พายุฤดูร้อนถล่มบ้านพิจิตรกว่า40พังยับ
พายุฤดูร้อนถล่ม พิจิตร พังยับ 40 หลัง ด้านท่าปลา รุนแรงรอบ 20 ปี ส่วนที่กาญจนบุรี หลังคาปลิวว่อน ตัดสายไฟมืดสนิททั้งคืน ขณะที่อ่างทองร้อนจัดพ่อเฒ่า 89 ช็อกดับ กรุงเก่าร้อนผวางูเลื้อยเข้าบ้าน
30 เม.ย.55 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า อิทธิพล พายุฤดูร้อนที่ มีกระแสลมที่รุนแรง ส่งผลสร้างความเสียหายกับบ้านเรือนประชาชน ยานพาหนะ และพืชผลทางการเกษตร โดยที่ตำบลรังนก อำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตรพายุฤดูร้อนได้ พัดบ้านเรือนประชาชนเสียหาย ในพื้นที่จำนวน 6 หมู่บ้าน จำนวนกว่า 40 หลังคาเรือน ของ ต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร โดยลมพายุเป็นลักษณะลมหมุนมาเป็นช่องลม ส่งผลให้หลังคาบ้าน ข้างฝาบ้าน สังกะสีถูกกระแสลมพัดปลิวติดกับต้นไม้ ทรัพย์สินภายในบ้าน รวมไปถึงยานพาหนะ เช่นรถสามล้อเครื่องถูกต้นไม้ขนาดใหญ่หักทับจนเสียหายทั้งคัน ขณะที่เจ้าหน้าที่องค์การบริหารส่วนตำบลรังนก ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายจากพายุเพื่อเร่งช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนนายธีรพงศ์ เพ็ชรพงศ์ นายก อบต.รังนก อ.สามง่าม จ.พิจิตร เปิดเผยว่า ลมพายุฤดูร้อนพัด สร้างความเสียหายเมื่อช่วงค่ำของคืนที่ผ่านมา โดยลมได้สร้างความเสียหายเฉพาะในพื้นที่ตำบลรังนกจำนวน 6 หมู่บ้าน กว่า 40 หลังคาเรือน ความเสียหายก็จะมีทั้งหลังคาบ้านที่มีจำนวนมากที่ลมพัดหายไปทั้งหลัง ทรัพย์สินภายในบ้าน และยานพาหนะของประชาชน ส่วนพืชผลทางการเกษตรอยู่ระหว่างการสำรวจ
สำหรับการช่วยเหลือ ขณะนี้ อบต. เร่งสำรวจเพื่อนำข้อมูลส่งยังสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยจังหวัด พิจิตร พร้อมกับนำงบประมาณขององค์การบริหารส่วนตำบลรังนก เพื่อให้การช่วยเหลือโดยด่วน เพื่อให้ประชาชนได้สามารถอยู่อาศัยในบ้านของตนเองได้เนื่องจากขณะนี้อากาศใน พื้นที่เปลี่ยนแปลง ทั้งอากาศร้อนจัด และพายุฤดูร้อน ที่อยู่อาศัยจึงเป็นสิ่งสำคัญ แม้ว่าจะเกิด พายุฤดูร้อน ซึ่งก็สร้างความเสียหายแต่ พายุฤดูร้อน ซึ่งมีแต่แรงลม แต่ยังไม่สามารถลดความแห้งแล้งในพื้นที่ได้เนื่องจากพายุที่พัดในครั้งนี้มีฝนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
พายุถล่มท่าปลารุนแรงรอบ 20 ปี บ้านเรือน ยุ้งข้าว โรงเพาะเห็ด สวนมะม่วง เสียหาย
