รัฐบาลสมัยนี้ท่านประกาศวันหยุดเพิ่มขึ้นจากวันหยุดปกติหลายครั้ง
วันหยุดยาวขึ้น ประชาชนเดินทางมากขึ้น หมุนเวียนกระแสเงินสะพัด
ยังมีปัญหาทางคดีความขึ้นมาได้ คนละแนวกันแท้ ๆ
คุณสุพรถามมาว่า กรณีมีวันหยุดเป็นพิเศษนอกเหนือไปจากวันหยุดตามปกติดังกล่าว
หากวันนั้นเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาการฟ้องคดีปกครอง
จะนับวันถัดไปเป็นวันครบกำหนดระยะเวลาได้หรือไม่
เพราะไม่ใช่วันหยุดปกติประจำทุกปี
มีคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุดที่ ๗๙๐/๒๕๕๐ เป็นแนวทางว่านับได้ครับผม
เมื่อวันจันทร์ที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๐ คณะรัฐมนตรีมีมติให้เป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษ
เพื่อให้ประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ ดังที่ได้เป็นข่าวทางการเมืองกันมาแล้ว
ผู้ฟ้องคดีรายหนึ่งต้องฟ้องคดีต่อศาลปกครองภายในสามสิบวันนับแต่วันที่ที่ได้รับแจ้งคำวินิจฉัยให้ยกอุทธรณ์กรณีผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมีคำสั่งให้ระงับการก่อสร้างอาคาร
ครบกำหนดสามสิบวันดังกล่าวในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๐
มายื่นฟ้องในวันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐ ศาลปกครองชั้นต้นสั่งไม่รับฟ้องเนื่องจากเป็นการฟ้องคดี เมื่อพ้นระยะเวลาฟ้องคดี ตามมาตรา ๕๒ วรรคสี่ แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร ฯ
และมาตรา ๔๙ แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง ฯ
ในชั้นศาลปกครองสูงสุด ท่านวินิจฉัยว่า ผู้ฟ้องคดีต้องยื่นฟ้องต่อศาลปกครองภายในสามสิบวันคือภายในวันที่ ๒๐ สิงหาคม ๒๕๕๐
แต่อย่างไรก็ตามคณะรัฐมนตรีมีมติให้วันจันทร์ที่ ๒๐ สิงหาคมดังกล่าวเป็นวันหยุดราชการเป็นกรณีพิเศษเพื่อให้ประชาชนไปใช้สิทธิออกเสียงประชามติในวันที่ ๑๙ สิงหาคม ๒๕๕๐ ทำให้วันที่ ๒๐ สิงหาคม เป็นวันหยุดทำการตามประกาศ
ดังนั้น วันสุดท้ายของระยะเวลาการยื่นฟ้องคดีดังกล่าวจึงต้องนับวันที่เริ่มทำการใหม่ต่อจากวันที่หยุดทำการ นั้น คือ วันที่ ๒๑ สิงหาคม ๒๕๕๐ ตามมาตรา ๑๙๓/๘ แห่งประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ฟ้องได้ ยังไม่เกินกำหนดระยะเวลาฟ้องคดี ศาลปกครองสูงสุดกลับคำสั่งศาลปกครองชั้นต้นเป็นให้ รับฟ้องไว้พิจารณา ต่อไป
อีกเรื่องจากวงสนทนาของข้าราชการ ท่านเปรย ๆ มาให้กระผมรับใช้หน่อย
เรื่องเดียวสำมะคัญมากเกร็งกันทั้งบางยังกะศรีภรรยาสมัยนี้กลัวเรยา ณ ช่องสามปานนั้น
ถูกเจ้านายสั่งย้ายให้ไปดำรงตำแหน่งใหม่ที่ดูมุมไหน ๆ แล้วสู้ตำแหน่งเดิมไม่ได้
