Monday, July 27, 2009

ภาษีทรัพย์สิน มีแต่ดี ดีต่อทุกฝ่าย: Taxation of Land / Property

โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย
ประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย


เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 23 กรกฎาคม 2552 ผมได้รับเชิญจากสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง กระทรวงการคลังไปพูดเรื่องภาษีทรัพย์สิน หรือภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง พอพูดเสร็จมีคำถามมาว่า เห็นพูดแต่ข้อดี ไม่พูดถึงข้อเสียบ้างเลย และยังถามอีกว่าไม่เห็นใจคนจนบ้างหรือไร รัฐจึงมาซ้ำเติมด้วยการเก็บภาษีนี้

ผมคิดว่ายังมีประชาชนจำนวนมากที่ยัง ไม่เข้าใจภาษีทรัพย์สิน และไม่ว่าภาษีอะไร หลายคนก็อาจส่ายหัวไว้ก่อน เพราะไม่มีใครอยากจะเสีย เพราะคิดว่าจะเป็นการสูญเปล่า และยังอาจถูกนำไปใช้อย่างทุจริตอีกต่างหาก แต่ผมขอยืนยันว่าภาษีทรัพย์สินนี้ ดีจริง ๆ มีแต่ได้กับได้ และที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อทุกฝ่าย ไม่เป็นโทษแก่ใครเลย ผมจึงอยากขอให้ทุกฝ่ายทั้งเจ้าที่ดินรายใหญ่ หรือคน (อยาก) จนที่ ‘มีทองเท่าหนวดกุ้ง แต่นอนสะดุ้งจนเรือนไหว’ มาทำความใจเกี่ยวกับภาษีทรัพย์สินเสียใหม่ แล้วท่านจะรักภาษีทรัพย์สิน!

ภาษีทรัพย์สินคืออะไร

ภาษีทรัพย์สินในต่างประเทศเก็บจาก ทรัพย์สินทั้งสังหาริมทรัพย์และอสังหาริมทรัพย์ แต่ของไทยในที่นี้จะหมายถึงเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ จึงเรียกว่า ‘ภาษี ที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง’ เช่นถ้าเป็นโรงงาน ก็นำเฉพาะที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมาคำนวณภาษีโดยไม่รวมเครื่องจักรหรือ อุปกรณ์ต่าง ๆ เพดานอัตราภาษีมี 3 อัตราคือ ไม่เกิน 0.5% สำหรับอัตราทั่วไป ไม่เกิน 0.1% สำหรับที่อยู่อาศัยที่ไม่ประกอบการเชิงพาณิชย์ และไม่เกิน 0.05% สำหรับที่เกษตรกรรม ส่วนในกรณีที่ดินที่ทิ้งไว้ว่างเปล่าให้เก็บภาษีตามอัตราทั่วไป แต่หากยังไม่ได้นำไปใช้ประโยชน์อีกให้เสียภาษีเพิ่มอีก 1 เท่าในทุก 3 ปี แต่ไม่เกิน 2% ต่อปีของฐานภาษี

ทรัพย์สินที่ได้รับการยกเว้นภาษี ได้แก่ พระราชวัง ทรัพย์สินของรัฐที่ใช้ในกิจการของรัฐหรือสาธารณะ ทรัพย์สินที่เป็นศาสนสมบัติ นอกจากนี้ยังจะมีการออกพระราชกฤษฎีกายกเว้นภาษีให้กับผู้มีรายได้น้อย เกษตรกรรายย่อยที่ทรัพย์สินมีมูลค่าต่ำกว่าที่กำหนด

หากร่างพระราชบัญญัติภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างได้รับการประกาศใช้ ยังจะมีบทเฉพาะกาลให้องค์การปกครองส่วนท้องถิ่นได้เตรียมตัวอีก 2 ปี และเมื่อถึงปีแรกของการเก็บภาษี ยังให้เก็บเพียง 50% ของภาษีที่คำนวณได้ ในปีที่สองให้เก็บ 75% และให้เริ่มเก็บ 100% ในปีที่สาม การผ่อนผันตามบทเฉพาะกาลนี้ก็เพื่อให้ประชาชนได้ค่อย ๆ ปรับตัวกับภาษีนี้

และเมื่อมีภาษีนี้แล้ว ภาษีอีก 2 รายการซึ่งมีลักษณะซ้ำซ้อนและไม่เป็นปัจจุบัน จะได้รับการยกเลิก คือ ภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งจัดเก็บ ณ อัตรา 12.5% ของค่าเช่า และภาษีบำรุงท้องที่ซึ่งจัดเก็บจากฐานราคาปานกลางของที่ดินปี 2521-2524 (ไม่เคยปรับปรุงให้ท้นสมัยอีกเลยนับแต่นั้นมา) และเป็นภาษีที่มีฐานการเก็บแคบและไม่เป็นธรรมเท่าที่ควร

ภาษีนี้มีภาระต่ำมาก

ที่ว่าเช่นนี้ก็เพราะอัตราภาษีต่ำมาก ยกตัวอย่างเช่น คน ๆ หนึ่งมีบ้านราคา 1 ล้านบาท เสียภาษี 0.1% หรือปีละเพียง 1,000 บาท หรือเดือนละ 83 บาท ซึ่งยังถูกกว่าค่าเก็บขยะและดูแลชุมชนเสียอีก ในประเทศยุโรปและอเมริกา เขาจัดเก็บภาษีกันในอัตรา 1-2% ของมูลค่าทรัพย์สิน ทำให้มีเงินไปพัฒนาท้องถิ่นได้มากมาย เขาจึงมีสาธารณูปโภคที่ดีกว่าไทย

อันที่จริง ไม่มีความจำเป็นต้องยกเว้นภาษีให้กับใครเลย เพราะการยกเว้น จะขึ้นอยู่กับดุลพินิจ และอาจทำให้เกิดความเหลื่อมล้ำได้ ยกตัวอย่างเช่น บางคนอาจมีห้องชุดราคาเพียง 300,000 บาท ต้องเสียภาษี 0.1% หรือปีละ 300 บาท เงินเพียงเท่านี้จะเสียเพื่อตัวเองและประเทศชาติไม่ได้เลยหรือ บางท่านอาจบอกว่า 300 บาทของผู้มีรายได้น้อยก็ถือว่ามากแล้ว กรณีนั้นอาจจะใช่ หากเป็นคนจนจริง ก็คงไม่มีสมบัติอะไร

ผู้ที่มีทรัพย์สิน 300,000 บาท แม้จะน้อยเมื่อเทียบกับคนมีบ้านหลังใหญ่กว่า แต่ก็ไม่ถือเป็นผู้มีรายได้น้อย และที่สำคัญชาวบ้านอาจทำบุญ ทำสังฆทาน (อาจเพราะเมื่อคืนฝันไม่ดี) เป็นเงินครั้งละมากกว่า 300 เสียอีก บางคนยังอาจเสียไปกับอบายมุขต่าง ๆ มากกว่านี้นัก ดังนั้นการเสียภาษีเพื่อประโยชน์สุขของตนเองโดยตรง จึงไม่พึงเป็นปัญหา และควรรณรงค์ให้ประชาชนร่วมกันมีสำนึกเสียภาษี

ยิ่งถ้าเป็นชาวนาที่มีที่ดินขนาดเล็กเพียง 15 ไร่ อยู่ในที่ทุรกันดารที่มีราคาไร่ละ 10,000 บาท ชาวนาดังกล่าวก็มีทรัพย์สินเป็นเงิน 150,000 บาท หากเขาต้องเสียภาษี ณ อัตรา 0.05% เขาจะเสียเป็นเงินเพียง 75 บาทต่อปีเท่านั้น ภาระภาษีเช่นนี้จึงไม่น่าจะมีปัญหากับชาวนาเลย และอย่างน้อยชาวนาท่านนี้ก็ยังมีทรัพย์สิน ไม่ใช่ชาวนาเช่านาแต่อย่างใด เงิน 75 บาทที่เสียไปเพื่อการพัฒนาท้องถิ่น ควรสร้างความภูมิใจแก่ชาวนาท่านนั้นต่างหาก

มีแต่ได้ ไม่มีใครเสียหาย

ภาษีนี้เก็บมาเพื่อใช้พัฒนาท้องถิ่น โดยตรง โดยอาจนำมาใช้พัฒนาสาธารณูปโภค สาธารณูปการ การศึกษาให้ทันความต้องการของท้องถิ่น และเมื่อท้องถิ่นได้รับการพัฒนา มูลค่าทรัพย์สินของเราก็จะยิ่งเพิ่มพูน เช่น คน ๆ หนึ่งมีบ้านราคา 1 ล้านบาท เสียภาษี 0.1% หรือปีละเพียง 1,000 บาท แต่เมื่อท้องถิ่นได้รับการพัฒนา ราคาบ้านก็สามารถเพิ่มขึ้นสุทธิประมาณ 3% ต่อปี หรือปีละ 30,000 บาท ดังนั้นการเสียภาษีเพียง 1,000 บาท แต่ทำให้ทรัพย์สินมีมูลค่าเพิ่มขึ้นมากมายนั้น จึงนับเป็นความคุ้มค่าเป็นอย่างยิ่ง

