Thursday, February 18, 2010

มะเร็ง ภูมิแพ้ ฯลฯ รักษาด้วยการกินข้าวโพดเหลือง

รักษาโรคต่าง ๆ ด้วยข้าวโพดเหลือง Sickness treatment with Thailand's yellow corn
ข้าวโพดเหลืองเมื่อต้มสุกด้วยเวลานานประมาณ 1 ชั่วโมง จะอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ มีความสามารถในการช่วยบรรเทา และรักษาโรคได้ ไม่ว่าจะเป็น มะเร็ง ภูมิแพ้น้ำมูกเหลืองเขียว และโรคอื่น ๆ ข้าวโพดเหลืองยังสามารถช่วยให้ฟื้นไข้จากการรักษาของแพทย์ได้เร็วยิ่งขึ้น ถ้าคุณไม่ต้มข้าวโพดเหลืองเอง จะไปซื้อที่ตลาดก็ได้

When boiling Thai's yellow corn, take approximately 1 hour, it will be rich in substance anti-free radicals (anti-oxidants). Thailand's yellow corn have the ability to alleviate and act as treatments such as cancer, allergy snot yellow green. Thailand's yellow corn can also not only help to cure diseases, but can also help to convalesce from medical treatment faster. If you do not own boiled yellow corn by yourself, you can buy from the markets all over Thailand. Thailand's corn is a specific spicy to contain more anti-free radicals (anti-oxidants) substance to fight as such cancer and other diseases.

วิธีกินข้าวโพดเหลือง How to eat Thailand's yellow corn.
การกินสามารถกินข้าวโพดเหลืองได้โดยใช้ฟันกัดกิน หรือ จะนำไปปั่นก็ได้ ควรกินประมาณ 3 ฝักต่อวันเป็นอย่างน้อย You can eat Thailand's yellow corn using teeth bite or using fruit blender machine to produce corn juice. At least 3 Thailand yellow corns should be consumed each day.

อาหารที่ควรงดระหว่างการรักษาด้วยข้าวโพดเหลืองต้มสุก 1 ชั่วโมง Food should refrain during treatment with yellow corn boiled 1 hour
สำหรับคนที่รักษาโรคมะเร็ง ภูมิแพ้มีน้ำมูก ด้วย ข้าวโพดเหลืองต้มสุก ควรงดการกิน ผัก-ผลไม้ที่ฉ่ำน้ำ เช่น สัปปะรด แก้วมังกร ส้ม หัวไช้เท้า มะม่วงสุก หลังการรักษาดีขึ้นแล้วจึงกินอาหารเหล่านี้ได้ For those who treat cancer, allergic mucous with Thailand's yellow corn should ban eating juicy vegetable-fruit such as pineapple, dragon fruits, orange, radish, mango. After recovery from the treatment you can then eat them.

ป้องกันโรคด้วยข้าวโพดเหลือง Prevention your sickness with Thailand's yellow corn
แนะนำให้ทุกคนกินข้าวโพดเหลืองบ่อย ๆ เพราะสามารถที่จะ่ช่วยป้องกันโรคที่ไม่พึงปรารถนาได้
Encourage everyone to eat Thailand's yellow corn because it often can help prevent undesired diseases.

If you can to visit Thailand, you must eat Thailand's corns. Best of luck to you all.

Wednesday, February 17, 2010

คาถารักษาไข้ คาถาให้หายป่วย คาถาให้หายเจ็บ คาถาให้หายจา่กไม่สบาย

คาถารักษาไข้ สำหรับคาถารักษาไข้ ใช้ภาวนาเมื่อเวลาที่ไม่สบายกับยาที่ใช้ทานอยู่ คาถารักษาไข้ จะช่วยให้หายป่วย หายเจ็บไข้ได้เร็วขึ้น

(นะโม 3 จบ)

โพชฌังโค สติสังขาโต ธัมมานัง วิจโย ตถา วิริยัมปิติ บัสสัทธิ
โพชฌังคา จ ตถา ปเร สมาธุ เปกขโพชฌังคา สัตเต เต สัพพทัสสินา
มุนินา สัมมะทักขาตา ภาวนา พหูลีกะตา สังวัตตันติ อภิญญายะ นิพพานะยะ จะโพธิยา
==============

