Saturday, March 27, 2010

เที่ยวฮ่องกง สนุกจัง ตังก์อยู่ครบ กับ ดูราเกรส

กระเบื้องปูพื้น+ผนัง ดูราเกรสให้โชค พาไปเที่ยวฮ่องกง บินการบินไทย กินอิ่มอร่อย นอนสบาย กับกระเบื้องคุณภาพ ดูราเกรส ระหว่างวัน ศุกร์ 12-เสาร์ 13-อาทิตย์ 14 มีนาคม 2553 พร้อม ๆ กับเหล่าดารา เช่น เสนาลิง อิม-อชิตะ

โปรแกรมเที่ยวค่อนข้างที่จะสนุกสนานเฮฮา พร้อมกับ ๆ การแจกรางวัลระหว่างทางอีกมากมายจริง ๆ

เพื่อน ๆ ร่วมทาง ได้ฝากขอบคุณสำหรับการเดินทางครั้่งนี้ กับ ดูราเกรส เที่ยวฮ่องกง สนุกจัง ตังก์อยู่ครบ กับ ดูราเกรส เที่ยว...ชิม...ช้อป...ท่องดิสนีย์แลนด์

บัสสี่ ฝากบอกว่า พวกเราขอขอบคุณ บริษัท สหโมเสคอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) ผู้ผลิตและจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นและบุผนัง “ดูราเกรส” “ดูราเกรส-ลีลา” และกระเบื้องโมเสก “ยูเอ็มไอ” มา ณ ที่นี้ด้วย

ลายมือลงช่องระหว่างนิ้ว

ในความเข้าใจก็ไม่ผิดนักที่ใครก็ตามมีลายมือลงช่องระหว่างนิ้ว มีความหมายถึงการเก็บเงินไม่อยู่ แต่ต้องเข้าใจว่า เส้นที่ลงช่องเป็นเส้นวาสนาก็ต้องมีความหมายในทางที่ดีด้วย

หมายเลข ๑-๑
เส้นเสาร์ลงช่องระ หว่างนิ้วชี้กับนิ้วกลาง ถือว่าเป็นเส้นที่ดีเป็นคนมีเกียรติ รักชื่อเสียง จะทำอะไรก็ต้องเหนือผู้อื่นหรืออย่างน้อยก็เสมอกัน การดำเนินชีวิตมีความสุข
หมายเลข ๒-๒
เส้นอาทิตย์ลงช่องระหว่างนิ้วกลางกับนิ้วนาง แสดงถึงการมีชื่อเสียงหรือมีความร่ำรวยแบบเงียบและเป็นคนชอบใช้ชีวิตแบบสงบ มีเงินทองมากมายมหาศาล

หมายเลข ๓-๔
เส้นพุธลงช่องระหว่างนิ้วนางกับนิ้วก้อย แสดงถึงการแพทย์ที่มีความสามารถสูง ได้คิดค้นตำราต่าง ๆ ทางการแพทย์ และมีการรักษาที่สำเร็จหายขาดได้

ความหมายเหล่านี้ต้องประกอบกับเส้นอื่น ๆ ด้วย จึงจะมีการพยากรณ์ที่แม่นยำมากขึ้น

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 27 มีนาคม 2553

Saturday, March 20, 2010

ลายมือความรักมีความสุข

การจะดูเรื่องเส้นความรักหรือเส้นแต่งงาน มีตำราหรือความคิดเห็นแตกต่างกันไป แต่ส่วนมากจะดูเส้นแต่งงานอย่างเดียว คือเป็นเส้นที่คมชัดเจนยาวเป็นเส้นตรง ก็เป็นการเพียงพอของความรักมีความสุขได้ แต่ความจริงแล้วต้องประกอบด้วยเส้นอื่นอีกด้วย เช่น เส้นพุธที่ชัดเจน เส้นอาทิตย์ เส้นเสาร์ และเส้นพฤหัส จึงจะบอกถึงความสุขที่มีทั้งการเงิน ชื่อเสียง สุขภาพ อำนาจวาสนาครบถ้วน จึงจะทำให้ความรักมีความสุขได้ แต่ก็มีเส้นที่แสดงความรักความสุขโดยตรงดังนี้

หมายเลข ๑
เส้นแต่งงานที่ยาวตรงชัดเจน แสดงถึงการแต่งงานที่มีอย่างแน่นอน และการแต่งงานจะเกิดจากความรัก
หมายเลข ๒
เส้นหัวใจที่ยาวไปยังเนินพฤหัส ปลายเป็นง่ามคมและชัดเจน แสดงถึงความรักที่มีความมั่นคงและมีเกียรติ

หมายเลข ๓ เส้นดาวพระศุกร์ที่ขึ้นหลายเส้นโค้งเป็นแนวเดียวกับ เส้นชีวิต หมายถึง ความรักมีความสุขเอื้ออาทรต่อกัน

หมายเลข ๔
เส้นค้ำยันปลายเส้นชีวิตที่โค้งสวยงาม เป็นเส้นที่แสดงถึงความมั่นคงในการดำเนินชีวิตที่มีหลักฐานแน่นอน

หมายเลข ๕
เส้นค้ำยันเส้นวาสนาที่มาจากเนินจันทร์ หมายถึง การมีครอบครัวที่ดี และได้รับการสนับสนุนช่วยเหลือตลอดไป

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 06 มีนาคม 2553

ลายมือกิจการภายในครอบครัว

ลายมือที่จะศึกษาหายากมากที่จะแสดงให้เห็นความเป็นจริงและเจ้าของลายมือก็ ไม่อยากให้เปิดเผย แต่ความจริงแล้วการศึกษาลายมือต้องศึกษาแบบมีหลักเกณฑ์เป็นขั้นตอน จึงจะทำความเข้าใจให้กับผู้ศึกษา วิชาลายมือมีอยู่มากมายหลายแบบ เช่นเดียวกับวิชาโหราศาสตร์ที่จะต้องมีการศึกษาหลายแบบที่จะทำให้เกิดเป็น หลักการที่แน่นอน แต่อย่างไรก็ตามวิชาการพยากรณ์ที่ถูกต้องไม่มีความงมงายอย่างแน่นอน เพียงแต่ต้องศึกษาอย่างตลอดไป

ความหมายตามลายมือ

หมายเลข ๑-๑
เส้นพฤหัสมาจากเนินศุกร์ หมายถึงการงานมีความสำเร็จมาจากการช่วยเหลือกันภายในครอบครัว และลักษณะใหญ่โต
หมายเลข ๒-๒
เส้นเสาร์มาจากเนินศุกร์ หมายถึงการงานที่เป็นบริษัทหรืองานอุตสาหกรรมมาจากการทำงานภายในครอบครัวบริหาร

หมายเลข ๓-๓
เส้นอาทิตย์มาจาก เนินศุกร์ หมายถึง ความสำเร็จของชีวิตจะมาจากครอบครัวช่วยกันทำมาหากินจนร่ำรวยเป็นหลักฐาน

หมายเลข ๔-๔
เส้นพุธมาจากเนินศุกร์ หมายถึง ความสำเร็จมาจากการทำงานมาจากครอบครัว มีการค้าธุรกิจเป็นญาติพี่น้องด้วยกัน

