีความยาวประมาณ 1 นิ้ว ใช้เวลาประมาณ 45 วัน ยอดที่เสียบจะแตกยอดใหม่ออกมา

เป็นที่ทราบกันดีว่าในการปลูกมะนาวในเชิงพาณิชย์ในปัจจุบันนี้ตลาดมีความต้องการมะนาวพันธุ์แป้นรำไพและพันธุ์แป้นดกพิเศษมากที่สุด และการเลือกใช้กิ่งพันธุ์มะนาวได้เปลี่ยนจากการใช้กิ่งตอนมาใช้กิ่งเสียบยอดบนต้นตอส้มต่างประเทศ เนื่องจากต้นมีความสมบูรณ์แข็งแรงและอายุยืนยาวกว่าปลูกด้วยกิ่งตอน

:: ปลูกมะนาวบนต้นตอส้มต่างประเทศทนน้ำท่วม - ดินดีสม เป็นนาสวน
::ปลูกมะนาวบนต้นตอส้มต่างประเทศทนน้ำท่วม - ดินดีสม เป็นนาสวน © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันพุธที่ 11 เมษายน 2555

ความต้องการมะลิพุ่งสูงในเทศกาลสงกรานต์

ความต้องการมะลิพุ่งสูงจนขาดตลาดในเทศกาลสงกรานต์ สร้างรายได้ให้เกษตรกร

วันนี้ ( 11 เม.ย.2555) เวลา 9.00 น. ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ที่จังหวัดมหาสารคาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ยอดสั่งซื้อพวงมาลัย มาลัยกร และมาลัยดอกมะลิ พุ่งสูงกว่าเท่าตัว ส่งผลให้ราคาดอกมะลิพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 300 บาท โดยนายสมทรง มาลี บ้านเลขที่ 28 บ้านนาเลา หมู่ 8 ตำบลเกิ้ง อำเภอเมือง จังหวัดมหาสารคาม กล่าวว่า ตนได้ใช้พื้นที่สวนข้างบ้านและหลังบ้านปลูกต้นมะลิ 400 ต้น หลังจากที่ตนเองเพื่อเก็บดอกมาร้อยมาลัย ส่งขายลูกค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองมหาสารคาม โดยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ที่กำลังจะมาถึงนี้ ยอดสั่งจองพวงมาลัยถวายพระ มาลัยกร และมาลัยคล้องคอดอกมะลิ มีออเดอร์เพิ่มสูงกว่าปีที่ผ่านมากว่าเท่าตัว ส่งผลให้ราคาดอกมะลิมีราคาสูงขึ้นกว่าเท่าตัวเช่นเดียวกัน ซึ่งคนไทยส่วนใหญ่จะนิยมนำพวงมาลัยที่ร้อยจากดอกมะลิไปร้อยมาลัยเพื่อถวายพระ รวมถึงนำไปลอยในขันน้ำเพื่อที่จะนำไปรดน้ำขอพรผู้ใหญ่ที่ตนเองเคารพนับถือ หรือไม่ก็นำไปร้อยมาลัยใส่ข้อมือเพื่อกราบไหว้ญาติผู้ใหญ่ ทำให้มีลูกค้าสั่งซื้อดอกมะลิเพื่อนำไปจำหน่ายกันเป็นจำนวนมาก แต่ละวันจะร้อยมาลัยส่งให้กับลูกค้า จำนวน 100-200 พวง ทั้งนี้จะขึ้นอยู่กับดอกมะลิสดที่เก็บได้ในสวน

ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ราคาดอกมะลิ อยู่ที่ราคากิโลกรัมละ 300 บาท สำหรับพวงมาลัยถวายพระ และมาลัยคล้องคอ จะขายส่งอยู่ที่ราคาพวงละ 5 บาท ส่วนมาลัยกร จะส่งที่พวงละ 50--150 บาท ส่วนราคาขายปลีกมาลัยถวายพระ และมาลัยคล้องคอดอกมะลิ จะอยู่ที่พวงละ 10 บาท ส่วนมาลัยกร จะอยู่ที่พวงละ 80-150-250 บาท ทั้งนี้ คาดว่าในช่วงวันสงกรานต์ ราคาดอกมะลิอาจพุ่งสูงถึงกิโลกรัมละ 400 บาท ถ้าดอกไม้ในสวนตนเองไม่พอก็สั่งข้างบ้าน เนื่องจากหมู่บ้านนาเลา ต.เกิ้ง อ.เมืองมหาสารคาม ทั้งหมู่บ้านมีการปลูกต้นมะลิ เพื่อเก็บดอกมะลิไปร้อยมาลัยขายทั้งหมู่บ้านกว่า 150 หลังคาเรือน สร้างรายได้ให้แก่ชาวบ้านช่วงหลังฤดูกาลทำนาได้เป็นอย่างดี

::ความต้องการมะลิพุ่งสูงในเทศกาลสงกรานต์
::ความต้องการมะลิพุ่งสูงในเทศกาลสงกรานต์ © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันพุธที่ 11 เมษายน 2555

ศาลจำคุก 2 ปีครึ่ง ปรับ 50 บ. หนุ่มตกงานจี้แท็กซี่

ศาลอาญาอ่านคำพิพากษา จำคุก 5 ปี หนุ่มสกลฯ ตกงาน จี้แท็กซี่ได้เงินไปพันเศษ แต่ไม่รอดถูกรุมจับ รับสารภาพเหลือติด 2 ปีครึ่ง ปรับ 50 บาท...

