Thursday, May 17, 2012

"ที่ดินสีลม-ราชดำริ"แพงสุด

เปิดโพยที่ดินแพงสุดในประเทศ หลังปรับราคาประเมินใหม่ 1 ก.ค.นี้ คนสีลม|มีเฮ ที่ดินขยับราคาตารางวาละ 8.5 แสนบาท
นายวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.คลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังมอบนโยบายให้กรมธนารักษ์เริ่มใช้ราคาประเมินที่ดินใหม่ วันที่ 1 ก.ค.นี้ โดยจะไม่ให้เลื่อนการบังคับใช้ออกไปอีก เนื่องจากสถานการณ์เข้าสู่ภาวะปกติแล้ว จึงต้องปรับราคาใหม่ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

:: ย่านสีลม - แพงสุด

สำหรับราคาประเมินที่ดินรอบบัญชีใหม่ที่จะเริ่มใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ก.ค. 2555 จนถึงปี 2558 นี้ พบว่าราคาประเมินสูงสุดอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ได้แก่ ถนนสีลม (แยกศาลาแดง-แยกนราธิวาสราชนครินทร์) ตารางวาละ 8.5 แสนบาท เพิ่มขึ้น 31% จากตารางวาละ 6.5 แสนบาท

ถนนราชดำริ (แยกราชประสงค์-คลองแสนแสบ) ถนนพระราม 1 (แยกปทุมวัน-แยกราชประสงค์) ถนนเพลินจิต (ตลอดสาย) ตารางวาละ 8 แสนบาท จากตารางวาละ 3.5-4.3 แสนบาท

ถนนราชดำริ (แยกศาลาแดง-แยกราชประสงค์) และถนนเยาวราช (ตลอดสาย) ตารางวาละ 7 แสนบาท จากตารางวาละ 3.5-5.5 แสนบาท

ขณะที่พื้นที่ที่มีราคาประเมินสูงสุดในภาคใต้ ตารางวาละ 4 แสนบาท อยู่ที่ จ.สงขลา ใน อ.หาดใหญ่ (ถนนนิพัทธ์อุทิศ 3 ถนนประชาธิปัตย์ และถนนเสน่หานุสรณ์)

ภาคเหนือ ตารางวาละ 2.5 แสนบาท อยู่ที่ จ.เชียงใหม่ ใน อ.เมือง (ถนนวิชยานนท์) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตารางวาละ 2 แสนบาท อยู่ที่ จ.ขอนแก่น ใน อ.เมือง (ถนนศรีจันทร์)

ภาคกลาง ตารางวาละ 1.5 แสนบาท อยู่ที่ จ.นนทบุรี ใน อ.เมือง (ถนนงามวงศ์วาน) จ.สมุทรปราการ ใน อ.เมือง (ถนนศรีสมุทร ถนนประโคนชัย ถนนด่านเก่า ถนนกายสิทธิ์)

ภาคตะวันออก ตารางวาละ 1.5 แสนบาท อยู่ที่ จ.ชลบุรี ใน อ.บางละมุง (ถนนเลียบหาดพัทยา พัทยาสาย 1)

ภาคตะวันตก ตารางวาละ 1.5 แสนบาท อยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ ใน อ.หัวหิน (ติดชายทะเล)

:: "ที่ดินสีลม-ราชดำริ"แพงสุด โพสต์ทูเดย์ดิจิตอล: โพสต์ทูเดย์ดอทคอม วันพุธที่ 16 พฤษภาคม 2555

กรณ์ซัดรัฐซุกหนี้สาธารณะแตะล้านล้าน

กรณ์ชี้รัฐทำงบ56 ขาดยุทธศาสตร์พัฒนาประเทศ แฉซุกหนี้สาธารณะเหยียบล้านล้าน​บาท สวนทาง ขาดดุล 3 แสนล้าน

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ​การอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2556 ที่จะมีขึ้นในวันที่ 21-23 พ.ค.นี้ว่า พรรคจะชี้ให้เห็นถึงปัญหาการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลว่าขาดยุทธศาสตร์ในการ ขับเคลื่อนประเทศ เพราะงบประมาณที่รัฐบาลเสนอมานั้นไม่มีความชัดเจนว่าจะให้ความสำคัญกับการ พัฒนาประเทศ  ไม่เห็นว่างบประมาณเหล่านี้จะช่วยเพิ่มขีดความสามารถของไทย ​เพิ่มรายได้ให้กับคนไทยอย่างไร แม้แต่จะช่วยลดภาระประชาชนในระยะสั้นในเรื่องสินค้าราคาแพงก็ยังไม่มีความ ชัดเจนด้วยซ้ำ

“ภูมิคุ้มกันทางเศรษฐกิจของเราลดลงเรื่อย ๆ จากการบริหารของรัฐบาลชุดนี้ ที่ทำลายภูมิคุ้มกันที่รัฐบาลประชาธิปัตย์ได้สะสมไว้ ไม่ว่าจะเป็นดุลการค้า ทุนสำรองระหว่างประเทศ เสถียรภาพเศรษฐกิจโดยรวม เพราะรัฐบาลนี้ใช้ค่อนข้างสิ้นเปลือง"นายกรณ์กล่าว

นายกรณ์ กล่าวว่า ​งบประมาณปี 56 ก็เป็นงบขาดดุล 3 แสนล้านบาท ซึ่งยังไม่นับรวมเงินนอกงบประมาณทั้ง พ.ร.ก.เงินกู้ 3.5 แสนล้านบาทที่ต้องใช้ภายในปี 2556 พ.ร.ก.กองทุนประกันภัยอีก 5 หมื่นล้านบาท ยังไม่นับรวมหนี้ที่ซุกไว้ตามที่ต่าง ๆ  เมื่อนำมารวมกันจะทำให้การขาดดุลที่แท้จริงของรัฐบาลอยู่ที่เกือบ​ 1 ล้านล้านบาท มากกว่า 3 แสนล้านบาทที่ปรากฏในเอกสารงบประมาณ​​ซึ่งจะเป็นหนี้สาธารณะ เป็นภาระดอกเบี้ยและการคืนเงินต้นของรัฐบาลในอนาคต​

:: กรณ์ซัดรัฐซุกหนี้สาธารณะแตะล้านล้าน โพสต์ทูเดย์ดิจิตอล: โพสต์ทูเดย์ดอทคอม วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2555

คิกออฟปราบโกงหรืแค่ลูบหน้าปะจมูก?

หนึ่งในนโยบายรัฐบาลที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพูดถึงมากเท่าไร นั่นคือ นโยบายการปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชัน ถึงขนาดครั้งหนึ่งในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยเสนอแนวทางการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในเชิงผลประโยชน์ทับซ้อน แต่ปรากฏว่า ครม.ชุดนี้นิ่งเฉยไม่มีการนำมาแถลงข่าว จนเป็นที่วิจารณ์ว่าข้อเสนอดังกล่าว อาจเป็นของแสลงใจรัฐบาลที่มีเครือญาติดำรงตำแหน่งทางการเมือง

ล่าสุด การประชุม ครม. เมื่อวันที่ 8 พ.ค.2555 ปรากฏวาระพิจารณาจร เรื่อง “ยุทธศาสตร์และแผนงานเชิงรุกของรัฐบาลในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน” เข้าสู่ที่ประชุม ซึ่งถือว่าเป็นครั้งแรกในรอบ 9 เดือนของ รัฐบาลยิ่งลักษณ์หันมาจับนโยบายปราบปรามทุจริต โดยในวันที่ 18 พ.ค. จะมีการจัดนำร่องสู่การจัดเวิร์กช็อปเคลื่อนยุทธศาสตร์ชาติว่าด้วยการปราบ ปรามการทุจริตภาครัฐครั้งใหญ่ ที่ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ โดยเชิญคณะรัฐมนตรี หัวหน้าส่วนราชการ ผู้ว่าราชการจังหวัด ตลอดจนผู้แทนจากภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และภาคท้องถิ่นเข้าร่วม

แผนงานเชิงรุกตามที่รัฐบาลวาดฝันจะทำให้เกิดขึ้นจริง มี 4 แนวทาง ได้แก่

1.สร้างข้าราชการไทยหัวใจสีขาว รณรงค์ให้ข้าราชการตื่นตัวต่อต้านทุจริต

2.การพัฒนาองค์กรสีขาว โดยจะมีการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน

3.การตรวจสอบ เฝ้าระวังเชิงรุก จัดตั้งศูนย์ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชัน (Anti-Corruption War Room) : เป็นศูนย์ปฏิบัติการในการบูรณาการด้านการตรวจสอบ รับแจ้งเบาะแสอย่างเบ็ดเสร็จครบวงจร ณ จุดเดียว

4.การปราบปรามที่จริงจังและการลงโทษที่เข้มงวด ด้วยการประกาศลงโทษผู้กระทำผิดการทุจริตให้สาธารณชนได้รับรู้
ทั้งนี้ ภายหลังการคิกออฟวันที่ 19 พ.ค.2555 รัฐบาลกำหนดปฏิทินทำงานไว้อย่างน่าสนใจ เริ่มตั้งแต่เดือน พ.ค.-1 มิ.ย.2555 เป็นช่วงปูพรมประชาสัมพันธ์ผ่านสื่อต่างๆ จากนั้นตลอดเดือน มิ.ย. จะสำรวจความพึงพอใจของประชาชน/เอกชนต่อนโยบายปราบโกงรัฐบาล ปลายเดือน มิ.ย. บรรดาส่วนราชการนำเสนอข้อเสนอการพัฒนาองค์กรในการแก้ปัญหาคอร์รัปชัน
ช่วงเดือน ก.ค.-ส.ค. ถือว่ามีไฮไลต์น่าสนใจ เมื่อรัฐบาลวางแผนไว้ประมาณกลางเดือน ก.ค. ให้แก้กฎคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ให้การสอบสวนลงโทษกรณีทุจริตแล้วเสร็จภายใน 120 วัน กำหนดไม่ให้ส่วนราชการรับผู้ถูกลงโทษทุจริตกลับเข้ารับราชการ ประกาศบทลงโทษผู้กระทำผิด จากนั้นเดือน ส.ค.-ก.ย. จะมีการสรุปผลจำนวนเรื่องร้องเรียน/ดำเนินการสำเร็จมากน้อยขนาดไหน และในต้นเดือน ก.ย. สัญจรภาคครั้งที่ 2 กลางเดือน ก.ย. ประกาศผลสำรวจองค์กรยอดคดีและยอดแย่

ปลายเดือน ก.ย.-30 ต.ค.2555 ให้ส่วนราชการและจังหวัดรายงานความก้าวหน้าของการดำเนินงานและเผยแพร่ต่อ สาธารณะ มีสัญจรภูมิภาคครั้งที่ 3 ต้นเดือน พ.ย. ประกาศบทลงโทษผู้กระทำผิด นำร่องการจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชันในส่วนราชการ ส่วนปลายเดือน ธ.ค. นายกรัฐมนตรีประกาศความสำเร็จรอบ 6 เดือน และประกาศก้าวต่อไปของการต่อต้านการทุจริต
แผนงานยังได้วางไว้ถึงปี 2556 โดยกลางเดือน พ.ค. นายกฯ จะประกาศความสำเร็จปราบโกง 1 ปี

ด้าน สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและติดตามนโยบายภาครัฐ มหาวิทยาลัยศรีปทุม มองนโยบายปราบโกงของรัฐบาล ว่า นโยบายที่ออกมาเป็นการมองคอร์รัปชันที่เกิดจากภาคข้าราชการฝ่ายเดียว ไม่ได้มองว่าข้าราชการต้องดำเนินการร่วมกับฝ่ายการเมือง ทั้งที่การทุจริตทุกวันนี้จะเห็นได้ชัดว่า ข้าราชการเป็นเพียงเครื่องมือของฝ่ายการเมือง ดังนั้น รัฐบาลควรออกมาตรการครอบคลุมไปถึงการทุจริตในฝ่ายการเมือง หรือในระดับนโยบายด้วย

ขณะที่กลไกการรับแจ้ง ที่นโยบายระบุว่า จะให้มีศูนย์รับแจ้ง หรือมีวอร์รูมขนาดใหญ่แบบวันสต็อปเซอร์วิสนั้น สมชัย กล่าวว่า การจัดทำศูนย์รับแจ้งทุจริตคอร์รัปชัน ก็มีผ่านสายตรงหลายสายและหลายหน่วยงานอยู่แล้วในปัจจุบัน แต่รัฐบาลกลับไม่ได้วิเคราะห์ว่า สาเหตุที่วอร์รูม หรือศูนย์รับแจ้งเหล่านี้ล้มเหลว มีที่มาจากประชาชนไม่เชื่อในความปลอดภัยในชีวิตของตนเองหากแจ้งเรื่องผ่าน องค์กรเหล่านี้
“อันที่จริงนี่ไม่ใช่นโยบายการต่อต้านทุจริตคอร์รัปชันครั้งแรก แต่เรามีมาตลอด ภายใต้การส่งเสริม ป.ป.ช. ไม่ว่าจะเป็นโครงการศูนย์ราชการใสสะอาด หรือโครงการที่ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจสอบการจัดซื้อจัดจ้างได้ ซึ่งถ้าทำรูปแบบให้ประชาชนสามารถเข้าถึงและติดตามได้ง่ายขึ้น รวมถึงเห็นผลเป็นรูปธรรมมากขึ้นว่า มาตรการเหล่านี้สามารถแก้ไขปัญหาการทุจริตได้จริง ก็จะเป็นประโยชน์กว่านี้”

รสนา โตสิตระกูล สว.กรุงเทพมหานคร (กทม.) เห็นว่า นโยบายดังกล่าวเป็นเพียงการลูบหน้าปะจมูกของคนในรัฐบาลเท่านั้น เพราะหากมองไปจริงๆ แล้วยังมีการส่อแววทุจริตเชิงนโยบายอยู่หลายเหตุการณ์ อาทิ การยกเลิกมติคณะรัฐมนตรี วันที่ 30 ก.ย. 2554 ทำให้รัฐบาลต้องสูญเสียเงินในส่วนของก๊าซแอลพีจีสำหรับอุตสาหกรรมปิโตรเคมี ที่ต้องจ่ายสมทบกองทุนกว่า 2,400 ล้านบาท
รสนายังยกตัวอย่างการเปิดช่องทุจริต เช่น การจัดซื้อจัดจ้างโครงการเพื่อป้องกันอุทกภัย ที่ให้ใช้การจัดซื้อจัดจ้างเป็นวิธีพิเศษทั้งหมด ซึ่งเอื้อให้การเมืองเข้ามาอาศัยโครงการขนาดใหญ่ในการหากิน และแบ่งส่วนแบ่งระหว่างข้าราชการและนักการเมือง
“เรามีสัตยาบันในอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการต่อต้านการทุจริต 3 ฉบับ ซึ่งค้างมาจากรัฐบาลชุดที่ผ่านมา และไม่มีทีท่าว่ารัฐบาลชุดนี้จะหยิบขึ้นมาลงนาม ซึ่งเหลือประเทศไทยเป็นประเทศสุดท้ายที่ยังไม่ลงนาม น่าแปลกที่รัฐบาลชุดนี้ประกาศเป็นวาระแห่งชาติว่าจะต่อต้านการทุจริต แต่กลับไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ ทำให้เห็นว่าพูดอะไรก็ได้ทั้งนั้น แต่พฤติกรรมที่ออกมาไม่เคยสนใจทำสักอย่าง” รสนา กล่า

:: คิกออฟปราบโกงหรืแค่ลูบหน้าปะจมูก? โพสต์ทูเดย์ดิจิตอล: โพสต์ทูเดย์ดอทคอม วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2555

จุฬาฯ คว้าแชมป์วางแผนการตลาด ตัวแทนไทยลุยเวทีโลกที่ฝรั่งเศส

ทีมนักศึกษาจากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยคว้ารางวัลชนะเลิศ การแข่งขันการวางแผนการตลาดระดับโลกโครงการ “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม 2012” เตรียมไปร่วมการแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับโลกที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศสเดือน มิ.ย.นี้...