ผู้สื่อข่าวได้รับแจ้งว่าบ้านเรือนชาวบ้านในเขตเทศบาลร่วมจิต อ.ท่าปลา จ.อุตรดิตถ์ ได้รับความเสียหายหลังจากเกิดพายุฤดูร้อนช่วง กลางดึกที่ผ่านมา ด้านนายชุมพล ร่วมสุข นายกเทศมนตรีตำบลร่วมจิต มอบหมายสมาชิกสภาเทศบาล (สท.) ลงพื้นที่สำรวจความเสีย เพื่อเร่งให้ความช่วยเหลือชาวบ้าน และใช้หอกระจายข่าวของเทศบาลตำบลร่วมจิต ประชาสัมพันธ์ความรุนแรงของพายุทำให้เสาไฟฟ้าแรงสูง ภายในโรงเรียนอนุบาลท่าปลา-ร่วมจิต หักโค่นทำให้กระแสไฟฟ้าดับ พร้อมให้ประชาชนสำรวจความเสียหายทั้งบ้านเรือน ทรัพย์สิน พืชผลทางเกษตรต่อเจ้าหน้าที่
นายชินกฤต วัฒนเถมิน สท.เขต 1 เทศบาลตำบลร่วมจิต อ.ท่าปลาดุก จ.อุตรดิตถ์ เปิดเผยว่า เร่งออกสำรวจบ้านเรือนชาวบ้านที่ถูกพายุฤดูร้อนพัด กระหน่ำเสียหาย โดยพายุฝนได้สร้างความเสียหายบ้านเรือนในพื้นที่ใน 3 หมู่บ้าน ของตำบลร่วมจิต คือหมู่ 1 หมู่ 2 และ หมู่ 6 กว่า 40 หลังคา ส่วนใหญ่หลังคาที่เป็นกระเบื้องและสังกะสี ถูกแรงพายุพัดปลี้วหายไปไกลกว่า 100 เมตร เครื่องใช้ไฟฟ้า ที่นอน เสื้อผ้า ถูกฝนเปียกเสียหาย
ทั้งนี้ ที่เสียหายมากที่สุดคือบ้านของ นางยุพิน อินเต้ม อายุ 50 ปี บ้านเลขที่ 142 หมู่ 1 บ้านร่วมจิต นอกจากพายุจะพัดเอาแผ่นกระเบื้องมุงหลังตกแตกกระจัดกระจายแล้ว สวนหลังบ้านซึ่งสร้างยุ้งฉาง เก็บข้าวเปลือกไว้ทั้งรับประทานและทำพันธุ์กว่า 3 ตันเปียกน้ำฝนเสียหายเพราะสังกะสีมุงหลังคายุ้งฉ่างถูกกระแสลมพัด โรงเรือนเพาะเห็ดนางฟ้าของชุมชนร่วมจิต ที่ตั้งใกล้กันตัวโรงเรือนพังเสียหาย 100 เปอร์เซ็นต์ แบบแรงลมพัดราบเป็นหน้ากอง นอกจากนี้พายุฝนยังได้สร้างความเสียหายแก่ต้นลำไยที่กำลังติดช่อ มะม่วงที่ติดผลถึงเวลาเก็บผลผลิตขาย เสียหายจำนวนมาก
นางยุพิน อินแต้ม กล่าวว่า ช่วงเกิดพายุตัวเองอยู่บ้านเพียงลำพัง นานประมาณครึ่งชั่วโมง ขณะนั่งและกอดเสาบ้านไว้ พายุได้พัดเอากระเบื้องมุงหลังบ้านหายไป ฝนตกหนักได้แต่กระโกนร้องขอความช่วยเหลือ จนญาติๆและเพื่อนบ้านมาช่วย จากนั้นก็ได้ยินเสียงวัวที่อยู่ในคอกหลังบ้านร้องเสียงดัง เมื่อไปดูพบว่าต้นลำไยพันธุ์พื้นเมืองขนาดใหญ่โค่นทับทั้งคอกและวัวจำนวน 10 ตัว เพื่อนบ้านต่างช่วยกันต้อนฝูงวัว ท่ามกลางพายุฝนอย่างอลม่าน โชคดีที่รอดตายหวุดหวิด
ด้านนายสว่าง แสงสุวรรณ กล่าวว่า สวนมะม่วงพันธุ์อกร่องและเขียวเสวยกว่า 50 ต้นที่กำลังติดผลถึงเวลาเก็บขาย ถูกพายุพัดล่วงล่นเต็มใต้ต้นมะม่วง เสียหายร้อยละ 80 ปกติมะม่วงจะขายได้กิโลกรัมละ 20 บาท พายุที่พัดล่วงทำให้ผลแตก มีรอยช้ำ ไม่สวย คงขายไม่ได้นอกจากจะแบ่งให้เพื่อนบ้านไปรับประทาน นับเป็นพายุที่รุนแรงไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ในรอบ 20 ปี เบื้องต้นแจ้งความเสียหานให้กับเทศบาลตำบลร่วมจิต