เมื่อวันที่ 10 เม.ย.2555 ที่ศาลอาญา ศาลอ่านคำพิพากษาคดีดำ อ.305/ 54 ที่พนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 6 เป็นโจทก์ฟ้องนายอภิพู หรืออ้าย เรืองรุ่ง อายุ 43 ปี ชาว จ.สกลนคร เป็นจำเลยในความผิดฐานชิงทรัพย์ในเวลากลางคืนโดยใช้อาวุธ ฟ้องโจทก์เมื่อวันที่ 17 ม.ค.54 ระบุความผิดจำเลย สรุปว่า เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.53 ขณะที่นายณรงค์ จันทรพิทักษ์ ผู้เสียหายขับรถแท็กซี่ ทะเบียน ทร 4353 กรุงเทพมหานคร มาถึงปาก ซ.รามคำแหง 53 จำเลยได้เรียกให้ไปส่งที่ ซ.ลาดพร้าว 112 แขวงพลับพลา เขตวังทองหลาง กทม. ระหว่างทางจำเลยได้ใช้อาวุธมีดปลายแหลมจี้ที่บริเวณลำคอด้านหลังของนายณรงค์ แล้วขู่บังคับเอาเงินจำนวน 1,240 บาท ลงจากรถวิ่งหลบหนี ผู้เสียหายได้ตะโกนร้องขอความช่วยเหลือ จนมีคนช่วยกันจับตัวจำเลยส่งพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง แจ้งข้อหาดำเนินคดี

จำเลยรับสารภาพว่า กำลังตกงาน ไม่มีเงินใช้ ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องจริง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 339 วรรคแรก, มาตรา 371 ฐานชิงทรัพย์โดยใช้อาวุธ จำคุก 5 ปี ฐานพกพาอาวุธมีดไปตามทางสาธารณะ ปรับ 100 บาท จำเลยรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณา ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ 2 ปี 6 เดือน ปรับ 50 บาท

::ศาลจำคุก 2 ปีครึ่ง ปรับ 50 บ. หนุ่มตกงานจี้แท็กซี่
::ศาลจำคุก 2 ปีครึ่ง ปรับ 50 บ. หนุ่มตกงานจี้แท็กซี่ ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555

โพลชี้สงกรานต์ คนใช้เงินมากขึ้น สะพัด 1.4 แสนล้าน

เอแบคโพล เผยนักการเมืองที่ประชาชนอยากรดน้ำดำหัว คือ "ยิ่งลักษณ์" รองลงมาคือ "อภิสิทธิ์'' ส่วนอดีตนายกฯ ได้แก่ "ทักษิณ" ร้อยละ 53.8 ระบุ เทศกาลสงกรานต์ใช้เงินมากขึ้น คาดเงินสะพัด 1.4 แสนล้าน...

น.ส.ปุณฑรีก์ อิศรางกูร ณ อยุธยา ผู้ช่วยผู้อำนวยการ สำนักวิจัยเอแบคโพล มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง วงเงินสะพัด สิ่งน่าหวาดเสียวทางสังคม และคนที่ประชาชนอยากรดน้ำดำหัวด้วยช่วงเทศกาลสงกรานต์ กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนอายุ 12 ปีขึ้นไปที่พักอาศัยใน 28 จังหวัดของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพมหานคร ปทุมธานี สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา เพชรบุรี อยุธยา ลพบุรี นครปฐม กาญจนบุรี ชลบุรี เชียงใหม่ เชียงราย นครสวรรค์ เพชรบูรณ์ สุโขทัย อุดรธานี อุตรดิตถ์ ขอนแก่น อุบลราชธานี นครราชสีมา ศรีสะเกษ สกลนคร หนองบัวลำภู ระนอง พัทลุง สุราษฎร์ธานี นครศรีธรรมราช และปัตตานี จำนวนทั้งสิ้น 2,149 ตัวอย่าง โดยดำเนินการสำรวจในระหว่างวันที่ 10 มี.ค.-9 เม.ย.2555 พบว่า ร้อยละ 58.5 ไม่มีแผนหรือความตั้งใจที่จะเดินทางไปต่างจังหวัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์นี้ ในขณะที่ร้อยละ 41.5 มีความตั้งใจที่จะไปต่างจังหวัด โดยร้อยละ 65.9 ตั้งใจจะไปเที่ยวสงกรานต์กับครอบครัว รองลงมา ร้อยละ 29.5 ตั้งใจจะไปกับแฟน/คนรัก

เมื่อสอบถามถึงค่าใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว พบว่า ร้อยละ 53.8 ระบุค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น ร้อยละ 38.6 ระบุเท่าเดิม ในขณะที่ร้อยละ 7.6 ระบุลดลง เมื่อสอบถามถึงค่าใช้จ่ายสำหรับการท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่า ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 48.0 ระบุเป็นค่าเดินทาง เช่น ตั๋วโดยสาร ค่าน้ำมัน เป็นต้น รองลงมาร้อยละ 43.6 ระบุเป็นค่าอาหารและเครื่องดื่ม ร้อยละ 4.2 ระบุค่าที่พัก ร้อยละ 1.8 ระบุค่าของที่ระลึก ร้อยละ 1.6 ระบุเป็นค่าเข้าชมและกิจกรรมต่างๆ และร้อยละ 0.8 ระบุอื่นๆ อาทิ ทำบุญ ให้ลูกหลาน ให้พ่อแม่ เป็นต้น