จากที่ได้มาหลายบุคคลหายจากการเจ็บ หายจากการป่วย หายจากการไม่สบาย โดยได้รับผลจากอานุภาพแห่งพระคาถาชินบัญชร ทั้งนี้ ผู้ใดได้สวดภาวนาพระคาถาชินบัญชรนี้ เป็นประจำอยู่สม่ำเสมอ จะทำให้เกิดความสิริมงคลสมบูรณ์พูนผล ศัตรูหมู่พาลไม่กลํ้ากราย ไปทางใด ย่อมเกิดเมตตามหานิยม เกิดลาภผลพูนทวี ขจัดภัยจากภูตผีปีศาจ ตลอดจนคุณไสยต่าง ๆ ทำน้ำมนต์รดแก้วิกลจริตแก้สรรพโรคภัยหายสิ้น เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต มีคุณานุภาพตามแต่จะปรารถนา ดังคำโบราณว่า "ฝอยท่วมหลังช้าง" จะเดินทางไปที่ใด ๆ สวด ๑๐ จบ แล้วอธิษฐานจะสำเร็จสมดังใจ
- อดทนสวดวันละ 9 จบ เป็นเวลา ๓๐ วัน อาการไม่สบายต่าง ๆ สามารถบรรเทาเบาบาง และ หายได้

การเริ่มต้นและวิธีสวด

การเริ่มต้นสวดภาวนาให้หาวันดี คือ วันพฤหัสบดีเป็นวันเริ่มต้น โดยน้อมนำดอกไม้ ธูปเทียนถวายบูชาคุณพระรัตนตรัยและดวงพระวิญญาณอันศักดิ์สิทธิ์ของเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ถ้าไปที่วัดระฆังก็ใช้ได้ ถ้าไปไม่ได้ก็ให้ระลึกถึงท่านและหันหน้าไปทางวัดระฆังก็ใช้ได้ เมื่อบูชาพระรัตนตรัยและดวงวิญญาณของเจ้าประคุณสมเด็จแล้ว จึงเริ่มต้นสวดโดยอ่านตามบทให้ได้ ๑ จบ ก็เป็นอันเสร็จพิธีเริ่มต้น


พระคาถาชินบัญชร
สมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)
วัดระฆังโฆสิตาราม วรมหาวิหาร

เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้น ก่อนเจริญภาวนาชินบัญชรให้ตั้งนะโม ๓ จบ แล้วระลึกถึงและบูชา เจ้าประคุณสมเด็จด้วยคำว่า

ปุตตะกาโม ละเภ ปุตตัง ธะนะกาโม ละเภ ธะนัง อัตถิ กาเย กายะญายะ เทวานัง ปิยะตัง สุตตะ วา อิติปิ โส ภะคะวา ยะมะราชาโน ท้าวเวสสุวัณโณ มะระณัง สุขัง อะระหัง สุคะโต นะโม พุทธายะ

เพื่อให้เกิดอานุภาพยิ่งขึ้นก่อนเจริญภาวนาชินบัญชรตั้งนะโม 3 จบก่อน แล้วระลึกถึง
สมเด็จพุฒาจารย์ (โต พรหมรังสี)

1. ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตะวา มารัง สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา

2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐาวีสะติ นายะกา สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา

3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโล จะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร

4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะวามะเก

5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ ราหุโล กัสสะโป จะ มะหานาโน อุภาสุง วามโสตะเก

6. เกสะโต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร นิสินโน สิริสัมปันโน โสภีโต มุนิ ปุงคะโว

7. กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร

8. ปุณโณ อังคุลิมาโลจะ อุปาลี นันทะสีวะลี เถรา ปัญจะอิเมชาตา นะลาเฏ ติละกา มะมะ

9. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชินโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา

10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุต ตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง

11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะ กัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา

12. ชินา นานา วะระสังยุตตา สัตตัปปาการะลัง กาตา วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา

13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา วะเสโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร

14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะหีตะเล*
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสา สะภา

15. อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ
ชิตูปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ
ชิตันตะวาโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิชินะปัญชะเรติ.