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 13 มีนาคม 2553

เส้นเสริมดวงชะตา

เส้นลายมือที่เป็นหลักสำคัญจะมีอยู่ ๓ เส้น คือ เส้นหัวใจ เส้นสมอง และเส้นชีวิต เส้นอื่น ๆ เป็นส่วนประกอบในทางพยากรณ์ทางวาสนาได้อีกคือ เส้นพฤหัส เส้นเสาร์ เส้นอาทิตย์ และเส้นพุธ แต่ มีเส้นสำคัญที่จะเป็นการเสริมชะตาให้แน่นอนเด่นขึ้นมาอีกคือ เส้นที่แยกตรงปลายเส้น

ความหมายตามลายเส้น

หมายเลข ๑-๑
เส้นหัวใจที่แยกตรงปลาย หมายถึงคนที่มีหัวใจดี และสามารถดำเนินชีวิต ที่มีความมั่นคงในด้านจิตใจที่เข้มแข็งขึ้นหมายเลข ๒-๒
เส้นสมองที่ปลายมีเส้นแยก แสดงถึงการมีมันสมอง ที่ดีกว่าคนธรรมดา สามารถคาดการณ์ ล่วงหน้าได้อย่างแม่นยำ

หมายเลข ๓-๓
เส้นชีวิต ที่ตรงปลายมีเส้นแยก แสดงถึงความมั่นคง ในชีวิต และการดำเนินชีวิต จะมีความสำเร็จ สุขภาพที่ดี มีหลักฐาน

ต้อย ตุลา

Wednesday, March 17, 2010

ลายมือเส้นแต่งงาน

การศึกษาลายมือจะหาของจริงได้ยาก แต่ก็มักจะเจอได้แบบแปลก ๆ น้อยมาก แต่อย่างไรก็ตามก็มีได้อย่างแน่นอน โดยเฉพาะเส้นแต่งงานมีหลายแบบ จะได้นำมาศึกษาอย่างละเอียดต่อไป แต่ที่สำคัญต้องหาประสบการณ์เอาเอง ซึ่งความจริงความลึกลับยังมีอีกมากมาย สำหรับเรื่องแต่งงาน ลายมือเส้นแต่งงาน ของคนที่จะแต่งงานกัน

หมายเลข ๑-๑
เส้นแต่งงานที่ยาวจากเนินพุธไปจนถึงเนินพฤหัส การแต่งงานจะทำให้เกิดความยิ่งใหญ่และมีอำนาจวาสนา
หมายเลข ๒-๒
เส้นแต่งงานที่ยาวจากเนินพุธไปจนถึงเนินเสาร์ การแต่งงานที่จะทำให้เกิดการงานที่ยิ่งใหญ่ที่จะได้รับ

หมายเลข ๓-๓
เส้นแต่งงานที่ยาวจากเนินพุธไปจนถึงเนินอาทิตย์ การแต่งงานจะทำให้เกิดความร่ำรวยและมีชื่อเสียงโด่งดังมาก

หมายเลข ๔-๔
เส้นแต่งงานที่ยาวและโค้งขึ้นไปยังเนินพุธแต่ไม่เป็นเส้นตรง หมายถึงการแต่งงานจะมีธุรกิจใหญ่โต

ความหมายของเส้นแต่งงานต้องพิจารณาเส้นอื่น ๆ ด้วยจะหวังที่เส้นแต่งงาน อย่างเดียวไม่ได้

ต้อย ตุลา
ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2553

เส้นแต่งงาน

การจะดูเส้นแต่งงานต้องมีประสบการณ์สูงพอสมควร การจะดูว่ามีคู่กี่คนอย่าเหมาเอาว่ามีจำนวนตามเส้นนั้น บางคนมีหลายเส้นแต่มีคู่คนเดียวและแต่งงานครั้งเดียว ดังนั้นการดูลายมือหรือการดูดวงชะตาแบบโหราศาสตร์ ต้องมีทั้งศาสตร์และศิลป์ เส้นแต่งงานที่ถูกต้องยาวและชัดเจน ส่วนเส้นสั้นและบางเป็นเส้นแค่ชอบพอกันเท่านั้น

ความหมายตามลายเส้น

หมายเลข ๑-๑
เส้นแต่งงานที่สั้น มีความหมายที่มีการแต่งงานแบบเพื่อนฝูงไม่ได้มีความรักลึกซึ้งอะไรมากนัก
หมายเลข ๒-๒
เส้นแต่งงานที่ยาวอยู่บนเนินพุธเต็มเนิน เป็นความหมายที่มีการแต่งงานที่แน่นอน และเป็นความรักที่แท้จริง

หมายเลข ๓-๓
เส้นแต่งงานที่ยาวมากไปจนถึงเนินอาทิตย์ เป็นความรักที่ยิ่งใหญ่และมีความจริงจังสุดซึ้ง และได้คู่ครองที่ดีร่ำรวยและมีชื่อเสียงการแต่งงานจะมีความยิ่งใหญ่อย่างสม เกียรติ

ความหมายของเส้นแต่งงานยังมีอีกมากจะต้องมีการศึกษาอีกมากมายต่อไป

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 13 กุมภาพันธ์ 2553

ลายมือของผู้ยิ่งใหญ่ระดับโลก

ความหมายของลายมือมีมากมายไม่รู้จบ แต่คนที่รู้จริง ๆ นั้นมีน้อย และมักถูกทำลายหรือเก็บเป็นความลับจนตัวตายไปกับความรู้ ตำราที่เขียนจึงเป็นส่วนน้อยมากที่ยังไม่เปิดเผย เพราะมีคุณค่ามหาศาล ใครเล่าจะเปิดเผยได้

ความหมายของลายมือ

หมายเลข ๑
เส้นพฤหัสที่มาจากจุดเดียวกันที่โคนมือ จะมีความหมายถึงความสำเร็จถึงทุกอย่างรวมกัน คืออำนาจและตำแหน่ง
หมายเลข ๒
เส้นเสาร์ที่มาจากจุดเดียวกัน มีความหมายถึงวาสนาที่มีความมั่นคงแน่นอน มีหลักฐาน และมีความสำเร็จยั่งยืนตลอดไป

หมายเลข ๓
เส้นอาทิตย์มาจากโคนมือจุดเดียวกัน หมายถึงชื่อเสียงเกียรติยศและอำนาจเงินทองมหาศาล เพราะมาจากจุดเดีียวกัน

หมายเลข ๔
เส้นพุธมาจากจุดเดียวกันมาจากเส้นอาทิตย์ เสาร์ และพฤหัส จึงมีความหมายถึงธุรกิจการค้าการลงทุนร่ำรวยมหาศาล

เส้นที่มาจากจุดเดียวกัน
เมื่อเส้นพฤหัส เสาร์ อาทิตย์ และพุธ มาจากจุดเดียวกันที่โคนฝ่ามือ ความหมายถึงประกอบด้วยอำนาจวาสนาชื่อเสียง เกียรติยศธุรกิจเงินทองในระดับโลกได้อย่างแน่นอน.