นอกจากนี้ เมื่อประมาณการทางสถิติ พบว่า จะมีเงินสะพัดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ทั่วประเทศ 144,190,623,071 บาท โดยพบว่า จะมีวงเงินสะพัดจากค่าใช้จ่ายในการเดินทาง เช่น ตั๋วโดยสาร น้ำมัน 69,211,499,074 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับค่าอาหารและเครื่องดื่ม 62,867,111,659 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับที่พัก 6,056,006,169 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับซื้อของที่ระลึก 2,595,431,215 บาท ค่าใช้จ่ายสำหรับเข้าชมและกิจกรรมต่างๆ 2,307,049,969 บาท และค่าใช้จ่ายด้านอื่นๆ อาทิ ทำบุญ ให้ลูกหลาน ให้พ่อแม่ 1,153,524,985 บาท ตามลำดับ

เมื่อถามถึงกิจกรรมที่น่าหวาดเสียว ไม่ดีแต่อยากเล่น อยากดู อยากใช้ พบสิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มวัยรุ่น เยาวชนอายุไม่เกิน 24 ปี ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 62.3 อยากเล่นสาดน้ำขณะขับรถ ในขณะที่ผู้ใหญ่ที่อายุ 25 ปีขึ้นไป ร้อยละ 44.5 อยากเล่นเช่นกัน และที่น่าเป็นห่วงคือ กลุ่มวัยรุ่น กลุ่มเยาวชนเกินครึ่งหรือร้อยละ 54.8 และกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 32.3 อยากดูการเต้นโคโยตี้ นอกจากนี้ กลุ่มวัยรุ่นร้อยละ 38.1 และกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 34.6 อยากดื่มเหล้า เบียร์ ไวน์ ช่วงเทศกาล ร้อยละ 34.0 ของกลุ่มเยาวชน และร้อยละ 33.9 ของกลุ่มผู้ใหญ่อยากเล่นการพนัน และที่น่าพิจารณาคือ กลุ่มวัยรุ่นและเยาวชนร้อยละ 14.2 และกลุ่มผู้ใหญ่ร้อยละ 4.5 ยังคงตั้งใจจะใช้ยาเสพติดช่วงเทศกาลสงกรานต์

เมื่อสอบถามถึงนักการเมืองที่ชาวบ้านอยากรดน้ำดำหัวมากที่สุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ พบว่า อันดับแรก หรือร้อยละ 43.7 อยากรดน้ำดำหัวนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี อันดับสองหรือร้อยละ 26.9 ระบุเป็นนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อันดับสามหรือร้อยละ 11.1 ระบุ นายชวน หลีกภัย อันดับสี่หรือร้อยละ 10.6 ระบุ ร.ต.อ.ดร.เฉลิม อยู่บำรุง และอันดับห้า หรือร้อยละ 4.2 ระบุ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตามลำดับ

เมื่อสอบถามถึงอดีตนายกรัฐมนตรีที่ชาวบ้านอยากรดน้ำดำหัวมากที่สุด พบว่า อันดับที่หนึ่งหรือ ร้อยละ 40.2 อยากรดน้ำดำหัว พ.ต.ท.ดร.ทักษิณ ชินวัตร อันดับที่สองหรือร้อยละ 23.4 ระบุเป็น พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ อันดับสามหรือร้อยละ 11.5 ระบุเป็นนายชวน หลีกภัย อันดับสี่หรือร้อยละ 11.0 ระบุเป็น นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และอันดับห้า หรือร้อยละ 9.0 ระบุเป็นนายอานันท์ ปันยารชุน ตามลำดับ

::โพลชี้สงกรานต์ คนใช้เงินมากขึ้น สะพัด 1.4 แสนล้าน
::โพลชี้สงกรานต์ คนใช้เงินมากขึ้น สะพัด 1.4 แสนล้าน ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555

การปรับโครงสร้างราคา LPG: ถึงเวลาต้องทำให้ถูกต้องทั้งระบบ

สถานการณ์การนำเข้าก๊าซ LPG ของไทยเลวร้ายลงเรื่อยๆ ครับ ล่าสุดเราต้องนำเข้า LPG สูงถึง 170,000 ตัน/เดือน ราคานำเข้าล่าสุดอยู่ที่ 1,270 เหรียญสหรัฐต่อตัน

สถานการณ์การนำเข้าก๊าซ LPG ของไทยเลวร้ายลงเรื่อยๆ ครับ

ล่าสุดเราต้องนำเข้า LPG สูงถึง 170,000 ตัน/เดือน ราคานำเข้าล่าสุดอยู่ที่ 1,270 เหรียญสหรัฐต่อตัน ในขณะที่เราตรึงราคาขายส่งหน้าโรงแยกก๊าซอยู่ที่ 333 เหรียญสหรัฐต่อตัน เท่ากับรัฐต้องใช้เงินกองทุนน้ำมัน (ซึ่งก็คือเงินที่เก็บจากผู้ใช้น้ำมันนั่นเอง) ไปอุดหนุนถึง 937 เหรียญสหรัฐต่อตัน หรือ 29 บาท/ก.ก.