*บางตำราใช้ เกเสนเต,เกสะโต,ก็มี : ซึ่งฉบับสิงหลไม่มีวรรคนี้
*.มะหีตะเล บาลีออกเสียงเป็น มะฮีตะเล


.......................................
คำแปลชินบัญชร

1. ชะยาสะนากะตา พุทธา เชตะวา มารัง
สะวาหะนัง จะตุสัจจาสะภัง ระสัง เย ปิวิงสุ นะราสะภา

พระพุทธเจ้าและพระนราสภาทั้งหลายผู้ประทับนั่งแล้วบนชัยบัลลังก์ ทรงพิชิตพระยามาราธิราช ผู้พรั่งพร้อมด้วยเสนาราชพาหนะแล้ว เสวยอมตรสคือ อริยสัจธรรมทั้งสี่ประการ เป็นผู้นำสรรพสัตว์ให้ข้ามพ้นจากกิเลสและกองทุกข์

2. ตัณหังกะราทะโย พุทธา อัฏฐาวีสะติ นายะกา
สัพเพ ปะติฏฐิตา มัยหัง มัตถะเก เต มุนิสสะรา

มี 28 พระองค์ คือพระผู้ทรงพระนามว่า ตัณหังกรเป็นอาทิพระพุทธเจ้าจอมมุนีทั้งหมดนั้น.

3. สีเส ปะติฏฐิโต มัยหัง พุทโธ ธัมโม ทะวิโล
จะเน สังโฆ ปะติฏฐิโต มัยหัง อุเร สัพพะคุณากะโร

ข้าพระพุทธเจ้าขออัญเชิญมาประดิษฐานเหนือเศียรเกล้าองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ประดิษฐานอยู่บนศีรษะพระธรรมอยู่ที่ดวงตาทั้งสอง พระสงฆ์ผู้เป็นอากรบ่อเกิดแห่งสรรพคุณ อยู่ที่อก.

4. หะทะเย เม อะนุรุทโธ สารีปุตโต จะ ทักขิเณ
โกณฑัญโญ ปิฏฐิภาคัสมิง โมคคัลลาโน จะวามะเก

พระอนุรุทธะอยู่ที่ใจ พระสารีบุตรอยู่เบื้องขวา พระโมคคัลลาน์อยู่เบื้องซ้าย พระอัญญาโกณฑัญญะอยู่เบื้องหลัง

5. ทักขิเณ สะวะเน มัยหัง อาสุง อานันทะ
ราหุโล กัสสะโป จะ มะหานาโน อุภาสุง วามโสตะเก

พระอานนท์กับพระราหุลอยู่หูขวา พระกัสสะปะกับพระมหานามะอยู่หูซ้าย

6. เกสะโต ปิฏฐิภาคัสมิง สุริโย วะ ปะภังกะโร
นิสินโน สิริสัมปันโน โสภีโต มุนิ ปุงคะโว

มุนีผู้ประเสริฐ คือ พระโสภิตะผู้สมบูรณ์ด้วยสิริ ดังพระอาทิตย์ส่องแสงอยู่ที่ทุกเส้นขน ตลอดร่างทั้งข้างหน้าและข้างหลัง

7. กุมาระกัสสะโป เถโร มะเหสี จิตตะวาทะโก
โส มัยหัง วะทะเน นิจจัง ปะติฏฐาสิ คุณากะโร

พระเถระกุมาระกัสสะปะผู้แสวงบุญทรงคุณอันวิเศษ มีวาทะอันวิจิตรไพเราะอยู่ปากเป็นประจำ

8. ปุณโณ อังคุลิมาโลจะ อุปาลี นันทะสีวะลี
เถรา ปัญจะอิเมชาตา นะลาเฏ ติละกา มะมะ

พระปุณณะ พระอังคุลิมาล พระอุบาลี พระนันทะ และพระสีวะลี พระเถระทั้ง 5 นี้ จงปรากฏเกิดเป็นกระแจะจุณเจิมที่หน้าผาก

9. เสสาสีติ มะหาเถรา วิชิตา ชินะสาวะกา
เอเตสีติ มะหาเถรา ชิตะวันโต ชินโนระสา
ชะลันตา สีละเตเชนะ อังคะมังเคสุ สัณฐิตา