สงกะสัยว่าเจ้านายวางแผนจัดหนักให้มีผลถึงเวลาพิจารณาความดีความชั่วประจำปีเพราะอยู่ในตำแหน่งนี้ผลงานมันสู้ตำแหน่งเดิมไม่ได้
สแกนกรรมแล้วเลือกที่รักมักที่ชังนี่หว่า แบบนี้ต้องแก้กรรมใครกรรมมันที่ศาลปกครอง
ไม่กล้าไปแก้กับกูรูกรรมคนดังนั่น พอเวลากรรมตัวเองมามั่งแก้ด้วยการขอโทษสบาย ๆ
ไม่ซับซ้อนพิสดารเหมือนแก้กรรมให้ลูกศิษย์เลยนะตัวเอง
ข้าราชการตำแหน่งหัวหน้างานธุรการท่านหนึ่งได้รับคำสั่งให้ไปดำรงตำแหน่งช่วยราชการอีกกองหนึ่ง
เซ็งเป็ด เพราะรู้สึกว่างานใหม่นี้เกรดสอง ยังงี้เวลาประเมินผลการปฏิบัติงานเพื่อเลื่อนขั้นเงินเดือนก็เสร็จคนอื่นซิจ๊ะ
แบบนี้เจ้านายกลั่นแกล้งแน่ ๆ เพราะเคยขัดแย้งเรื่องงานไม่กินเส้นกันมาก่อน
จึงฟ้องต่อศาลปกครองขอให้ยกเลิกคำสั่งย้ายดังกล่าวขอให้ย้ายกลับตำแหน่งเดิม สถานะเดิม
เพิ่มออพชั่นเรียกให้ชดใช้เงินหลายแสนจากตำแหน่งเดิมติดปลายนวมพอให้เจ้านายระทึกขวัญ
กรณีอย่างนี้ต้องดูแนวทางจากคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด ที่มีคำสั่งยืนตามคำสั่งศาลปกครองชั้นต้น
สั่งไม่รับฟ้อง
ท่านว่า คำสั่งให้ผู้ฟ้องคดีไปช่วยราชการต่างกองเป็นการชั่วคราวโดยผู้ฟ้องคดีอ้างว่าเป็นคำสั่งไม่ชอบด้วยกฎหมาย ขอให้เพิกถอนคำสั่ง
เป็นคดีพิพาทเกี่ยวกับการที่หน่วยงานทางปกครองหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา ๙ วรรคหนึ่ง (๑) และ (๓) แห่ง พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครอง ฯ
แต่คำสั่งดังกล่าว ผู้ฟ้องคดียังคงดำรงตำแหน่งระดับเดิมและได้รับเงินเดือนเท่าเดิม ผู้ฟ้องคดีจึงมิใช่ผู้ได้รับความเดือดร้อนเสียหายที่จะมีสิทธิฟ้องคดีนี้
ปัญหาว่าจะเสียโอกาสเพราะงานต่ำกว่ามาตรฐานเดิม เกรงว่าจะไม่มีผลการปฏิบัติงานเข้าตาคณะกรรมการประเมินผลนั่น
ท่านว่า ความเดือดร้อนเสียหายจะเกิดขึ้นเมื่อผู้บังคับบัญชามีคำสั่งไม่เลื่อนขั้นเงินเดือนโดยอ้างเหตุผลว่าผู้ฟ้องคดีไม่มีผลการปฏิบัติงานทั้งด้านปริมาณและคุณภาพที่มีประสิทธิภาพและประสิทธิผล
ตามมาตรฐานทั่วไปที่คณะกรรมการกลางข้าราชการหรือพนักงานส่วนท้องถิ่นกำหนดเท่านั้น
ความเดือดร้อนหรือเสียหายที่ผู้ฟ้องคดีเกรงว่าจะได้รับนั้น มิได้เกิดจากคำสั่งย้าย ดังกล่าว
ไม่รับฟ้อง ไว้พิจารณา (คำสั่งที่ ๘๔๖ / ๒๕๕๐)
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของ ๆ ตน สมัยนี้แก้ง่ายยังกะแก้ผ้าซะแล้ว
พิสิษฐ์ พลรักษ์เขตต์
ที่มา: กฎหมายข้างตัว คณะกรรมการสอบสวนไม่เป็นธรรม เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 30 เมษายน 2554
No comments:
Post a Comment