พายุฝนถล่มกาญจนบุรีบ้านเรือนเสียหายนับร้อย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงดึกที่ผ่านมา ได้เกิดพายุฝนตกลงมาอย่างหนัก ในพื้นที่อำเภอพนมทวน จังหวัดกาญจนบุรี ได้เกิดความเสียหายขึ้นในหลายพื้นที่ เกิดเหตุ สังกะสีหลังคาบ้านประชาชนหลังหนึ่ง ปลิวไปติดกับสายไฟ ทำให้เกิดไฟฟ้าลัดวงจร ไฟฟ้าดับตลอดคืน มีบ้านเรือนเสียหายในหลายพื้นที่ มีที่ตำบลดอนตาเพชร หมู่ที่ 5 และ หมู่ที่ 12 มีบ้านเรือนเสียหายนับสิบหลังคาเรือน ที่บ้านเลขที่ 9 หมู่ 8 บ้านใหม่พัฒนา ต.หนองสาหร่าย ซึ่งเป็นบ้านของ นางใกล้รุ่ง จิตนิยม ต้นไม้ใหญ่โค่นล้มทับหลังคาบ้านเสียหายทั้งหลัง โชคดีที่ขณะเกิดเหตุ ไม่มีผู้ใดอาศัยอยู่ในบ้าน เนื่องจากออกไปช่วยงานบ้านญาตินอกพื้นที่ ซึ่งตำบลที่เสียหายมากที่สุด มีบ้านเรือนเสียหายนับร้อยหลังคาเรือน ส่วนใหญ่หลังคาบ้านโดนลมพัดปลิวว่อน แต่ยังไม่ได้รับรายงาน ว่ามีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต โดยขณะนี้ผู้นำหมู่บ้านที่รับผิดชอบในพื้นที่ กำลังเร่งสำรวจความเสียหาย
ล่าสุด นายไชโย ฤทธิรงค์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดกาญจนบุรี พร้อมด้วยนายอำเภอพนมทวน ผู้นำท้องถิ่นและองค์กรส่วนท้องถิ่น ได้เดินทางเข้าสำรวจในพื้นที่ ซึ่งพบว่า มีบ้านเรือนราษฎรได้รับความเสียหายมากที่สุด คือ หมู่ 9 หมู่14 หมู่ 17 บ้านโป่งกู๊ป ต.พังตรุ เสียหายประมาณ 200 หลังคาเรือน ส่วนใหญ่สภาพหลังคาบ้าน โดนพายุพัดเสียหาย ซึ่งขณะนี้ ยังไม่สามารถประเมินค่าความเสียหายได้ ส่วนความช่วยเหลือเบื้องตน ทางสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดกาญจนบุรี ได้ร่วมกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นแจกถุงยังชีพ เป็นข้าวสารอาหารแห้ง โดยจะขอเงินช่วยเหลือฉุกเฉินจากจังหวัดกาญจนบุรี เพื่อช่วยเหลือราษฎร ที่ได้รับความเดือดร้อนต่อไป
สลดอากาศร้อนจัดพ่อเฒ่าวัย 89 ช็อกตายคาบ้าน
ร.ต.อ.ไพฑูรย์ อุ้ยประโค ร้อยเวรสภ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ได้รับแจ้งพบศพผู้เสียชีวิต อยู่ภายในบ้านบริเวณบ้านเลขที่ 37/3 หมู่ที่ 1 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง หลังรับแจ้งจึงรุดไปตรวจสอบยังที่เกิดเหตุ พร้อมแพทย์โรงพยาบาลอ่างทองและเจ้าหน้าทีกู้ภัยวีอาร์จังหวัดอ่างทอง ในที่เกิดเหตุเป็นเพิงสังกะสี ภายในเตียงนอนพบศพ นายเฟี้ยม ป้อมเขตต์ อายุ 89 ปี เจ้าของบ้าน นอนเสียชีวิตอยู่ท่ามกลางความโศกเศร้าของลูกๆและญาติๆ