ต้อย ตุลา

เส้นอิทธิพลที่เกิดจากเส้นพฤหัส

เส้นพฤหัสถือว่าเป็นเส้นวาสนาที่ดีที่สุดเส้นหนึ่งในด้านความสำเร็จก้าวหน้า ระดับชั้นผู้นำระดับประเทศหรือของโลก คนที่จะมีเส้นพฤหัสที่ยาวจากฐานมือไปสู่เนินพฤหัสน้อยมาก

ความหมายตามลายเส้น
หมายเลข ๑-๑
เส้นพฤหัสที่เกิดจากฐานมือไปสู่ เนินพฤหัส แสดงถึงการเป็นผู้นำที่มีความสำเร็จใหญ่โต
หมายเลข ๒-๒
เส้นอิทธิพลที่เกิดจากเส้นพฤหัสไปสู่เนินเสาร์ เป็นความสำเร็จในการงานที่เป็นผู้นำในช่วงที่เส้นขึ้นขณะนั้น

หมายเลข ๓-๓
เส้นอิทธิพลที่เกิดจากเส้นพฤหัสไปสู่เนินอาทิตย์ หมายถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จมีชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่เงินทอง มหาศาล

หมายเลข ๔-๔
เส้นอิทธิพลที่เกิดจากเส้นพฤหัสและพุ่งไปสู่เนินพุธ หมายถึงความสำเร็จ ที่ก้าวหน้าร่ำรวยในการค้าและธุรกิจที่ยิ่งใหญ่

ต้อย ตุลา
ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 30 มกราคม 2553

เส้นอิทธิพลเกิดจากเส้นอาทิตย์

เส้นอาทิตย์เป็นเส้นวาสนาเส้นที่ดีที่สุดเส้นหนึ่ง ทางด้านชื่อเสียงการเงิน ความร่ำรวย และความสำเร็จทั่วไป ถ้าเป็นเส้นที่เกิดเดี่ยว ๆ ก็มีความหมายที่ดี แต่ถ้ามีเส้นแตกออกเป็นเส้นอิทธิพล ก็จะนำความสำเร็จได้มากขึ้น

ความหมายตามลายเส้น
หมายเลข ๑-๑
เป็นเส้นอาทิตย์ที่สวยงามมาก ขึ้นตรงจากฐานมือไปจนถึงเนินอาทิตย์ บ่งบอกถึงความสำเร็จและความร่ำรวย

หมายเลข ๒-๒
เส้นอิทธิพลเกิดจากเส้นอาทิตย์ไปถึงเนินพฤหัส หมายความว่าจะได้ตำแหน่งใหญ่ในบ้านเมือง

หมายเลข ๓-๓
เส้นอิทธิพลเกิดจากเส้นอาทิตย์ไป สู่เนินเสาร์ หมายถึง จะมีการขายที่ดินหลักทรัพย์หรือได้มรดก และความสำเร็จทั่วไป อีกด้วย

หมายเลข ๔-๔
เส้นอิทธิพลเกิดจากเส้นอาทิตย์ไปสู่เนินพุธ หมายถึง ความสำเร็จในการค้าการลงทุนจนเกิดความร่ำรวยมหาศาล

ต้อย ตุลา
ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 16 มกราคม 2553

เส้นอิทธิพลบนเส้นพุธ

เส้นพุธถือว่าเป็นเส้นวาสนาเส้นหนึ่ง มีความสำคัญไม่น้อยไปกว่าเส้น เสาร์เส้นอาทิตย์และเส้นพฤหัส เมื่อมี เส้นมาแยกไปสู่เนินต่าง ๆ ความสำคัญก็มากขึ้น

ความหมายตามลายเส้น

หมายเลข ๑-๑
เส้นพุธเป็นเส้นสุขภาพหรือเส้นที่เกี่ยวกับการค้าการลงทุน

หมายเลข ๒-๒
เส้นอิทธิพลแยกจากเส้นพุธไปสู่เนินอาทิตย์ การค้าจะร่ำรวยมาก

หมายเลข ๓-๓
เส้นอิทธิพลแยกจากเส้นพุธไปสู่เนินเสาร์ หมายถึงธุรกิจการค้าที่ดินการก่อสร้างจะร่ำรวย ตำแหน่งหน้าที่สูงขึ้น

หมายเลข ๔-๔
เส้นอิทธิพลแยกจากเส้นพุธไปสู่เนินพฤหัส หมายถึงการค้าการลงทุนในเรื่องการเมืองจะมีความสำเร็จสูงส่ง

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 23 มกราคม 2553

เส้นแต่งงานมีปัญหา

เส้นแต่งงานมีมากมายหลายแบบ คำพยากรณ์ก็แล้วแต่ประสบการณ์ที่มีมานาน และได้ทำสถิติเก็บไว้อย่างมากมาย นักพยากรณ์จึงอาจมีความเห็นแตกต่างกัน จำเป็นที่จะต้องศึกษาไปก่อนอย่าพยากรณ์ให้เกิดความผิดพลาดรุนแรง จะเกิดความเสียหายทางด้านวิชาการและความเสื่อมศรัทธาในวิชาลายมือ ดังนั้นจึงต้องใช้ความรู้ที่แท้จริงจากประสบ การณ์มากกว่าที่จะยึดถือตามตำราและมีเส้นแต่งงานอีกแบบหนึ่งที่ควรศึกษาต่อไปนี้

หมายเลข ๑
เส้นแต่งงานที่โค้งลงไปสู่เส้นใจ มีความเห็นแตกต่างกัน แต่ความเห็นจะหมายถึงการแต่งงานกำลังจะมีการตกลงเกิดขึ้นในเร็ววันนี้
หมายเลข ๒
เส้นแต่งงานที่ปลายแยก จะมีความเห็นถึงการแตกแยกกับคู่ครองต่างคนต่างอยู่ หรือคู่ครองได้แยกกันไปอยู่ต่างแดนต่างประเทศ

หมายเลข ๓
เส้นแต่งงานที่มีเกาะในเส้นหรือปลายเส้นหรือจะเป็นจุดดำก็ได้ เป็นความหมายไม่ดี เรื่องความผิดหวังและความเศร้าอย่างหนัก

หมายเลข ๔เส้นแต่งงานที่งอขึ้นไปด้านบน แสดงถึงความรักกำลังจะจืดจางหรือขาดความสนใจในเรื่องคู่ครองไม่ยอมแต่งงานหรือขึ้นคาน

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ เสาร์ ที่ 27 กุมภาพันธ์ 2553

ข้อคิดคนดัง

ผมบอกพนักงานอยู่เสมอ คือในโลกนี้ ไม่มีคนไหนเก่งไปตลอดกาล
วันนี้คุณอาจเก่ง แต่พรุ่งนี้ อาจมีคนเก่งกว่าคุณ เพราะฉะนั้น
คนใดก็ตามที่ภูมิใจว่า ตนเองเก่ง จงจำเอาไว้ได้เลยว่า
ความหายนะใกล้มาถึงตัวคุณแล้วความโง่คืบคลานมา ใกล้ตัวคุณแล้ว
------------ --------- --------- --------- --------- ธนินท์ เจียรวนนท์


ผมพร้อมจะ เป็นน้ำนิ่ง อาจมีเขื่อนมาขวางหน้า แต่ถ้าวันใด
ที่เขื่อนนั้นเปราะ บางและโอกาสแห่งการสำแดงพลังมาถึง
ผมก็พร้อมจะกลายเป็นกระแสน้ำที่เชี่ยว กรากโหมกระหน่ำใส่ทุกสิ่งที่ขวางกั้น
แม้กระทั่งเขื่อนที่ครั้งหนึ่งผม เคยสยบยอมก็ตาม
------------ --------- --------- --------- --------- เจริญ สิริวัฒนภักดี

ถ้าคุณอดทน เพื่อจะทำอะไรสักอย่างให้สำเร็จ
คุณจำเป็นอย่างมากที่จะต้องลงมือศึกษา เรื่องนั้นๆ อย่างเป็นจริงเป็นจัง
แต่ถ้าคุณไม่อดทน โอกาสที่คุณจะผิดพลาดก็ย่อมมีสูงเช่นกัน
------------ --------- --------- --------- ------- อนันต์ กาญจนพาสน์