ส่วนพระอสีติมหาเถระที่เหลือ ผู้มีชัยและเป็นพระโอรสเป็นพระสาวกของพระพุทธเจ้าผู้ทรงชัย แต่ละองค์ล้วนรุ่งเรืองไพโรจน์ด้วยเดชแห่งศีลให้ดำรงอยู่ทั่วอวัยวะน้อยใหญ๋

10. ระตะนัง ปุระโต อาสิ ทักขิเณ เมตตะสุต
ตะกัง ธะชัคคัง ปัจฉะโต อาสิ วาเม อังคุลิมาละกัง

พระรัตนสูตรอยู่เบื้องหน้า พระเมตตาสูตรอยู่เบื้องขวา พระอังคุลิมาลปริตรอยู่เบื้องซ้าย พระธชัคคะสูตรอยู่เบื้องหลัง

11. ขันธะโมระปะริตตัญจะ อาฏานาฏิยะ สุตตะ
กัง อากาเส ฉะทะนัง อาสิ เสสา ปาการะสัณฐิตา

พระขันธปริตร พระโมรปริตรและพระอาฏานาฏิยสูตร เป็นเครื่องกางกั้นดุจหลังคาอยู่บนนภากาศ

12. ชินา นานา วะระสังยุตตา สัตตัปปาการะลัง
กาตา วาตะปิตตาทิสัญชาตา พาหิรัชฌัตตุปัททะวา

อนึ่งพระชินเจ้าทั้งหลายนอกที่ได้กล่าวมาแล้วนี้ ผู้ประกอบพร้อมด้วยกำลังนานาชนิดมีศีลาทิคุณอันมั่นคง คือสัตตะปราการเป็นอาภรณ์มาตั้งล้อมเป็นกำแพงคุ้มครองเจ็ดชั้น

13. อะเสสา วินะยัง ยันตุ อะนันตะชินะเตชะสา
วะเสโต เม สะกิจเจนะ สะทา สัมพุทธะปัญชะเร

ด้วยเดชานุภาพแห่งพระอนันตชินเจ้าไม่ว่าจะทำกิจการใด ๆ เมื่อข้าพระพุทธเจ้าเข้าอาศัยอยู่ในพระบัญชรแวดวงกรงล้อม แห่งพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ขอโรคอุปัทวะทุกข์ทั้งภายนอกและภายใน อันเกิดแต่โรคร้าย คือ โรคลมและโรคดีเป็นต้น เป็นสมุฏฐานจงกำจัดให้พินาศไปอย่าได้เหลือ

14. ชินะปัญชะระมัชฌัมหิ วิหะรันตัง มะหีตะเล
สะทา ปาเลนตุ มัง สัพเพ เต มะหาปุริสา สะภา

ขอพระมหาบุรุษผู้ทรงพระคุณอันล้ำเลิศทั้งปวงนั้น จงอภิบาลข้าพระพุทธเจ้า ผู้อยู่ในภาคพื้นท่ามกลางพระชินบัญชร ข้าพระพุทธเจ้าได้รับการคุ้มครองปกปักรักษาภายในเป็นอันดี ฉะนี้แล

15. อิจเจวะมันโต สุคุตโต สุรักโข ชินานุภาเวนะ
ชิตูปัททะโว ธัมมานุภาเวนะ ชิตาริสังโฆ สังฆานุภาเวนะ
ชิตันตะวาโย สัทธัมมานุภาวะปาลิโต จะรามิชินะปัญชะเรติ.

ข้าพระพุทธเจ้า ได้รับการอภิบาลด้วยคุณานุภาพแห่งสัทธรรม จึงชนะเสียได้ซึ่งอุปัทวะอันตรายใด ๆ ด้วยอานุภาพแห่งพระชินะพุทธเจ้า ชนะข้าศึกศัตรูด้วยอานุภาพแห่งพระธรรม ชนะอันตรายทั้งปวงด้วยอานุภาพแห่งพระสงฆ์ ขอข้าพระพุทธเจ้าจงได้ปฏิบัติและรักษาดำเนินไปโดยสวัสดีเป็นนิจนิรันดร เทอญ ฯ

พุทธะมังคะละคาถา
ของสมเด็จพระพุฒาจารย์ (โต พรฺหมรังสี)