ยิ่งถ้าเป็นเจ้าที่ดินรายใหญ่ที่มีทรัพย์สินมูลค่า 100 ล้านบาท หากต้องเสียภาษี 0.5% ก็เป็นเงิน 500,000 บาท แต่หากท้องถิ่นนั้นเจริญขึ้น ก็จะทำให้มูลค่าทรัพย์สินสูงขึ้น 1.5 ล้านบาท (สมมติให้เพิ่มในอัตราต่ำที่ 1.5%) เท่ากับว่าเจ้าที่ดินรายใหญ่นั้น ได้กำไรถึง 1 ล้านบาทต่อปี

ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่า ยิ่งเก็บภาษีได้มากเท่าไหร่ ท้องถิ่นนั้น ๆ ยิ่งเจริญ ท้องถิ่นนำไปปรับปรุงถนน ทำให้มีขีดความสามารถในการแข่งขันดีขึ้น พอท้องถิ่นนั้นเจริญ มูลค่าทรัพย์สินก็จะยิ่งเพิ่มขึ้น เจ้าของที่ดินก็ได้ประโยชน์ เข้าทำนอง “ยิ่งให้ ยิ่งได้” และโดยนัยนี้ เราจึงไม่ควรมีข้อยกเว้นการเก็บภาษีนี้แก่ใครทั้งสิ้น

ตัดวงจรอุบาทว์การโกงกิน

ภาษีทรัพย์สินนั้นเป็นเงินภาษีที่จัด เก็บและใช้ภายในท้องถิ่น ไม่ผ่านรัฐบาลส่วนกลาง โอกาสที่จะรั่วไหลเพราะนักการเมืองใหญ่หรือเพราะข้าราชการประจำกังฉินระดับ ชาติ จึงไม่มี และโดยที่เงินทุกบาททุกสตางค์ที่เก็บได้ จะถูกนำไปใช้เพื่อการพัฒนาท้องถิ่นเท่านั้น ประชาชนจึงมีความรู้สึกเป็นเจ้าของภาษี ต่างจากในปัจจุบันที่รัฐบาลส่วนกลางส่งงบประมาณมาให้ส่วนท้องถิ่นใช้ คนในท้องถิ่นจึงไม่รู้สึกเป็นเจ้าของเงินดังกล่าว ทำให้เกิดปรากฏการณ์ ‘วัดครึ่งหนึ่ง กรรมการครึ่งหนึ่ง’ กลายเป็นการทุจริตประพฤติมิชอบไป

เมื่อประชาชนในท้องถิ่นเห็นศักยภาพของ ตนเองในการพัฒนาท้องถิ่นเพื่อตนเองจากภาษีของตน คนดี ๆ ซึ่งเป็นชาวบ้านธรรมดาในท้องถิ่นก็จะอาสามาทำงานเพื่อส่วนรวมในองค์การ ปกครองส่วนท้องถิ่นมากยิ่งขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องเป็นนักการเมืองเขี้ยวโง้ง โอกาสการผูกขาดตัดตอนของนักการเมืองท้องถิ่นเสือนอนกินหรือข้าราชการประจำ ที่ขี้ฉ้อ จึงมีน้อยลง

ในประเทศตะวันตก ไม่เฉพาะนายกเทศมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง ผู้บริหารฝ่ายการศึกษา การสาธารณูปโภค และอื่น ๆ ในองค์การปกครองส่วนท้องถิ่น ก็จะมาจากการเลือกตั้งเช่นกัน มีเพียงเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการเท่านั้น ที่เป็นข้าราชการประจำ การเลือกตั้งผู้บริหารฝ่ายต่าง ๆ ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ทำให้การบริหารท้องถิ่นเป็นไปตามความต้องการของคนในท้องถิ่น โดยมีประชาชนในท้องถิ่นเป็นศูนย์กลาง นี่จึงเป็นผลดีของภาษีทรัพย์สินที่ถูกนำไปใช้ประโยชน์จริงในท้องถิ่น

ช่วยสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่แท้

นี่เองภาษีทรัพย์สินจึงช่วยสถาปนาระบอบประชาธิปไตยที่ ‘กิน ได้’ หรือเรียกว่าเป็นรูปธรรม ประชาธิปไตยนั้นเป็นระบอบที่ใคร ๆ ก็เห็นดีด้วย แต่การรดน้ำพรวนดินระบอบประชาธิปไตยไม่ได้อยู่ที่การยกมือหรือการเลือกตั้ง เท่านั้น ที่ผ่านมา ประชาชนถูกบิดเบือนให้แปลกแยกกับระบอบประชาธิปไตยที่ทุกคนต้องมีส่วนร่วม มีส่วนได้ มีส่วนเสียกับระบอบนี้ และใช่ว่าทุกวันนี้ประชาชนไม่ได้เสียภาษี เพียงแต่ไม่ได้เสียภาษีทางตรงจากทรัพย์สินที่ครอบครอง จึงทำให้ขาดความรู้สึกเป็นเจ้าของเท่าที่ควร และกลายเป็นว่าท้องถิ่นเป็นหนี้บุญคุณรัฐบาลส่วนกลางที่ส่งเงินมาให้เสียอีก

และด้วยเหตุนี้ผมจึงเสนอว่าไม่ควรมี ข้อยกเว้นการเก็บภาษีทรัพย์สินนี้ ทุกคนควรภูมิใจที่ได้เสียภาษีนี้เพื่อประโยชน์สุขของตนและส่วนรวม ผู้ครอบครองทรัพย์สินไม่ว่าใหญ่น้อย ก็ล้วนแต่ไม่ใช่คนยากจนข้นแค้นที่ต้องรอการสงเคราะห์ การมีข้อยกเว้นก็เท่ากับเรายอมศิโรราบกับผู้มีฐานะระดับสูง ระบบอุปถัมภ์ก็จะหยั่งรากลึก ระบอบประชาธิปไตยก็จะอ่อนแอ และถ้าเจ้าของทรัพย์รายเล็กยังต้องเสียภาษี เจ้าที่ดินรายใหญ่ก็ย่อมต้องเสียภาษีเพื่อตนเองเช่นกัน

ภาษีทรัพย์สินที่ใช้เพื่อท้องถิ่น นี้ ไม่มีใครมาปล้นชิงไปได้ ทุกคนได้ประโยชน์ จึงขอให้ทุกท่านที่อ่านบทความนี้ ช่วยกันทำให้ภาษีทรัพย์สินเกิดขึ้นจริงในประเทศไทย ประชาชนทั่วไป โปรดอย่าเข้าใจผิดว่าภาษีนี้จะเป็นภาระแก่ตน เจ้าที่ดินรายใหญ่ ก็โปรดอย่าได้ขัดขวาง เพราะทุกฝ่ายล้วนได้รับประโยชน์สุขจากภาษีทรัพย์สินนี้


* ดร.โสภณ พรโชคชัย เป็นผู้ประเมินค่าทรัพย์สินและนักวิจัยด้านอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยและ ภูมิภาคอาเซียน ขณะนี้เป็นประธานกรรมการ มูลนิธิประเมินค่าทรัพย์สินแห่งประเทศไทย (www.thaiappraisal.org) และยังเป็นกรรมการหอการค้าสาขาจรรยาบรรณ สาขาเศรษฐกิจพอเพียง ที่ปรึกษาหอการค้าไทยสาขาอสังหาริมทรัพย์ และกรรมการสภาที่ปรึกษาของ Appraisal Foundation ซึ่งเป็นหน่วยงานควบคุมวิชาชีพประเมินค่าทรัพย์สินในสหรัฐอเมริกาที่แต่ง ตั้งขึ้นโดยสภาคองเกรส Email: sopon@thaiappraisal.org



ที่มา: ประชาไทออนไลน์ วันจันทร์ ที่ 27 กรกฏาคม 2552
http://www.prachatai.com/journal/2009/07/25204

Sunday, July 26, 2009

ลายมือมหาเสน่ห์ Palmline / Handline for great charming people


คนที่มีเสน่ห์ใครเห็นใครก็รัก ทำอะไรก็มีคนช่วยเหลือและมีความสำเร็จได้คนอุปถัมภ์ รูปร่างหน้าตาก็ดี คำพูดคำจาอ่อนหวาน และมีเมตตามหานิยมต่อคนทั่วไป Charming people can be easily loved by anyone. Any task is simply accomplished and completed by patronizing and supportive friends. Added with sweet words and mercy given to others make charming people even more attractive.