ถึงแม้เราจะเริ่มมีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ในภาคอุตสาหกรรมและขนส่งกันไปบ้างแล้ว โดยมีการปรับราคาขายในสองภาคนี้ขึ้นไปแบบค่อยเป็นค่อยไป

แต่ผมก็ยังเห็นว่าโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ยังคงมีการบิดเบือนและยังไม่ได้ทำให้ถูกต้องทั้งระบบ อีกทั้งยังจะสร้างความสับสนและยุ่งยากให้กับการบริหารราคาก๊าซ LPG ที่ขายให้กับภาคส่วนต่างๆมากขึ้น เพราะตั้งแต่วันที่ 16 มกราคม 2555 เป็นต้นมา เรามีราคาขายก๊าซ LPG ถึง 3 ราคา แยกตามแต่ละตลาด คือ

1. ตลาดอุตสาหกรรมที่ได้มีการขึ้นราคาไปแล้ว 9 บาท/ก.ก.และต้องขึ้นในเดือนเมษายนนี้อีก 3 บาท/ก.ก. ตามมติเดิมของกพช.ที่ให้มีการขึ้นราคาก๊าซ LPG ที่ใช้ในภาคอุตสาหกรรม รวมทั้งสิ้น 4 ครั้ง 12 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะทำให้ราคาขาย LPG ให้แก่ภาคอุตสาหกรรมอยู่ที่ 30.13 บาทต่อกิโลกรัม หรือประมาณ 972 เหรียญสหรัฐต่อตัน

2. ตลาดขนส่งซึ่งจะมีการปรับราคาทุกเดือนๆละ 75 ส.ต./ก.ก.เป็นเวลา 1 ปี รวมทั้งสิ้น 9 บาท/ก.ก. ซึ่งจะทำให้ราคาก๊าซ LPG ภาคขนส่ง ขึ้นไปอยู่ที่ระดับราคาสูงสุดที่ 27.13 บาท/ก.ก. หรือประมาณ 875 เหรียญสหรัฐต่อตัน (ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเสียก่อน)

3. ตลาดครัวเรือนซึ่งจะยืนราคาปัจจุบันที่ 18.13 บาท/ก.ก. หรือประมาณ 585 เหรียญสหรัฐต่อตัน ไปจนถึงสิ้นปี 2555

ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ก็เท่ากับว่าผู้ประกอบการในภาคอุตสาหกรรมจะต้องเป็นผู้รับภาระใช้ก๊าซ LPG ในราคาแพงที่สุด โดยอาจจะแพงกว่าราคาในตลาดโลกในบางช่วงเสียด้วยซ้ำไป ซึ่งจะกระทบกับความสามารถในการแข่งขันของอุตสาหกรรมไทยที่ยังจำเป็นต้องใช้ก๊าซ LPG เป็นเชื้อเพลิง

เพื่อให้เข้าใจโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ในบ้านเราว่าเป็นอย่างไร โดยเทียบเคียงราคาในประเทศกับราคานำเข้าก๊าซ LPG ในตลาดโลก ผมขอนำเสนอโครงสร้างราคาก๊าซ LPG เพื่อความชัดเจนทั้งราคาเป็นบาทต่อกิโลกรัม และแปลงเป็นเงินเหรียญสหรัฐต่อตันดังต่อไปนี้


  บาทต่อกิโลกรัม เหรียญสหรัฐต่อตัน
ราคาหน้าโรงแยกก๊าซ
ราคาอ้างอิงในการตั้งราคาก๊าซ LPG ในประเทศ = ราคาหน้าโรงแยกก๊าซ + ภาษีสรรพสามิต+ภาษีเทศบาล+เงินส่งเข้ากองทุนน้ำมัน = 10.26 บาท/ก.ก. + (2.17+0.22+1.04 = 3.43 บาท/ก.ก.)
10.26 333.00
ราคาขายส่ง 13.69 442.00
ราคาขายปลีก (ราคาควบคุม) 18.13 585.00
ราคานำเข้า (เม.ย. 2555) 30.75 992.00
ราคาขายภาคอุตสาหกรรม (มี.ค. 2555) 30.13 972.00
ราคาขายภาคขนส่ง (เมื่อปรับราคาเต็มที่) 27.13 875.00

ตามตารางข้างต้นจะเห็นว่าเมื่อปรับโครงสร้างราคาเต็มที่ ผู้ที่ต้องแบกรับภาระจ่ายค่าก๊าซ LPG ในราคาแพงใกล้เคียงกับราคานำเข้า คือภาคอุตสาหกรรมและขนส่ง ในขณะที่ราคาขายก็แยกออกเป็นหลายราคาตามตลาดและตามช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ซึ่งจะสร้างความสับสนและยุ่งยากในการบริหารเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังไม่สามารถแก้ปัญหาการลักลอบถ่ายเทก๊าซจากตลาดหนึ่งไปสู่อีกตลาดหนึ่ง และการลักลอบส่งออกก๊าซทางชายแดนได้อีกด้วย