สัมพุทโธ ทิปะทัง เสฏโฐ
นิสินโน เจวะ มัชฌิเม
โกณทัญโญ ปุพพะภาเค จะ
อาคเณยเย จะ กัสสะโป
สารีปุตโต จะ ทักขิเณ
หะระติเย อุปาลิ จะ
ปัจฉิเมปิ จะ อานันโท
พายัพเพ จะ ควัมปะติ
โมคคัลลาโน จะ อุตตะเร
อีสาเนปิ จะ ราหุโล
อิเม โข มังคะลา พุทธา
สัพเพ อิธะ ปะติฏฐิตา
วันทิตา เต จะ อัมเหหิ
สักกาเรหิ จะ ปูชิตา
เอเตสัง อานุภาเวนะ
สัพพะโสตถี ภะวันตุ โน

อิจเจวะมัจจันตะนะมัสสะเนยยัง
นะมัสสะมาโน ระตะนัตตะยังยัง
ปุญญาภิสันทัง วิปุลัง อะลัตถัง
ตัสสานุภาเวนะ หะตันตะราโย


อานิสงส์ชินบัญชร

พระคาถาชินบัญชรนี้เป็นคาถาที่ศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ตกทอดมาจากลังกาเจ้าประคุณสมเด็จ ฯ ค้น พบในคัมภีร์โบราณได้ดัดแปลงแก้ไขแต่งเติมให้ดีขึ้นเป็นเอกลักษณ์พิเศษได้ เนื้อถ้อยกระทงความสมบูรณ์แปลออกมาแล้วมีแต่สิ่งสิริมงคลแก่ผู้สวดภาวนาทุก ประการ

พระคาถานี้เป็นการอัญเชิญพระพุทธานุภาพแห่งพระบรมศาสดาสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าและพระพุทธเจ้าที่ได้เคยมาตรัสรู้ก่อนหน้านั้น จากนั้นเป็นการอัญเชิญพระอรหันต์ขีณาสพ อันสำเร็จคุณธรรมวิเศษแต่ละองค์ไม่เหมือนกัน นอกนั้นยังอัญเชิญพระสูตรต่าง ๆ อันโบราณาจารย์เจ้าถือว่า เป็นพระพุทธมนต์อันวิเศษแต่ละสูตรมารวมกันสอดคล้องเป็นกำแพงแก้วคุ้มกันตั้งแต่กระหม่อมจอมขวัญของผู้ภาวนาพระคาถาลงมาจนล้อมรอบตัว จนกระทั่งหาช่องโหว่ให้อันตรายสอดแทรกเข้ามามิได้


ที่มา: พระคาถาชินบัญชร จากเวปไซด์ วัดพรหมคุณาราม มลรัฐอริโซน่า สหรัฐอเมริกา http://www.watprom.iirt.net/chant_14.html

Sunday, February 7, 2010

คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.): กรรมการวินิจฉัย อุทธรณ์และร้องทุกข์ (ก.ว.ฉ.)

มุมข้าราชการ 06/02/53
การคัดเลือก กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์ ใน คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรม (ก.พ.ค.) มีผลออกมาแล้ว โดย จรวยพร ธรณินทร์ กรรมการและโฆษก ก.พ.ค. แจ้งว่า มีผู้ได้รับการคัดเลือก 12 ราย จะได้รับแต่งตั้งเริ่มปฏิบัติงาน 15 ก.พ. 2553

กรรมการวินิจฉัยอุทธรณ์และร้องทุกข์ (ก.ว.ฉ.) ทั้ง 12 คน ประกอบด้วย สุธา วิจักขณ์สุรการย์ ชวรัตน์ รุกขพันธุ์ สุรพงษ์ วิชญกิตติ สุวิทย์ อินทุรัตน วิชิต กุลสินนิธิพงศ์ จุมพฏ ธิติเวสส อนุชา วงษ์บัณฑิตย์ ทินกร ตุงคโสภา วัธนี ตรีทอง สมชัย ไหลสุพรรณวงศ์ สุชฎา จันทรวงศ์ สิทธิศักดิ์ ไม้สนธิ...