ความหมายตามลายเส้น

หมายเลข ๑-๑

เส้นวงพระศุกร์ เป็นเส้นเสน่ห์เกี่ยวกับเรื่องความรัก ความนิยมโดยตรง จะมีรูปร่างหน้าตาดี มีสง่าราศี และเป็นที่พึงพอใจของเพศตรงข้าม เป็นเสน่ห์ที่อยู่ในคุณธรรม และมีการช่วยเหลือซึ่งกันและกัน



หมายเลข ๒-๒

เส้นวงศุกร์เหนือเส้นใจ เป็นเส้นไฟแห่งความรัก หรือบางทีเรียกว่าเส้นกามารมณ์ มีความหมายคล้ายเส้นวงพระศุกร์ แต่ความรุนแรงทางเสน่ห์จะมากกว่าเป็นทางก้าวร้าวรุนแรงยั้งไม่อยู่ หรือเรียกว่าคนเจ้าชู้

หมายเลข ๓-๓

เส้นวาสนามาจากเนินจันทร์ เป็นเสน่ห์ที่ถาวรและมีความสำเร็จในด้านความรักและเงินทอง ได้คู่ครองที่ดีมีความสำเร็จร่ำรวย

หมายเลข ๔-๔

เส้นหัวใจที่ยาวและเป็นแฉกตอนปลายแสดงถึงเป็นคนที่เหนือความรัก สามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้ดี และมีเสน่ห์ในการหลอกล่อให้คนมารักมาชอบได้เสมอ ในด้านแข่งขันในความรักมักจะสมหวังเหนือคนอื่นที่มาแข่งในการช่วงชิงความรัก และไม่มีอกหัก เพราะรักเป็น

หมายเลข ๕-๕

เส้นแต่งงานที่ขึ้นมากกว่าหนึ่งเส้น เป็นสองเส้นสวยงามยาวและลึก ก็จะแสดงถึงความสำเร็จในเรื่องความรัก และการแต่งงานที่มีความสุขสมหวัง

หมายเลข ๖-๖

เส้นอาทิตย์ที่ยาวสวยงามแสดงถึงความสวยงาม และเสน่ห์มีระดับสูงถึงโด่งดังไปทั่วโลก เช่น เป็นนางงามหรือนางงามจักรวาล.

[ดูแม่น ๆ accurate palmistry]

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=503&contentID=8800

ลายมือไม่เอาถ่าน Palmline / handline for lazy people


คนที่ไม่เอาถ่าน คือคนไม่คิดจะทำงานหรือไม่อยากเรียนหนังสือ ชอบ ใช้ความสบายและทำตัวเหมือนคนมีบุญที่ไม่ต้องทำอะไร มีคนให้การช่วยเหลือ หรือมีคนทำให้อยู่เสมอ และมีความเข้าใจผิดคิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญมีบุญมาเกิด และจะทำอะไรไม่เป็น ไม่ว่าอะไรในเรื่องอาหารการกินทำไม่เป็น ซักรีดเสื้อผ้าก็ไม่เป็น ขับรถก็ไม่เป็น พิมพ์ดีดหรือคอมพิวเตอร์ก็ไม่เป็น ส่วนมากจะเป็นมือผู้หญิงที่สำคัญตนเองผิด ใครได้เอาเป็นภรรยา อนาคตมีแต่มืดมน

ความหมายตามลายมือ

เป็นคนมีลายเส้นน้อย เพียงสามเส้นเท่านั้น คือ

หมายเลข ๑-๑

เส้นสมองสั้นและห่างจากเส้นชีวิต ไม่ใช้ความคิด สนุกไปวัน ๆ



หมายเลข ๒-๒

เส้นหัวใจสั้นไม่รู้ร้อนรู้หนาว เห็นแก่ตัว อยากมีความสุขไปวัน ๆ โดยไม่ต้องทำอะไร และไม่เคยจริงใจกับใคร

หมายเลข ๓-๓

เส้นชีวิตที่ดีหน่อย จึงได้รับการช่วยเหลือจากคนอื่น ได้คู่ครองที่ดี สุดแสนจะทนหรือเป็นคนดีต้องทน อยู่กันไปแบบหาอนาคตไม่มี.

ต้อย ตุลา


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

อิสราเอลมหาอำนาจเทคโนโลยีจัดการน้ำ (1)

เดลินิวส์ออนไลน์ ได้ให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และน่าสนใจ เกี่ยวกับ"น้ำ"ที่น่าสนใจมาก ๆ


กล่าวกันว่า “อิสราเอล” เป็นดินแดนศักดิ์สิทธิ์ที่พระเจ้าประทานมาด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่กึ่งกลาง ระหว่างสามทวีป คือยุโรปเอเชีย และแอฟริกา มีประวัติศาสตร์ของ 3 ศาสนา คือคริสต์ อิสลาม และยูดาห์อยู่ในประเทศนี้ จัดอยู่ในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของทะเลเมดิเตอร์เรเนียน มีพรมแดนติดกับเลบานอน ซีเรีย จอร์แดนและอียิปต์ มีประชากรราว 6.5 ล้านคนสภาพภูมิประเทศค่อนข้างแคบและยาว มีความยาวประมาณ 470 กม. กว้าง 135 กม. ครึ่งหนึ่งของ ภูมิประเทศเป็นพื้นที่ทะเลทรายแห้งแล้ง แต่อิสราเอลก็พัฒนาระบบชลประทานน้ำหยดใช้น้ำกับพืชอย่างคุ้มค่าโดยใช้ระบบ คอมพิวเตอร์ควบคุมการปล่อยหยดน้ำ จนปลูกพืชผักส่งออกได้เป็นอันดับ1 ในยุโรป

ปัญหาเรื่องน้ำเป็นเรื่องสำคัญระดับประเทศ ปริมาณน้ำฝนต่อปีจัดอยู่ระหว่าง 1,000 มิลลิเมตร ทางเหนือสุดของประเทศ ลงมาจนถึง 31 มิลลิเมตร ทางใต้สุด นอกจากนี้ในช่วง 4 เดือนที่มีฝนตกตั้งแต่ พ.ย. จนถึง ก.พ. ปริมาณน้ำฝนแต่ละปีไม่คงที่นั้นเป็นความพยายามอย่างหนักของประเทศที่ขาดแคลน น้ำ และมีการหาแหล่งน้ำ ใหม่ ๆ อยู่เสมอในระหว่างปี พ.ศ. 2503-2512 อิสราเอลสร้างท่อส่งน้ำขนาดใหญ่ ส่งน้ำจากเหนือลงมาทางภาคใต้ที่แห้งแล้ง รวมทั้งการทำฝนเทียม การนำน้ำเสียกลับมาใช้ประโยชน์ และการกลั่นน้ำจืดจากทะเล

แนววิธีเพื่อต่อสู้กับความแห้งแล้งของแผ่นดินทะเลทรายทำ ให้อิสราเอลวันนี้กลายมาเป็น “มหาอำนาจเทคโนโลยีของน้ำ” ต้องพูดกันถึงขนาดนั้น และเพื่อถ่ายทอดเทคโนโลยีด้านน้ำไปสู่ในรูปของธุรกิจ ในทุก 2 ปี อิสราเอลจะจัดงานแสดงเทคโน โลยี และนวัตกรรมสุดยอดการจัดการน้ำภายใต้ชื่องานว่า วอเทค (WATEC) และในปีนี้ งานวอเทค2009 ครั้งที่ 5 จะมีขึ้น ระหว่าง 17-19 พฤศจิกายน 2552 ณ กรุงเทลอาวีฟ เพื่อจัดแสดงเทคโนโลยีและนวัตกรรมล่าสุดเกี่ยวกับการบริหารจัดการทรัพยากร น้ำและสิ่งแวดล้อมของอิสราเอล และเป็นเวทีหารือและแสวงหาความร่วมมือทางธุรกิจในสาขาดังกล่าวระหว่างสถาบัน และบริษัทที่เกี่ยวข้องของอิสราเอลและบริษัทต่างชาติ ก่อนที่งานจะเริ่มต้น ทางผู้จัดงานได้เชิญสื่อมวลชนและนักธุรกิจ จากนานาประเทศที่มีความสัมพันธ์ทาง การทูตอันดีกับอิสราเอลมาอย่างยาวนานอาทิ ไทย ฟิลิปปินส์ กัมพูชา จีน สหรัฐอเมริกา เม็กซิโก ตุรกี อัฟกานิสถาน แคนาดา สวิตเซอร์แลนด์ เป็นต้น มาเยี่ยมชมบริษัทผู้ดำเนินธุรกิจเกี่ยวกับการจัดการน้ำและระบบการจัดการสิ่ง แวดล้อมด้านน้ำ ก่อนที่จะนำเทคโนโลยีของ ตัวเองไปโชว์ในงาน

มร.โบกี้ โอเรน ประธานการจัดงานวอเทค 2009 กล่าวว่า “อัตราการเติบโตของประชาชนทั่วโลก และการเติบโตของสังคมเมืองที่มากกว่าชนบทแบบก้าวกระโดด รวมถึงปัญหาด้านสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจที่รุมเร้า ก่อให้เกิดความท้าทายของภาครัฐบาลและ อุตสาหกรรม และเหล่านักลงทุนที่มีศักยภาพที่จะจัดการปัญหาที่จะตามมา ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจน คือการแข่งขันในการเข้าถึงข้อมูลของน้ำและแหล่งพลังงานอันจำเป็น ซึ่งการจัดการน้ำก่อให้เกิดข้อบังคับด้านกฎหมายที่สอดคล้องกับสังคม และเศรษฐกิจอย่างเร่งด่วน ในประวัติศาสตร์การจัดการน้ำแยกออกจากกัน แต่ขณะนี้มีการเชื่อมโยงกันมากขึ้น”