จงเดินไปหาภูเขา อย่าให้ภูเขาเดินมาหาเรา เพราะผมคิดว่า
ปกติ ผู้บริหารทั่วไปมักจะเรียกพนักงานมาประชุมกับเรา
มันเหมือนเราย้าย พนักงานทั้งกองทัพมาหาเรา แต่สำหรับผมผมจะเดินไปหาเขา
ผมบอกลูกน้อง ของผมว่าเราต้องเดินไปหาลูกค้า อย่าให้ลูกค้ามาหาเรา
------------ --------- --------- --------- -------- พรเทพ พรประภา

ใน เรื่องของการพิจารณา ความดีความชอบ
ผมจะฟังเสียงตอบรับจากลูกค้าเป็นหลัก ว่าลูกน้องแต่ละคนทำงานลงไปแล้วลูกค้า
พอใจแค่ไหนอย่างไร
ผมจะ ไม่เชื่อหัวหน้าอย่างเดียวเพราะถ้าเกิดหัวหน้าบางคนไม่ชอบลูกน้อง อาจ
เกิดกรณีหัวหน้าแกล้งลูกน้องได้
------------ --------- --------- --------- ------ ประกิต อภิสารธนรักษ์

ผมมีหลักของอาจารย์ที่สอนผมอย่างหนึ่งว่า มนุษย์เกิดมาไม่มีใครเก่งที่สุด
ดีที่สุด หรือแม้แต่เลวที่สุด
เพราะ คนที่ดีสุดและเลวที่สุดได้ตายจากโลกนี้นานแล้ว
คนที่เหลืออยู่จึง เป็นเพียง ชีวิตที่มีขึ้นมีลงอย่างเดียว
------------ --------- --------- --------- -- ไชยวัฒน์ เหลืองอมรเลิศ

ไม่ว่าคุณจะ ทำอะไรก็ตามคุณต้องศึกษาให้รู้แจ้งเสียก่อน ก่อนที่จะลงมือทำ
และ เมื่อลงมือทำแล้ว ก็ต้องทำให้จริงๆ จังๆให้มันรู้ไปเลยว่า
เราทำไม่ไหว แล้ว
------------ --------- --------- --------- --------- - ชวน ตั้งมติธรรม

1. จงเผชิญกับความจริงอย่างที่เป็นอยู่ มิใช่อย่างที่คุณอยากเป็น
2. จริงใจกับทุกคน
3. อย่าเป็นแค่นักบริหารแต่จงออกไปนำทัพ
4. จงเปลี่ยนแปลงก่อนที่เหตุการณ์จะบังคับให้ต้องเปลี่ยน
5. ถ้าท่านไม่มีจุดแข็ง หรือข้อได้เปรียบจงอย่าแข่งกับเขา
6. จงคุมชะตาด้วยตนเองมิฉะนั้น ผู้อื่นจะมาคุมแทน
------------ --------- --------- ------ ท่านผู้หญิงนิรมล สุริยสัตย์

ในการทำงานใดๆ ไม่ว่าจะเป็นลูกจ้าง
หรือนายจ้างควรจะรับฟังความคิดของผู้ร่วมงาน เสมอ
การเปิดใจรับฟังความคิดเห็นของผู้อื่น
คือเป็นการเพิ่มประ สบการณ์อื่นเป็นความรู้
นอกเหนือจากที่ได้รับมาจากการเอา เปรียบผู้อื่น
ไม่ใช่ความสำเร็จที่แท้จริง
------------ --------- --------- --------- -------- โพธิ์พงษ์ ล่ำซำ

ที่ชอบเป็นพิเศษ คือคำพูดของซุนวู่ ที่บอกว่า รู้เขา รู้เรา
รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง ผมฟังปุ๊บ รู้สึกประทับใจทันทีและเข้าใจว่า
คนเราถ้าอยู่ใกล้ใคร มักอยากเป็นแบบนั้น
ตอนนั้นจำได้ว่าผมอยากเป็นนักเขียนมาก
แต่ ที่ได้รับคำแนะนำว่าถ้าคุณอยากเขียนหนังสือจงเริ่มต้นจากสิ่งที่ คุณรู้
ก่อนเป็นอันดับแรก
------------ --------- --------- --------- ----- อมรเทพ ดีโรจนวงศ์

เรื่องมีอยู่ว่า ชาวนาจีนแก่ ๆ
คนหนึ่งเดินไปตามถนนบนบ่ามีมีไม้พาดอยู่และ ที่ปลายไม้นั้นก็มีหม้อดินใส่แกง
จืดเต้าหู้ผูกห้อยไว้ ขณะที่เดินไปเขาเกิดสะดุดก้อนหิน
และหม้อดินก็หล่นลงกระทบพื้นแตก กระจัดกระจายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
ชาวนาผู้เฒ่าคนนี้ก็ลุกขึ้นแล้วก้ม หน้าก้มตาเดินต่อไป
โดยไม่แสดงความรู้สึกใด ๆ
ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เห็น เหตุการณ์รีบวิ่งมาหา แล้วพูดด้วยความตื่นเต้นว่า
"นี่ ๆ พ่อเฒ่าท่านไม่รู้หรือว่าหม้อดินหล่น"
ชายชราหันไปตอบว่า "ฉันรู้ ฉันได้ยินเสียงมันหล่นอยู่"
ผู้ อ่อนอาวุโสมีสีหน้าประหลาดใจเมื่อได้ยินคำตอบเช่นนั้น
"อ้าว แล้วทำไมท่านไม่ย้อนกลับไปทำอย่างใดอย่างหนึ่งล่ะ"
สีหน้าของผู้ เฒ่ายังเป็นปกติขณะที่ตอบชายหนุ่มด้วยคำพูดที่หนักแน่นชัดเจนว่า
" ก็หม้อดินมันแตกแล้วแกงจืดก็ไม่เหลือแล้วจะให้ฉัน ทำอะไรอีกล่ะ"
พูดจบชายชราผู้มากด้วยประสบการณ์ ชีวิตก็ย่างเท้าก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นคง
วันวานนี้สิ้นสุดลงตั้ง แต่เมื่อคืนนี้แล้ว ทุก ๆ วันคือจุดเริ่มต้นใหม่
เรียนทักษะของการ ลืมอดีต แล้วก้าวไปข้างหน้าด้วยความมั่นใจ
เสมอต้น,เสมอปลาย...

ชีวิตพอเพียง แบบ Warren Buffet

ชีวิตพอเพียง แบบ Warren Buffet

ชายแก่คน นั้นทำงานในบริษัท แต่เขาไม่มีโทรศัพท์มือถือ ไม่มีเครื่องคอมพิวเตอร์ ไม่มีคนขับรถขับรถคันเก่าไปไหนมาไหนด้วยตัวเอง

เขาไม่ใช่คนยากไร้ ตรงกันข้ามเขาเป็นคนร่ำรวยอันดับที่หนึ่งของโลก* ประมาณว่าความร่ำรวยราวห้าหมื่นสองพันล้านดอลลาร์ ด้วยเงินของเขาสามารถซื้อเครื่องบินส่วนตัวได้หลายลำ แต่เขาไม่เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัว เขาอาศัยอยู่ในบ้านหลังเดิมที่เขาซื้อเมื่อครึ่งศตรรษที่แล้ว กินอาหารง่ายๆ ใช้ชีวิตง่ายๆ การหย่อนใจของเขาคือนอนดูโทรทัศน์รายการโปรดบนโซฟา กินข้าวโพดคั่วที่ทำเอง เขาไม่ใช่คนขี้เหนียว ตรงกันข้ามเขาเพิ่งบริจาคเงิน 83 เปอร์เซ็นต์ของเขาให้องค์กรการกุศล (ประมาณสามหมื่นล้านดอลลาร์) เป็นเงินบริจาคที่สูงที่สุดก้อนหนึ่งในประวัติศาสตร์ ชายแก่คนนั้นชื่อ วอร์เรนบัพเฟตต์