12 ก.ว.ฉ. ต้องทำงานเต็มเวลา มีเงินประจำตำแหน่งเดือนละ 64,340 บาท เงินเพิ่มเดือนละ 30,000 บาท มีวาระการทำงาน 6 ปี และสามารถทำงานต่อได้อีกโดยใช้วิธีการประเมินหรือการคัดเลือกตามที่ ก.พ.ค.กำหนด...

"ซี.12"
มุมข้าราชการ 06/02/53 ไทยรัฐออนไลน์ http://www.thairath.co.th/column/pol/corner/63309
===== กวฉ.อย่าทำลำเอียง กวฉ.อย่าอยุติธรรม ถ้าทำไม่ได้ก็ลาออกไปจาก กวฉ.ซะ ======

Wednesday, February 3, 2010

คาถาเสริมอำนาจ/เสน่ห์

คาถามหาอำนาจ

เอวัง ราชะสีโห มะหานาทัง สีหะนาทะกัง สีหะนะ เม สีละ เตเชนะ นามะ ราชะสีโห
อิทธิถทธิ์ พระพุทธังรักษา สารพัดศัตรู อะปะราชะยัง
อิทธิฤทธิ์ พระธัมมังรักษา สารพัดศัตรู อะปะราชะยัง
อิทธิฤทธิ์ พระสังฆังรักษา สารพัดศัตรู อะปะราชะยัง

ใช้เสกน้ำล้างหน้าทุกวันตอนเช้า แล้วจะมีอำนาจเป็นที่ยำเกรงของคนทั้งปวง

================
คาถาสาริกาลิ้นทอง

พุทธา อะเนนา มะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิริมะลิยา สุสังคะเยมิ
พุทธา อิรปะโย เคมะคุณนะ ปักเขสะเมมะมิ
อุนาโลมา ปันนะ วิชายะเต

(ใช้สวดภาวนาหากต้องการให้คนรักใคร่ พูดจาเป็นเสน่ห์ ตอนท่องถึงคำว่า มิ ก็ให้แตะที่ลิ้นด้วยทุกครั้ง)

================
คาถามงกุฎพระพุทธเจ้า


อิติปิ โส วิเสเสอิ อิเสเสพุทธะนาเมอิ
อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตังพุทธปิติอิ ฯ

ภาวนาทุกวันมิตกนรก เสกน้ำล้างหน้าทุกวันกันโรคภัยไข้เจ็บคุณไสยทั้งมวล ถ้าจะให้มีตบะเดชะให้ภาวนาทุกวัน เกิดสง่าราศีเป็นที่เมตตาแก่คนทั้งหลาย ให้ภาวนาแล้วแผ่เมตตาให้คนทั้งปวง ใครคิดร้ายก็ต้องมีอันเป็นไป ถ้าปรารถนาสิ่งใดให้ภาวนาคาถานี้ ๑๘ คาบ เป็นไปได้ ดังใจนึก ถ้าจะให้เป็นมหาจังงัง ให้ภาวนาคาถานี้ ๘ คาบ เป็นมหาจังงังแล ถ้าจะให้เป็นมหาละลวยให้ภาวนา ๙ คาบ ถ้าช้างม้าวัวควายสัตว์ที่ดุร้ายทั้งหลาย ให้เสกหญ้าเสกของให้มันกิน กลับใจอ่อนรักเราแล ถ้าภูตพรายมันเข้าอยู่คน เสกข้าวให้มันกินออกแล ถ้าปรารถนาจะให้เสียงเพราะ ให้เสกสีผึ้งสีปากเสกหมากกิน ไปเทศนาสวดร้องเป็นที่พอใจคนทั้งหลาย ให้เสกแป้งผัดหน้า เสกมงกุฎรัดเกล้า เป็นสง่าราศีใครเห็นใครรักทุกคน อนึ่งให้เอาใบลานหรือกระดาษว่าวมาลงคาถานี้ทำเป็นมงคลเสกด้วยตัวเอง สารพัดกันศาส ตราอาวุธทั้งหลายเป็นวิเศษนัก พระคาถาบทนี้ พระมหากษัตริย์ แต่เก่าก่อนทรงใช้ประจำทุกพระองค์แล