“ประเทศอิสราเอลอยู่ในฐานะของแหล่งนวัตกรรมเทคโนโลยีด้านจัดการน้ำและสิ่ง แวดล้อมแล้วยังรวมผู้เชี่ยวชาญด้านจัดการน้ำทุกสาขา นอกจากนี้เรายังเป็นประเทศที่สร้างความประหลาดใจให้กับชาว โลกเกี่ยวกับเทคโนโลยีที่น้ำที่นำสมัย รวมทั้งเทคโนโลยีด้าน สิ่งแวดล้อมด้วย”

ย้อนไปในอดีต อิสราเอลไม่มีความสมดุลด้านภูมิศาสตร์ การผันน้ำจากเหนือลงใต้ก่อให้เกิดระบบขนส่งน้ำแห่งชาติ โดยระบบถูกออกแบบทางวิศวกรรมโดยบริษัทเอกชน ทาฮาล กรุ๊ป (Tahal group) และบริษัท เมโกรอท (MEKOROT) พัฒนาเรื่องของระบบโครงสร้างของท่อส่งน้ำ มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2496 จนกระทั่งสำเร็จในปี 2507 ระบบ ท่อต้องผ่านทางทะเลมาจากกาลีลี่ (Galilee) ในทางเหนือลงมาสู่ด้านใต้ของประเทศ ซึ่งเป็นทะเลทราย ความยาวของท่อน้ำราว 6,500 กม. เดินทางไปทั่วประเทศ ระบบน้ำทั้งหมดที่ขนส่งมีทั้งสิ้น 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร สำหรับการอุปโภคบริโภคและผลิตกระแสไฟฟ้า นอกจากนี้ยังต้องนำน้ำไปเติมในใต้ดินในแผ่นดินทะเลทรายในฤดูหนาวเพื่อ ป้องกันการระเหยของน้ำใต้ดินซึ่งจะสร้างความชุ่มชื้นให้กับพืชผักที่ปลูกใน ทะเลทรายได้

นอกจากเรื่องของการเชื่อมต่อโครงข่ายน้ำแล้วความท้าทายอีกเรื่องของน้ำคือ การจัดการน้ำเสียจากโรงงานอุตสาหกรรม เป็นเรื่องที่ยากกว่าระบบการจัดการน้ำทั่วไปถึง 2 เท่า เพราะน้ำดังกล่าวส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างใหญ่หลวง น้ำจากอุตสาหกรรมที่มีความเข้มข้นของสารพิษสูง น้ำเสียจากอุตสาหกรรมเยื่อกระดาษ สิ่งทอ หรืออุตสาหกรรมอาหาร รวมทั้งน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือนจะถูกบำบัด อิสราเอลได้คิดค้นระบบแม่เหล็กเพื่อดูดจับโลหะหนักในน้ำ อาทิ น้ำเสียที่มีคราบน้ำมัน สีย้อมผ้า ผงซักฟอก รวมถึงการปล่อยกระแสไฟฟ้าลงไปในน้ำเสียทำให้ลดค่าใช้จ่ายการจัดการน้ำเสียลง ถึง 15 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบกับระบบทั่วไป และทั้ง 2 ระบบได้มีการจดสิทธิบัตรอย่างเป็นทางการแล้ว

ประเทศอิสราเอล นำน้ำมารีไซเคิลถึง 75 เปอร์เซ็นต์ในอัตราการใช้น้ำ 2,000 ล้านลูกบาศก์เมตร นับเป็นอันดับหนึ่งในโลก ขณะที่อันดับ 2 คือสเปนนำน้ำมารีไซเคิล 12 เปอร์เซ็นต์

บริษัท ฮากิโฮน (Hagihon Ltd.) จัดอยู่บริษัทแนวหน้าของการบำบัดน้ำเสียที่ใหญ่สุดในอิสราเอล ตั้งอยู่ในเมืองเยรูซาเลม มีทุนจดทะเบียนถึง 5,000 ล้านบาท ทำธุรกิจจัดการน้ำแบบวันสต๊อป เซอร์วิสเกี่ยวข้องกับผู้คน 750,000 คน ในนครเยรู ซาเลม รับผิดชอบทั้งการจัดหาแหล่งน้ำ เก็บกักน้ำโดย การสร้างอ่างเก็บน้ำรวม 20 แห่ง เก็บกักน้ำไว้ได้ 360,000 ลูกบาศก์เมตรเพื่อให้เพียงพอต่อชาวเยรูซาเลม รวมถึงการต่อยอดการบำบัดน้ำเสียพัฒนาให้เป็นก๊าซชีวภาพ

นอกจากนี้ยังมีบริษัทลูกที่รับสร้างโรงงานกรองน้ำสะอาด และการจัดการน้ำเสียในระบบเกษตรกรรม ผ่านระบบชลประทาน ทั้งนี้การจัดการน้ำเสียของบริษัทนี้นอกจากการใช้เทคโนโลยีอันซับซ้อนแล้ว กรรมวิธีที่เปิดเผยให้สื่อมวลชนดูเป็นเรื่อง ง่ายที่บ้านเราใช้กันอยู่ไม่ว่าการเติม ออกซิเจนให้น้ำ ด้วยการปล่อยให้น้ำไหลขึ้นลงตลอดเวลาในบ่อบำบัด แล้วใช้เครื่องกวนน้ำขนาดใหญ่หมุนเป็นวงกลมในบ่อบำบัด ซึ่งกว่าจะมาถึงขั้นตอนนี้น้ำเสียจะถูกกรองเอาเศษขยะ เศษซากพืชออกเสียก่อน เมื่อบำบัดได้ที่ระบบน้ำจะปล่อยลงสู่ระบบชลประทาน ด้วยการปล่อยน้ำลงมาจากที่สูงเหมือนกับน้ำตก เพื่อเพิ่มออกซิเจนอีกรอบ

แน่นอน ฮากิโฮนจะรวบรวมเทคโนโลยีทั้งหลายประดามีมาร่วมในงาน วอเทค 2009 เปิดฉากเจรจาขายเทคโนโลยีให้กับผู้สนใจจากทั่วโลก ซึ่งคาดว่าจะมีผู้มาร่วม งาน 20,000 คนจาก 81 ประเทศ ในสัปดาห์มาติดตามเทคโนโลยีการจัดการน้ำอันก้าวหน้ารวมถึงการคิดค้นนวัตกรรม ทางพลังงานของชนชาติยิวที่ใช้ปัญญาแก้ปัญหาจนก้าวสู่ระดับผู้นำด้าน เทคโนโลยีเรื่องน้ำและพลังงาน ที่กำลังกลายเป็นสินค้าส่งออก

* ผู้สนใจร่วมงาน WATEC 2009 ครั้งที่ 5 ระหว่าง 17-19 พฤศจิกายน 2552 ติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ ที่สถานทูตอิสราเอล โทร : 0-2204-9200 โทรสาร : 0-2204-9255 เว็บไซต์ http://bangkok.mfa.gov.il

พรประไพ เสือเขียว

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=522&contentID=8938

อิสราเอลมหาอำนาจเทคโนโลยีจัดการน้ำ (2)

น้ำ คือ ชีวิต และ มีความสำคัญยิ่งขึ้น มากขึ้นไปทุกที

เดลินิวส์ออนไลน์ ได้ลงข้อมูลไว้

ปัญหา “น้ำ” ในอิสราเอลจัดเป็นปัญหาระดับชาติ ทั้งภาครัฐและเอกชนประสานความร่วมมือเพื่อให้มีน้ำสำหรับอุปโภคบริโภครวม ทั้งทำการเกษตรได้ด้วย การเสาะแสวงแหล่งน้ำ ไม่ว่าจะเป็นน้ำใต้ดิน น้ำเสีย และน้ำทะเลประเทศนี้นำกลับมาใช้อย่างคุ้มค่า ทุ่มเทกำลังสมองเพื่อให้น้ำสะอาดบริโภคได้อย่างสะดวกใจสบายกาย บริษัทไอดีอี เทคโนโลยี (IDE technologies Ltd.) อยู่ในแถบเอลัต ด้านใต้ของอิสราเอลซึ่งแห้งแล้ง ถือว่าเป็นบริษัทที่มีระบบเทคโนโลยีแยกเกลือออกจากน้ำทะเล ทำให้ได้ราคาน้ำประปาออกมาด้วยต้นทุนถูกสุดในโลก คือ การผลิตน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตร (1 ลูกบาศก์เมตรเท่ากับ1,000 ลิตร) ใช้เงิน 0.53 ดอลลาร์สหรัฐ