มร.อูเมช ฟัดเค กรรมการผู้จัดการ บริษัท ลอรีอัล (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการแข่งขันเวทีการแข่งขัน “ลอรีอัล แบรนด์สตอร์ม” ว่า เป็นการเปิดโอกาสให้นักศึกษาในระดับอุดมศึกษา ผู้ที่จะก้าวมาเป็นนักการตลาดในอนาคต ได้เรียนรู้ถึงกลยุทธ์ และหลักการวางแผนการตลาดของผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ความงามที่มีอยู่จริง และประสบความสำเร็จในระดับโลก

สำหรับความยากของโจทย์การตลาดในปีนี้ ไม่แพ้ปีที่ผ่านๆ มา โดยแบรนด์ที่ลอรีอัลนำมาเป็นโจทย์ให้เหล่านักศึกษาได้สวมบทบาทเป็นแบรนด์เม เนเจอร์ คือ เดอะ บอดี้ ช้อป (The Body Shop) แบรนด์ความงามที่ได้รับการยอมรับ และเป็นที่รู้จักทั่วโลก ผู้เข้าแข่งขันต้องใช้ความคิดสร้างสรรค์ เพื่อนำเสนอนวัตกรรมผลิตภัณฑ์หรือกลุ่มผลิตภัณฑ์ไอคอนนิค ที่ไม่เคยมีมาก่อนให้กับ เดอะ บอดี้ ช้อป ที่สามารถสะท้อนความเป็นตัวตนของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี พร้อมนำเสนอแนวคิด และแผนการตลาดให้ผลิตภัณฑ์ใหม่นี้ประสบความสำเร็จในการออกวางจำหน่าย

ทั้ง นี้ ในปีนี้มีนักศึกษาเข้าร่วมการแข่งขันถึง 51 ทีม จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศ โดยคณะกรรมการซึ่งประกอบไปด้วยบุคคลจากวงการสื่อโฆษณา และการตลาด ร่วมกันคัดเลือกจนเหลือ 4 ทีมสุดท้าย การตัดสินเฟ้นหาผู้ชนะเป็นไปอย่างเข้มข้น เนื่องจากความสามารถของแต่ละทีมนั้นใกล้เคียงกันเป็นอย่างมาก สุดท้ายคณะกรรมการตัดสินให้ทีม Lycopene จากจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้รับรางวัลชนะเลิศ พร้อมเงินรางวัล มูลค่า 70,000 บาท เนื่องจากความพร้อมทางด้านข้อมูลและและความหนักแน่นในการตอบคำถามคณะกรรมการ ทีม Topshop จากมหาวิทยาลัยมหิดล คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับที่ 1 พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 40,000 บาท และ ทีม The KCA จากมหาวิทยาลัยมหิดล คว้ารางวัลรองชนะเลิศอันดับ 2 พร้อมเงินรางวัลมูลค่า 30,000 บาทไปครอง

ทีม Lycopene ประกอบไปด้วยสมาชิกหนุ่มสาวต่างคณะจากรั้วจามจุรี ได้แก่ กัญญาณัฐ ปิติเจริญ คณะนิเทศศาสตร์ เกรียงไกร พิพัฒน์วิไลกุล คณะวิศวกรรมศาสตร์ และ กรกช อัศวเลิศสรร คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี



กัญญา ณัฐ ปิติเจริญ หรือน้องแนทตี้ ในฐานะตัวแทนทีม เปิดเผยถึงความรู้สึกต่อการแข่งขันและชัยชนะในครั้งนี้ว่า การแข่งขันครั้งนี้เป็นประสบการณ์ครั้งใหญ่ของพวกเรา ที่ได้ก้าวจากรั้วมหาวิทยาลัยสู่โลกการแข่งขันจริง พวกเราได้รับความกดดันมาก เพราะคู่แข่งทีมอื่นล้วนมาจากสายการตลาดโดยตรง และต่างมุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่ง จุดแข็งของพวกเราคือการที่ทั้งสามคนมาจากต่างสาขา ที่ไม่ตรงกับสายการตลาดเลย แต่พวกเรากลับพบว่าความแตกต่างนั้นคือความได้เปรียบ เพราะแต่ละคนนำความสามารถและมุมมองที่หลากหลายมารวมกัน หล่อหลอมให้ผลิตภัณฑ์และแผนการตลาดของเรามีความสมบูรณ์

:: จุฬาฯ คว้าแชมป์วางแผนการตลาด ตัวแทนไทยลุยเวทีโลกที่ฝรั่งเศส 2555 ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2555


สัมพันธ์รบ.ปู-ฮุน เซนราบรื่น ทำยอดส่งออกเขมรมาไทยโต 55 เปอร์เซ็นต์

ยอดการส่งออกสินค้ากัมพูชามายังประเทศไทยได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 55 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นเพราะความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ราบรื่นระหว่างรัฐบาล ของทั้งสองประเทศ...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 17 พ.ค.ว่า ยอดการส่งออกสินค้ากัมพูชามายังประเทศไทย ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 55 เปอร์เซ็นต์ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ผู้เชี่ยวชาญชี้เป็นเพราะความสัมพันธ์ทางการเมืองที่ราบรื่นระหว่างรัฐบาล กัมพูชา ภายใต้การนำของสมเด็จฮุน เซน  และรัฐบาลไทยในยุคนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร รวมถึง การผ่อนคลายความเข้มงวดบริเวณด่านชายแดนของทั้งสองประเทศ

รายงาน ข่าวระบุว่า ยอดการส่งออกสินค้าของกัมพูชามายังไทยในช่วง 3 เดือนแรกของปีนี้ พบว่า เฉพาะสินค้าเกษตร โลหะรีไซเคิล และปลา ก็มีมูลค่ากว่า 85.4 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2,680 ล้านบาท)  ถือเป็นยอดส่งออกมายังไทยที่เพิ่มขึ้นถึง 55 เปอร์เซ็นต์

ขณะ เดียวกัน ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมา มีข้อมูลว่า กัมพูชาได้นำเข้าสินค้าจากไทยเพิ่มขึ้นถึง 58.4 เปอร์เซ็นต์เช่นกัน เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปี 2011 โดยสินค้าส่วนใหญ่ที่กัมพูชาต้องสั่งซื้อจากไทย ได้แก่ น้ำมันปิโตรเลียม ซีเมนต์ และสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ คิดเป็นมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1,050 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 32,955 ล้านบาท)

อย่างไรก็ดี ชเฮง กิมลอง ผู้เชี่ยวชาญจาก "ยูนิเวอร์ซิตี้ ออฟ แคมโบเดีย" ออกมาเตือนว่า แม้ยอดการค้าขายระหว่างกัมพูชาและไทยจะเพิ่มสูงขึ้น แต่ยังพบว่าภาคเอกชนของไทยมักหยิบยกเอาเงื่อนไขต่างๆที่ไม่เป็นธรรมมาใช้ใน การกีดกันสินค้าของกัมพูชา ส่งผลให้ในช่วงที่ผ่านมา กัมพูชาต้องหันไปค้าขายกับตลาดอื่น เช่น เวียดนาม จีน รวมถึง มาเลเซียมากขึ้น แทนการพึ่งพาการส่งออกมายังไทยเพียงตลาดเดียว และอาจทำให้ปริมาณการค้าระหว่างกัมพูชากับไทยในอนาคตไม่เติบโตในระดับที่ควร จะเป็น

:: สัมพันธ์รบ.ปู-ฮุน เซนราบรื่น ทำยอดส่งออกเขมรมาไทยโต 55 เปอร์เซ็นต์ ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 17 พฤษภาคม 2555

Tuesday, May 15, 2012

daydream:: ฝันกลางวัน

ฝันกลางวัน ตามพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. ๒๕๔๒ ได้ให้นิยามความหมายของ "ฝันกลางวัน" ว่าเป็นภาวะที่ นึกฝันถึงสิ่งที่ไม่อาจเป็นจริงได้

ฝันกลางวัน ตรงกับภาษาอังกฤษว่า daydream คำนี้คงจะจำกันได้ง่าย ๆ เพราะเป็น day กลางวัน + dream ฝัน = daydream ฝันกลางวัน

เธอมีความสุขจากความหวังลมๆ แล้ง ๆ ไปแต่กับการเสียเวลา่ฝันกลางวัน
She was happy from forlorn hope but wasted a lot of time daydreaming.

พูดง่าย ๆ ฝันกลางวัน เป็นลักษณะ เพ้อฝัน, ฝันหวาน, บางครั้งอาจถึง เพ้อหา, ละเมอเพ้อพก, หลงเพ้อ ซึ่งเป็น ภวังค์ (a reverie) อาจกล่าวได้ว่า fantasize about the impossible, dream about the impossible, imagine the impossible,

stop daydream:: หยุดฝันกลางวันได้แล้ว


daydream:: ฝันกลางวัน daydream

Dr.SoS

จัดอันดับคุณภาพการศึกษาขั้นสูงดีเลิศ 'สิงคโปร์' เบอร์ 1 เอเชีย 'ไทย' ติดด้วย


เผยผลการจัดอันดับประเทศที่มีการจัดการคุณภาพการศึกษาขั้นสูงได้ดี สิงคโปร์ ครองอันดับ 1 ของเอเชีย และที่ 11 ของโลก ส่วนไทยอยู่ที่ 8 ของเอเชีย และ 41 ของตาราง...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อ 15 พ.ค. ว่า เครือข่ายมหาวิทยาลัยโลก "ยูนิเวอร์ซิตาส 21" เผยผลการจัดอันดับ เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา (11 พ.ค.) ถึงประเทศที่มีการจัดการคุณภาพการศึกษาขั้นสูงได้ดีทั้งหมด 48 ประเทศ ซึ่งวัดจากหลายด้าน ทั้งการวิจัย บรรยากาศในการเรียนการสอน ผลผลิตทางการศึกษา และครอบคลุมถึงความแตกต่างด้านการพัฒนาทางเศรษฐกิจ โดยอันดับ 1 ของเอเชีย คือ สิงคโปร์ อยู่อันดับที่ 11 ของตาราง ได้คะแนน 74.5 จากคะแนนเต็ม 100
ส่วนอันดับ 1 คือ สหรัฐฯ ได้คะแนนเต็ม 100 ตามด้วย สวีเดน ที่มาเป็นอันดับ 2 จาก 83.6 คะแนน อันดับ 3 แคนาดา 82.8 คะแนน อันดับ 4 ฟินแลนด์ 82.0 คะแนน อันดับ 5 เดนมาร์ก 81.0 คะแนน

สำหรับ ประเทศต่างๆ ในเอเชีย นอกเหนือจากสิงคโปร์แล้ว ตามด้วยฮ่องกง อยู่อันดับที่ 18 ได้ 68.9 คะแนน ญี่ปุ่น อันดับที่ 20 ได้ 66.1 คะแนน ไต้หวัน อันดับที่ 21 ได้ 62.0 คะแนน เกาหลีใต้ อันดับที่ 22 ได้ 60.2 คะแนน มาเลเซีย อันดับที่ 36 ได้ 50.5 คะแนน จีน อันดับที่ 39 ได้ 48.3 คะแนน ไทย อันดับที่ 41 ได้ 46.6 คะแนน อิหร่าน อันดับที่ 42 ได้ 45.8 คะแนน อินโดนีเซีย อันดับที่ 47 ได้ 37.5 คะแนน และอินเดีย อันดับที่ 48 ได้ 34.4 คะแนน


อันดับทั้งหมดมีดังนี้

1. สหรัฐอเมริกา 100.0
2. สวีเดน 83.6
3. แคนาดา 82.8
4. ฟินแลนด์ 82.0
5. เดนมาร์ก 81.0
6. สวิตเซอร์แลนด์ 80.3
7. นอร์เวย์ 78.0
8. ออสเตรเลีย 77.8
9. เนเธอร์แลนด์ 77.4
10. สหราชอาณาจักร 76.8

11. สิงคโปร์ 75.4
12. ออสเตรีย 73.8
13. เบลเยียม 73.7
14. นิวซีแลนด์ 72.5
15. ฝรั่งเศส 70.6
16. ไอร์แลนด์ 69.5
17. เยอรมนี 69.4
18. ฮ่องกง 68.9
19. อิสราเอล 67.4
20. ญี่ปุ่น 66.1

21. ไต้หวัน 62.0
22. เกาหลีใต้ 60.2
23. โปรตุเกส 60.1
24. สเปน 59.9
25. ยูเครน 58.6
26. สาธารณรัฐเช็ก 57.9
27. โปแลนด์ 56.2
28. สโลวีเนีย 55.8
29. กรีซ 54.7
30. อิตาลี 54.0

31. บัลแกเรีย 52.5
32. รัสเซีย 52.4
33. โรมาเนีย 51.3
34. ฮังการี 50.8
35. สโลวะเกีย 50.6
36. มาเลเซีย 50.5
37. ชิลี 48.9
38. อาร์เจนตินา 48.6
39. จีน 48.3
40. บราซิล 47.2

41. ไทย 46.6
42. อิหร่าน 45.8
43. เม็กซิโก 45.3
44. โครเอเชีย 44.9
45. ตุรกี 44.4
46. แอฟริกาใต้ 43.4
47. อินโดนีเซีย 37.5
48. อินเดีย 34.4

::จัดอันดับคุณภาพการศึกษาขั้นสูงดีเลิศ 'สิงคโปร์' เบอร์ 1 เอเชีย 'ไทย' ติดด้วย ไทยรัฐออนไลน์ วันอังคารที่ 15 พฤษภาคม 2555
---------------------

Universitas 21 Top Countries For Higher Education


Which countries are the best at providing higher education?
The Universitas 21 Ranking was announced today at Lund University in Sweden. Universitas 21, a network of research universities, has developed their own ranking as a benchmark for governments, education institutions and individuals to highlight the importance of creating a strong environment for higher education institutions that will contribute to economic and cultural development, provide a high-quality experience for students and help institutions compete for overseas applicants.