ดังนั้นถ้าเราปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG ในประเทศเสียใหม่ โดยยึดเอาราคาเฉลี่ยตามแหล่งที่มาของก๊าซ LPG ซึ่งปัจจุบันผลิตจากโรงแยกก๊าซ 50% และผลิตจากโรงกลั่นน้ำมัน (กลั่นมาจากน้ำมันดิบซึ่งต้องนำเข้า) และนำเข้าในรูปก๊าซ LPG สำเร็จรูปรวมกันอีก 50% โดยนำเอาราคาหน้าโรงแยกก๊าซ (333 เหรียญสหรัฐต่อตัน) เป็นฐาน 60% และเอาราคานำเข้าเป็นฐานอีก 40% (ที่ใช้เพียง 40% เพราะราคาก๊าซ LPG ที่ได้จากโรงกลั่นน้ำมันจะถูกกว่าราคานำเข้าเพราะไม่ต้องเสียค่าขนส่ง) มาหารเฉลี่ยกัน เราก็จะได้ราคา LPG ที่จะเป็นต้นทุนจริงๆ ดังนี้
ราคาก๊าซ LPG ตามต้นทุนเฉลี่ย 60:40 = 18.50 บาทต่อกิโลกรัม = 597 เหรียญสหรัฐต่อตัน
+ภาษีสรรพสามิต/กองทุนน้ำมัน = 3.43 บาทต่อกิโลกรัม
ราคาขายส่ง = 21.93 บาทต่อกิโลกรัม = 707 เหรียญสหรัฐต่อตัน
+กำไรและภาษีมูลค่าเพิ่มอีกประมาณ = 4.44 บาทต่อกิโลกรัม
ราคาขายปลีก = 26.37 บาทต่อกิโลกรัม = 851 เหรียญสหรัฐต่อตัน

โดยการเฉลี่ยราคาในประเทศและราคานำเข้าที่สัดส่วน 60:40 ราคาขายปลีก LPG ในประเทศจะปรับขึ้นจากกิโลกรัมละ 18.13 บาท เป็น 26.37 บาทต่อกิโลกรัม (โดยอ้างอิงราคานำเข้าก๊าซ LPG ที่ 992 เหรียญสหรัฐต่อตัน) หรือปรับเพิ่มขึ้น 8.24 บาทต่อกิโลกรัม ซึ่งจะเป็นราคาเดียวกันทั้งภาคครัวเรือน ขนส่ง และอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลอาจใช้วิธีค่อยๆ ปรับขึ้นทุกไตรมาสๆ ละ 1 บาทต่อกิโลกรัม เพื่อให้ผู้บริโภคได้ปรับตัว ในขณะเดียวกันก็ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบผู้มีรายได้น้อยในภาคครัวเรือนด้วยคูปองหรือเงินช่วยเหลือค่าครองชีพรายเดือนให้กับครัวเรือนที่มีรายได้ต่ำก็ทำได้

และถ้ารัฐบาลไม่ต้องการให้ราคาก๊าซ LPG ขึ้นราคามากถึง 8 บาทต่อกิโลกรัม รัฐบาลก็ยังมีทางเลือกโดยการลดภาษีสรรพสามิตและเงินเก็บเข้ากองทุนน้ำมันลง ซึ่งจะมีผลให้ลดราคาก๊าซ LPG ลงไปได้อีก 2-3 บาทต่อกิโลกรัม ดังนั้นราคาขายปลีกก๊าซ LPG ก็จะขึ้นไปไม่เกิน 5 บาทต่อกิโลกรัมเท่านั้น ซึ่งไม่น่าจะเป็นภาระกับประชาชนมากจนเกินไป และยังจะเป็นการปรับโครงสร้างราคาก๊าซ LPG อย่างถาวร โดยไม่ต้องแยกออกเป็น 2-3 ตลาดอย่างที่ทำกันอยู่ทกวันนี้ ซึ่งยากต่อการควบคุม และไม่ได้แก้ไขปัญหาที่ต้นตอ

การปรับราคา LPG ทั้งกระดานแบบนี้ นอกจากจะเป็นการปรับโครงสร้างราคาอย่างแท้จริงแล้ว ยังเป็นการลอยตัวราคาก๊าซ LPG ให้เป็นไปตามต้นทุนที่แท้จริง เพราะถ้าราคา LPG ในตลาดโลกปรับตัวขึ้นลงอย่างไร ก็จะส่งผลถึงราคาขายปลีก LPG ในประเทศให้ปรับตัวขึ้นลงตามไปด้วย (โดยอาจกำหนดให้มีการปรับราคาอ้างอิงการนำเข้าทุกเดือนก็ได้) ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาโครงสร้างราคา LPG ที่มีมาอย่างยืดเยื้อยาวนานในครั้งเดียว

ไหนๆ จะทำทั้งทีแล้วยอมโดนด่าทีเดียว ทำให้ถูกต้องไปเลยดีกว่าครับ !!!

มนูญ ศิริวรรณ

::การปรับโครงสร้างราคา LPG: ถึงเวลาต้องทำให้ถูกต้องทั้งระบบ สงวนลิขสิทธิ์ © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555

ลุ้น 3 หมื่นล้าน ปั๊มนักวิจัยโทเอก 2 หมื่นคน

ลุ้นรัฐจัดงบ 3 หมื่นล้านปั้นนักวิจัย ป.โท เอก 2 หมื่นคน พัฒนาประเทศ ให้คิด ออกแบบ ปั๊มผลิตภัณฑ์ออกขายสร้างรายได้ ชี้มาเลย์แซงหน้าไปแล้ว