การผันน้ำทะเลเพื่อมาสกัดเกลือด้วยการกรองออก ของบริษัทแห่งนี้มาจากทะเลสาบกาลิลี่ ประสิทธิภาพของโรงงานมีกำลังการผลิต 330,000 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ผลิตออกมาได้ตามมาตรฐานคุณภาพน้ำดื่มขององค์การอนามัยโลก (WHO) ทั้งนี้ระบบการแยกเกลือออกจากน้ำทะเลยังมีเทคโนโลยีที่รักษาสิ่งแวดล้อม ประหยัดพลังงานไฟฟ้า โดยใช้ไฟ 4 กิโลวัตต์ต่อการผลิตน้ำ 1 ลูกบาศก์เมตรของกระบวนการผลิตน้ำทั้งหมดบริษัทแห่งนี้ตั้ง มา 40 ปีแล้ว ที่ผ่านมาได้เข้าไปติดตั้งระบบแยกเกลือออกจากน้ำทะเลมากกว่า 35 โรงงานใน 40 ประเทศ

น้ำทะเลที่กลั่นมาจากน้ำทะเลของโรงงานแห่งนี้มีคุณภาพและรสชาติที่ดื่มได้ อย่างสนิทใจ ซึ่งทางโรงงานบอกว่ารสชาติเทียบเท่ากับน้ำแร่ ผู้ดูงานทุกคนจะได้รับการชิมน้ำทะเลที่ผ่านกระบวนการทั้งสิ้น เพื่อยืนยันว่าน้ำทะเลนั้นดื่มได้จริง ๆ

เมโกรอท บริษัทยักษ์ใหญ่ที่มีชื่อเสียงในการจัดการน้ำในอิสราเอล ถือว่าเป็นบริษัทน้ำแห่งชาติของอิสราเอล ทำหน้าที่จัดสรรน้ำจากแหล่งน้ำหลักของประเทศ 4 แห่งสำคัญของประเทศคือในทะเลสาบ คินเนเล็ก น้ำใต้ดินที่มาจากชั้นหินทรายซึ่งอยู่ในพื้นที่ชายฝั่งทะเล และหินปูนในพื้นที่เป็นภูเขา รวมถึงการแยกน้ำเกลือออกจากทะเล และน้ำกร่อย เมโกรอทรับจัดการเพื่อให้เป็นน้ำที่นำไปอุปโภคบริโภคได้ ซึ่งกรรมวิธีการทำน้ำสะอาดของแต่ละแห่ง เมโกรอทมีเทคโนโลยีที่ต่างกันไม่ว่าน้ำที่มาจากชั้นหินซึ่ง มีแร่ธาตุต่างกัน ทั้งแคลเซียม แมกนีเซียม รวมถึงเชื้อโรค จุลินทรีย์ต่าง ๆ ที่ปนเปื้อนในน้ำ มาทำให้น้ำสะอาด

น้ำจากแหล่งต่าง ๆ ข้างต้นจะถูกสูบไปตามท่อต่าง ๆ มีต้นทางอยู่ทางตอนใต้ของประเทศ รวมถึงไปพักในอ่างเก็บ น้ำขนาดใหญ่ที่เรียกว่า เอชคอล ( Eshkol) ที่ต้องดูแลให้สะอาดไม่ให้มีสาหร่ายหรือตะกอนตกค้างอยู่ในอ่างเพราะอยู่กลาง แจ้งรับแสงตลอดเวลา ซึ่งเรื่องนี้มีงานวิจัยรองรับอีกเช่นกัน

นับตั้งแต่ปี 2507 เป็นต้นมา ระบบขนส่งน้ำแห่งชาติที่เกิดขึ้นจาก เมโกรอท 80 เปอร์เซ็นต์ของน้ำถูกออกแบบมาใช้ในเรื่องของเกษตรกรรม 20 เปอร์เซ็นต์ใช้ในชนบท ต่อมาในปี 2513 สัดส่วนการใช้เพิ่มขึ้น ในชนบทเพิ่มถึง 70 เปอร์เซ็นต์

นอกจากเรื่องการจัดสรรน้ำสะอาดแล้ว อิสราเอลมีบริษัทมากมายที่รับจ้างบำบัดน้ำเสีย ทั้งในโรงงานอุตสาหกรรม ในระบบปศุสัตว์และเกษตรกรรม ผู้นำด้านการนำน้ำเสียกลับมาใช้ใหม่อิสราเอลก็ยังครองความเป็นที่ 1 โดยคิดเป็น 30 เปอร์เซ็นต์ของน้ำทั้งหมด

แอคไวส์ (Aqwise) บอกถึงสถานะของตัวเองไว้ว่าเป็นบริษัทชั้นนำในการพัฒนา สร้างสูตรสำเร็จของการแก้ปัญหาน้ำเสีย ทั้งน้ำเสียจากระบบอุตสาหกรรม เทศบาล ทั้งระบบการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ที่ประสบความสำเร็จในการติดตั้งระบบบำบัดน้ำเสียในเทศบาลและโรงงาน อุตสาหกรรมทั่วโลกที่เน้นหนักไปทางอุตสาหกรรมอาหาร ทั้งในยุโรป อเมริกาเหนือ ตะวันออกกลางโดยมีเป้าหมายสูงสุดเพื่อให้น้ำเสียเหล่านี้คืนชีพมาเป็นน้ำ ดื่มได้อีกครั้ง สิ่งที่น่าสนใจของบริษัทแห่งนี้ได้คิดค้นเครื่อง ดักจับน้ำเสียที่เป็นพลาสติกมีรูพรุนไว้จับเศษตะกอนในน้ำ ยามที่ปล่อยต้องกวนน้ำเสียเพื่อเพิ่มออกซิเจน อันเป็นลิขสิทธิ์เฉพาะของบริษัท

ทรัพยากรน้ำที่มีอยู่อย่างจำกัด ชาวอิสราเอลถูกสอนให้รู้คุณค่าของน้ำ หน่วยงานราชการทั้งระดับประเทศและท้องถิ่นรณรงค์ให้ประชาชนประหยัดน้ำ ดังนั้นคำขวัญที่ว่า “อย่าสิ้นเปลืองน้ำสักหยดเดียว” จึงเป็นที่รู้จักไปทุกบ้านเรือนในอิสราเอล สิ่งเล็ก ๆ น้อย ๆ ของการกักเก็บน้ำ เพื่อให้เพียงพอต่อการเพิ่ม ขึ้นของประชากรที่เพิ่มในอิสราเอล แม้กระทั้งระบบเปิดปิดวาล์วก๊อกน้ำ มาตรวัดน้ำ ชาวยิวก็คิดค้นไว้แล้ว เอ.อาร์.ไอ โฟล์ คอนโทรล (A.R.I. Flow Control Accessories Ltd.) ได้คิดค้นหัวก๊อกเปิดจ่ายน้ำได้อย่างแม่นยำ ลดการสูญเสียของน้ำซึ่งสามารถนำมาใช้ได้สำหรับอาคารบ้านเรือน

นอกจากตั้งหน้าตั้งตาหาเทคโนโลยีด้านน้ำแล้ว ปัญหาสิ่งแวดล้อมด้านอื่น ๆ ทั้งขยะ รวมถึงการจัดสรรการใช้พลังงานอื่น ๆ ที่มีประสิทธิภาพ

“ไฮร์เรีย” (Hirria) โรงงานบำบัดของเสียของเทศบาลกรุงเทลอาวีฟ จัดเป็นสถานที่ดูงานด้านสิ่งแวดล้อมอันขึ้นชื่อ เพราะที่นี่คือหลุมฝังกลบขยะของเมือง ครอบคลุมพื้นที่ 450,000 ตารางเมตร รัฐบาลท้องถิ่นและรัฐบาลกลางแก้ไขปัญหากลิ่นเหม็น และการลดปริมาณสำเร็จเมื่อปี 2541 ภายใต้การทำงานร่วมกันระหว่างสมาคมชุมชนเมือง เทศบาลเมือง แปรเปลี่ยนขยะกองมหึมากลายเป็นศูนย์พิทักษ์สิ่งแวดล้อมขนาดใหญ่ในอิสราเอล ประกอบด้วยศูนย์แยกขยะรีไซเคิล ศูนย์ผลิตพลังงานสีเขียวหรือพลังงานบริสุทธิ์ โดยใช้ขยะเป็นวัตถุดิบ โดยขบวนการแยกขยะทั้งหลายใช้ระบบคอมพิวเตอร์และแรงงานผสมผสานกัน

ขยะในโรงงานแห่งนี้ ยังนำไปสร้างสวนสาธารณะอายาลอน (Ayalon Park) สวนสาธารณะขนาดใหญ่เกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2548 จัดให้เป็นสวนสาธารณะนำร่องสำหรับการเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยใช้ปุ๋ยจากขยะมาบำรุงต้นไม้ ภายในสวนสาธารณะยัง มีเนินสูงซึ่งเกิดจากขยะไร้พิษที่บำบัดแล้ว กลายเป็นจุดชมวิว อีกแห่งของเทลอาวีฟ เป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้เรื่องขยะอย่างครบวงจร เรื่องของการจัดการ การนำมารีไซเคิล หรือรียูส การนำขยะมาแยกก๊าซชีวภาพ เป็นต้น เปิดโอกาสให้ นักเรียนและประชาชนทั่วไปมาเรียนรู้เรื่องราวเกี่ยวกับขยะภายใต้การบริหาร งานชุมชนในท้องถิ่นเป็นหลัก