So calibrate accordingly when the metrics for 'higher education' don't actually mention education.
The researchers looked at the most recent data from 48 countries across 20 different measures. The range of measures is grouped under four headings: resources (investment by government and private sector), output (research and its impact, as well as the production of an educated workforce which meets labour market needs), connectivity (international networks and collaboration which protects a system against insularity) and environment (government policy and regulation, diversity and participation opportunities). Population size is accounted for in the calculations.
Overall, in the Universitas 21 Ranking of higher education systems, the top five were found to be the United States, Sweden, Canada, Finland and Denmark.
Government funding of higher education as a percentage of GDP is highest in Finland, Norway and Denmark, but when private expenditure is added in, funding is highest in the United States, Korea, Canada and Chile. Investment in Research and Development is highest in Denmark, Sweden and Switzerland. The United States dominates the total output of research journal articles, but Sweden is the biggest producer of articles per head of population.

The nations whose research has the greatest impact are Switzerland, the Netherlands, the United States, United Kingdom and Denmark. While the United States and United Kingdom have the world's top institutions in rankings, the depth of world class higher education institutions per head of population is best in Switzerland, Sweden, Israel and Denmark.
The highest participation rates in higher education are in Korea, Finland, Greece, the United States, Canada and Slovenia. The countries with the largest proportion of workers with a higher level education are Russia, Canada, Israel, United States, Ukraine, Taiwan and Australia. Finland, Denmark, Singapore, Norway and Japan have the highest ratio of researchers in the economy

International students form the highest proportions of total student numbers in Australia, Singapore, Austria, United Kingdom and Switzerland. International research collaboration is most prominent in Indonesia, Switzerland, Hong Kong SAR, Denmark, Belgium and Austria. China, India, Japan and the United States rank in the bottom 25 percent of countries for international research collaboration. In all but eight countries at least 50 percent of students were female, the lowest being in India and Korea. In only five countries were there at least 50 percent female staff; the lowest being in Japan and Iran.
Lead author, Professor Ross Williams at the University of Melbourne, said, "In a globalised world, a strong higher education system is essential if a nation is to be economically competitive. "While there are a number of well-regarded global rankings of individual institutions, these don't shed any light on the broader picture of how well a nation's system educates its students, the environment it provides for encouraging and supporting excellence. Students choose countries to study in as much as individual institutions, and the Universitas 21 Ranking offers clear data to support decision-making."

Jane Usherwood, Secretary General of Universitas 21, said, "More transparency and clarity is needed around the comparative strengths and qualities of national education systems around the world in order to encourage knowledge-sharing, collaboration and development of opportunities for students in all countries. We hope the Universitas 21 Ranking will become an established point of reference for policy-makers, education institutions and development bodies globally."
Universitas 21 is an international research network of 24 universities and colleges. Its membership works together to encourage international mobility and engagement between staff and students

The Universitas 21 Ranking 
For each group of measures the highest scoring country is given a score of 100 and all other countries are expressed as a percentage of the highest score. Further details can be found at http://www.universitas21.com/link/U21Rankings

United States 100
Sweden 84
Canada 83
Finland 82
Denmark 81
Switzerland 80
Norway 78
Australia 78
Netherlands 77
United Kingdom 77
Singapore 75
Austria 74
Belgium 74
New Zealand 73
France 71
Ireland 70
Germany 69
Hong Kong SAR 67
Israel 66
Japan 64
Taiwan 62
Korea 60
Portugal 60
Spain 60
Ukraine 59 Czech
Republic 58
Poland 56
Slovenia 56
Greece 55
Italy 54
Bulgaria 53
Russian Federation 52
Romania 51
Hungary 51
Slovakia 51
Malaysia 50
Chile 49
Argentina 49
China 48
Brazil 47
Thailand 47
Iran 46
Mexico 45
Croatia 45
Turkey 44
South Africa 43
Indonesia 37
India 34

:: Universities Ranking by Country http://www.science20.com

Monday, May 14, 2012

สัญญาณฟื้นตัว สศค.เผยรายได้รัฐเดือนเม.ย.พุ่ง 4.2%

สศค.เผยเศรษฐกิจฟื้นตัวต่อเนื่อง ส่งผลให้รายได้รัฐบาลเดือน เม.ย.เก็บได้ 1.39 แสนกว่าล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2% จากภาษีที่เก็บได้สูง และ ปตท.ส่งเงินปันผลก่อนกำหนด แม้สูญเสียรายได้จากภาษีดีเซลที่ยกเว้นเก็บภาษี ขณะที่ช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 55 มีรายได้สูงกว่าเป้า 3.3%

เมื่อ วันที่ 14 พ.ค.2555  นายสมชัย สัจจพงษ์ ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยว่า รายได้รัฐบาลสุทธิในเดือน เม.ย.2555 จัดเก็บได้ 139,520 ล้านบาท สูงกว่าประมาณการ 5,648 ล้านบาท หรือ 4.2% โดยภาษีที่จัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 2,341 ล้านบาท หรือ 9.4% เนื่องจากการขยายเวลาการยื่นแบบแสดงรายการและชำระภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาทาง อินเทอร์เน็ต จากวันครบกำหนดยื่นแบบฯ อีก 8 วัน ทำให้รายได้จากการยื่นชำระภาษีส่วนหนึ่งเหลื่อมมาเดือน เม.ย.ขณะที่อากรขาเข้าจัดเก็บได้สูงกว่าประมาณการ 1,778 ล้านบาท หรือ 21.3% เป็นผลจากการนำเข้ารถยนต์และส่วนประกอบรถยนต์ ซึ่งเป็นสินค้าที่จัดเก็บอากรในอัตราที่ค่อนข้างสูงเพิ่มขึ้นมาก

นอก จากนี้ บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) นำส่งเงินปันผลประจำปี 2554 ก่อนกำหนด 10,219 ล้านบาท จากเดิมที่ประมาณการว่าจะนำส่งในเดือน พ.ค.อย่างไรก็ดี ภาษีน้ำมันยังคงจัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ 5,199 ล้านบาท หรือ 51.5% จากการขยายเวลาลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซลเหลือลิตรละ 0.005 บาท

สำหรับ ผลการจัดเก็บรายได้ในช่วง 7 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2555 (ต.ค.2554-เม.ย.2555) รัฐบาลจัดเก็บรายได้สุทธิ 950,682 ล้านบาท สูงกว่าเป้าหมาย 37,544 ล้านบาท หรือ 4.1% สูงกว่าช่วงเดียวกันปีที่แล้ว 3.3% เนื่องจากการจัดเก็บภาษีที่สำคัญส่วนใหญ่สูงกว่าประมาณการ โดยเฉพาะอย่างยิ่งภาษีมูลค่าเพิ่ม อากรขาเข้า ภาษีเงินได้นิติบุคคล และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา รวมทั้งการนำส่งรายได้ของรัฐวิสาหกิจที่สูงกว่าเป้าหมาย ส่วนภาษีที่จัดเก็บได้ต่ำกว่าประมาณการ ได้แก่ ภาษีรถยนต์และภาษีน้ำมัน เป็นผลจากเหตุการณ์น้ำท่วมและการขยายเวลาการลดอัตราภาษีน้ำมันดีเซล

“ภาวะ เศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องทั้งการบริโภคและการนำเข้า รวมถึงการดำเนินนโยบายและมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ประกอบกับการฟื้นตัวของอุตสาหกรรมรถยนต์ภายหลังเหตุการณ์อุทกภัยจะเป็น ปัจจัยที่ส่งผลดีต่อการจัดเก็บรายได้ ทำให้กระทรวงการคลังมั่นใจว่าการจัดเก็บรายได้ในปีนี้จะใกล้เคียงกับเป้า หมายที่ตั้งไว้ 1.98 ล้านล้านบาท แม้ว่าจะได้รับผลกระทบจากการขยายเวลาการลดภาษีน้ำมันดีเซลก็ตาม”


::สัญญาณฟื้นตัว สศค.เผยรายได้รัฐเดือนเม.ย.พุ่ง 4.2% ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2555

รัฐเคาะไอเดียสร้างถนน 8 เลนทำฟลัดเวย์ ขายฝันผุดเมืองใหม่ทำเลทอง

รัฐขายฝันสร้างฟลัดเวย์เป็นถนน 2 เส้นขนานกัน 8 เลน ยาว 322 กม. จากนครสวรรค์ส่งน้ำตรงถึงทะเลระยะรองรับน้ำหลากได้ 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที พัฒนาพื้นที่ริมถนนเป็นเมืองใหม่โกลเด้นเพลส พร้อมแหล่งท่องเที่ยว

นายสุพจน์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เลขาธิการสำนักงานนโยบายและบริหารจัดการน้ำและอุทกภัยแห่งชาติ (สบอช.) เปิดเผยว่า แนวคิดในการสร้าง ทางน้ำหลากหรือฟลัดเวย์ที่อยู่ในแผนการบริหารจัดการน้ำในระยะยั่งยืน งบประมาณ 120,000 ล้านบาทนั้น ขณะนี้ได้มีการศึกษาแนวทางการทำฟลัดเวย์ไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเบื้องต้นจะสร้างถนน 2 เส้นทางฝั่งตะวันตกขนานกันไปวิ่งจากทะเลไปถึง จ.นครสวรรค์ ความยาว 322 กิโลเมตร (กม.) ระยะห่างตรงกลางซึ่งจะเป็นที่สำหรับทางน้ำผ่านมีระยะทาง 2 กม. จะช่วยระบายน้ำได้ 2,000 ลูกบาศก์ เมตร (ลบ.ม.) ต่อวินาที

ทั้งนี้ ได้นำสถิติน้ำไหลสูงสุดที่ จ.นครสวรรค์ปีที่ผ่านมาอยู่ที่ประมาณ 5,000 ลบ.ม.ต่อวินาที แต่ปริมาณที่ลำน้ำรับได้จะไม่ล้นตลิ่งมาท่วมบ้านเรือนอยู่ที่ 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที จึงเหลืออีก 1,500 ลบ.ม.ต่อวินาที ที่จะต้องบริหารจัดการ ถ้าสามารถตัดยอดน้ำได้ที่ จ.นครสวรรค์ ไม่ให้น้ำไหลลงมามาก ให้เหลือเพียง 3,500 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ 3,000 ลบ.ม.ต่อวินาที น้ำก็จะไม่ท่วมพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาทั้งหมด จึงเกิดแนวคิดที่จะนำน้ำที่เหลือ 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที ไหลเข้าฟลัดเวย์ไปลงทะเลโดยตรง เหมือนการขุดแม่น้ำเจ้าพระยาสายใหม่ แต่ฟลัดเวย์ที่จะทำนี้ไม่ได้ขุดแม่น้ำสายใหม่ แต่เป็นลักษณะที่บังคับให้น้ำไหลผ่านพื้นที่บนดินแล้วไหลลงไปในทะเล

สำหรับถนน 2 เส้นที่จะสร้างขนานกันนั้น จะมีเส้นหนึ่งเป็นถนนมาตรฐานเส้นหลักกว้าง 8 เลน ส่วนถนนอีกเส้นจะเป็นถนนไว้ใช้บำรุงรักษากว้าง 4-5 เลน แต่ถ้ามีงบประมาณมากพอก็จะสร้าง 8 เลนทั้ง 2 เส้น ถนนจะมีความสูงประมาณ 2 ม. เมื่อน้ำมีปริมาณมากจะขอปล่อยน้ำเข้าฟลัดเวย์ให้มีความสูงประมาณ 1.50 ม. ใช้ระยะเวลาประมาณ 2-3 เดือน ช่วงระหว่างเดือน ส.ค.-ต.ค. ช่วงที่น้ำไม่มาประชาชนก็ดำรงชีวิตตามปกติ แต่ในช่วงที่จะขอใช้ระบายน้ำ จะจ่ายค่าชดเชยให้ 2-3 เดือนเป็นการรอนสิทธิ์ ถ้าประชาชนที่มีบ้านเรือนอยู่ในพื้นที่ฟลัดเวย์และไม่ต้องการอยู่ในช่องฟลัดเวย์ รัฐบาลจะหาที่อยู่ให้ใหม่โดยจะไปสร้างคอนโดฯให้อยู่ แต่ถ้าจะอยู่ที่เดิม กรมโยธาธิการกำลังออกแบบบ้านที่สามารถชักผนังขึ้นไปชั้นบนได้ เหลือแต่เสาอยู่ข้างล่าง ให้พ้นความลึกของน้ำที่ระดับ 1.50 ม. มีเรือสำหรับเดินทางได้ เมื่อน้ำหมดก็ปล่อยผนังลงมาอยู่ได้เหมือนเดิม

อย่างไรก็ตาม ยังมีแนวคิดที่จะสร้างฟลัดเวย์ฝั่งตะวันออกควบคู่กันไปด้วย เผื่อมีเหตุฉุกเฉินที่ไม่สามารถใช้งานฟลัดเวย์ฝั่งตะวันตกได้ ซึ่งขึ้น อยู่กับรัฐบาลว่าจะตัดสินใจอย่างไร และแนวฟลัดเวย์ต้องกระทบกับประชาชนน้อยที่สุด อาจจะสร้างฟลัดเวย์ฝั่งตะวันตกเส้นเดียวเพื่อให้ระบายน้ำได้ 2,000 ลบ.ม.ต่อวินาที หรือ อาจสร้างฟลัดเวย์ฝั่งตะวันออกให้ระบายน้ำได้ 500 ลบ.ม.ต่อวินาที และฝั่งตะวันตก 1,500 ลบ.ม. ต่อวินาที แต่ฝั่งตะวันออกค่อนข้างมีโรงงานอุตสาห-กรรมมาก อาจติดปัญหามากกว่าฝั่งตะวันตก “เวลาพูดถึงฟลัดเวย์ ผู้คนจะคิดถึงการสร้างแม่น้ำ แต่นี่ไม่ใช่ เพราะเป็นโครงการสร้างถนน 2 เส้น ที่ใช้ประโยชน์ในการขนส่งจากภาคเหนือไปภาคใต้ได้โดยตรง ทดแทนสายเอเชียได้เลย และเมื่อสร้างถนนเสร็จต้องทำให้พื้นที่ระหว่างกลางสามารถทำการชลประทานได้ด้วย โดยจะมีคลองอยู่ข้างถนนที่เก็บน้ำได้ลึก 10 ม. กว้าง 20 ม. ทำการเกษตรได้ สามารถปลูกข้าวได้ 2 รอบ ขณะเดียวกัน ริมถนนจะทำเป็นที่พัก สวนสาธารณะดีๆ มีต้นไม้ที่ไม่ผลัดใบ มีใบไม้หลากสีปลูกยาวตลอด 322 กม. ทำเป็นแหล่งท่องเที่ยว เป็นการเปิดพื้นที่ใหม่ เหมือนเมืองใหม่ หรือโกลเด้นเพลส มีการสร้างพัฒนาพื้นที่ให้ได้ประโยชน์มากกว่าพื้นที่เดิม ทุกคนก็อยากเข้ามาอยู่ในโครงการนี้ มีทั้งชุมชน เศรษฐกิจ อุตสาหกรรม สาธารณูปโภคครบครัน”

:: รัฐเคาะไอเดียสร้างถนน 8 เลนทำฟลัดเวย์ ขายฝันผุดเมืองใหม่ทำเลทอง ไทยรัฐออนไลน์ วันจันทร์ที่ 14 พฤษภาคม 2555

Manipulation of Impact Factor:: เล่นแร่แปรธาตุ Impact Factor

What is Impact Factor? Why Impact Factor is so important to academic world of research??