ศ.ดร.สวัสดิ์ ตันตระรัตน์ ผอ. สำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) เปิดเผยว่า ขณะนี้สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ กำลังประสานงานกับหน่วยงานต่าง ๆ ในเชิงบูรณาการในการเสนอของบประมาณจากคณะรัฐมนตรี (ครม.) 29,000 ล้านบาท ในโครงการพัฒนานักวิจัยระดับปริญญาโทและปริญญาเอก อย่างละ 1 หมื่นคน รวมเป็น 2 หมื่นคน ภายในเวลา 15 ปี ทั้งนี้ ได้มีการเสนอเข้าสู่การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 6 มี.ค.แต่ถูกตีกลับให้ออกมาจัดทำบูรณาการกับหน่วยงานต่าง ๆ อีกครั้ง

งบประมาณการพัฒนาเพื่อสร้างนักวิจัยดังกล่าว ในปีแรกจะผลิต 200 คน ใช้งบประมาณ 300 ล้านบาทและจะเพิ่มขึ้นทุกปี จนถึง 2,700 ล้านบาท โดยค่าลงทุนสำหรับนักวิจัยปริญญาโทหัวละ 3 แสนบาท ปริญญาเอกหัวละ 1.7 ล้านบาท การของบประมาณเพื่อเพิ่มนักวิจัยครั้งนี้ กำหนดเป้าหมายให้ประเทศไทยมีจำนวนบุคลากรด้านการวิจัย 15 คนต่อประชากร 10,000 คน ในขณะที่ปัจจุบันมีสัดส่วนบุคลากรด้านการวิจัย 9 คนต่อประชากร 10,000 คน หรือมีอยู่ราว 54,000 คน เทียบกับประเทศเกาหลี ญี่ปุ่น ไต้หวัน อัตราส่วนนักวิจัยต่อประชากรราว 30-50 ต่อ 10,000 คน

การเพิ่มงบประมาณเพื่อพัฒนาบุคลากรด้านการวิจัยครั้งนี้ จะทำให้งบประมาณด้านการวิจัยของประเทศไทยเพิ่มขึ้นเป็น 0.28% ต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมประชาชาติ (จีดีพี) จากปัจจุบัน ได้รับอยู่ 0.24% ซึ่งน้อยกว่ามาเลเซีย 3 เท่า ห่างจากสิงคโปร์นับสิบเท่า ทางสำนักงานคณะกรรมการนโยบายวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยีและนวัตกรรมแห่งชาติ (สวทน.) กำหนดเป้าหมายว่าจะพยายามผลักดันให้ได้งบประมาณเพื่อการวิจัยเพิ่มเป็น 1% ของจีดีพี ซึ่งเป็นเกณฑ์เฉลี่ยที่ทั่วโลกใช้กัน และก่อนหน้านี้ นายอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี มีเป้าหมายให้งบประมาณการวิจัยสูง 1% ต่อมา น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ประกาศจะก้าวไปสู่งบประมาณด้านการวิจัย 2% ทาง สวทน.จึงจะพยายามเร่งรัดให้ได้

ศ.ดร.สวัสดิ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้สถานการณ์ต่าง ๆ เปลี่ยนไป ประเทศไทยจึงต้องก้าวข้ามการขายแรงงาน และต้องทำพร้อมกันทุกด้าน เพราะมีทรัพยากรที่อุดมสมบูรณ์ที่สามารถพัฒนาภาคอุตสาหกรรมให้เกิดนวัตกรรมได้ เช่น สมุนไพร เครื่องสำอาง โดยภาคอุตสาหกรรมกว่า 40 สาขา ก็พร้อมจะใช้งานวิจัยเพื่อการพัฒนาอยู่แล้ว ทั้งนี้ประเทศไทยอยู่ในกลุ่มประเทศที่มีรายได้ปานกลาง ที่มีจุดมุ่งหมายก้าวสู่ประเทศที่มีรายได้สูง จำต้องมีอุตสาหกรรมที่มีนวัตกรรม สามารถออกแบบผลิตภัณฑ์เองได้ ทำวิศวกรรมเอง ไม่ต้องซื้อเทคโนโลยีจากต่างประเทศ ซึ่งต้องอาศัยการวิจัยเป็นฐานรากการสร้างระบบวิจัย

อนึ่ง เมื่อวันที่ 6 เม.ย.ที่ผ่านมา ดร.นลินี ทวีสิน รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมวิชาการโครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษก ครั้งที่ 13 ที่โรงแรมจอมเทียน ปาล์มบีช รีสอร์ท พัทยา ระบุว่า โครงการปริญญาเอกกาญจนาภิเษกดำเนินการมา 14 ปีแล้ว มีนักศึกษาปริญญาเอกในโครงการมากกว่า 3,500 คน มีดุษฎีบัณฑิตมากกว่า 1,800 คน มีผลงานตีพิมพ์ในวารสารวิชาการนานาชาติมากกว่า 4,300 เรื่อง และผลงานที่ยื่นจดสิทธิบัตรทั้งในและต่างประเทศ 64 เรื่อง ซึ่งเป็นการสะท้อนถึงความเข้มแข็งด้านการวิจัยของหลายมหาวิทยาลัย

::ลุ้น 3 หมื่นล้าน ปั๊มนักวิจัยโทเอก 2 หมื่นคน © 2554 บริษัท เดลินิวส์ เว็บ จำกัด วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555

เผยหนี้สาธารณะสิ้น ม.ค. 55 พุ่ง 6 หมื่นกว่าล้าน

ผอ.สำนักบริหารหนี้สาธารณะเผยหนี้สาธารณะสิ้นเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา อยู่ที่ร้อยละ 41.06 ของจีดีพี เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อนหน้านี้สุทธิ 6 หมื่นกว่าล้านบาท...