ลมและแสงแดดมีอย่างเหลือเฟือในอิสราเอล ในอิสราเอลมีศูนย์วิจัยและคิดค้นพลังงานทดแทนที่ทันสมัยที่รู้จักในนามโรเทม อินดัสทรี (Rotem Industries) ได้รวบรวมนักวิทยาศาสตร์และงานวิจัยด้านสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน เช่น การเก็บ กักพลังงานลมที่ใช้กังหันลมหน้าตาธรรมดาอย่างที่เห็นอาจจะ เอาต์ไปแล้ว เพราะได้มีการคิดค้นกังหันลมแนวตั้งที่สามารถเก็บพลังงานลมไว้แปรเปลี่ยน เป็นกระแสไฟฟ้าให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น ด้วยการทำกังหันเป็นแนวตั้งรูปทรงคล้ายดอกบัวที่รู้จักในนาม วิน โลตัส (Wind lotus) มีใบพัด 5 แฉก แม้ลมไม่แรงมากแค่ความเร็วลม 3 เมตรต่อวินาทีก็ผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 3.5-5.5 เมกะวัตต์ เพราะระบบออกแบบให้สามารถรับลมได้ทุกทิศทาง

พรประไพ เสือเขียว

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=522&contentId=10223

ลายมือคนมีโชคลาภ - Palmline / handline pattern for being lucky (in game or in love)


คนที่มีโชคอาจจะมีหลายแบบ ไม่ได้หมายถึง ลาภลอยแต่อย่างเดียว อาจหมายถึงคนมีลาภจากการงาน การลงทุน และมาจากคนให้โดยเสน่หา หรือได้มาจากมรดกตกทอดและได้มาจากตลาดหุ้น There are many types of being lucky. Sometimes your good lucks just afloat in the air to you. Some good lucks are from your regular job or investments, while some from someone who like you (aka fall in for you for some know/unknown reason), some from heritage or stocks, whatever.

หมายเลข ๑-๑ Line 1-1

เส้นสำคัญที่แสดงถึงลาภที่เกิดจากการมีโชคโดยวิธีต่าง ๆ อันเป็นเส้นหลักที่จะบอกได้ว่ามาจากอะไร โดยมีเส้นอื่นประกอบ ถ้ามีเส้นเดี่ยว ๆ ก็ยังหมายถึงความสำเร็จทางโชคลาภโดยเสน่หา This line indicates your good luck (where your luck comes from).



หมายเลข ๒-๒ Line 2-2

เส้นที่แยกมาจากเส้น 1-1 มีความหมายถึงโชคลาภลอย ๆ ที่ได้มาอย่างมหาศาล และยังรวมรายได้ที่มาจากชื่อเสียงการแสดง เช่น พวกดาราหรือนักร้องที่มีชื่อเสียงร่ำรวยเด่นดัง
This line detours from Line 1-1. It indicates the coming of huge income/asset. Maybe from your renounce/famous.

หมายเลข ๓-๓ Line 3-3

เส้นพุธที่แยกมาจากเส้นชีวิต และมีเส้น 1-1 ก็หมายถึงความสำเร็จมาจากการค้าหรือการลงทุน

หมายเลข ๔-๔ Line 4-4

เส้นคุ้มกันเป็นเส้นที่จะแสดงถึงการได้มรดก หรือได้มาจากการประกันชีวิตหรือประกันภัย
This palm line tells about your heritage asset or income from your insurance.

หมายเลข ๕-๕ Line 5-5

เส้นพฤหัสหมายถึงความสำเร็จได้มาจากรางวัล ต่าง ๆ ระดับโลก เช่น รางวัล โนเบิล จากความรู้หรือความสามารถทางวิชาการที่เป็นประโยชน์ต่อชาวโลก Should you get prize upon your achievement, this palmline can tell.

หมายเลข ๖ Line 6-6

กากบาทคุ้มกันความ ปลอดภัย และได้รับความสำเร็จแบบไม่คาดคิดมาก่อน และ เป็นกากบาทที่เป็นความสามารถส่วนตัว. Safety and unexpected success/achievement reveal from this palmline.

[ดูแม่น ๆ = accurate palmistry]

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 11 กรกฎาคม 2552 http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=503&contentID=7490

Thursday, July 23, 2009

ลาก่อนระบบซี ใครว่าไม่สำคัญ Goodbye to the C-classified of the Thai Government Bureaucratic Positions/Salary

การใช้บุคคลเป็นประกัน (เทียบซี กับยศ ตำรวจ ทหาร)
คำสั่งกรมตำรวจ ที่ 622/2536 ลงวันที่ 15 เมษายน 2536

เรื่อง การใช้บุคคลเป็นประกัน หรือหลักประกันในการปล่อยชั่วคราว
กระทรวง มหาดไทยและกรมตำรวจ มีนโยบายอำนวยความสะดวก ในการให้บริการแก่ประชาชน โดยเฉพาะเรื่องการใช้บุคคลเป็นประกันหรือ หลักประกันในการปล่อยชั่วคราวตามนัยประมวลกฎหมายวิธีพิจารณา ความอาญา มาตรา 110 และมาตรา 114 วรรคสอง


ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเอง วงเงินประกันไม่เกินหกหมื่นบาท
- ข้าราชการพลเรือนระดับ 3 ถึง 5 หรือข้าราชการอื่นที่เทียบเท่า
- ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศ ตั้งแต่ร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี
หรือร้อยตำรวจตรีถึงพันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรีหรือพันตำรวจตรี
- ข้าราชการบำนาญตั้งแต่ระดับ 6 หรือเทียบเท่าขึ้นไป
- พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียว กับข้าราชการประจำ
- สมาชิกสภากรุงเทพมหานคร
- สมาชิกสภาจังหวัด
- สมาชิกสภาเทศบาล
- สมาชิกสภาเมืองพัทยา
- สมาชิกสภาเขตกรุงเทพมหานคร
- กรรมการสุขาภิบาล
- กำนัน


ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเอง วงเงินประกันได้ในวงเงินไม่เกินสองแสนบาท
- ผู้ใหญ่บ้าน
- ข้าราชการพลเรือนระดับ 6 ถึง 8 หรือข้าราชการอื่นที่เทียบเท่า
- ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศ ตั้งแต่พันโท นาวาโท นาวาอากาศโท
หรือพันตำรวจโทถึงพันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอกหรือพันตำรวจเอก
- ข้าราชการตุลาการหรืออัยการตั้งแต่ ชั้น 1 ถึง 2
- พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียว กับข้าราชการประจำ


ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเองได้ในวงเงินไม่เกินสองแสนบาท
- ผู้ใหญ่บ้าน
- ข้าราชการพลเรือนระดับ 9 ถึง 10 หรือข้าราชการอื่นที่เทียบเท่า
- ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศ ตั้งแต่พันเอก นาวาเอก
นาวาอากาศเอกหรือ พันตำรวจเอกที่ได้รับ อัตราเงินเดือนพันเอก(พิเศษ)
นาวาเอก(พิเศษ) นาวาอากาศเอก- (พิเศษ)หรือพันตำรวจเอก(พิเศษ)
- ข้าราชการตุลาการหรืออัยการตั้งแต่ ชั้น 1 ถึง 2
- พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียว กับข้าราชการประจำ

บุคคล วงเงินประกันทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเอง
ได้ในวงเงินไม่เกินสองแสนบาท
- ข้าราชการพลเรือนระดับ 11 หรือข้าราชการอื่นที่เทียบเท่า
- ข้าราชการทหารหรือตำรวจที่มียศ ตั้งแต่พลโท พลเรือโท พลอากาศโท
หรือพลตำรวจโท
- ข้าราชการตุลาการหรืออัยการตั้งแต่ ชั้น 5 ขึ้นไป
- พนักงานรัฐวิสาหกิจในระดับเดียว กับข้าราชการประจำ
- สมาชิกรัฐสภา ข้าราชการการเมือง หรือผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร


- ให้ผู้ที่ขอทำสัญญาประกันแสดงบัตรประจำตัวต่อพนักงานสอบสวน ผู้รับผิดชอบ พิจารณาอนุญาตโดยไม่ชักช้า
- ในกรณีจำเป็นเพื่อทราบเกี่ยวกับสถานะ ระดับ อัตราเงินเดือนหรือ ภาระผูกพัน อื่นใด อาจให้ผู้ยื่นประกันแสดงหนังสือ
รับรองจาก ต้นสังกัดและภาระผูกพันนั้น ภายในห้าวันนับตั้งแต่วันที่ได้ รับอนุญาตให้ประกัน
- กรณีบุคคลใดได้ทำสัญญาประกันผู้อื่นหรือตนเองไว้ แต่หลัก ประกันยังไม่เป็นการ เพียงพอ ให้ใช้บุคคลอื่นที่มีคุณสมบัติ
ตาม ที่กำหนดไว้หรือใช้หลักทรัพย์อื่นเป็นหลักประกันเพิ่มเติมได้