วอร์เรน บัฟเฟตต์ เริ่มทำงานครั้งแรกกับพ่อตอนอายุสิบเอ็ดขวบ เป็นงานนายหน้าค้าหุ้น ปีนั้นเขาซื้อหุ้นตัวแรก คือหุ้น ซิตีส์ เซอร์วิสเซส หุ้นละ 38.25 เหรียญ เขาขายเมื่อหุ้นขึ้นถึง 40 เหรียญ และไม่กี่ปีต่อมามันขึ้นถึง 200 เหรียญ สิ่งนี้สอนให้เขาเห็นค่าของการลงทุนกับหุ้นที่ดีใน ระยะยาว อายุสิบสี่ เขาซื้อที่ดิน 40 เอเคอร์ ราคา 1,200 เหรียญ แล้วให้ชาวนาเช่า ตอนเป็นนักเรียนมัธยมปลาย เขากับเพื่อนซื้อเครื่องเล่นพินบอลราคา 25 เหรียญ ตั้งในร้านตัดผม ภายในสามเดือนพวกเขามีเครื่องสามเครื่องในร้านต่างๆเมื่ออายุสิบ หกเขามีเงินเก็บถึงห้าพันเหรียญเขารู้สึกว่าการเรียนในวิทยาลัย เป็นความสูญเปล่า แต่ก็ยอมเรียนต่อเพราะพ่อขอไว้ และเป็นนักศึกษาระดับต้นๆ ด้วยคะแนนสูงลิ่วเมื่อเรียนจบ เขาก็ไปทำงานไม่กี่ปีก็ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ในวัยยี่สิบหก สร้างตัวมาจากความไม่มีด้วยสองมือจนกลายเป็นซีอีโอของบ ริษัทขนาดยักษ์เงินเดือนทั้งปีของเขาในปี 2549 คือ หนึ่งแสนเหรียญ จัดว่าน้อยมากสำหรับหมายเลขหนึ่งของบริษัท ซีอีโอทั่วไปมีรายได้ต่อปีเฉลี่ยเก้าล้านดอลลาร์เขาบอกว่า สหรัฐอเมริกาจ่ายเงินให้นักมวยสิบล้านเพื่อที่จะน็อกคู่ต่อสู้ให้ ล้มในเวลาสิบวินาที แต่ไม่สามารถจ่ายเงินดีแก่ครูที่เก่งที่สุด พยาบาลที่ดีที่สุด เป็นการจ่ายที่ไม่สมเหตุผลอย่างยิ่งเขาเห็นคุณค่าของ การทำงานที่เป็นประโยชน์เท่านั้นด้วยเหตุนี้เขาจึงไม่คิดจะย้าย บ้านที่อยู่มาตั้งแต่หนุ่มไปอยู่คฤหาสน์ที่ไหนสักแห่ง เขาบอกว่า ซื้อบ้านใหม่ทำไม ในเมื่อเขามีทุกอย่างที่ต้องการในบ้านหลังนี้แล้ว การย้ายบ้านเพียงเพื่อให้ 'สมฐานะ' ของตัวเองเป็นเรื่องเหลวไหล หลายปีก่อนเคยมีการสัมภาษณ์มหาเศรษฐีชั้นนำของโลกจำนวนหนึ่ง และพบว่ามหาเศรษฐีที่ร่ำรวยจริงๆ ล้วนเป็นคนมัสยัสถ์อย่างยิ่ง ใช้เงินเท่าที่จำเป็น เพราะพวกเขาเห็นว่าเงินทองไม่ใช่ทุกสิ่งในชีวิต โลกเราเต็มไปด้วยคนรวยกลวงๆ คนที่พยายามทำตัวให้ดูรวย เมื่อไม่มีเงินก็พยายามกู้เงินมาด้วยค่านิยมที่ว่า"คนที่กู้เงิน ได้คือคนที่มีเครดิต"คนรวยเช่น วอร์เรน บัฟเฟตต์ กลับบอกว่าจงหลีกห่างจากบัตรเครดิตไปไกลๆที่แตกต่างจาก คนอื่นก็คือ ลูกหลานของเขาจะไม่ได้รับมรดกมากเท่าส่วนบริจาค เขาบอกว่า "ผมต้องการให้ลูกหลานของผมมากพอที่พวกเขารู้สึกว่า สามารถทำอะไรก็ได้แต่ไม่มากพอที่ทำให้พวกเขาไม่ทำอะไรเลย"เมื่อ มองทะลุวัตถุนิยม ก็เริ่มแลเห็นความหมายและคุณค่าที่แท้จริงของชีวิต
Your browser may not support display of this image.

บท สัมภาษณ์หนึ่งชั่วโมงของสถานีโทรทัศน์ CNBC สัมภาษณ์ วอร์เรน บัพเฟตต์ มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ซึ่งบริจาคเงินให้การกุศล 31,000 ล้านดอลล่าร์

ต่อไป นี้คือแง่มุมบางส่วนที่น่าสนใจยิ่งจากชีวิตของเขา:

1) เขา เริ่มซื้อหุ้นครั้งแรกเมื่ออายุ 11 ขวบและปัจจุบันบอกว่ารู้สึกเสียใจที่เริ่มช้าไป!

2) เขา ซื้อไร่เล็กๆเมื่ออายุ 14 โดยใช้เงินเก็บจากการส่งหนังสือพิมพ์

3) เขายังอาศัยอยู่ในบ้านเล็กหลังเดิมขนาด 3 ห้องนอนกลางเมืองโอมาฮา ที่ซื้อไว้หลังแต่งงานเมื่อ 50 ปีก่อน เขาบอกว่ามีทุกสิ่งที่ต้องการในบ้านหลังนี้บ้านเขาไม่มีรั้ว หรือกำแพงล้อม

4) เขาขับรถไปไหนมาไหนต้วยตนเอง ไม่มีคนขับรถหรือคนคุ้มกัน

5) เขาไม่ เคยเดินทางด้วยเครื่องบินส่วนตัวแม้จะเป็นเจ้าของบริษัทขาย เครื่องบินส่วนตัวที่ใหญ่สุดในโลก

6) บริษัท เบิร์กไช แฮทะเวย์ ของเขามีบริษัทในเครือ 63 บริษัทเขาเขียนจดหมายถึงซีอีโอของบริษัท เหล่านี้เพียงปีละฉบับเดียวเพื่อให้เป้าหมายประจำปี เขาไม่เคยนัดประชุมหรือโทรคุยกับซีอีโอเหล่านี้เป็นประจำ

7) เขา ให้กฎแก่ซีอีโอเพียงสองข้อ กฎข้อ1 อย่าทำให้เงินของผู้ถือหุ้นเสียหาย กฎข้อ 2 อย่าลืมกฎข้อ1

8 ) เขาไม่สมาคมกับพวกไฮโซ การพักผ่อนเมื่อกลับบ้านคือทำข้าวโพดคั่วกินและดูโทรทัศน์

