Monday, April 23, 2012
พ่ายศึกปทุมฯ กับปรากฏการณ์รอยร้าวเสื้อแดง เอฟเฟกต์ทัวร์แก้กรรมของคนดูไบ
เสียกระบวนท่าหมดรูปแบบกันเลยทีเดียว กับการพ่ายแพ้ของผู้แทนในสนามเลือกตั้งของ จ.ปทุมธานี ที่พรรคเพื่อไทยเรียกได้ว่า กินแห้วทั้ง 2 สนาม ทั้งสนามเล็กและสนามใหญ่ คือ ส.ส.และนายก อบจ. ปูมหลังไม่รู้เหตุผลที่แท้จริงว่าเป็นอย่างไรกันแน่ ที่ทำให้ว่าที่ ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี มั่นใจถึงขนาดลาออกจากการเป็น ส.ส.แล้วโดดลงไปแข่งในสนาม อบจ.ที่ว่ากันว่างบเยอะจำนวนมาก ว่ากันว่านับพันล้านบาท
ปรากฏการณ์ครั้งนี้น่าสนใจมาก ว่าเกิดอะไรขึ้นกับการเลือกตั้งที่ผ่านมา ที่กลุ่มคนเสื้อแดงเรียกกันว่าเป็น 'เมืองหลวงเสื้อแดงภาคกลาง' เพราะพื้นที่ส่วนใหญ่ของบริเวณนี้มีกลุ่มคนเสื้อแดงอยู่จำนวนมาก และเป็นผู้ตัดสินชี้ขาดว่าใครจะได้หรือไม่ได้ ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้ก็เช่นเดียวกัน แต่ผลกลับออกมาอย่างน่าตกใจ คือไม่ได้ตามที่หวัง คำถามคืออะไรเป็นปัจจัยทำให้ไม่ได้รับเลือกอีกครั้งในเกมนี้
ร.ต.สุเมธ ฤทธาคนี
เหตุการณ์ดังกล่าวได้นำเข้าสู่ในที่ประชุมใหญ่ของพรรคเพื่อไทย ในการนำมาหารือว่า หากในอนาคตนั้น ถ้า ส.ส.คนใดต้องการที่จะลงไปสมัครการเมืองท้องถิ่นจะไม่ได้รับอณุญาตจากพรรคเพื่อไทยอย่างแน่นอน แต่หากฝ่าฝืนหรือมีการขัดคำสั่งของที่ประชุม พรรคเพื่อไทยก็จะตัดสิทธิ์ไม่ให้บุคคลผู้นั้นลงสมัครในนามพรรคอีกต่อไป ซึ่งเหตุการณ์ของที่ จ.ปทุมธานี ถือว่าราคาแพงมากที่ต้องแลกมาด้วยภาพลักษณ์ของพรรค
การตอกย้ำความรู้สึกของคนเสื้อแดงว่าเป็นการหนีปัญหา จึงแสดงพลังว่าไม่ต้องการแล้วกับพฤติกรรมแบบนี้จึงรวมใจเทคะแนนให้ฝ่ายพรรคประชาธิปัตย์เพื่อเป็นการสั่งสอนพรรคเพื่อไทยให้ได้เห็น ผสมกับความอึดอัดใจของการบริหารการจัดการของรัฐบาลในเรื่องที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นปัญหาใหญ่ในเรื่องการที่ใช้ จ.ปทุมธานี เป็นพื้นที่รับน้ำเป็นเวลานาน ก็เป็นได้ เพราะที่แล้วมาชาวปทุมธานีได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก โดยอาจจะรู้สึกอึดอัดใจในหลายปัญหาที่หมักหมม จนกลายเป็นเรื่องที่แสดงออกมาถึงผลการเลือกตั้งในครั้งนี้ อย่างอันตราย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ
แม้กระทั่งนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รมช.เกษตรและสหกรณ์ และอีกหัวโขนคือแกนนำคนเสื้อแดง จะออกมาบอกว่า ไม่ให้ด่วนสรุปเหตุดังกล่าวว่าเกิดจากความไม่พอใจในผลงานของรัฐบาล เพราะเป็นการตัดสินใจของตัวบุคคลเอง แต่การที่เพิ่มมาตรการกฎเหล็กออกมาว่าห้าม ส.ส.เพื่อไทยไปลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นเพราะเกรงว่าจะเสียเก้าอี้ ส.ส. ก็คงสะท้อนอะไรบางอย่างในใจลึกๆ ของพรรคเพื่อไทยเช่นกัน ไม่เช่นนั้นพรรคก็จะไม่สนับสนุนบุคคลดังกล่าวอีกต่อไป โดยเริ่มจากกรณี จ.ปทุมธานี เป็นที่แรกในการประเดิมกฎเหล็กเป็นการกู้หน้าก่อนใครเพื่อน
ข้ามมาที่งานเก็บตกทัวร์แก้กรรมที่สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว และราชอาณาจักรกัมพูชา ซึ่งถือได้ว่าจบลงอย่างชื่นมื่นของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี อย่างยิ่งใหญ่ที่สามารถเรียกคนเสื้อแดงมารวมตัวกันได้มากมายกว่า 2 หมื่นคนที่ต่างแดนในครั้งนี้