======================================
ลองเปรียบเทียบตำแหน่ง ข้าราชการทหารกับข้าราชการพลเรือน

1. สิบตรี จ่าตรี จ่าอากาศตรี ถึง สิบเอก จ่าเอก จ่าอากาศเอก และพลทหารประจำการ(พลอาสาสมัคร) ระดับ 1

2. จ่าสิบตรี พันจ่าตรี พันจ่าอากาศตรี ถึง จ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก ระดับ 2

3 จ่าสิบเอก พันจ่าเอก พันจ่าอากาศเอก อัตราเงินเดือน จ่าสิบเอกพิเศษ พันจ่าเอกพิเศษ พันจ่าอากาศเอกพิเศษ ถึง ร้อยตรี เรือตรี เรืออากาศตรี ระดับ 3

4. ร้อยโท เรือโท เรืออากาศโท ระดับ 4

5. ร้อยเอก เรือเอก เรืออากาศเอก ระดับ 5

6. พันตรี นาวาตรี นาวาอากาศตรี ระดับ 6 = ผู้ช่วยศาสตาจารย์

7. พันโท นาวาโท นาวาอากาศโท ระดับ 7 = ผู้ช่วยศาสตาจารย์, รองศาสตราจารย์

8. พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก ระดับ 8 = ผู้ช่วยศาสตาจารย์, รองศาสตราจารย์

9. พันเอก นาวาเอก นาวาอากาศเอก อัตราเงินเดือน พันเอกพิเศษ นาวาเอกพิเศษ นาวาอากาศเอกพิเศษ ระดับ 9 = ระดับรองอธิบดี = รองศาสตราจารย์, , ศาสตราจารย์

10. พลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี ระดับ 10 = ระดับอธิบดี, ศาสตราจารย์

11. พลโท พลเรือโท พลอากาศโท ถึง พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ระดับ 11
(รับเงินเดือนอันดับ ท.11) = ปลัดกระทรวง (ข้าราชการที่มีตำแน่งสูงสูด) = ศาสตราจารย์พิเศษซี 11

12. จอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ หรือ พลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ที่ครองอัตราจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ระดับ 11 (รับเงินเดือนอันดับ บ.11)

Wednesday, July 22, 2009

ศิษย์ดี ศิษย์แย่ ครูดี ครูห่วย


คนเราก็มีกันอยู่หลายชนิด หลากประเภท ทั้งดี ทั้งไม่ดี ปะปนกัน

1. ว่าด้วยศิษย์ดี + ครูดี

ศิษย์รู้ เพราะครูดี
ศิษย์ดี เพราะครูประเสริฐ
ศิษย์เป็นเลิศ เพราะ "ยอดครู”
ศิษย์น้อมกราบ วันทา "ครู ”

2. ว่าด้วยศิษย์แย่

ความโฉดเขลา เร้าจิต เป็นริษยา จึ่งวาจา ดูหมิ่น ต่างถิ่นฐาน
ส่อสถุล ถ่อยแท้ แปรประจาน ครูอาจารย์ ตกต่ำ ด้วยคำมัน
วิปริต ศิษย์อุบาทว์ ชาติช่างทราม กล้าเหยียดหยาม ครูบา อาจารย์ท่าน
อย่าสะเออะ มาวิจารณ์ ความรู้กัน ใช่เรื่องปั้น เรื่องแต่ง แข่งถ่มถุย

3. ว่าด้วยครูดี
ครูคือ.. แสงทองส่องชีวิต ครูคือ...ดวงจิตอันสูงค่า
ครูคือ.. ผู้ที่ให้วิชา ครูคือ...ผู้ที่พาเราก้าวไกล
ครูคือ..ยานวิเศษลำไม่น้อย ครูคือ..ผู้ที่คอยเอาใจใส่
ครูคือ..หลักนำประจำใจ ครูคือ..หลักชัยของชีวิต

4. ว่าด้วยครูห่วย ลักษณะของครู

๑. ครูมาสาย คติประจำใจ คือ
สอนน้อยหน่อย สายมากหน่อย อร่อยกำลังเหมาะ

๒. ครูค้าขาย คติประจำใจ คือ
ครูที่มีความเพียร ต้องทำโรงเรียนให้เป็นตลาด ครูที่มีความสามารถ ต้องทำตลาดให้เป็นโรงเรียน

๓. ครูคุณนาย คติประจำใจ คือ
อยู่อย่างคุณนาย สบายทุกอย่าง หนทางสะดวก พรรคมากมี

๔. ครูสุราบาล คติประจำใจ
ศุกร์เมา เสาร์นอน อาทิตย์ถอน จันทร์เกียจคร้าน อังคารหยุด พุธลา พฤหัสมาก้มหน้าไม่สู้คน

๕. ครูเกียจคร้าน คติประจำใจ
สอนมั่ง ไม่สอนมั่ง สตางค์เท่าเดิม

๖. ครูหัวโบราณ คติประจำใจ
คิดเป็นก็คิดไป แก้ปัญหาเป็นก็แก้ปัญหาไป แต่ฉันจะสอนอย่างไร ใครอย่ามายุ่งกับฉัน

๗. ครูปากม้า คติประจำใจ
นินทาวันละมาก ๆ ปากผ่องใส

๘. ครูหน้าใหญ่ คติประจำใจ
ใหญ่ที่โรงเรียน ไปเป็นเสมียนที่อำเภอ เห่อเจ้านายได้สองขั้น

๙.ครูไร้อาย (คือ ครูดี)
ทำงานไม่เกี่ยงงอน สอนเต็มหลักสูตรอย่างเคร่งครัด

คุณเป็นคนประเภทไหนเอ่ย ดี แย่ ห่วย ดี


~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ปฏิรูปการศึกษาล้มเหลว
ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 17 กันยายน พ.ศ.2552
http://www.thairath.co.th/content/edu/33751
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~~
ระบุครูเน้นสอนให้เด็กคิดไปทางเดียวกับตัวเองหาคิดนอกกรอบถือว่าผิดทันที เผยเด็กเบื่อการเรียนเพราะครูสอนน่าเบื่อ ไร้ชีวิตและแรงบันดาลใจ

วันนี้ (17 ก.ย.) น.ส.พัฒนา ชัชพงศ์ อาจารย์สาขาปฐมวัย คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ (มศว.) กล่าวถึงสาเหตุท่ีการปฏิรูปการศึกษาไทยไม่ประสบความสำเร็จว่า ครูไทยยังไม่ได้รับการพัฒนา ไม่มีวิธีการที่แน่นอนในการสอน ยังสอนแบบง่ายๆ คือ สอนให้เด็กท่องจำ เรียนแบบท่องจำทั้งไม่สามารถจะจำได้นานเพราะไม่มีหลัก ไม่ได้สอนทักษะวิธีการคิดให้เด็ก ทำให้เด็กไทยนอกจากขาดการฝึกคิดแล้ว ยังขาดความเข้าใจ ขาดการสรุปวิเคราะห์ สังเคราะห์ สิ่งเหล่านี้ครูต้องฝึกและเปิดโอกาสให้เด็กการทำกิจกรรม โดยสิ่งต่างๆเหล่านี้จะต้องทำอย่างต่อเนื่องทุกวัน เด็กถึงจะคิดได้เก่งและรู้จักคิดอย่างหลากหลาย

อาจารย์สาขาปฐมวัย มศว. กล่าวต่อว่า ทุกวันนี้ครูยังติดกรอบเดิมคิดได้ทางเดียว หากเด็กคิดต่างไปจากครูจะผิดทันที เมื่อครูยังติดกรอบเด็กไทยก็ไม่กล้าคิดอะไรที่แตกต่างจากที่ครูสอนหรือครู บอก ครูต้องรู้จักเปิดโอกาสให้เด็กได้คิด โดยทำได้ไม่ยาก ขอให้นำเนื้อหาที่ตัวเองสอนมาเป็นจุดตั้งต้น และต้องบอกตัวเองให้ได้ว่าคำตอบที่เด็กตอบต้องหลากหลาย การที่ครูยังยึดกรอบเดิมสอนแบบเดียววิธีการเดียวกับเด็กทั้งชั้นเรียน เพราะครูไม่อยากเหนื่อย การสอนโดยเปิดโอกาสให้เด็กคิดได้หลากหลายครูจะเหนื่อยมาก

“แม้การ ปฏิรูปการศึกษาที่พยายามเน้นให้ครูสอนโดยเอาเด็กเป็นศูนย์กลาง แต่ยังทำไม่ได้เพราะครูยังเอาตัวเองเป็นศูนย์กลาง ครูไทยยังไม่ยอมรับความต่างของเด็ก แม้จะเน้นการให้เด็กเป็นศูนย์กลางแต่ครูก็ยังรวบอำนาจและสอนอยู่ฝ่ายเดียว ใช้คำถามกระตุ้นเพื่อให้เด็กคิดน้อยมาก เด็กไทยจำนวนมากเบื่อหน่ายการเรียนเพราะมีครูที่สอนน่าเบื่อ ไร้ชีวิตชีวา ไม่มีพลังการเรียนรู้ และไม่ได้สร้างแรงบันดาลใจให้เด็ก”น.ส.พัฒนา กล่าว