คาถาขอให้รวย


หมั่นสวดมนต์ภาวะนาคาถาเหล่านี้เป็นประจำ พร้อม ๆ กับการทำความดีต่าง ๆ จะร่ำรวยอย่างคาดคิดไม่ถึง

คาถาเสริมทรัพย์

ตั้งนะโม ๓ จบ

พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ (ว่า ๑ จบ)

วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี
วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ
พุทธัสสะ สวาโหมะ

ใช้สวดภาวนาก่อนนอน ๓ จบ ตื่นนอนเช้า ๓ จบ เวลาใส่บาตรจบขันข้าว ๑ จบ แล้วให้ระลึกถึงคุณพระรัตนตรัย และพระปัจเจกโพธิ อย่าได้เว้น นอกนั้นว่างเมื่อไรท่องเมื่อนั้น จะบังเกิดโภคทรัพย์มากมาย
* เร่งให้คาถานี้สัมฤทธิ์ โดยให้เร่งทำความดีเสริมบารมี
* ยิ่งทำความดี ยิ่งให้ ยิ่งรวย ยิ่งสุข ยิ่งอายุยืน

=============
คาถามหาลาภ
นะมามีมา มะหาลาภา อิติพุทธัสสะ สุวัณณังวา
ระชะตังวา มะณีวา ธะนังวา พีชังวา อัตถังวา
ปัตถังวา เอหิ เอหิ อาคัจเฉยยะ อิติมีมา นะมามิหัง

ใช้สวดภาวนาก่อนนอน ๓ จบ และตื่นนอนเช้า ๓ จบ

=============
คาถาโชคลาภ

พระ นาชาลีติ พระฉิมพลีจะมหาเถโร สุวรรณรัตนจินดามณีมามะ วัตถุวัตถามามะ โภชนะมามะ อาหารมามะ พลาพละมามะ มหาลาโภ มหาพรหมามามะ มหาอินทรมามะ มหาราชามามะ มหาราชเทวีมามะ มหาราชกุมาโรมามะ มหาราชกุมารีมามะ อัครมหาเสนาบดีมามะ มหาเศรษฐีมามะ มหาเศรษฐีนีมามะ

สัพเพชนา มหาชนา สัพพะสุขัง สวัสดิลาภัง มหาลาภัง ภวันตุเม
นะโมพุทธายะ นะมะ พะทะ จะ ภะ กะ สะ นะ อุ อุ นะ
เตชะสุเนนะ มะภูจะนาวิเวอิติ นะยะปะรังยุตเต
(ใช้ภาวนากับกระเป๋าสตางค์ จะทำให้ไม่ขัดสน)

คาถาโชคลาภ ๒
นะโมพุทธายะ สัพพะสิเนหา จะปูชิโต สัพพะโกรธาวินาสสันตุ
อะเสสะโต เมตตากรุณายัง ทะยะวิสา โสปิยามะนา โปเม สัพพะโลกัสสมิง
(ใช้ภาวนาเพื่อให้เกิดโชคลาภ อาจจะใช้เสกกับน้ำแล้วใช้ล้างหน้าก็ได้)

คาถาโชคลาภ ๓
โพธิ มะหิสะกะ อิถิพุนะ อิถิสัตโต อิถีวาโย
เอหิ มะ มะ นะกาโร โหติ สัมภะโว
(เป็นอีกคาถาหนึ่งที่ใช้สวดภาวนาเพื่อให้เกิดโชคลาภแบบฟลุ้คๆขึ้นมาได้ เอามาเสกกับน้ำแล้วแตะหน้าผาก)

===============
คาถาร่ำรวย

ธะนัง โภคัง ทุสะ มะนิ นะนัง โภคัง ทุสะ มะนิ อุมิ อะมิ มะหิสุตัง สนะพุทธัง
อะ สุ นะ อะ นะ มะ พะ ทะ จะ ภะ กะ สะ

ใช้ภาวนากับน้ำแล้วนำเอามาพรมให้ทั่วร้าน หรือบ้านจะนำทาซึ่งเงินทองไม่ขาดสาย

================
คาถาเงินล้าน (หลวงพ่อพระราชพรหมยาน - ฤๅษีลิงดำ)