9) บิล เกตส์ คนที่เคยรวยที่สุดในโลกเพิ่งพบเขาเป็นครั้งแรกเมื่อห้าปีก่อน บิล เกตส์ คิดว่าตนเองไม่มีอะไรเหมือน วอร์เรน บัพเฟตต์ เลย จึงให้เวลานัดไว้เพียงครึ่งชั่วโมง แต่เมื่อ บิล เกดส์ได้พบ บัฟเฟตต์ จริงๆปรากฏว่าคุยกันนานถึงสิบชั่วโมง และ บิลเกตส์กลายเป็นผู้มีศรัทธาในตัววอร์เรน บัพเฟตต์

10) วอร์เรน บัพเฟตต์ ไม่ใช้มือถือและไม่มีคอมพิวเตอร์บนโต๊ะทำงาน

11) เขา แนะนำเยาวชนคนหนุ่มสาวว่า: จงหลีกห่างจากบัตรเครดิตและลงทุนในตัวคุณเอง

ที่สุดของชีวิต คือ มีปัจจัย๔ อย่างพอเพียง นั่นคือ
  • มหาเศรษฐีหรือยาจก กินข้าวแล้วก็อิ่ม 1 มื้อเท่ากัน
  • มหา เศรษฐีหรือยาจก มีเสื้อผ้ากี่ชุดก็ใส่ได้ทีละชุดเท่ากัน
  • มหา เศรษฐีหรือยาจก มีบ้านหลังใหญ่แค่ไหนพื้นที่ที่ใช้จริงๆก็เหมือนกันคือห้องนอน ห้องน้ำ ห้องครัว เหมือนกัน
  • มหา เศรษฐีหรือยาจก จะมียารักษาโรคดีแค่ไหนยื้อชีวิตไปได้นานเพียงไรสุดท้ายก็ต้องตาย เหมือนกัน

Wednesday, March 10, 2010

พ่อ + แม่ + ลูก อ่านเถอะ 3 นาที อาจช่วยพลิกชีวิตได้

เรื่องนี้น่าสนใจอ่านแล้วดีมาก ๆ อ่านให้จบนะคะ เสียเวลาเพียง 3 นาทีเองสำหรับคนที่เป็นพ่อแม่ กำลังจะเป็น และคนที่เป็นลูก

เรื่องนี้ไว้สอนสำหรับคนเป็นพ่อแม่โดยเฉพาะ อ่านแล้วค่อยให้ลูก ๆ อ่านต่อ

ในระหว่างทานข้าวกลางวัน วนิดาซึ่งเป็นซีอีโอ
ถามกิตติผู้บริหารระดับสูงคนหนึ่งที่รายงานตรงต่อเธอว่า

“กิตติ พี่สังเกตว่าคุณไม่เคยปิดมือถือเลย แม้กระทั่งเวลาประชุม แล้วพี่ก็เห็นคุณขอตัวออกไปจากที่ประชุมกลางคันเพื่อรับโทรศัพท์ พี่อยากรู้ว่าเป็นโทรศัพท์ของใครหรือ ทำไมมันสำคัญขนาดรอจนจบประชุมไม่ได้ พี่เห็นเป็นประจำเลยนะ”

กิตติมีท่าทีอึดอัด เขาตอบว่า
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เรื่องส่วนตัวนะครับ ผมขอโทษ”

วนิดายิ้มแบบผู้ใหญ่ใจดี เธอเงียบไปสักครู่จึงพูดต่อ

เธอจะตำหนิเขาโดยตรงในเรื่องพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมในที่ประชุมแบบเจ้านายกับลูกน้อง วิธีนี้ได้ผล! กิตติสารภาพออกมาแบบกระอักกระอ่วน

“ก็...คือว่า...พี่อย่าโกรธผมนะครับ มันเป็นโทรศัพท์มาจากลูกสาวผมเอง

เธอเพิ่งไปเรียนไฮสคูลที่ออสเตรเลียเมื่อไม่กี่เดือน
โรงเรียนที่ลูกสาวผมเรียนนี้ค่อนข้างจะเข้มงวด แถมมีการบ้านจมเลย
ตอนลูกสาวผมเรียนที่นี่ ผมช่วยติวและทำการบ้านร่วมกับเธอบ่อยๆ
ลูกคนเดียวเธอคือดวงใจของผมเลยครับ ผมบอกเธอว่าไปอยู่นั่น
ติดขัดเรื่องการบ้านละก็โทรมาหาผมได้ทุกเมื่อไม่ว่าจะเป็นเวลาใด
ผมจะคอยช่วยเหลือเธอผมไม่ต้องการเห็นเธอล้มเหลว

ตอนค่ำเมื่อกลับบ้านผมก็แทบจะไม่ได้พักผ่อน
แต่จะไปช่วยเธอทำการบ้านแล้วก็แฟ็กซ์ส่งไปเรื่องคณิตศาสตร์บ้าง
ภาษาอังกฤษบ้าง ผมอยากให้เธอประสบความสำเร็จ

ผมต้องขอโทษที่บริหารเวลาไม่ค่อยได้เรื่อง ”
กิตติจบเรื่องลงด้วยท่าทีละอายใจ วนิดาแสดงความเห็นใจ

“เรื่องของคุณมันฟังแล้วคุ้นๆมากเลย พี่พอจะจินตนาการออก ถึงความลำบากใจของเธอ พี่เองก็มีลูกสาวเรียนปริญญาโทอยู่ที่อเมริกา
พี่เคยทำแบบคุณเหมือนกัน เพราะลูกสาวพี่จบตรี แล้วไปต่อโทเลย จึงไม่มีประสบการณ์ในการทำงาน ดังนั้นพอทำกรณีศึกษาก็มักจะ ไม่ทันเพื่อนเขา หรือไม่เข้าใจ แถมยังไม่กล้าถามอาจารย์อีก

พี่เลยต้องช่วยทำเคส แล้วก็อีเมล์ไปให้เธอ แต่ว่าตอนนี้พี่หยุดช่วยเธอแบบนั้นแล้วล่ะค่ะ ”

กิตติถามด้วยความประหลาดใจ

“ ทำไมล่ะครับ พี่ไม่รักเธอแล้วหรือ หรือว่าพี่เห็นว่างานมีความสำคัญกว่าครอบครัวครับ ”

วนิดาตอบพร้อมกับยิ้มอย่างอารมณ์ดีว่า

“ พี่ยังรักลูก และเห็นคุณค่าของครอบครัวและงานเหมือนเดิม

พี่โชคดีที่มีเพื่อนชาวอเมริกันคนหนึ่ง เขาสังเกตเห็นวิธีที่พี่ช่วยลูกสาว

แล้ววันหนึ่งเขาก็ให้หนังสือเล่มหนึ่งชื่อ The Power of Failure

โดย Charles C. Manz และมีการแปลเป็นไทยในชื่อ วิกฤติคือโอกาส

โดยพสุมดี กุลมา เรียบเรียงโดย นราธิป นัยนา

เพื่อนอเมริกันเขาคั่นเรื่องๆหนึ่งให้พี่อ่านโดยเฉพาะเลย พี่จะเล่าให้เธอฟัง ”

........