เมื่อวันที่ 10 เม.ย. นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) เปิดเผยว่า ยอดหนี้สาธารณะคงค้าง ณ วันที่ 31 ม.ค. 2555 มีจำนวน 4,362,357.32 ล้านบาท หรือคิดเป็นร้อยละ 41.06 ของจีดีพี แยกเป็นหนี้ของรัฐบาล 3,117,186.74 ล้านบาท หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน 1,077,900.35 ล้านบาท และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) 167,270.23 ล้านบาท

ทั้งนี้ หากเทียบกับเดือนก่อนหน้านี้ จะมียอดหนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นสุทธิ 64,460.24 ล้านบาท โดยหนี้ของรัฐบาล หนี้รัฐวิสาหกิจที่ไม่เป็นสถาบันการเงิน และหนี้รัฐวิสาหกิจที่เป็นสถาบันการเงิน (รัฐบาลค้ำประกัน) เพิ่มขึ้น 28,665.38 ล้านบาท 16,888.72 ล้านบาท และ 18,906.14 ล้านบาทตามลำดับ ส่วนหนี้กองทุนเพื่อการฟื้นฟูฯ และหน่วยงานอื่นของรัฐนั้นไม่มีหนี้คงค้าง

:: ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 10 เมษายน 2555
--------------------------

เงินกู้บริหารจัดการน้ำดันหนี้สาธารณะเพิ่ม 48.6 %

ครม.อนุมัติแผนบริหารหนี้สาธารณะปี 55 ครั้งที่ 2 รองรับหนี้ใหม่จากการกู้เงินบริหารจัดการน้ำท่วม คาดหนี้สาธารณะปีนี้อยู่ที่ 48.6 % ...

เมื่อวันที่ 13 มี.ค.2555 นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี อนุมัติปรับปรุงแผนบริหารหนี้สาธารณะประจำปีงบประมาณ 2555 ครั้งที่สอง โดยคาดการณ์ว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะต่อจีดีพี ณ สิ้นปีงบประมาณ 2555 จะมีสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพีอยู่ที่ 48.6 % และมีภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ที่ 9.3% ซึ่งไม่เกินจากกรอบความยั่งยืนที่กระทรวงการคลังกำหนดไว้ว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะ ต่อจีดีพีต้องไม่เกิน 60% และมีภาระหนี้ต่องบประมาณต้องไม่เกิน 15%

สำหรับแผนการก่อหนี้ใหม่ จากกรอบวงเงินเดิมประมาณ 738,000 ล้านบาท ปรับเพิ่มอีกประมาณ 447,000 ล้านบาท รวมเป็นประมาณ 1,186,000 ล้านบาท โดยกระทรวงการคลังขอปรับเพิ่มวงเงินการก่อหนี้ใหม่ในประเทศอีก 450,000 ล้านบาท จากวงเงินเดิม 350,000 ล้านบาท เพิ่มเป็น 8 แสนล้านบาท เพื่อให้เป็นไปตาม พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2555 เงินกู้เพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ วงเงิน 350,000 ล้านบาท เพื่อรองรับการกู้เงินตาม พ.ร.ก.ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินเพื่อการวางระบบบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ และเงินกู้เพื่อนำส่งเข้ากองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ โดยกระทรวงการคลังขอบรรจุการกู้เงิน ดังกล่าววงเงิน 5 หมื่นล้านบาท เพื่อรองรับการกู้เงินภายใต้ พ.ร.ก.กองทุนส่งเสริมการประกันภัยพิบัติ

ส่วนในปีงบประมาณ 2556 คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดีพีจะอยู่ที่ 50.4% และมีภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ที่ 7.6% และปีงบประมาณ 2557 คาดว่าสัดส่วนหนี้สาธารณะคงค้างต่อจีดดีพีจะอยู่ที่ 52.1% และมีภาระหนี้ต่องบประมาณอยู่ที่ 11.6% เป็นต้น

::ไทยรัฐออนไลน์ 14 มีนาคม 2555
--------------------------

สบน.การันตีหนี้สาธาณะไทยไร้กังวล

สบน.มั่นใจหนี้สาธารณะไม่สูงอย่างที่หลายฝ่ายคิด เชื่อภายใน 2 ปีรัฐบาลกู้เงินบริหารจัดการน้ำไม่ถึง 350,000 ล้านบาท เพราะทุกขั้นตอนต้องผ่านมติครม....