They said Impact Factor is a measure reflecting the average number of citations to recent articles published in science and social science journals.


What force journal to Manipulate Impact Factor (IF)?


Impact Factor is frequently used as a proxy to relative importance of a journal within its field.
They said "journals with higher impact factors are deemed to be more important than those with lower ones"

Get it???

Famous High Impact Factor Journals do Citations Manipulation

It is true ...

Editorial policies that affect the impact factor


- Funding source require researchers to publish their work in higher Impact Factor journals.
- Old journals with high impact factors is so selective to publish submitted manuscripts
- New journals ask their authors to add to cite previous published articles in its affiliated journals, in order to get final acceptance to publish their work.  Authors are forced to do so.  Higher impact factors now come to new journals.
- Many all countries stupidy obsessed to Impact Factor get in trap of circle of its requirement regarding Impact Factor. 
- Korea, India, Thailand, Greece, USA, etc are in this Impact Factor circle.
- Useless index:: Impact Factor ..
 
- Paper of Albert Einstein get high citations after 20 years but Impact Factor only take 2-3 years after published date.


- Open your eyes - Open your Brain - To be more clever, read more Impact Factor at Wikipedia http://en.wikipedia.org/wiki/Impact_factor




Thursday, May 10, 2012

ชี้อากาศร้อนจัด ทำ 'นก-โลมา' ตายครึ่งหมื่นเกลื่อนหาดเปรู

เปรูเผยพบสาเหตุ นก 5,000 ตัว และโลมาอีกเกือบ 900 ตัว ตายเกลื่อนชายหาดตอนเหนือของประเทศ ชี้อากาศร้อนจัดทำอุณหภูมิน้ำทะเลเพิ่มสูงกว่าปกติ...

สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 10 พ.ค.ว่า รัฐบาลเปรูแจ้งว่า เมื่อวันพุธที่ผ่านมา (9 พ.ค.) พบซากนกจำนวน 5,000 ตัว ส่วนใหญ่เป็นนกกระทุง และโลมาอีกเกือบ 900 ตัว ตายบริเวณชายฝั่งทางตอนเหนือของประเทศ คาดเป็นเพราะอากาศร้อนจัด และทำให้อุณหภูมิในน้ำเพิ่มขึ้นสูงมากกว่าช่วงเดียวกันในปีก่อนๆ

ทั้งนี้ กราเบียล กีจันเดรีย รัฐมนตรีสิ่งแวดล้อมเปรูเผยว่า อุณหภูมิน้ำทะเลที่เพิ่มสูง ส่งผลให้สัตว์น้ำที่เป็นอาหารของนกกระทุงว่ายลงไปอยู่ในช่วงที่ลึกขึ้น และนกกระทุงอายุน้อยที่ว่ายน้ำไม่แข็งจึงตายขณะดำลงไปหาอาหาร แต่ทั้งนี้ยังไม่ได้ยืนยันถึงผลการปนเปื้อนอื่นๆ ทั้งจากโลหะ หรือแบคทีเรีย

::ชี้อากาศร้อนจัด ทำ 'นก-โลมา' ตายครึ่งหมื่นเกลื่อนหาดเปรู ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 10 พฤษภาคม 2555



'โซนี' เผยผลประกอบการปี 2011 ขาดทุนยับเยิน 1.7 แสนล้านบาท

บริษัท โซนี เผยผลประกอบการประจำปี 2011 ปรากฏว่าขาดทุนเป็นเงินกว่า 1.7 แสนล้านบาท มากที่สุดในประวัติศาสตร์ของบริษัท...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 10 พ.ค. ว่า บริษัท โซนี คอร์เปอเรชัน เปิดเผยผลประกอบการประจำปี 2011 ซึ่งสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค. ตามปีงบประมาณของญี่ปุ่น ปรากฏว่าบริษัทขาดทุนยับถึง 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.77 แสนล้านบาท) นอกจากนี้ ผลประกอบการในช่วงเดือนเดือน ม.ค. - มี.ค. โซนีขาดทุนเป็นเงินมากถึง 3.2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 9.96 หมื่นล้านบาท) นับเป็นการขาดทุนไตรมาสที่ 5 ติดต่อกัน

โซนีระบุว่า สาเหตุของการขาดทุนครั้งนี้ เป็นเพราะผลกระทบจากเหตุหายนะภัยแผ่นดินไหว และสึนามิเมื่อวันที่ 11 มี.ค. 2011 อีกทั้งการผลิตชิ้นส่วนในผลิตภัณฑ์ต่างๆของโซนี ยังต้องหยุดชะงัก เพราะเหตุน้ำท่วมใหญ่ในประเทศไทย เมื่อปลายปี 2011 อีก ยิ่งกว่านั้น ยังโดนแย่งส่วนแบ่งตลาดจอแอลซีดี ให้แก่บริษัท ซัมซุง คู่แข่งสำคัญ จนขาดทุนอย่างต่อเนื่องมากว่า 4 ปี

::'โซนี' เผยผลประกอบการปี 2011 ขาดทุนยับเยิน 1.7 แสนล้านบาท ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 11 พฤษภาคม 2555
---------------------------

เราขอเป็นกำลังใจให้โซนี่ ให้สู้ต่อไป เพื่อให้เรามีของดีราคาย่อมเยาว์ต่อไป


Tuesday, May 8, 2012

อนุ กมธ.สภาฯ แฉงบน้ำท่วมส่อโกงยันข้าวกล่อง

อนุ กมธ. เผยงบน้ำท่วม มท.มีการเรียกเก็บหัวคิว 35% งงรัฐเรียกคืนเงินทั้งที่ช่วยชาวบ้านยังไม่ทั่ว ฉะรัฐเปิดทางทุจริตไม่แจ้งราคากลางแถมใช้วิธีพิเศษ พบพิรุธ พม.ส่องาบงบข้าวกล่องร่วม 30 ล้าน เชื่อมีนักการเมืองร่วมเอี่ยวร่วมกับข้าราชการระดับสูง...

เมื่อวันที่ 3 พ.ค. นายชาญชัย อิสระเสนารักษ์ คณะอนุกรรมาธิการติดตามการบริหารงบประมาณหน่วยงานภาครัฐ รัฐวิสาหกิจ องค์กรเอกชนที่เกี่ยวข้องในการช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย (งบน้ำท่วม) สภาผู้แทนราษฎร แถลงว่า จากการที่คณะอนุกรรมาธิการฯ ตรวจสอบการใช้งบประมาณเพื่อช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาผู้ประสบอุทกภัย จำนวน 1.2 แสนล้านบาท พบว่าโครงการต่างๆ มีการเบิกจ่ายงบไปเพียง 10% เท่านั้น ถือว่ามีความล่าช้ามาก และงบในส่วนของกระทรวงมหาดไทยที่จะให้เบิกจ่าย พบว่ามีคนไปเรียกเก็บค่าหัวคิว 35% ซึ่งเรื่องนี้รองปลัดกระทรวงมหาดไทยยอมรับว่ามีคนไปแอบอ้างเรียกเก็บค่าหัวคิว แต่เมื่อตรวจสอบไปแล้วพบว่าเป็นเรื่องจริง ซึ่งทางคณะอนุกรรมาธิการฯ จะตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไปว่าเกี่ยวข้องกับใครบ้าง

อีกทั้งเมื่อวันที่ 1 พ.ค.ที่ผ่านมา ครม.ได้มีมติเห็นชอบตามที่สำนักงบประมาณเสนอให้ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 รายการค่าใช้จ่ายในการเยียวยาฟื้นฟู และป้องกันการเสียหายจากอุทกภัยอย่างบูรณาการที่มีโครงการหรือรายการที่ยังไม่ได้มีการจัดซื้อจัดจ้างในขั้นตอนการประกวดราคา หรือกรณีดำเนินการเองที่ยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติงานภายในวันที่ 30 เม.ย.ให้ส่งคืนงบประมาณดังกล่าวให้สำนักงบฯ ในวันที่ 3 พ.ค. ซึ่งเรื่องนี้มีความผิดปกติว่า ทำไมต้องเรียกงบประมาณคืน ใครเป็นคนสั่งให้ดำเนินการแบบนี้ จากกรณีดังกล่าวหมายความว่าประชาชนอีกจำนวนมากที่ประสบอุทกภัยจะไม่ได้รับเงินช่วยเหลือและเดือดร้อนมาก ทั้งๆ ที่ความจริงปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ได้เป็นความผิดของประชาชน แต่เป็นความผิดพลาดจากหน่วยงานราชการที่ดำเนินการล่าช้าจนต้องเรียกเงินคืน

นายชาญชัย กล่าวต่อว่า นอกจากนั้นยังพบว่าโครงการต่างๆ ไม่มีการแจ้งราคากลาง ทั้งๆ ที่ ป.ป.ช. มีระเบียบว่าต้องแจ้งราคากลางและทำตามกฎหมาย แต่รัฐบาลกลับส่งเรื่องให้กระทรวงการคลังพิจารณาเรื่องนี้ จึงเห็นว่ารัฐบาลพยายามที่จะปฏิเสธไม่ให้มีการเปิดเผยบุคคลหรือราคากลางโครงการต่างๆ เพราะได้มีมติ ครม.ออกมาว่าไม่ควรแสดงรายชื่อคณะกรรมการกำหนดราคากลาง เกรงจะมีผลกระทบทางสังคมต่อผู้นั้น ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความไม่โปร่งใสในการทำงานของรัฐบาล โดยมีการใช้วิธีพิเศษในการจ้างงานทั้งสิ้น

ที่ผ่านมาทางคณะอนุกรรมาธิการฯ ได้เชิญกรมทางหลวงและกรมชลประทานมาชี้แจงเกี่ยวกับงบประมาณที่ได้รับไปประมาณ 1 พันล้านบาทนั้น พบว่ากรมทางหลวงมีแผนการสร้างสะพาน จำนวน 500 ล้านบาท และ 350 ล้านบาท ในหลายจุด โดยอ้างว่าเป็นพื้นที่ฟลัดเวย์ ซึ่งน่าแปลกที่มีการระบุในการใช้งบว่าเป็นงบฉุกเฉินที่ต้องสร้างให้เสร็จภายใน 3-6 เดือน แต่ในสัญญาว่าจ้างกำหนดให้แล้วเสร็จในปี 2556 โดยทางกรมชลประทานได้ยอมรับว่าพื้นที่ฟลัดเวย์ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะใช้พื้นที่ใดกันแน่ แต่กลับมีการอนุมัติงบประมาณให้สร้างสะพานหลาย 10 จุด ซึ่งรัฐบาลต้องตอบว่าหน่วยงานใดเป็นคนสั่งให้สร้าง กยอ.หรือนายกฯ ที่สั่งให้สร้าง ทั้งนี้เห็นว่าปัญหาที่เกิดขึ้นเป็นแรงจูงใจที่จะทำให้เกิดการทุจริตได้ จึงต้องติดตามตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป โดยการประชุมคณะอนุกรรมาธิการฯ วันที่ 16 พ.ค.นี้ จะเชิญกรมชลประทานมาชี้แจงความชัดเจนของพื้นที่ฟลัดเวย์เพื่อระบายน้ำอีกครั้งหนึ่ง

ทั้งนี้ ยังพบข้อพิรุธในการจัดซื้อข้าวกล่องช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วม ใน 4 เขต กทม.ได้แก่ ลาดกระบัง มีนบุรี หนองจอก และคลองสามวา ส่อไปในทางทุจริตเรื่องงบประมาณ เพราะมีการเบิกจ่ายงบจำนวน 61 ล้านบาท โดยอ้างว่ามีผู้จ่ายเงินสดล่วงหน้าไปก่อนแล้ว ซึ่งมีเจ้าหน้าที่ระดับผู้อำนวยการพื้นที่เขตในสังกัดกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นผู้เบิกเงินสดจากกระทรวงไปจ่ายย้อนหลังให้ผู้รับจ้างทำข้าวกล่อง ซึ่งตามปกติจะเบิกจ่ายเป็นเช็ค แต่สำหรับครั้งนี้เบิกจ่ายเป็นเงินสดครั้งละ 9-10 ล้านบาท โดยทางดีเอสไอ และป.ป.ท.ได้ลงไปตรวจสอบและพบพิรุธว่า ร้านค้าที่รับทำข้าวกล่องไม่มีการเสียภาษี โดยผู้ผลิตข้าวกล่องยืนยันว่า ตัวเองไม่ได้รับงาน แต่ถูกว่าจ้างให้ดำเนินการวันละ 200 บาทเท่านั้น และไม่ได้เป็นผู้รับเงินค่าจ้างย้อนหลังตามที่มีการเบิกจ่ายย้อนหลัง

“จากการตรวจสอบรายชื่อผู้ที่จ่ายเงินล่วงหน้า เป็นที่น่าสงสัยว่า อาจมีการสวมสิทธิ์รายชื่อผู้มีสิทธิ์ทำข้าวกล่องมาเบิกจ่ายงบ อีกทั้งอาจมีการทุจริตถึง 30 ล้านบาท จากเงินที่ได้มีการเบิกจ่าย เชื่อว่าเงินจำนวน 61 ล้านบาท ที่อ้างนั้นน่าจะมีนักการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยแน่นอน นอกจากนี้เรื่องดังกล่าวยังเกี่ยวข้องตั้งแต่ ผอ.เขต 8 สำนักงานพัฒนาสังคม และอาจโยงไปถึงอธิบดี รองอธิบดีและผู้ใหญ่ในกระทรวง" นายชาญชัย กล่าว

:: อนุ กมธ.สภาฯ แฉงบน้ำท่วมส่อโกงยันข้าวกล่อง
:: ไทยรัฐออนไลน์ 3 พฤษภาคม 2555

คาถาป้องกันเส้นเลือดแตกในสมองให้กินกล้วยหอมประจำวันละ 3 มื้อ

หมอเมืองผู้ดีอังกฤษและเมืองมะกะโรนี บอกแนะนำให้กินกล้วยหอมมื้อละ 1 ลูก วันละ 3 มื้อ จะช่วยป้องกันโรคเลือดออกในสมอง อันเป็นโรคที่อันตราย ทำให้เกิดความพิการ หรือเสียชีวิตได้ถึงร้อยละ 21

วารสารวิชาการ“วิทยาลัยแพทย์โรคหัวใจอเมริกัน” รายงานว่า แพทย์มหาวิทยาลัยวอร์วิคของอังกฤษ และมหาวิทยาลัยเนเปิล แห่งอิตาลี ได้ร่วมกันศึกษา ทราบว่า หากกินกล้วยหอมวันละ 3 ลูก จะทำให้ร่างกายได้รับโปแตสเซียม วันละ 1,600 มิลลิกรัม จะลดโอกาสที่จะเกิดเลือดออกในสมอง ลงได้มากกว่า 1 ใน 5

กล้วยหอมแต่ละลูกจะมีโปแตสเซียม 500 มิลลิกรัม ซึ่งมีสรรพคุณลดความดันโลหิต และรักษาดุลของของเหลวในตัว หากร่างกายขาดโปแตสเซียมจะทำให้หัวใจเต้นผิดปกติ กระวนกระวาย คลื่นเหียนอาเจียนและท้องร่วง

นักวิจัยกล่าวว่า หากคนเรากินอาหารที่อุดมด้วยโปแตสเซียม เช่น ถั่ว ถั่วแขกชนิดเม็ดแดงและเหลือง นม ปลา และผักโขม ลดการกินเกลือให้น้อยลง จะป้องกันไม่ให้เป็นโรคเลือดออกในสมองกันได้ ปีหนึ่งๆ ไม่ต่ำกว่า 1 ล้านคน.