มีชายคนหนึ่งนั่งมองผีเสื้อที่กำลังดิ้นรนจะออกจากรังไหม

เจ้าผีเสื้อดิ้นรนไปซักพัก จนกระทั่งใยรังไหมเริ่มขาดเป็นรูเล็กๆ

ชายคนนั้นมองด้วยความสนใจ เจ้าผีเสื้อดูเหมือนจะหยุดไป ที่จริงผีเสื้อมันพักเพื่อที่จะดิ้นรนต่อไป

แต่ว่าชายคนนั้นคิดไปเองว่าผีเสื้อคงติดใยรังไหม ไม่สามารถจะออกมาได้ด้วยตนเอง

ด้วยความหวังดี เขาจึงนำกรรไกรขนาดเล็กมาตัดใยรังไหมนั้น ทำให้รูมันขยายใหญ่ขึ้น เจ้าผีเสื้อเห็นรูขยายใหญ่ขึ้นมันก็คลานต้วมเตี้ยมออกมา แต่เขาสังเกตว่าตัวมันมีขนาดเล็กกว่าปกติ ปีกเหี่ยวย่น แถมลำตัวของเจ้าผีเสื้อก็มีลักษณะบวมผิดปกติ กลายเป็นว่าในขณะที่ผีเสื้อต้องดิ้นรนออกแรงตะเกียกตะกาย เพื่อพยายามจะดันตัวมันออกจากรังไหมนั้น เป็นกระบวนการธรรมชาติที่จะกระตุ้นให้ของเหลวชนิดหนึ่ง ที่อยู่ในลำตัวผีเสื้อเคลื่อนที่มาสู่ปีก เพื่อทำให้ปีกแข็งแรงเพียงพอจะบินได้

ด้วยความปรารถนาดีของชายคนนั้น

ผีเสื้อตัวนี้ปีกจึงเหี่ยวย่นไม่แข็งแรงเพียงพอจะบินได้

แถมยังมีรูปร่างพิกลพิการ เพราะของเหลวที่ควรจะอยู่ที่ปีก ดันไปติดคั่งค้างอยู่ที่ลำตัว

เจ้าผีเสื้อตัวนี้ออกจากใยมาได้ด้วยความสบาย

แต่ต้องพิกลพิการ และบินไม่ได้ไปชั่วชีวิตของมัน

.....

อุปสรรคและความล้มเหลวในชีวิตของคน ก็คล้ายๆกันกับสิ่งที่เจ้าผีเสื้อเผชิญ ไม่ว่าจะเป็นการเรียนรู้ ความก้าวหน้าในชีวิต การพัฒนาทักษะ ความกล้าหาญ ความมุ่งมั่น ล้วนแล้วแต่น่าสงสารและน่าเห็นใจ แต่จะได้คุณค่ามาก็ด้วยการล้มเหลวอย่างถูกวิธี เราจะคาดหวังว่าจะประสบความสำเร็จในชีวิต โดยไม่มีความล้มเหลวนั้นเป็นไปไม่ได้ เมื่อเราเผชิญอุปสรรค แล้วเราหลีกเลี่ยงที่จะแก้ไขหรือต่อสู้กับมัน เท่ากับว่าเรากำลังเสียโอกาสสำคัญในการเรียนรู้บทเรียนที่จำเป็นอย่างยิ่งต่อความสำเร็จในชีวิตของคน

กิตติฟังด้วยความสนใจ
“โอ้โฮ เรื่องนี้จุดประกายน่าดูครับ แต่ผมกลัวว่าลูกผมจะเกลียดผมนะซีครับ ”

วนิดาเสริมต่อ
“มีคำพูดที่ว่า 'No pain No gain' "ไม่เจ็บ ไม่ได้เรียนรู้"

ที่จริงพวกเรานะผิดเองที่ป้อนลูกๆ เรามากไป

สำหรับกรณีของพี่ พี่อธิบายให้ลูกเขาเข้าใจด้วยการเล่าเรื่องนี้แหละ

หลังจากนั้น พี่ก็ขอโทษสำหรับการให้ความช่วยเหลือลูกแบบผิดๆในอดีต

ลูกๆ ของเราเขาฉลาดพอจะเข้าใจเรื่องราวเหล่านี้นะ ...

กิตติ คุณลองมองไปรอบๆตัวเราสิ เรามีพนักงานที่มีความรู้ มาจากครอบครัวที่มีฐานะ หลายคนที่เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ พวกเขาไม่อดทนต่อปัญหาและอุปสรรค คนที่ควรถูกตำหนิคือ พ่อแม่ของเขา คุณอยากถูกคนอื่นเขาต่อว่าแบบนี้ในอนาคตไหมล่ะ

แถมลูกๆ ของเรายังอ่อนแอไม่สามารถจะฟันฝ่าปัญหาอุปสรรคได้ .....

คุณมีสิทธิ์เลือกนะ … ”

Saturday, March 6, 2010

เส้นอิทธิพลที่เกิดจากเส้นเสาร์

เส้นเสาร์หรือที่เรียกกันว่าเส้นวาสนา ได้เส้นหนึ่ง ความจริงเส้นอาทิตย์ เส้นพุธ และเส้นพฤหัสก็เป็นเส้นวาสนาได้เช่นเดียวกัน แต่เส้นเสาร์จะเป็นเส้นหลักในการดำเนินชีวิตที่มั่นคง เหมือนเส้นชีวิต เส้นสมองและเส้นหัวใจได้เลย เส้นเสาร์แม้จะเกิดเพียงสั้น ๆ ไม่จำเป็นต้องยาวไปถึงเนินเสาร์ ก็ถือว่ามีค่าด้วยกัน แต่การพยากรณ์ต้องใช้วิธีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เส้นที่แยกจากเส้นเสาร์มีความสำคัญที่จะบ่งบอกถึงความสำเร็จในระยะที่เส้น ขึ้น และอาจจะหายไปก็ได้ เราเรียกว่าเส้นอิทธิพล

เส้นอิทธิพลที่เกิดบนเส้นวาสนา (เสาร์)

หมายเลข ๑-๑
เส้นเสาร์พุ่งตรงขึ้นไปถึงเนินเสาร์ เป็นหลักว่าจะทำงานอย่างมั่นคงไม่เปลี่ยนแปลง

หมายเลข ๒-๒
เส้นอิทธิพลแยกจากเส้นเสาร์ไปยังเนินพฤหัส มีความหมายถึงความยิ่งใหญ่ก้าวหน้า

หมายเลข ๓-๓
เส้นอิทธิพลแยกจากเส้นเสาร์ไปยังเนินอาทิตย์ หมายถึง การเงินและชื่อเสียงเด่นดังขึ้น

หมายเลข ๔-๔
เส้นอิทธิพลที่แยกจากเส้นเสาร์ไปสู่เนินพุธ หมายถึง ความสำเร็จในด้านการค้าร่ำรวย

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 09 มกราคม 2553

ลายมือที่มีความสำเร็จด้วยตนเอง

ความสำเร็จที่เกิดจากตนเองไม่ว่าทางการงานการเงิน การ ค้าและธุรกิจต่าง ๆ มาจากความสามารถของตนเองและต้องผ่านอุปสรรคและต้องต่อสู้ด้วยตนเองมีดังนี้ความหมายตามลายเส้น

ความสำเร็จที่เกิดจากตนเองไม่ว่าทางการงานการเงิน การ ค้าและธุรกิจต่าง ๆ มาจากความสามารถของตนเองและต้องผ่านอุปสรรคและต้องต่อสู้ด้วยตนเองมีดังนี้

หมายเลข ๑-๑
เส้นพฤหัสมาจากเส้นชีวิต ความสำเร็จการงาน ตำแหน่งหน้าที่มาจากตนเองด้วยความสามารถเป็นพิเศษของตนเองเท่านั้น

หมายเลข ๒-๒
เส้นเสาร์มาจากเส้นชีวิต ความสำเร็จทางการงานทุกอย่างจะต้องผ่านอุปสรรคอย่างมาก และต้องเลี้ยงดูคนอื่นอีกด้วย

หมายเลข ๓-๓
เส้นอาทิตย์มาจากเส้นชีวิต ความสำเร็จทางการเงินความร่ำรวยทุก อย่างมาจากพร สวรรค์ของตนเองและชีวิตเด่นดัง

หมายเลข ๔-๔
เส้นพุธมา จากเส้นชีวิต ความสำเร็จทางการค้าหรือธุรกิจทุกอย่างการค้าการลงทุนทุกอย่างและความร่ำรวยมาจากตนเอง.