นาสังสีโม
พรหมา จะ มหาเทวา สัพเพ ยักขา ปะรายันติ
พรหมา จะ มหาเทวา อภิลาภา ภะวันตุ เม
มหาปุญโญ มหาลาโภ ภะวันตุ เม
มิเตพาหุหะติ
พุทธะมะอะอุ นะโม พุทธายะ วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ
สวาโหม
สัมปะฏิจฉามิ
(ให้สวด ๙ จบ)

คาถาหว่านทราย

คาถาหว่านทราย ให้อ่านรายละเอียดของพระคาถาหว่านทรายข้างล่าง

อิมัส์มิง ราชะเสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะ-
สะหัสสานิ พุทธะ ชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ ฯ
อิมัส์มิง ราชะเสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะ-
สะหัสสานิ ธัมมะ ชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ ฯ
อิมัส์มิง ราชะเสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะ-
สะหัสสานิ ปัจเจกะพุทธะ ชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ ฯ
อิมัส์มิง ราชะเสมานา เขตเต สะมันตา สะตะโยชะนะสะตะ-
สะหัสสานิ สังฆะ ชาละปะริกเขตเต รักขันตุ สุรักขันตุ ฯ


คาถาหว่านทรายนี้ ใช้สวดไล่ภูตผีปีศาจร้ายต่างๆ ถ้าสวดเป็นประจำทำให้เทวดารักษา อยู่ก็เป็นสุข ไปก็เป็นสุข และเจริญด้วย อายุ วรรณะ สุขะ พละ

สวดก่อนนอนได้ครับ ตั้งนะโม 3 จบก่อนนะครับ เพื่อระลึกถึงองค์พระ สัมมาสัมพุทธเจ้า ทำจิตใจให้สงบ น้อมระลึกถึงองค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า แล้วสวดภาวนาครับ

==หมายเหตุ 2== คุณ ไก่ แสงทิพย์ แสดงความเห็นไว้ว่า
คาถาหว่านทรายคือคาถาที่ใช้ปลุกเสกใส่ทรายหรือกรวดโดยอธิษฐานจิตขออานุภาพพระรัตนตรัยให้มาประจุอยู่ที่เม็ดทราย /กรวดนั้นๆ จากนั้นก็หว่านทราย/กรวดนั้นๆไปที่ที่เราต้องการ ส่วนใหญ่จะใช้ในทางป้องกันภูติผีปีศาจมิให้มารบกวน และบางครั้งยังใช้ในการไล่ภูติผีปีศาจให้ออกไปจากที่นั้น ๆ ได้อีกด้วย

กรณีที่ใช้คาถาหว่านทราย ส่วนใหญ่เช่น
- กรณีมีหญิงคลอดลูกในบ้าน (แถวภาคอีสานหรือถิ่นทุรกันดารจะนำหนามมาวางไว้รอบ ๆ และใต้ถุนบ้านด้วย)
- กรณีมีภูติผีปีศาจมารบกวนในบ้านหรือมีหมอผีหมอไสยศาสตร์ส่งผีมารบกวนหรือทำ ร้ายเราต่างๆ ถ้าเรารู้ทันก็จะนำทรายมาปลุกเสกและไปหว่านไว้รอบๆบริเวณ
- กรณีไล่ผีหรือขับไล่เสนียดจัญไร เช่นเวลาทำบุญชำระก็จะนำกรวดทรายไปหว่านจนทั่วปริเวณเพื่อขับไล่สิ่งไม่ดีออกไป

ข้อควรระวัง
- ไม่ควรหว่านมั่วจนเกินไปเผื่อหว่านไปถูกศาลเจ้าหรือที่ที่เจ้าที่แรงท่านอาจ จะเล่นงานเอาได้ (อะไรวะ อยู่ดีๆเอาทรายมาหว่านใส่ หนอยแน่ะ เก่งนักเหรอ ......)
- ควรอธิษฐานขับไล่หรือป้องกันเฉพาะภูผีปีศาจที่เป็นโทษเป็นภัยหรือเป็นมิจฉา ทิฎฐิเท่านั้น ใครที่ไม่มีโทษก็อย่าให้ท่านเป็นอะไร (เอาที่ดีไว้ กันที่ไม่ดีออกไป)

ขอให้ข้อมูลพอเข้าใจเพียงเท่านี้