::คาถาป้องกันเส้นเลือดแตกในสมองให้กินกล้วยหอมประจำวันละ 3 มื้อ ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2555

ถูกขังลืม:: forgotten in cell

ไม่ว่าใคร คงไม่อยากถูกขังลืม วันนี้จะพูดเรื่อง ถูกขังลืม ซึ่งตรงกับภาษาอังกฤษ "forgotten in cell" หรือ "forgotten in jail"

อเมริกาก็ไม่ได้ดีไปกว่าชาติอื่น ๆ เพราะในการตรวจยาเสพติด มีนักเรียนถูกขังลืมนะซิ 5 วัน บอกว่า เขาต้องกินฉี่ตัวเองเพื่อให้มีชีวิตรอด
American is no better than other countries:: Student forgotten in jail says he drank urine to survive for 5 days.

ทนายยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหาย 20 ล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 600 ล้านบาท His attorneys filed a $20 million claim against the Drug Enforcement Administration (DEA), saying his treatment constitutes torture under U.S. and international law.

กลัวได้เงิน เอ๊ยย กลัวถูกขังลืม :: forgotten in cell เพราะอาจไม่ได้อยู่ใช้เงิน ค่าถูกขังลืมมันแพง ..

Dr.SoS

ตำแหน่งงานบริหารในมหาวิทยาลัย

ตำแหน่งงานบริหารในมหาวิทยาลัย Administrative Positions in University (เรียงจากสูงไปต่ำ in descending hierarchy)

สภามหาวิทยาลัย เรียก Board of Trustees หรือ  Board of Regents หรือ Board of Curators หรือ Board of Governors เช่น  Regents of the University of California

อธิการบดี เรียก Chancellor (Federal/State Ruler) หรือ President of a university หรือ Rector of a university or college  ถ้าเทียบกับในหนังจีน Chancellor ก็หมายถึง ขันที เพราะมีอำนาจสูงสุด (รองจากพระราชา ฮ่องเต้)

รองอธิการบดี Pro Chancellor (non-executive) หรือ Provost ซึ่งหมายถึง รองอธิการฝ่ายวิชาการ (Vice President for Academic Affairs) รองอธิการบดีฝ่ายวิชาการและวิจัย (Vice President for Academic Affairs and Research)

รองอธิการบดี Vice Chancellor หรือ Vice President มีหลายฝ่าย เช่น ฝ่ายวิเทศสัมพันธ์ รองอธิการบดีฝ่ายวิจัย รองอธิการบดีฝ่ายเทคโนโลยีสารสนเทศ รองอธิการบดีฝ่ายการเงินและทรัพย์สิน รองอธิการบดีฝ่ายกิจการนิสิตและพัฒนากายภาพ รองอธิการบดีฝ่ายประกันคุณภาพ

ผู้ช่วยอธิการบดี Deputy Vice Chancellor หรือ Deputy Vice President หรือ Assistant Vice President หรือ Associate Vice President

ผู้ช่วยรองอธิการบดี Assistants Vice Chancellor

Deans of Faculties คณบดี

Head of Programme หัวหน้าภาควิชา หรือ หัวหน้าสาขาวิชา


Dr.SoS




คำขอบคุณ

"ขอขอบคุณ"
ขอขอบคุณที่พ่อแม่ช่วยสอนสั่ง
คงอยากให้ลูกเป็นดั่งที่หวังได้
อยากขอโทษที่หลายครั้งลูกพลั้งไป
อยากขอบคุณที่พ่อแม่ให้อภัยเสมอมา

อยากขอบคุณอาจารย์ประจำชั้น
ที่ช่วยผลักดันเราไปที่ใฝ่หา
อยากขอบคุณอาจารย์ที่เอาใจใส่ตลอดเวลา
ถึงแม้ว่าเราจะอยู่กันไม่นาน

อยากขอบคุณเพื่อนร่วมเรียนเคียงบ่าไหล่
มีน้ำใจคอยช่วยเหลือสมัครสมาน
คอยให้เราซบบ่ายามร้าวราน
คอยช่วยแก้การบ้านยามผิดไป

อยากขอบคุณเฟสบุ๊กที่ปลุกเรา
ทำให้ความเหงาเริ่มเหือดหาย
ความรู้สึกดีดีมีมากมาย
ต่อให้ตายจากนี้ไป"ความผูกพัน"ยังคงอยู่

:: ขอขอบคุณ คำขอบคุณ

Monday, May 7, 2012

สยองไบหยก 2!! พนง.ติดป้ายโฆษณาสลิงขาดดับ 3

สยอง! พนักงานติดป้ายโฆษณา สลิงขาดดับ 3 เจ็บ2 ราย

วันที่ 7 พ.ค.55  เมื่อเวลา 14.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจสน.พญาไท ได้รับแจ้งเหตุมีเหตุคนพลัดตึกจากตึกใบหยก 2 (ตึกใหม่)  จึงรายงานผู้บังคับบัญชา ก่อนเดินทางไปตรวจสอบที่เกิดเหตุ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู และเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน แพทย์เวร

เมื่อไปถึงที่เกิดเหตุบริเวณชั้น 26 ของตึกดังกล่าว เจ้าหน้าที่พบกระเช้าอยู่ในสภาพห้อยโตงเตง ที่บริเวณด้านซ้ายและด้านขวา พบคนห้อยติดอยู่ทั้งด้านซ้ายและด้านขวาของกระเช้า โดยที่ยังคงมีลวดสลิงขึงอยู่ด้านนอกกระจกของตึกฝั่งอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ โดยที่มีประชาชนยืนมุงดูอยู่ด้านล่าง ด้วยความตื่นตระหนกกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น จากนั้นเจ้าหน้าที่มูลนิธิฯ จึงขึ้นไปที่บริเวณชั้นดังกล่าวก่อนที่จะใช้วิธีทุบกระจกของชั้น 26 และคว้าตัวช่วยเหลือเข้ามาภายในอาคารได้อย่างปลอดภัยทั้ง 2 คน ทราบชื่อภายหลัง  นายดอน ไม่ทราบนามสกุล อายุ 32 ปี ถูกนำตัวส่งรพ.รามาธิบดี ส่วนอีกรายทราบชื่อ นายเพลินจิต กองอุดม อายุ 30 ปี ชาวจ.กาฬสินธุ์ ได้รับบาดเจ็บบริเวณข้อเท้าด้านซ้าย มีรอยถลอกเลือดไหลเล็กน้อย

จากการสอบถาม นายเพลินจิต กล่าวว่า ตนและเพื่อนร่วมงานเป็นพนักงานของบริษัท คิว แอดเวอร์ไทซิ่ง ซึ่งเป็นบริษัทรับติดตั้งทั่วไป ติดตั้งโครงเหล็ก ป้ายโฆษณา สติ๊กเกอร์โฆษณา หลังจากที่ได้รับมาให้มาติดสติ๊กเกอร์โฆษณาสินค้า โตชิบ้า จึงเดินทางมาที่ตึกดังกล่าว โดยงานนี้ได้ทำมาแล้วประมาณ 1 อาทิตย์ วันนี้ช่วงเวลาประมาณ 10.00 น. ได้เดินทางมาพร้อมเพื่อน 4 คน และมาสมทบตอนบ่ายอีก 1 คน ช่วงเช้าทำงานตามปกติไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นได้มีการพักเที่ยง

"กลับมาทำงานอีกครั้งตอนบ่าย ผมและเพื่อนทั้ง 5 คน ได้ขึ้นกระเช้าไปยังชั้น 26 ระหว่างที่ยืนอยู่นั้น ผมได้ยินเสียงดังกึก ตอนนั้นผมยืนอยู่ด้านซ้ายสุดของกระเช้าที่มีความยาวประมาณ 6 เมตร กว้างอีก 1 เมตร ตอนแรกก็ยังไม่คิดอะไร สักพักหนึ่งเกิดเสียงดังขึ้นอีก เมื่อมองไปเห็นแผ่นอลูมิเนียมที่รองพื้นกระเช้าอยู่เกิดแยกออกจากกัน ผมตกใจมาก รีบคว้าลวดสลิง ราวเหล็กที่อยู่ใกล้ตัวมากที่สุด มองไปเห็นเพื่อน 3 คนร่วงลงไปกับพื้น ผมพยายามที่จะเอาชีวิตรอด มองไปอีกฝั่งเห็นเพื่อนอีกคนยืนอยู่อีกด้านหนึ่ง ผมตะโกนร้องให้คนช่วย ตอนนั้นไม่รู้ว่าเพื่อนที่ตกลงไปเป็นอย่างไรบ้าง มารู้อีกทีว่าเสียชีวิตแล้ว ผมไม่รู้ว่าอุบัติเหตุครั้งนี้เกิดจากอะไร ที่ผ่านมาทำงานมาหลายครั้งก็ไม่เคยมีปัญหา " นายเพลินจิตกล่าว

สำหรับผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ครั้งนี้ทราบชื่อ คือ 1. นายกำธร อมรวงศ์ อายุประมาณ 31 ปี ชาวจ.กาฬสินธุ์
2. นายอติวัจน์ ศรีจวนกิตติภูมิ อายุประมาณ 26 ปี ชาวจ.ศรีสะเกษ และ
3. นายฤทธิชัย จำญาติ อายุประมาณ 19 ปี
ชาวกทม.

ด้าน นายกฤติพงศ์ เพชรมณี เจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู เล่าว่า เมื่อได้รับแจ้งเหตุจึงรีบเดินทางมายังจุดเกิดเหตุ เมื่อขึ้นไปบนอาคารพบศพผู้เสียชีวิตเป็นชาย อยู่ที่สนามไดร์กอล์ฟ หลังจากนั้นได้พบอีกศพหนึ่งอยู่บริเวณขอบปูนด้านนอก และมาทราบว่ายังมีผู้ห้อยติดอยู่กับกระเช้าด้านนอก ตอนแรกจะใช้วิธีการโรยตัวเพื่อที่จะนำผู้ที่รอดชีวิตลงมาด้านล่าง แต่เมื่อสังเกตุเห็นว่าผู้ที่รอดชีวิตห้อยติดอยู่กับกระจกของตึก จึงหันมาใช้วิธีการขึ้นไปยังชั้นที่เกิดเหตุ ก่อนที่จะทุบกระจกและคว้าตัวผู้ที่รอดชีวิตเข้ามาด้านในอาคารได้อย่าง ปลอดภัย ท่ามกลางประชาชนที่มุงดูอยู่ด้านล่างเป็นจำนวนมา

:: คมชัดลึกออนไลน์ ====================


ระทึกคนงานตกนั่งร้านตึกใบหยกดับ 3 ศพ



เมื่อเวลา 14.15 น. วันที่ 7 พ.ค. พ.ต.ท.ธรรมรักษ์ เรืองดิษฐ์ พนักงานสอบสวน (สบ2) สน.พญาไท รับแจ้งเกิดเหตุคนพลัดตกอาคารใบหยก สกายทาวเวอร์ 2 ถนนราชปรารภ แขวงราชปรารภ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จึงรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่มูลนิธิร่วมกตัญญู หน่วยกู้ชีพราชวิถี

ที่เกิดเหตุบริเวณด้านล่างหน้าอาคารตึกใบหยกความสูง 84 ชั้น พบผู้คนแตกตื่นยืนมุงดูและชี้ไปที่ชั้นบนตึกใบหยกชั้นที่ 68 ซึ่งเป็นกระเช้าขนาดความยาว 5 เมตร ได้หักบริเวณแกนกลาง และมีผู้ห้อยโหนอย่างน่าหวาดเสียว เป็นชาย 2 ราย เจ้าหน้าที่รปภ. จึงทำการทุบกระจกให้แตก ก่อนทำการช่วยเหลือโดยการดึงเข้ามาภายใน พร้อมกับให้หน่วยกู้ชีพราชวิถีทำการปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำส่งรพ.ราชวิถี ทราบชื่อต่อมาเพียงรายเดียว คือ นายเพลินจิต กองอุดม อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บบริเวณสีข้างด้านซ้าย เข่าขวาถลอก

นอกจากนี้พบผู้เสียชีวิตจำนวน 3 ราย โดยรายแรกอยู่บนชั้น 18 ซึ่งเป็นสนามไดร์ฟกอล์ฟขนาดกว้างประมาณ 15 เมตร พบศพชายไม่ทราบชื่อ สภาพนอนคว่ำหน้า สวมเสื้อยืดสีฟ้าคลุมทับด้วยเสื้อลายทหาร นุ่งกางเกงยีนต์ขายาว ส่วนชั้นที่ 20 เป็นสระน้ำ พบศพชายไม่ทราบชื่อ สภาพนอนคว่ำหน้าจมกองเลือด สวมเสื้อยืดสีดำ นุ่งกางเกงยีนต์ขายาว และชั้นที่ 36 มีชายไม่ทราบชื่อเสียชีวิตอีกราย
เบื้องต้นทราบว่า ก่อนเกิดเหตุผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บซึ่งเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง กำลังติดป้ายโฆษณาอยู่ที่ชั้น 68 และได้เกิดลมพัดแรง ก่อนที่สายสลิงของกระเช้าจะขาด ทำให้กระเช้าหักครึ่ง ตกลงมาเสียชีวิตคาที่ 3 ราย และมีผู้ได้รับบาดเจ็บอีก 2 ราย อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะสอบปากคำผู้บาดเจ็บ และรปภ.ของอาคารตึกใบหยกที่ให้ความช่วยเหลือ เพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงต่อไป

สำหรับรายชื่อผู้เสียชีวิตทั้ง 3 คน มีนายกำธร อมรวงศ์ อายุ 31 ปี ตกลงมาเสียชีวิตชั้นที่ 18 ซึ่งเป็นสนามกอล์ฟ , นายอภิวัตน์ ศรีจวน กิตติภูมิ อายุ26 ปี ตกลงมาเสียชีวิตชั้นที่ 20 ซึ่งเป็นสระน้ำ และนายฤทธิชัย จำญาต อายุ 19 ปี ตกลงมาเสียชีวิตที่ชั้นที่ 36 ส่วนผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย คือ นาย เพลินจิต กองมุม อายุ 30 ปี ได้รับบาดเจ็บมีบาดแผลแตกที่บริเวณใบหน้า อีกรายคือ นาย ดอน ยังไม่ทราบนามสกุล ได้รับบาดบริเวณไหปลาร้าด้านซ้าย เจ้าหน้าที่นำตัวส่งโรงพยาบาลรามาธิบดี