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ 19 ธันวาคม 52

ลายมือที่มีความสำเร็จด้วยปัญญา

ความสำเร็จที่เกิดจากปัญญาความคิด การวางแผนในอนาคตที่ไม่ผิดพลาด มีความรู้การศึกษาที่ดี และสามารถดำเนินการชีวิตด้วยมันสมองและความสามารถของตนเอง จนประสบความสำเร็จทั้งการงานการเงินและชื่อเสียงอันโด่งดัง ก็ด้วยเส้นสมองมีเส้นแยกไปสู่เนินต่าง ๆ ดังนี้

ความหมายตามลายเส้น

หมายเลข ๑-๑
เส้นพฤหัสมาจากเส้นสมอง จะประสบความสำเร็จในการศึกษามีความรู้สูง สติปัญญาดีในการบริหารการปกครองที่สูงส่งได้

หมายเลข ๒-๒
เส้นเสาร์มาจากเส้นสมอง หมายถึงการทำงานใหญ่ที่มีความก้าวหน้าในตำแหน่งหน้าที่ มีกิจการที่ยิ่งใหญ่ด้วยความสามารถของตนเอง

หมายเลข ๓-๓
เส้นอาทิตย์มาจากสมอง จะมีความสำเร็จมีชื่อเสียงโด่งดังมีฐานะการเงินมหาศาล มีการลงทุนการค้าขนาดใหญ่ ด้วยปัญญาของ ตนเอง

หมายเลข ๔-๔
เส้นพุธมาจากเส้นสมอง หมายถึงความสำเร็จในการค้าการตลาดที่มีความสามารถในการลงทุนด้วยความคิดและความสามารถ ตนเอง.

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 26 ธันวาคม 2552

ความสำเร็จอยู่ที่ใจ

เรื่องใจเป็นเรื่องสำคัญในการดำเนินชีวิตที่จะมีความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่หรือไม่ ก็อยู่ที่ใจจะถึงหรือไม่ คนที่ใจ ไม่ถึงไม่สามารถทำงานใหญ่ได้ และไม่สามารถที่จะเป็นผู้นำได้ ผู้ที่มีชื่อเสียงหรือผู้ทำงานในระดับโลกต้องอยู่ที่เส้นใจเป็นหลัก

หมายเลข ๑-๑
เส้นใจที่แยกไปสู่เนินพฤหัส มีความสำเร็จในด้านบริหารที่ยิ่งใหญ่ เป็นที่เคารพนับถือมีบารมีสูง

หมายเลข ๒-๒
เส้นใจที่แยกไปสู่เนินเสาร์ มีความสำเร็จในการงาน การบริหารที่มีตำแหน่งใหญ่ มีอำนาจวาสนา

หมายเลข ๓-๓
เส้นใจที่แยกไปสู่เนินอาทิตย์ มีชื่อเสียงโด่งดังรวมทั้งการเงินมีไม่ขาด หาเงินได้อย่างคล่องตัว

หมายเลข ๔-๔
เส้นใจที่แยกไปสู่เนินพุธ มีความสำเร็จในเรื่องการค้าการลงทุน มีวาจาคำพูดหรือการเจรจาสำเร็จ.

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 02 มกราคม 2553

Monday, March 1, 2010

เสื้อเกราะกันกระสุน

เมื่อหลายปีก่อน มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลธัญบุรี ได้เปิดตัวเสื้อเกราะกันกระสุน จากเส้นใยไหมแท้ 100% เป็นตัวแรกของโลกมาแล้ว เสื้อเกราะดังกล่าวผลิตขึ้นด้วยกระบวนการทอลายตะกร้า น้ำหนัก 1.6 กิโลกรัม สามารถป้องกันกระสุนปืนขนาด .22, .38 และ 11 มม. ด้วยราคาต้นทุนในงานวิจัยตัวละประมาณ 8-9 พันบาท

จากความสำเร็จดังกล่าว ทีมนักวิจัย ประกอบด้วย รศ.สุจิระ ขอจิตต์เมตต์, ผศ.ดร.สมประสงค์ ภาษาประเทศ และผศ.ดร.อภิชาติ สนธิสมบัติ ได้ต่อยอดไปสู่การพัฒนาเสื้อเกราะกันกระสุนที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น

ความแตกต่างจากเสื้อเกราะรุ่นเก่าคือ กระบวนการผลิตที่มีวิวัฒนาการสูงขึ้น และสมรรถนะการป้องกันอาวุธร้ายแรง เสื้อเกราะรุ่นใหม่ ผลิตขึ้นด้วยกระบวนการทางวิศวกรรมสิ่งทอ ด้วยการนำเส้นใยสังเคราะห์มาเคลือบด้วยแผ่นฟิล์ม โดยกำหนดถึงแรงดัน การทนความร้อน แรงยืดหยุ่นตัว จากนั้นจึงนำมาเข้าสู่กระบวนการอัดขึ้นรูปเป็นแผ่นแล้วมาจัดเรียงเป็นชั้น ๆ ซึ่งไม่ใช่เพียงการทอเส้นใยอีกต่อไป

เมื่อมีการพัฒนาและกระบวนการที่ซับซ้อน ประสิทธิภาพก็ ย่อมเพิ่มขึ้น ซึ่งเจ้าของผลงานบอกว่า สมรรถนะ ของเสื้อเกราะรุ่นใหม่สามารถป้องกันกระสุนจากปืนพกสั้นทั้งหมด รวมทั้งป้องกันปืน เอ็ม 16 ซึ่งเป็นอาวุธสงครามอีกด้วย

สำนักงานทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีได้ให้ทุน นำเทคโนโลยีดังกล่าว เพื่อผลิตชุดเก็บกู้กับระเบิดสังหารบุคคล ส่งไปใช้จริงที่ภาคใต้ 15 ชุดจนถึงปัจจุบัน ได้รับการตอบรับที่ดีจากทหารที่ใช้ อยู่ กระทรวงกลาโหมได้มอบหมายให้ทำเพิ่มอีก 77 ชุด เพื่อส่งมอบให้กับทางทหารในจัง หวัดชายแดนภาคใต้ ล่าสุดผู้วิจัยได้พัฒนา เพิ่มเติมในส่วนที่ล่อแหลมและเสี่ยง โดยเพิ่มการ์ดป้องกัน ปลายคาง ต้นคอ แขน และลำตัว เพื่อให้มีประสิทธิภาพการป้องกันมากที่สุด

รศ.สุจิระ บอกว่า นอกจากประสิทธิภาพที่มากขึ้น มีการผลิตเพื่อการป้องกันที่มากขึ้นแล้ว ผลประโยชน์ที่เกิดกับประเทศไม่ได้มีเท่านั้น เพราะหากเรานำเข้าจากต่างประเทศ ราคาชุดละ 1.8 ล้านบาท แต่ของผลิตในประเทศแค่ชุดละ 12,000 บาท ทำให้เหลืองบประมาณไปใช้ประโยชน์ด้านอื่นได้มหาศาล

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันจันทร์ ที่ 01 มีนาคม 2553 http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=316&contentID=51316