นอกจากงานที่จัดจะเปรียบเสมือนได้กับอีเวนต์ งานที่มีการไปทัวร์ที่นู่นที่นั่น แล้วก็ให้มาพบปะกันที่ตามจุดนัดพบต่างๆ เริ่มต้นจากที่แรกของก็คือที่ สปป.ลาว โดยเบื้องหลังของการพบกันระหว่างคนเสื้อแดงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่กว่าจะได้เจอกันนั้นเป็นไปด้วยความทุลักทุเลลำบากเป็นอย่างมาก เหตุก็เพราะทางการลาวนั้นไม่ต้องการจะให้มีความเอิกเกริกเกินไป เกรงว่าจะกระทบความสัมพันธ์ในระยะยาวกับประเทศไทย เพราะอย่าลืมว่าสถานะของประเทศไทยตอนนี้ก็ใช่จะอยู่บนความที่แน่นอน เพราะหากจะเข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งที่ออกหน้าออกตานั้น หากสถานการณ์เกิดพลิกผันอำนาจเปลี่ยนขั้วก็จะทำให้ความสัมพันธ์แย่ลงในบัดดลทันที
เบื้องหลังกำหนดดังกล่าวแทบจะมืดบอดในทันที เนื่องจากถูกปิดไม่ให้มีใครได้ล่วงรู้ แม้กระทั่งพวกแกนนำคนเสื้อแดงที่คอยประสานงานใน สปป.ลาว เพราะก่อนหน้านี้หลายคนทำตัวเสมือนเป็นเจ้าของงานดูแลภาพรวมทั้งหมด ทั้งคนใหญ่คนโตเสื้อแดงที่เป็นแกนนำอยู่ที่จังหวัดอุดรธานี โดยเฉพาะเมื่อถึงวันมาของนายใหญ่จริงๆ แล้วคนแทบจะเป็นใบ้ เพราะหมายทุกอย่างถูกกำหนดการของ สปป.ลาวทำให้เลื่อนไปหมด คนเสื้อแดงกว่า 5 พันคนผิดหวังที่จะได้พบกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ในครั้งนี้ แต่กลับมีแกนนำบางคนไปโอ้อวดว่างานประสบความสำเร็จ เพราะคนมากันอย่างล้นหลามเป็นหมื่นๆ คน
เป็นที่น่าสังเกตอีกอย่างแม้ว่าจะมีคนในระดับบิ๊กๆ ในพรรคและแกนเสื้อแดงของแต่ละสายพยายามดอดเข้าพบและแย่งซีนออกนอกหน้าผ่านจอทีวี แต่กลับโดนเมินอย่างเห็นได้ชัดผ่านหน้าจออย่างเต็มตา ว่าจะพยายามสร้างราคาให้ประชาชนได้เห็นถึงความสนิทสนมโดยใช้พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นเครื่องมือในการสร้างราคา แต่กลับไม่ได้รับความสนใจแม้แต่เอ่ยปากทักทาย หรือให้ได้พบเป็นการส่วนตัว แม้กระทั่งจะพูดคุยก็ยังไม่มีโอกาส ซ้ำร้ายกลับเอาภาพที่ยืนชิดใกล้กับนายใหญ่มาแอบอ้างในการพูดถึงในแต่ละครั้ง
พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร
โดยสรุปก็สามารถชี้ให้เห็น แม้ว่าเสื้อแดงจะเป็นคนกลุ่มใหญ่ที่สามารถขับเคลื่อนประเทศได้ แต่ก็ไม่มีใครการันตีได้ว่ากลุ่มคนดังกล่าวจะเป็นกลุ่มดียวกันอย่างเป็นปึกแผ่น ในแต่ละสายก็จะมีนายที่คุมกลุ่มของคนของตัวเองที่แตกต่างกันออกไป แต่สุดท้ายจุดรวมกันก็คือคนๆ เดียว พ.ต.ท.ทักษิณ กับพรรคเพื่อไทย แต่ปรากฎการณ์ที่ค่อนข้างเหลือเชื่อ ของ จ.ปทุมธานี อาจจะสะท้อนให้เห็นและคิดไปได้ว่าคนเสื้อแดงพร้อมที่จะก้าวข้ามคนที่ชื่อ"ทักษิณ" เพราะไม่ใช่ว่ายี่ห้อพรรคเพื่อไทยภายใต้โลโก้"ยิ่งลักษณ์"จะมีความแน่นอนเสมอไป แบบนี้แกนนำแต่ละคนที่หวังพึ่งบารมีนายใหญ่ต้องหันมาสนใจฐานเสียงมวลชนของตนเอง มิใช่จะหวังเพียงได้ท่อน้ำเลี้ยงเท่านั้น
:: ไทยรัฐออนไลน์ 24 เมษายน 2555
-------------------------------
* ผิดหวังพรรคเพื่อไทยเป็นอย่างมาก น้ำท่วมทำคนเดือดร้อน ตกงานบานเบอะ บ้านโดนยึด ของแพงมโหฬาร แม้กระทั่งค่าตัดผมยังขึ้นเลย บะหมี่เป็นชามละ 30 เป็นอย่างน้อย ค่าแรง 300 ซ้ำเติมให้ตกงานอีกเกือบครึ่ง บริษัท sme เจ๊งไม่เป็นท่า .. ค่าแก๊สรถ NGV LPG ขึ้นไม่ยอมหยุด
Labels:
ปกิณกะ - Varieties Matters
Subscribe to:
Post Comments (Atom)
No comments:
Post a Comment