นาย เพลินจิต ผู้ที่รอดชีวิตราวปฏิหารย์ เปิดเผยถึงนาทีระทึกว่า ก่อนเกิดเหตุตนและกลุ่มเพื่อนร่วมงานทั้งหมด 5 คน เป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งย่านงามวงศ์วาน ได้ขึ้นไปติดตั้งป้ายโฆษณาบริเวณชั้นที่ 68 โดยใช้กระเช้าซึ่งสามารถรับน้ำหนักได้ 7 คน ขึ้นไปทำการติดตั้งมาเป็นเวลา 7 วันแล้ว ระหว่างที่กำลังติดตั้งอยู่ กระเช้าได้เกิดการหักตัวจนเป็นเหตุให้เพื่อนร่วมงานทั้ง 4 คนได้ตกลงไปด้านล่าง ส่วนตนได้สติและยืนชิดขอบกระเช้าจึงสามารถเกาะขอบหน้าต่างเอาไว้ได้ พร้อมใช้เท้ายันกับโครงเหล็กกระเช้าที่หักเอาไว้ และร้องตะโกนขอความช่วยเหลืออยู่ประมาณ 30 นาที กว่าจะมีคนมาช่วยทุบกระจกแล้วดึงตนเข้าไปในอาคาร ทั้งนี้กระเช้าที่ใช้งานนั้นอยู่ในสภาพที่ใหม่และแข็งแรงดี แต่ไม่ทราบว่าเหตุใดกระเช้าถึงหักจนทำให้เกิดเหตุสลดดังกล่าว

ที่มา:: ระทึกคนงานตกนั่งร้านตึกใบหยกดับ 3 ศพ เดลินิวส์ออนไลน์ วันจันทร์ที่ 7 พฤษภาคม 2555
=============



เกาหลีใต้กวาดล้างแคปซูล'เนื้อคน'

เกาหลีใต้กวาดล้างแคปซูลบรรจุผงเนื้อมนุษย์ลักลอบนำเข้าจากจีน พบตาเป็นยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ เชื่อรักษาได้สารพัดโรค

7พ.ค.2555 ทางการประเทศเกาหลีใต้ระบุว่า ได้มีการตรวจสอบอย่างเข้มงวดด้านศุลกากร เพื่อกวาดล้างขบวนการลักลอบนำแคปซูลบรรจุผงเนื้อมนุษย์ที่ผลิตในจีนเข้า ประเทศ

หน่วยงานศุลกากรของเกาหลีใต้ เปิดเผยว่า นับตั้งแต่เดือนสิงหาคมปีที่ผ่านมา ได้ตรวจพบความพยายามลักลอบนำแคปซูลบรรจุผงเนื้อมนุษย์จากจีนราว 17,450 เม็ด โดยการตบตาว่าเป็นยาเสริมสมรรถภาพทางเพศ

เจ้าหน้าที่ศุลกากร เปิดเผยว่า แคปซูลเหล่านี้ บรรจุผงเนื้อมนุษย์ที่ทำจากเด็กทารกและเด็กอ่อนที่เสียชีวิตแล้ว โดยมีแหล่งผลิตอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของจีน และชนกลุ่มน้อยชาวเกาหลีที่อาศัยอยู่ในบริเวณดังกล่าวได้พยายามจะลักลอบนำ เข้าไปในเกาหลีใต้ เจ้าหน้าที่ระบุด้วยว่า บางคนเชื่อว่า แคปซูลเหล่านี้ มีสรรพคุณรักษาได้สารพัดโรค แต่จากการตรวจสอบพบว่า มีแต่ซูเปอร์แบคทีเรีย และส่วนประกอบที่เป็นอันตรายหลายชนิด

::เกาหลีใต้กวาดล้างแคปซูล'เนื้อคน' คมชัดลึกออนไลน์ วันอังคารที่ 8 พฤษภาคม 2555



Wednesday, May 2, 2012

สาวร้องรถป้ายแดงเสียซ่อมเสร็จแล้ว

สาวร้องปคบ.รถยนต์ป้ายแดงเสีย ซ่อมเสร็จแล้วตำรวจเชิญบริษัททำบันทึกข้อตกร่วมกับผู้เสียหายก่อนส่งมอบ

วันนี้(25เม.ย.2555) พล.ต.ต.นิพนธ์ เจริญผล ผู้บังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับการคุ้มครองผู้บริโภค (บก.ปคบ.) เชิญ น.ส.คัสฬส แก่นจันทร์ ผู้เสียหายที่เข้าร้องทุกข์ว่าซื้อรถยนต์ยี่ห้อหนึ่ง ทะเบียนป้ายแดง แล้วเกิดปัญหาระบบไฟฟ้าแต่ซ่อมกับศูนย์บริการหลายครั้งก็ยังซ่อมไม่ได้ และตัวแทนบริษัท มิตซูบิชิ มอเตอร์ (ประเทศไทย) จำกัด มาทำบันทึกข้อตกลงเพื่อส่งมอบรถยนต์มิตซูบิชิ รุ่น แลนเซอร์ สีขาว ทะเบียนป้ายแดง ศ 1810 กทม.ให้แก่ น.ส.คัสฬส หลังจากได้ทำการตรวจสอบอย่างละเอียดแล้วพบต้นตอปัญหาที่แท้จริงของระบบไฟฟ้า ภายในรถ และได้ทำการเปลี่ยนอะไหล่ที่มีปัญหาเป็นที่เรียบร้อย

พล.ต.ต. นิพนธ์ กล่าวว่า หลังรับเรื่องร้องทุกข์ทาง บก.ปคบ.ได้ประสานกับบริษัทรถยนต์เพื่อทำการตรวจสอบสภาพรถอย่างละเอียด กระทั่งพบสาเหตุที่แท้จริง และได้ทำการเปลี่ยนอะไหล่ที่มีปัญหาให้เป็นที่เรียบร้อยจึงเชิญทั้งสองฝ่าย มาทำบันทึกข้อตกลงและส่งมอบรถคืนให้แก่ผู้เสียหายเป็นที่เรียบร้อย

ทั้ง นี้จากการสอบถามตัวแทนบริษัท มิตซูบิชิ ที่มาร่วมส่งมอบรถยนต์คืนในครั้งนี้พบว่า สาเหตุที่ทำให้เกิดปัญหาระบบไฟฟ้าภายในรถยนต์คือหลอดไฟด้านขวาของแผงหน้าปัด (คอมิเนชั่น มิเตอร์) หลวม ทำให้เกิดแสงไฟกระพริบติดๆดับๆ ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับระบบไฟฟ้าของรถยนต์แต่อย่างใด

ส่วนกรณีที่เกิด เครื่องดับระหว่างขับขี่นั้นตรวจสอบพบว่าน่าจะเกิดจากการต่อเพิ่มอุปกรณ์ สัญญาณป้องกันการขโมย ซึ่งเป็นบริการเสริมที่ศูนย์จัดให้เมื่อครั้งตัวแทนจำหน่ายไปออกงานมอเตอร์ โชว์ แต่หลังจากถอดอุปกรณ์ดังกล่าวออกแล้วก็ไม่เกิดปัญหาเดิมซ้ำ อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้เปลี่ยนแผงหน้าปัดให้ใหม่ทั้งหมด ส่วนกรณีที่เกิดปัญหาเกี่ยวกับการติดอุปกรณ์เสริมป้องกันขโมยนั้นได้ให้ตัว แทนจำหน่ายให้คำแนะนำลูกค้าในเรื่องดังกล่าวแล้ว


::สาวร้องรถป้ายแดงเสียซ่อมเสร็จแล้ว

โพสต์ทูเดย์ดอทคอม 25 เมษายน 2555
=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

หยุดชั่ว ช้า ได้แล้ว ขอมันแพง ..

นักเศรษฐศาสตร์ให้รัฐบาลสอบตกบริหารศก. + ตาแหก-แหกตา


นักเศรษฐศาสตร์ให้รัฐบาลสอบตกบริหารศก.


โพลมหาวิทยาลัยกรุงเทพ เผยนักเศรษฐศาสตร์ให้คะแนนรัฐบาลบริหารเศรษฐกิจ3.83เต็ม10 ด้านบริหารจัดการราคาพลังงานแย่สุด

ศูนย์วิจัยมหาวิทยาลัยกรุงเทพ (กรุงเทพโพลล์) ได้เปิดเผยผลสำรวจความคิดเห็นนักเศรษฐศาสตร์จากองค์กรชั้นนำ 26 แห่ง จำนวน 63 คนในหัวข้อ ประเมินผลงานด้านเศรษฐกิจของรัฐบาลในรอบ 9 เดือน ระหว่างวันที่ 20 - 25 เม.ย. ที่ผ่านมา พบว่า นักเศรษฐศาสตร์ประเมินผลงานการบริหารเศรษฐกิจในภาพรวมของรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร โดยให้คะแนน 3.83 คะแนน จากเต็ม 10

ผลโพลยังระบุถึงคะแนนที่รัฐบาลได้รับในการบริหารเศรษฐกิจแต่ละด้านดังนี้ การเติบโตของ GDP ได้ 5.00 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน) ด้านการนำพาเศรษฐกิจไทยในช่วงหลังวิกฤตน้ำท่วมใหญ่ ได้ 4.53 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน) ด้านการบริหารจัดการหนี้สาธารณะได้ 3.75 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน) ด้านการสร้างความเป็นธรรมในสังคม ลดความเหลื่อมล้ำด้านเศรษฐกิจ ได้ 3.47 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน) ด้านการแก้ปัญหา/ดูแลเสถียรภาพของราคาสินค้า ได้ 3.17 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน) ด้านการบริหารจัดการราคาพลังงาน 3.03 คะแนน (เต็ม 10 คะแนน)
ขณะที่ผลงานในการดำเนินโครงการตามที่ได้หาเสียงไว้กับประชาชน พบว่า โครงการที่นักเศรษฐศาสตร์เห็นว่ามีผลงานอยู่ในระดับในระดับยอดเยี่ยม มีดังนี้อันดับ 1.โครงการขจัดยาเสพติดใน12 เดือน 54.9% อันดับ 2.โครงการคืนภาษีให้ผู้ซื้อรถคันแรก 35.3% อันดับ 3.โครงการ30 บาทรักษาทุกโรคได้จริง 33.3%

ส่วนโครงการที่เห็นว่ามีผลงานอยู่ในระดับในระดับยอดแย่ มีดังนี้ อันดับ 1. โครงการยกเลิกกองทุนน้ำมัน (การลดราคาน้ำมันเบนซินและดีเซล) 43.5% อันดับ 2.โครงการจำนำข้าวเปลือกเจ้าเกวียนละ 15,000 บาท และข้าวหอมมะลิเกวียนละ 20,000 บาท 40.3% อันดับ 3.คือโครงการแจกแท็บเลต พีซี ให้เด็กนักเรียน และโครงการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 300 บาท ภายใน 90 วัน ได้ 38.7% เท่ากัน

:: การเงิน- นักเศรษฐศาสตร์ให้รัฐบาลสอบตกบริหารศก.โพสต์ทูเดย์ดอทคอม วันอังคารที่ 01 พฤษภาคม 2555
=========================

ตาแหก-แหกตา

รายงานข่าวโดย: ณ กาฬ
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
น่าเบื่อเหลือทน กับบรรดาคำพูดของ ฯพณฯ ผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมือง พ่นออกมาได้ทุกวัน ของไม่แพง ชาวบ้านวิตกจริต คิดไปเองเสียมากกว่า
มันน่าเหนื่อยใจจริง กับการนอนหลับไม่รู้ นอนคู้ไม่เห็น กับความเดือดร้อนของชาวบ้าน
รัฐบาลนี้มีนโยบายสำคัญในการแก้ปัญหาของแพงก็คือ โครงการร้านค้าถูกใจ หรือโชห่วยช่วยชาติ ของกระทรวงพาณิชย์ ซึ่งล้มเหลวไม่เป็นท่า จนกระทั่งถึงโครงการใหม่ที่เพิ่งทำมาและเป็นผลสำเร็จ

นั่นคือ มหกรรมแหกตา...มาหาเธอ
เพราะตัวเลขของแพงที่กระทรวงพาณิชย์เที่ยวนำเสนอทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น เอาเข้าจริง มันแตกต่างจากสิ่งที่ชาวบ้านเจออยู่

สินค้าหลายชนิดที่กระทรวงพาณิชย์จัดทำเป็นราคาแนะนำ ราคาต่ำกว่าความเป็นจริงมากโข
ข้อมูลปรากฏกันซึ่งหน้า เมื่อ ยรรยง พวงราช ปลัดกระทรวงพาณิชย์ นำพานักข่าวไปตระเวนตามตลาดเตาปูน และพบว่า ราคาสินค้าเกือบทุกชนิดสูงกว่าราคาแนะนำของกระทรวงพาณิชย์

สภาพเช่นนี้ไปดูได้ เป็นกันเกือบทุกตลาด ไม่ว่าจะเฉพาะตลาดใดตลาดหนึ่งเท่านั้น
อย่างเนื้อหมู ราคาแนะนำของกระทรวงพาณิชย์กิโลกรัมละ 123.50 บาท แต่ที่ชาวบ้านไปซื้อหากันจริงอยู่ที่ 135-140 บาท หรือแพงกว่ากันนับ 10%
เนื้อไก่ ราคาแนะนำที่กิโลกรัมละ 68.99 บาท ขณะที่ในตลาด 80 บาท
แตงกวา ราคาแนะนำของกระทรวงพาณิชย์ 22.64 บาทต่อกิโลกรัม แต่ตลาดขายถึง 40 บาท
ถั่วฝักยาว ราคาแนะนำ 30 บาท แต่ของจริงอยู่ที่ 60 บาท แพงกว่ากันเท่าตัว
น่าเสียดาย พลาดไปอีก 1 สินค้าที่ไม่มีการสำรวจ นั่นคือ น้ำยาล้างตา ป่านนี้คงแพงหูฉี่ ขาดตลาด เพราะถูกกว้านซื้อไปแก้อาการตาแหกเพราะถูกแหกตา
ที่สำคัญข้อมูลสินค้าเหล่านี้ก็ส่งไปให้ ฯพณฯ ที่อยู่บนหอคอยงาช้าง เพื่อสนับสนุนการป่าวประกาศของไม่แพง ทั้งๆ ที่กระเป๋าชาวบ้านเกลี้ยงแล้วเกลี้ยงเล่า

ปัญหาของแพงเป็นเสียงที่ดังระงมทั่วบ้านทั่วเมือง มีแต่บรรดาผู้มีอำนาจทั้งหลาย ไม่รู้ไม่เห็นเท่านั้นเอง
ถ้าหูไม่หนวก ตาไม่บอด ก็แสดงให้เห็นว่า แต่ละคนไม่เดือดร้อน ไม่รู้จักว่าของแพงเป็นอย่างไร สาเหตุอาจด้วยกำลังอิ่มแปล้ พุงกาง จากสารพัดโครงการ ที่ล้วนแล้วแต่น่ารับประทานทั้งสิ้น
แหม...กินกันกำลังเพลิน ไม่เห็นว่ามันแพงตรงไหนเลยพับผ่า

:: โพสต์ทูเดย์ดอทคอม 03 พฤษภาคม 2555

จราจรกลาง

ทนายความคนหนึ่ง ปัจจุบันเป็นนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นใน จ.นครราชสีมา ข้องใจการปฏิบัติงานของตำรวจในจังหวัด สงสัยว่าถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่

เมื่อต้นเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เขาขับรถผ่านไปทาง อ.ปักธงชัย มีด่านตำรวจเรียกให้หยุดตรวจ เขาโดนใบสั่งในข้อหาป้ายเสียภาษีประจำปีหมดอายุ

ที่จุดตรวจมีตำรวจตั้งโต๊ะให้บริการปรับ มีร้อยเวรควบคุม

ใช้ตำรวจราว 10 นาย

ระหว่างรอปรับอยู่ราว 15 นาที พบว่ามีรถคันอื่นถูกปรับข้อหาต่างๆราว 10 คัน

เขาสอบถามตำรวจชุดนั้นได้ความว่า ตำรวจตั้งด่านผลัดละ 3 ชั่วโมง

คิดคร่าวๆว่า ในการตั้งด่านแต่ละครั้งจะมีรถถูกปรับอย่างต่ำ 100 คัน หากถูกปรับคันละ 300 บาท รวมแล้วค่าปรับคนผลัดละ 3 หมื่นบาท

เดือนละเป็นแสน!