นายจักรกฤศฏิ์ พาราพันธกุล ผู้อำนวยการสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ หรือสบน. กล่าวว่า หนี้สาธารณะของรัฐบาลในปี 2555-2556 จะไม่เกิน 50% ของจีดีพี หากรัฐบาลไม่กู้เงินเต็มเพดาน พ.ร.ก.กู้เงิน เพื่อลงทุนวางระบบการบริหารจัดการน้ำและสร้างอนาคตประเทศ 350,000 ล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าภายใน 2 ปีนี้ การกู้เงินของรัฐบาลไม่น่าจะถึง 350,000 ล้านบาท เพราะแต่ละโครงการต้องมีขั้นตอนการจัดทำรายละเอียดและผ่านมติครม.ก่อน

ทั้งนี้ เชื่อว่าการจัดทำงบประมาณรายจ่ายของรัฐบาล มีแนวโน้มเข้าสู่สมดุลในระยะเวลา 5 ปี หรือในปี 2560 เพราะตั้งแต่ปี 2556 รัฐบาลจะลดการขาดดุลเหลือ 300,000 ล้านบาท และปี 2557 วางกรอบไว้ 270,000 ล้านบาท ทำให้หนี้สาธารณะ จะไม่สูงอย่างที่หลายฝ่ายกังวลอย่างแน่นอน

::ไทยรัฐออนไลน์ 21 มีนาคม 2555
==============

ค่าครองชีพพุ่ง ดึงหนี้ครัวเรือนปี55 สูงขึ้น 5.7%


ม.หอการค้าไทย ชี้ หนี้ครัวเรือนปี 55 สูงขึ้น 5.7% หลังค่าครองชีพพุ่ง ประชาชนต้องกู้เงินมาใช้ในชีวิตประจำวัน ระบุขึ้นค่าแรง 300 บาท อาจทดแทนรายจ่ายที่เพิ่มขึ้นไม่ได้ แนะรัฐ ลดภาระราคาสินค้า หาสินค้าทางเลือกลงถึงกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

เมื่อวันที่ 29 มี.ค. นายธนวรรธน์ พลวิชัย ผู้อำนวยการศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยถึงผลสำรวจภาวะหนี้ภาคครัวเรือน จากการสำรวจกลุ่มตัวอย่างประชาชน 1,237 ตัวอย่าง ระหว่างวันที่ 22-26 มี.ค.55 ว่า จำนวนหนี้เฉลี่ยของครัวเรือนในปี 55 อยู่ที่ 168,517 บาทต่อครัวเรือน หรือขยายตัวเพิ่มขึ้น 5.7% จากปีก่อนที่ระดับ 159,432 บาทต่อครัวเรือน แต่กลับมีความสามารถผ่อนชำระเฉลี่ย 10,978 บาทต่อเดือน โดยกลุ่มตัวอย่าง 79.8 % ระบุว่ามีปัญหาในการชำระหนี้ ส่วน 46.4% ระบุอาจก่อหนี้นอกระบบมากขึ้น เพราะค่าครองชีพสูงขึ้น

ทั้งนี้ จากการสำรวจพบว่า ภาระหนี้ครัวเรือนที่เกิดขึ้นไม่เกี่ยวกับปัญหาน้ำท่วมในช่วงปลายปีที่ผ่านมา แต่ส่วนใหญ่มาจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น โดยเป็นการใช้จ่ายทั่วไป 60.2% ราคาสินค้าที่แพงขึ้น 18.5% และมองว่าสภาพเศรษฐกิจของประเทศยังไม่ฟื้น จึงยังไม่เชื่อมั่นในการบริโภค ทำให้การออมของภาคครัวเรือนลดลง และมีแนวโน้มหันไปก่อนหนี้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มที่มีรายได้ต่ำกว่า 10,000 บาทต่อเดือน

"จากผลสำรวจนี้สะท้อนให้เห็นว่า หนี้ภาคครัวเรือนยังไม่น่าเป็นห่วง แต่ห่วงเศรษฐกิจประเทศจะไม่ฟื้นมากกว่า ส่วนระยะยาวห่วงว่าจะเกิดปัญหาหนี้สาธารณะต่อสัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ดังนั้น ภาครัฐจึงต้องระมัดระวังในการใช้เงิน เพราะการลงทุนในโครงการต่างๆ ของรัฐบาลจะทำให้หนี้สาธารณะเพิ่มขึ้นไปถึง 51% ของจีดีพี จากปัจจุบันที่มีสัดส่วน 41% ของจีดีพี และห่วงว่าจะเกิดปัญหาว่างงานตามมา" นายธนวรรธน์ กล่าว

สำหรับทรรศนะต่อการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาทต่อวันนั้น จะมีผู้ที่ได้รับประโยชน์ 3.5-5 ล้านคน ส่งผลให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น 1,800 บาทต่อคนต่อเดือน หรือมีเงินสะพัดในระบบ 7,000-9,000 ล้านบาท มีผลให้จีดีพีเพิ่มขึ้นเพียง 0.05-0.07% เท่านั้น แต่ยังไม่สามารถสรุปได้ว่ารายได้ที่เพิ่มขึ้นนั้นจะสามารถลดปัญหาค่าครองชีพสูงขึ้นได้ ซึ่งภาครัฐจะต้องดูแลค่าครองชีพให้ลดลง ผ่านโครงการสินค้าราคาถูก หรือหาสินค้าทางเลือกให้กับกลุ่มผู้ที่มีรายได้น้อยได้เข้าถึง โดยไม่เข้าไปแทรกแซงจนกลไกตลาดบิดเบือน อย่างไรก็ตาม ยอมรับว่าจะเห็นการย้ายฐานไปลงทุนในต่างประเทศ การจ้างงานชะลอตัวลง เพราะผู้ประกอบการปรับเปลี่ยนไปใช้เครื่องจักรแทน ทำให้เกิดการปรับเปลี่ยนโครงสร้าง

:: ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ี 29 มีนาคม 2555