จากการสอบสวน นางสำรวม ประสงค์ อายุ 59 ปี อยู่บ้านเลขที่38 หมู่ที่ 1 ต.สายทอง อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง ลูกสาวนายเฟี้ยม กล่าวว่า พ่อตนเดินไม่ได้ นอนอยู่ในเพิงสังกะสีมานาน และตอนนี้อากาศร้อนมาก โดยเฉพาะ2-3 วันที่ผ่านมา พ่อจะบ่นร้อนทุกวัน ประกอบกับหลังคาและฝาบ้านเป็นสังกะสี จึงทำให้อบและร้อนมากขึ้น ทุกวันจะต้องมาเช็ดตัวระบายความร้อนให้พ่อตลอดเวลา และเมื่อเช้านี้พ่อได้ตะโกนเรียก บอกว่า ร้อนมากขอน้ำแป๊ปซี่ใส่น้ำแข็ง เพื่อแก้กระหาย ตนจึงเดินไปซื้อใส่ถุงมาให้ แต่ยังไม่ถึงบ้านเลย พ่อก็ขาดใจตายก่อน
ด้านร.ต.อ.ไพฑูรย์ กล่าวว่า จากการเข้าตรวจสอบ ก็พบว่า ผู้เสียชีวิตอายุมาก ประกอบกับเดินไม่ได้ และช่วงนี้อากาศร้อนจัด อาจทำให้ผู้เสียชีวิตเกิดการช๊อกกะทันหัน จนทำให้เสียชีวิตก็เป็นได้
ชาวกรุงเก่าผวา อากาศร้อนจัด งูยั้วเยี๊ยะเลื้อยเข้าบ้าน กินกระต่าย
เมื่อเวลา 08.30 น. หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ รับแจ้งจากนางเกสร สวัสดิกุล อายุ 59 ปี ประธานชมรมอสม.หัวรอ บ้านเลขที่ 143/110 ม. 8 ต.หัวรอ อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา ว่ามีงูเหลือมเข้าไปกินกระต่ายที่อยู่ในกรงบ้านของนายอเนก ไม่ทราบนามสกุล ซึ่งเป็นเพื่อนบ้านติดกัน ขอให้ไปช่วยจับด้วย
ทั้งนี้ เมื่อเจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจเดินทางไปถึง พบว่า งูเหลือมดังกล่าวมีความยาว 4 เมตรเศษ กำลังเขมือบกระต่ายเข้าไปในท้อง อยู่บนหลังคาของกรงเลี้ยง และในกรงยังมีกระต่ายเหลืออีก 4 ตัว จนท.พยายามช่วยกันจับด้วยความยากลำบาก เนื่องจากงูเหลือมพยายามที่จะหนีลงที่พื้น ซึ่งมีช่องลงไปใต้พื้นดิน แต่จนท.ก็สามารถจับตัวเอาไว้ได้ แล้วนำใส่ถุงเพื่อนำไปปล่อยแหล่งธรรมชาติ
นางเกสร เปิดเผยว่า ก่อนหน้านี้ก็มีงูเหลือมเลื้อยเข้ามาในบริเวณบ้านเรือนประชาชนในละแวกเดียว กันหลายครั้ง และมีสัตว์เลี้ยงประเภทแมวและสุนัขหายไป โดยเฉพาะที่บ้านหลังดังกล่าวมีงูเลื้อยเข้ามา 4 ครั้งและสามารถจับเอาไว้ได้ทั้งหมด เชื่อว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะอากาศที่ร้อนจัดขณะนี้ ทำให้งูที่อยู่ใต้ผิวดินและในป่าที่อยู่หลังบ้านเลื้อยหนีร้อนเข้าไปในบ้าน เรือนประชาชน แล้วกินสัตว์เลี้ยงดังกล่าว ซึ่งทางหน่วยกู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ ก็ยืนยันเช่นเดียวกันว่าช่วงนี้ได้รับแจ้งและออกไปจับงูจำนวนมาก ซึ่งเตือนให้ประชาชนปิดช่องทางเข้าบ้านให้ดี โดยเฉพาะห้องน้ำที่คาดว่างูจะหลบเข้าไปหาจุดที่มีความชื้นและความเย็น :: พายุฤดูร้อนถล่มบ้านพิจิตรกว่า40พังยับ (c) คม ชัด ลึก ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 30 เมษายน 2555
No comments:
Post a Comment