อีกไม่กี่วันต่อมา ทนายความคนเดียวกันนั้นก็ได้รับจดหมายเรียกให้ไปชำระค่าปรับในข้อหา “ขับรถเร็ว” อีกครั้งหนึ่ง

หมายเรียกระบุให้ไปเสียค่าปรับที่ตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาหรือไปชำระทางไปรษณีย์ก็ได้

ในฐานะนายกองค์การบริหารส่วนท้องถิ่นจึงเกิดความข้องใจเกี่ยวกับส่วนแบ่งจากเงินค่าปรับและวิธีการจับกุม

เรื่องส่วนแบ่งค่าปรับควรมีการส่งเป็นเงินรายได้แผ่นดินให้กับท้องถิ่นที่พบการกระทำผิด

กรณีนี้ไม่เคยมีการนำส่ง ไม่ว่าจะเป็นข้อหาอะไร

สอบถามเพื่อนผู้บริหารท้องถิ่นด้วยกันก็ได้รับการยืนยันเหมือนกันว่า ไม่มีการนำส่งรายได้จากการตั้งด่านลักษณะนี้

เงินรายได้จากค่าปรับเดือนละกว่าล้านบาท จัดสรรแก่เจ้าหน้าที่ฝ่ายต่างๆอย่างไร

ชุดที่ไปตั้งด่านมีกัน 10 กว่านายเท่านั้น

หากแบ่งกันแค่ชุดทำงานก็ได้ไปคนละเป็นแสนบาทต่อเดือน

ส่วน เรื่องวิธีการจับกุมน่าสงสัยว่า ตำรวจชุดที่ไปตั้งด่านใช้ชื่อว่า “จราจรกลาง” เป็นชุดที่รวมตำรวจใน จ.นครราชสีมา อ้างว่ามีอำนาจไปตั้งด่านในทุกพื้นที่ของจังหวัด

จริงๆแล้วมีอำนาจหรือไม่

การไปตั้งด่านตั้งหน้าตั้งตาจับเพื่อหวังส่วนแบ่งค่าปรับแบบนี้ทำให้ตำรวจท้องที่เสียชื่อ ชาวบ้านไม่รู้คิดว่าเป็นตำรวจท้องที่

จึงขอให้ผู้เกี่ยวข้องตรวจสอบและสั่งการให้ถูกต้อง

ตอนนี้การจัดชุด “จราจรกลาง” ของจังหวัดออกไปตั้งด่านจับ-ปรับกำลังแพร่ระบาดไปยังจังหวัดต่างๆใน ผบช.ภ.3

ถูกต้องแค่ไหนไม่รู้ รู้แต่ว่ารายได้ดี.

“เพลิงมรกต”

::จราจรกลาง เลขที่1 วิภาวดี เพลิงมรกต ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2555

สามก๊กไอที ตอนที่เจ็ด

ในสามก๊กไอทีตอนที่ผ่านๆ มา ผมเขียนถึงก๊กเก่าแก่ทั้งสองก๊ก คือไมโครซอฟท์และแอปเปิลไปแล้ว คราวนี้เป็นคิวของก๊กสุดท้ายซึ่งเป็นก๊กน้องใหม่กันบ้าง ไม่ใช่ใครอื่นแต่เป็นกูเกิลนั่นเอง...

ตามประวัติศาสตร์แล้ว วุยก๊กของโจโฉ สืบทอดอำนาจมาจากอาณาจักรฮั่นเดิม (โจโฉครองอำนาจโดยที่ยังรักษาสถานภาพของฮ่องเต้ฮั่นเอาไว้) ส่วนง่อก๊กของตระกูลซุนก็เป็นตระกูลขุนนางเก่าแก่ที่มีอำนาจในแดนใต้มานาน เพิ่งมาเริ่มแข็งเมืองในช่วงที่อำนาจจากส่วนกลางอ่อนแอลง

ส่วนวุยก๊ก ซึ่งในสามก๊กหลายเวอร์ชั่นยกให้เป็นตัวเอก เป็นก๊กใหม่ที่เกิดขึ้นระหว่างแผ่นดินปั่นป่วนวุ่นวาย โดยเล่าปี่ กวนอู เตียวหุย ร่วมสาบานกันเป็นพี่น้อง ค่อยๆ สร้างตัวขึ้นมาจากศูนย์จนกลายมาเป็นหนึ่งในสามก๊กใหญ่ และภายหลังก็มีขุนศึกกับกุนซือผู้เก่งกาจเข้าร่วมด้วยหลายราย ที่คนไทยรู้จักกันดี ได้แก่ ขงเบ้ง จูล่ง ฮองตง ม้าเฉียว เป็นต้น

มา ดูในโลกไอทีจะเห็นว่าที่มาของกูเกิลนั้นคล้ายๆ กัน คือ กูเกิลไม่มีรากเหง้ายาวนาน เป็นประวัติศาสตร์ของวงการไอทีมา 30 กว่าปี แบบไมโครซอฟท์และแอปเปิล กูเกิลเพิ่งจดทะเบียนเป็นบริษัทในปี 1998 (นับถึงวันนี้มีอายุได้ 14 ปี ในขณะที่ไมโครซอฟท์อายุ 37 ปี แอปเปิลอายุ 36 ปี)

จุดเริ่มต้นของกูเกิลเกิดจากนักศึกษาปริญญาเอกของมหาวิทยาลัย สแตนฟอร์ด 2 คน คือ Larry Page และ Sergey Brin พัฒนาระบบการค้นเว็บที่มีประสิทธิภาพสูงกว่าบริการในท้องตลาดช่วงนั้น และตัดสินใจหยุดเรียนมาเปิดบริษัทแทน ผลิตภัณฑ์ของกูเกิลมีเพียงอย่างเดียวในช่วงแรก แต่ก็ดีมากจนโค่นคู่แข่งมานับไม่ถ้วน และกูเกิลก็ขยายสายผลิตภัณฑ์ของตัวเองให้ครอบคลุมบริการอื่นๆ บนอินเทอร์เน็ต เช่น อีเมล์ เอกสาร แผนที่ ภาพถ่าย วิดีโอ ฯลฯ จนกลายเป็นราชาแห่งอินเทอร์เน็ตในที่สุด เฉกเช่นเดียวกับ “จ๊กก๊ก” ที่ตอนแรกไม่มีอาณาจักรของตัวเอง เป็นแค่กองกำลังเล็กๆ แต่ใช้ไหวพริบและอาศัยช่องว่างของมหาอำนาจที่กำลังปะทะกัน สร้างตัวเองขึ้นมาได้ทางภาคตะวันตกของแผ่นดินจีน

จุดเปลี่ยนสำคัญ ครั้งหนึ่งของกูเกิล คือ การได้ Eric Schmidt ผู้บริหารมากประสบการณ์ (อดีตเขาเคยทำงานกับ Sun และ Novell) มานั่งเก้าอี้เป็นซีอีโอให้ เพราะการปล่อยให้สองผู้ก่อตั้งวัยรุ่นบริหารกันเองเพียงลำพังอาจล้มเหลวได้ กูเกิลภายใต้การเติบโตของ Schmidt เติบโตอย่างก้าวกระโดด ผงาดขึ้นมาเป็นมหาอำนาจใหม่ของโลกไอทีได้สำเร็จ

โครงสร้างการบริหาร ของกูเกิลจะใช้ระบบผู้บริหารสูงสุด 3 คน คือ Eric Schmidt ในฐานะซีอีโอ และสองผู้ก่อตั้ง Larry Page กับ Sergey Brin ตัดสินใจร่วมกันในเรื่องสำคัญๆ ของบริษัท แนวทางนี้ช่วยให้กูเกิลสามารถตอบโจทย์ทั้งในแง่วิสัยทัศน์ระยะยาวของ Page/Brin ที่จะรวบรวมข้อมูลสารสนเทศจากทั้งโลกมาไว้ที่เดียวกัน และการแปรเปลี่ยนแผนงานเป็นรูปธรรม ซึ่งเป็นหน้าที่หลักของ Schmidt

แนว ทางการใช้ผู้บริหารหลัก 3 คน เป็นคณะกรรมการมีอำนาจตัดสินใจสูงสุด จึงคล้ายกับ “จ๊กก๊ก” ของเล่าปี่ที่มี 3 พี่น้องร่วมสาบานเป็นแกนกลางนั่นเองครับ (บางคนอาจบอกว่า Schmidt ทำหน้าที่คล้ายกับขงเบ้งมากกว่า อันนี้ผมเห็นด้วยในระดับหนึ่งเหมือนกัน)
Eric Schmidt เพิ่งลงจากตำแหน่งซีอีโอไปเมื่อปีที่แล้ว 2011 และส่งไม้กลับคืนให้ Larry Page ที่เติบโตและมีประสบการณ์มากขึ้นแล้วมาเป็นซีอีโอแทน อย่างไรก็ตาม Schmidt ยังนั่งเก้าอี้บริหารต่อไปในฐานะประธานของบริษัท และรักษาโครงสร้างการบริหารแบบ 3 คนเหมือนเดิม แค่เปลี่ยนให้ Larry Page ขึ้นมาเด่นแทนเท่านั้น

กูเกิลไม่มีรากเหง้าใดๆ มาก่อนเลย เป็นบริษัทที่เกิดจากเว็บและโตขึ้นมาด้วยเว็บเพียงอย่างเดียว ซึ่งต่างไปจากแอปเปิลที่โตมากับฮาร์ดแวร์ และไมโครซอฟท์ที่โตมาด้านซอฟต์แวร์ ดังนั้นกูเกิลจะทำผลิตภัณฑ์ที่อยู่บนอินเทอร์เน็ตออกมาได้ดีมาก แต่ผลิตภัณฑ์ที่เป็นฮาร์ดแวร์หรือซอฟต์แวร์อาจยังไม่ดีมากนัก เช่น Chrome OS ยังสู้ Windows ไม่ได้ และ Android เอง ก็ยังเป็นรอง iOS ในหลายจุด เป็นต้น

จุดอ่อนอีกประการหนึ่งของกูเกิลคือรายได้หลักของกูเกิลยังมา จากโฆษณาออนไลน์แทบทั้งหมด (แม้ว่ากูเกิลจะมีบริการเป็นร้อยเป็นพันชนิดก็ตาม) ทำให้มีความเสี่ยงสูงที่กูเกิลอาจจะโดนตีที่แกนกลางของบริษัท แล้วถึงกับล่มสลายในชั่วเวลาไม่นานได้เลย ตรงนี้ต่างไปจากไมโครซอฟท์และแอปเปิลที่มีรายได้มาจากหลายทาง ต่อให้ตลาดไหนเจอคู่แข่งที่น่ากลัว ก็ยังใช้รายได้จากส่วนอื่นมาทดแทนได้

กู เกิลเองก็ทราบปัญหานี้ดี และพยายามกระจายแหล่งรายได้ออกไปมากขึ้น เช่น ขายสินค้าและบริการต่างๆ อย่างเพลง หนังสือ แอพ แต่ในภาพรวมก็ยังไม่ประสบความสำเร็จนัก คือมีรายได้เข้ามาบ้างแต่ยังไม่มีสัดส่วนเยอะอย่างที่หวัง

มาร์ค Blognone
::ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2555

'สิงคโปร์' ขึ้นแท่นประเทศ 'น่าทำงาน' มากสุด อันดับ 4 ของโลก

การจัดอันดับประเทศน่าอยู่และน่าทำงานมากที่สุดในโลก ประจำปี 2555 ระบุ สหรัฐฯ อังกฤษ และออสเตรเลีย ได้รับความนิยมมากที่สุด ส่วนสิงคโปร์ ขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 4... สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานเมื่อ 3 พ.ค.2012 ว่า สิงคโปร์ ขยับขึ้นเป็นอันดับที่ 4 ของโลก ในฐานะประเทศที่น่าอยู่และน่าทำงานมากที่สุด ขณะที่ฮ่องกง อยู่ลำดับที่ 6 เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ขณะที่ สหรัฐฯ อังกฤษ และ ออสเตรเลีย เป็นจุดหมายปลายทางยอดนิยมสำหรับย้ายถิ่นฐานมากที่สุด ทั้งนี้ ผลสำรวจดังกล่าว จัดทำขึ้นโดย บริษัทจัดหางานไฮโดรเจน และโรงเรียนธุรกิจยุโรป อีเอสซีพี โดยระบุว่า สิงคโปร์ กลายเป็นประเทศยอดนิยมสำหรับบริษัทข้ามชาติ ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จะเห็นได้ว่ามีธุรกิจหลายภาคส่วนมาเปิดสำนักงานที่นี่ อาทิ เทคโนโลยี พลังงาน เภสัชศาสตร์ สถาบันการเงิน เป็นต้น จึงเป็นเหตุผลหลักที่จะทำให้สิงคโปร์ กลายเป็น "ซิลิคอน วัลเลย์" แห่งเอเชีย ::ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 3 พฤษภาคม 2555 -=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-=-

เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. 2555 เพิ่มต่อเนื่อง

ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจฯ ม.หอการค้าไทย ระบุดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย. ยังคงเพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค. โดยเป็นผลมาจากการใช้สอยช่วงสงกรานต์ และการปรับขึ้นค่าแรง แต่ยังมีปัจจัยลบจากของแพง...
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2555 มีรายงานว่า ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยผลสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคประจำเดือน เม.ย.2555 โดยดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับเศรษฐกิจไทยโดยรวมอยู่ที่ 67.5 เพิ่มขึ้นจากเดือน มี.ค.ที่อยู่ในระดับ 66.5 ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน ขณะที่ดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับโอกาสหางานทำอยู่ที่ 68.2 และดัชนีความเชื่อมั่นเกี่ยวกับรายได้ในอนาคตอยู่ที่ 97.1
สำหรับปัจจัยบวกที่ดัชนีความเชื่อมั่นฯ เพิ่มขึ้นในเดือน เม.ย.เป็นผลมาจากการจับจ่ายใช้สอยในช่วงเทศกาลสงกรานต์มีความคึกคัก การปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่ามีเงินในมือเพิ่มขึ้น และราคาน้ำมันดีเซลปรับลดลง ส่วนปัจจัยลบมาจากการค้าระหว่างประเทศในเดือน มี.ค.ไทยขาดดุลการค้าถึง 1,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในขณะที่ตัวเลขการส่งออก ติดลบ 6.8% ค่าเงินบาทปรับตัวอ่อนค่า
นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังกังวลกับปัญหาค่าครองชีพที่ปรับขึ้น และความไม่แน่นอนของการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ รวมทั้งสถานการณ์การเมืองในเรื่องการสร้างความปรองดอง และเหตุการณ์ระเบิดในยะลาและสงขลาที่กระทบต่อการท่องเที่ยว
อย่างไรก็ตาม การสำรวจความเห็นประชาชนทั่วไปเกี่ยวกับความเชื่อมั่นที่มีต่อเศรษฐกิจนั้น ระดับดัชนีที่สูงกว่า 100 แสดงว่าผู้บริโภคยังเห็นว่าภาวการณ์นั้นๆ อยู่ในระดับปกติ แต่หากดัชนีต่ำกว่า 100 แสดงว่า ผู้บริโภครู้สึกไม่มั่นใจต่อระบบเศรษฐกิจ

::เผยดัชนีเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือน เม.ย.2555 เพิ่มต่อเนื่อง ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2555

เกษตรกรเลี้ยงปลาหันปลูกสาหร่ายขนนกในกระชัง รายได้งาม

เกษตรกรในพื้นที่ อ.สิเกา จ.ตรัง รายแรกประสบความสำเร็จเลี้ยงสาหร่ายขนนกในกระชังปลาที่ถูกทิ้งร้าง สามารถเก็บผลผลิตได้กว่า 2 ตัน/เดือน สร้างรายได้เสริมอย่างงดงามตลอดทั้งปี ไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด...
เมื่อวันที่ 2 พ.ค.2555 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายบุญครื้น พรเดชอนันต์ ประมงอำเภอกันตัง และ ผศ.อภิรักษ์ สงรักษ์ นักวิจัยมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย วิทยาเขตตรัง พร้อมคณะ รุดลงพื้นที่เพื่อสอบถามข้อมูลจาก นายชินพัฒน์ หยีสันต์ อายุ 45 ปี เกษตรกรในพื้นที่หมู่ 5 บ้านแหลมมะขาม ต.เขาไม้แก้ว อ.สิเกา จ.ตรัง หลังจากนำสาหร่ายขนนกที่ซื้อมารับประทานแล้วเหลือทิ้งลงในกระชังปลาที่ถูกทิ้งร้างบริเวณหลังบ้าน ระยะเวลาผ่านไปนาน 6 เดือน พบสาหร่ายขนนกสามารถเจริญเติบโตได้ดีและขยายพันธุ์ออกไปจนเต็มกระชัง หลังจากนั้นจึงไปซื้อสาหร่ายนำไปใส่กระชังปลาเพิ่มอีก 20 กระชัง ปรากฏว่าภายในเวลา 1 เดือนเศษ ก็ประสบความสำเร็จจนสามารถเก็บสาหร่ายขนนกขายได้ไม่ต่ำกว่า 400 กิโลกรัม ในราคากิโลกรัมละ 40 บาท
นายชินพัฒน์ กล่าวว่า ตนเลี้ยงสาหร่ายขนนกมานานกว่า 4 ปีแล้ว ซึ่งนับเป็นเกษตรกรรายแรกในพื้นที่ จ.ตรัง ที่ทดลองเลี้ยงสาหร่ายขนนกในกระชัง โดยสาหร่ายที่ได้เป็นที่ต้องการของตลาดเป็นอย่างมาก เนื่องจากลำต้นอวบน้ำ สีเขียวใสและยาวต้นละตั้งแต่ 20-25 เซนติเมตร ปัจจุบันมีเกษตรกรที่อยู่ข้างเคียงทดลองเลี้ยงสาหร่ายขนนก 6-7 รายก็ประสบความสำเร็จ สามารถเก็บขายสร้างรายได้เสริมได้อย่างงดงาม โดยในแต่ละเดือนสามารถเก็บสาหร่ายขนนกได้ 4 ครั้งหรือ 7-10 วันต่อครั้ง ลดปัญหาการแย่งชิงการเก็บสาหร่ายจากแหล่งน้ำธรรมชาติกับเพื่อนบ้าน ซึ่งเติบโตไม่ทันต่อความต้องการของผู้บริโภค ทั้งยังไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย น้ำหรืออาหารเสริม ซึ่งสาหร่ายสามารถดูดจับแพลงตอนและของเสียในน้ำเป็นอาหารได้เอง ตนรอเพียงเวลาเก็บเกี่ยวและส่งขาย ซึ่งสร้างรายได้เดือนละไม่ต่ำกว่า 13,000-16,000 บาท
นายชินพัฒน์ กล่าวอีกว่า ก่อนหน้านี้ตนเลี้ยงปลาในกระชังมานานนับ 10 ปี และหันมาเลี้ยงสาหร่ายขนนก กว่า 4 ปีแล้ว เนื่องจากสามารถเก็บขายได้ทุกสัปดาห์ไม่ต่ำกว่า 60-70 กิโลกรัม ราคากิโลกรัมละ 40 บาท สำหรับสาหร่ายที่เก็บได้จะมีพ่อค้าเดินทางมารับซื้อถึงที่ โดยสามารถเก็บขายได้ตลอดทั้งปี ยกเว้นในช่วงฝนตกชุกระหว่างเดือน ส.ค.ถึงเดือน ก.ย. จะมีน้ำจืดไหลลงทะเลเป็นจำนวนมาก ส่งผลให้ความเค็มของน้ำจางลง และทำให้สาหร่ายฟอกขาว แต่หลังจากนั้นก็จะฟื้นกลับขึ้นมาใหม่ภายในเวลา 1 เดือน ส่วนตลาดรับซื้อยังมีมากแต่มีสาหร่ายไม่พอกับความต้องการของลูกค้า

::เกษตรกรเลี้ยงปลาหันปลูกสาหร่ายขนนกในกระชัง รายได้งาม ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2555,

2 พค.2555:: กนง.ชี้เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยง มีมติคงดอกเบี้ย 3%

กนง.ชี้เศรษฐกิจยังมีความเสี่ยง มีมติคงดอกเบี้ย 3%


กนง.ระบุ เศรษฐกิจไทยยังมีความเสี่ยง และต้องการแรงกระตุ้นให้ฟื้นตัวจากน้ำท่วมได้เต็มที่ จึงมีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3% เป็นครั้งที่ 2 ติดต่อกัน ยอมรับในอนาคตแรงกดดันเงินเฟ้อจ่อพุ่ง หลังต้นทุนผู้ประกอบการที่เพิ่มจากการปรับค่าแรง ราคาน้ำมันจะถูกส่งต่อไปยังราคาสินค้า ชี้ดอกเบี้ยนโยบายไทยต่ำสุดในภูมิภาคแล้ว สั่งจับตาครึ่งปีหลังดอกเบี้ยนโยบายมีโอกาสกลับมาขึ้นต่อได้...
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. นายไพบูลย์ กิตติศรีกังวาน ผู้ช่วยผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ในฐานะเลขานุการ คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เปิดเผยผลการประชุม กนง.ว่า ได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายไว้ที่ 3% ต่อปีต่อไป เนื่องจาก ธปท.ต้องการให้เศรษฐกิจไทยยังคงฟื้นตัวกลับมาเต็มที่ก่อน แม้ว่าเศรษฐกิจไทยไตรมาสที่ 1 ฟื้นตัวเร็วกว่าที่คาด ทั้งในด้านการผลิต การบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนเร่งตัวขึ้น โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากความเชื่อมั่นของผู้บริโภคและของภาคธุรกิจ และกำลังซื้อในประเทศที่ปรับดีขึ้น
นอกจากนั้น ภาคการผลิตที่ปรับตัวดีขึ้นทำให้ภาคการส่งออกคาดว่าจะฟื้นตัวได้เร็วขึ้นด้วย ขณะที่เศรษฐกิจโลกยังคงฟื้นตัวช้าๆ และยังมีความเสี่ยงที่จะกระทบต่อเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไป แม้ว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ จะปรับดีขึ้น แต่เศรษฐกิจยุโรปเข้าสู่ภาวะถดถอยและยังต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหาเชิงโครงสร้าง สำหรับอัตราเงินเฟ้อล่าสุดในเดือน เม.ย.ชะลอลง ส่วนหนึ่งเป็นผลของฐานสูงในปีก่อนและการลดลงของราคาอาหารสดบางชนิดเข้าสู่ภาวะปกติ อย่างไรก็ดี ราคาน้ำมันที่ยังทรงตัวในระดับสูงและการปรับค่าจ้างขั้นต่ำที่เริ่มทยอยเห็นผลภายใต้ภาวะอุปสงค์ในประเทศที่ฟื้นตัวเร็วกว่าคาดอาจเอื้อให้มีการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปยังราคาสินค้าและบริการให้ปรับสูงเร็วขึ้นกว่าที่คาดการณ์ไว้ ทำให้แรงกดดันเงินเฟ้อยังมีอยู่ในระยะข้างหน้า
ทั้งนี้ การตัดสินใจคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายนั้น กนง.ประเมินว่า นโยบายการเงินที่ผ่อนคลายลงในช่วงที่ผ่านมามีส่วนช่วยฟื้นฟูความเชื่อมั่นของภาคเอกชน ทำให้เศรษฐกิจฟื้นตัวได้อย่างน่าพอใจและเร็วกว่าที่คาด แต่ภาวะเศรษฐกิจไทยในอนาคตก็ยังมีความเสี่ยงอยู่บ้าง โดยเฉพาะจากปัจจัยต่างประเทศ ในขณะที่ภาวะเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับที่จัดการได้ จึงเห็นว่าอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบันยังเป็นระดับที่เหมาะสมในการสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่องให้เข้าสู่ภาวะปกติ และสอดคล้องกับการรักษาเงินเฟ้อในกรอบเป้าหมาย
ขณะเดียวกัน กนง.ได้สั่งให้จับตาแรงกดดันอัตราเงินเฟ้อที่เพิ่มขึ้นอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะผลที่จะเกิดขึ้นรอบ 2 หลังจากต้นทุนของผู้ประกอบการเพิ่มขึ้นแล้วว่า จะมีการส่งผ่านต้นทุนที่สูงขึ้นไปสู่ราคามากหรือน้อย และเร็วแค่ไหน นอกเหนือจากผลโดยตรงจากค่าแรงขั้นต่ำที่มีผลให้เงินเฟ้อเพิ่มขึ้นโดยตรง ประมาณ 0.2% นอกจากนั้น ในช่วงครึ่งปีหลังที่เศรษฐกิจไทย และเศรษฐกิจโลกจะฟื้นตัวได้ดีขึ้น แรงกดดันอัตราเงินเฟ้อก็จะเพิ่มเร็วขึ้น ซึ่ง กนง.ได้ติดตามและเตรียมความพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายการเงินให้เหมาะสมกับสถาการณ์
อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้อัตราดอกเบี้ยนโยบายที่แท้จริงของไทยยังคงติดลบ 3% และเป็นอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดในภูมิภาคนี้ ดังนั้นดอกเบี้ยในขณะนี้ถือว่าเอื้อต่อการฟื้นตัวของภาคธุรกิจอยู่แล้ว นอกจากนั้น หากประเมินทิศทางเศรษฐกิจไทยในระยะต่อไปก็เห็นแนวโน้มที่จะขยายตัวได้ต่อเนื่อง และผลจากการที่เศรษฐกิจไทยในไตรมาสแรกฟื้นเร็วกว่าที่คาด ทำให้การรายงานแนวโน้มเงินเฟ้อของ ธปท.ในวันที่ 11 พ.ค.ที่จะถึงนี้ ธปท.จะมีการปรับขึ้นประมาณการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย และอัตราเงินเฟ้อของไทยในปีนี้อีกครั้ง

::ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2555

รถหาย-รถถูกขโมย :: แฉเก๋งรุ่นฮิต 'วีออส-ยาริส' หายมากที่สุด

แฉเก๋งรุ่นฮิต 'วีออส-ยาริส' หายมากที่สุด


ตำรวจนครบาลเผยสถิติรถหายรอบ 5 เดือน ระหว่างเดือน ต.ค. 2554- ก.พ. 2555 ปรากฏว่า กระบะอีซูซุรุ่นดีแมคซ์ถูกขโมยมากที่สุด ส่วนเก๋งเป็นรุ่นยอดฮิตคือ ยาริสและวีออสหายมากที่สุด ส่วนมอเตอร์ไซค์ไม่พ้นฮอนด้าเวฟ...
เมื่อวันที่ 2 พ.ค. มีรายงานว่า ศูนย์ป้องกันและปราบปรามการโจรกรรมรถยนต์ รถจักรยานยนต์กองบัญชาการตำรวจนครบาล รายงานสถิติการโจรกรรมรถยนต์และรถจักรยานยนต์ในพื้นที่ กทม.รอบ 5 เดือนที่ผ่านมา (ตุลาคม 2554 -กุมภาพันธ์ 2555) มีรถยนต์หายจำนวน 134 คัน เป็นยี่ห้ออีซูซุ โดยเฉพาะรุ่นดีแมคซ์แจ้งหายมากที่สุดเป็นรถกระบะทั้ง 4 ประตูและ 2 ประตูจำนวน 50 คัน รองลงมารถโตโยต้ารุ่นไฮลักซ์ วีโก้ 34 คัน มิตซูบิชิ รุ่นไทรทัน 11 คัน ฮอนด้า 9 คัน นิสสัน รุ่นฟรอนเทียร์ 6 คัน และรุ่นอื่นๆ 24 คัน ส่วนรถเก๋งยอดฮิต โตโยต้าวีออส และยาริสมียอดหายสูงกว่ารถยี่ห้ออื่นเพราะเป็นรถตลาดรุ่นยอดนิยม
สำหรับรถจักรยานยนต์ถูกโจรกรรมรวมทั้งสิ้น 3,509 คัน พบว่ายี่ห้อที่ถูกโจรกรรมมากที่สุดคือ ฮอนด้า 2,021 คัน โดยเฉพาะรุ่นเวฟหายมากที่สุด รองลงมาได้แก่ ยี่ห้อยามาฮ่า 1,261 คัน โดยเฉพาะ รุ่นฟีโน่หายมากที่สุด ถัดมายี่ห้อคาวาซากิ 71 คัน โดยเป็นรุ่นเค-เอสอาร์หายมากสุด ตามมาด้วยยี่ห้อซูซูกิ 37 คัน ยี่ห้อเวสป้า 7 คัน และยี่ห้ออื่นๆ รวม 112 คัน

รถหาย-รถถูกขโมย
:: แฉเก๋งรุ่นฮิต 'วีออส-ยาริส' หายมากที่สุด ไทยรัฐออนไลน์ วันพุธที่ 2 พฤษภาคม 2555