Monday, July 6, 2009

กามาลสูตร 10 ประการ = Buddha's doctrines on believes / obsessions

พระมหาวุฒิชัย (ว.วชิรเมธี) วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนาราม ได้กล่าวเรื่อง กามาลสูตร (กังขานิยฐาน) 10 ประการ ซึ่งเป็นข้อห้ามไม่ให้เชื่อโดยอาการ 10 อย่าง ไว้ดังนี้
Our famous monk, W.Vajramedhi (W.Vajiramedhi), teaches one of the Buddha's doctrines on believings


1. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการฟังตามๆ กันมา (ไม่ได้ฟังด้วยตัวเอง แต่ฟังมาอีกต่อหนึ่ง) Do not totally believe by chains of listeners/speakers = Do not accept anything on (mere) hearsay
(i.e., thinking that thus have we heard it from a long time)


2. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการถือสืบๆ กันมา (ตามประเพณีเหมือนเถรส่องบาตร) Do not totally believe by chains of heritages = Do not accept anything by mere tradition
(i.e., thinking that it has thus been handed down through many generations)


3. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการเล่าลือ (แมงเม้าท์ข่าวลือ)Do not totally believe by chains of gossips = Do not accept anything on account of mere rumors
(i.e., by believing what others say without my investigation).


4. อย่าปลงใจเชื่อ ด้วยการอ้างตำราหรือคัมภีร์ Do not totally believe by referring to what said in books = Do not accept anything just because it accords with your scriptures.


5. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะตรรก (ใช้ตรรกศาสตร์) Do not totally believe by mere logic = Do not accept anything by mere supposition


6. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการอนุมาน Do not totally believe by assuming (extrapolation) = Do not accept anything by mere supposition


7 อย่าปลงใจเชื่อ เพราะการคิดตรองตามแนวเหตุผล (อย่าได้เชื่อถือ โดยความตรึกตามอาการ) Do not totally believe by chains of symptoms = Do not accept anything by merely considering the reasons


8. อย่าปลงใจเชื่อ เพราะสอดคล้องกับทฤษฎีที่มีอยู่แล้ว Do not totally believe by chains of theories = Do not accept anything merely because it agrees with your pre-conceived notions.


9. อย่าปลงใจเชื่อเพราะว่ามองเห็นรูปการว่าน่าจะเป็นไปได้ หมายความว่าเข้าเค้า เช่น เดินออกไปข่างนอก เห็นเมฆทะมึนจึงเดาว่าอีกไม่นานฝนจะต้องตกอย่างแน่นอน (อาจมีลมกรรโชคพัดไปตกที่อื่นได้) Do not totally believe by chains of seeming to be = Do not accept anything merely because it seems acceptable
(i.e., thinking that as the speaker seems to be a good person his words should be accepted).


10. อย่าปลงใจเชื่อเพราะเห็นว่าเป็นครูบาอาจารย์ นับเป็นเรื่องที่สำคัญมาก บางคนอาจจะไม่เชื่อทั้ง 9 ข้อที่ผ่านมา ซึ่งเป็นลักษณะของสังคมไทย Do not totally believe by status of teacher or professors =Do not accept anything thinking that the ascetic is respected by us (therefore it is right to accept his word).


ท่านหลงไปเชื่อใครเข้าหรือยัง อิอิ .. Have you been obsessed by some of these believes?

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด Have a peaceful mind.

Saturday, July 4, 2009

คนอายุยืน - Palmline / handline for longetivity people


เรื่อง ชีวิตทั่วไปจะยั่งยืนหรือไม่มักจะมาจากการมีสุขภาพที่ดีและไม่มีอุบัติเหตุ ที่จะเกิดถึงเสียชีวิต ก็จะทำให้มีชีวิตยั่งยืนได้ การจะมีอายุยืนนั้นโดยทั่วไปจะมีอายุตั้งแต่ ๘๐ ปีขึ้นไป แต่ต่อไปจะต้องมีอายุตั้งแต่ ๙๐ ปีขึ้นไป ถึงจะเรียกว่าอายุยั่งยืน แต่จะมีปัญหาที่ว่า พออายุได้ ๘๐ ขึ้นไป สมองก็จะเสื่อมไปเสียก่อนความจำเลอะเลือนไปแล้ว การทำงานก็ไม่มีประสิทธิภาพที่ดีพอ สมัยปัจจุบันมียาดีมาก ยังสามารถรักษาสมองสติปัญญาความจำได้ดี บางคนอายุ ๑๐๐ ปี ก็ยังมีความสามารถจำอะไรได้ดีไม่ลืม การดูลายมือไม่ได้ดูเฉพาะแต่เส้นชีวิตอย่างเดียวว่ามีความยาวหรือไม่ ต้องดูเส้นอื่นประกอบ คือมีความยาวทุกเส้น คือ

๑.เส้นหัวใจ
ต้องมีความยาวไปถึงเนินพฤหัส แสดงถึงหัวใจทั่วไปดีด้วย ข้อสำคัญบนเส้นหัวใจต้องมีความชัดคม แสดงถึงการทำงานของหัวใจดีมาก



๒.เส้นสมอง
ต้องมีความคมยาวไปถึงริมฝ่ามือ แสดง ถึงสมองความคิด ความสามารถในการทำงานของสมองดีมาก การที่มีสมองดีทำให้ความเป็นอยู่ดีมาก

๓.เส้นชีวิต
ต้องมีความคมยาวสวยงาม ไม่มีการแตกขาด เป็นเส้นที่เล็กคมยาวโค้งไปจนรอบเนินศุกร์ และเส้นจะต้องไม่มีหลุมหรือจุดดำบนเส้น

๔..เส้นค้ำยันเส้นชีวิต
เป็นเส้นสำคัญแสดงถึงความปลอดภัยและความมั่นคงของชีวิต ความเข้มแข็งและความมุ่งมั่นจะทำอะไรก็มีความสำเร็จ ชีวิตปลอดภัยเสมอ
เส้นอื่น ๆ

ความยืนยาวของชีวิตจะต้องมีเส้นอื่น ๆ อีก เช่น เส้นช่วยชีวิตทำให้มีความปลอดภัย นอกจากนั้นจะมีเส้นพุธ เส้นอาทิตย์ และเส้นวาสนาที่ยาวด้วย.

ต้อย ตุลา


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ : 18 ตุลาคม 2551

ความไม่แน่นอน - Palmline / handline involving uncertainty in life


ความไม่แน่นอน
วันที่ : 11 ตุลาคม 2551

การดำเนินชีวิตจะมีความมั่นคงเจริญรุ่งเรืองมีความก้าวหน้าต้องอาศัยความแน่นอนของชีวิตมีความมั่นคงแน่นอนแค่ไหน ถ้าเราไม่มีความแน่นอนหรือไม่มีความมั่นใจในตนเอง ก็จะมีความผิดหวังกลางคันเสียก่อน การดำเนินชีวิตในเรื่องความรักและครอบครัวทำไมจึงอยู่ไม่ยืด การทำงานทำไมอยู่ไม่นานก็เลิกไป หรือการมีที่อยู่อาศัยก็อยู่ไม่นานมีการโยกย้ายบ่อยมาก ไม่ว่าจะทำงานที่ไหนก็มีอันเป็นไปอยู่ไม่นาน ก็มีการเปลี่ยนแปลงไปเสียก่อน ในด้านความรักครอบครัวทำไมเบื่อกันเร็วจริงหรือไม่มีความมั่นคงในชีวิต ก็มาจากดวงชะตาที่กำหนดไว้ แต่ถ้ามีความสามารถในการดูลายมือด้วยก็จะสามารถกำหนดได้แน่นอนมากขึ้น ไม่เชื่ออย่าลบหลู่ในเรื่องดวงชะตาสามารถกำหนดได้ และลายมือสามารถเปลี่ยนแปลงและแก้ไขได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ที่กำหนดไว้ได้เช่นเดียวกัน คนที่ทำความดีมีคุณธรรมและได้กระทำความดีต่อผู้อื่นเสมอ ลายมือก็จะมีการเปลี่ยนแปลงไปได้ ชีวิตวาสนาก็จะดีขึ้นได้ แต่ถ้าคิดทำความไม่ดีกลั่นแกล้งคนอื่น สิ่งเหล่านี้ก็จะกลับมาถึงเราในไม่ช้าเช่นเดียวกัน นี่คือเรื่องกฎแห่งกรรม

หมายเลข ๑
เส้นหัวใจแตกขาดไม่เป็นเส้นเดียวกัน หรือขาดเป็นท่อน ๆ ก็จะแสดงถึงความรักครอบครัวที่ไม่แน่นอน การเปลี่ยนแปลงกำลังเกิดขึ้นในไม่ช้า

หมายเลข ๒
เส้นสมองที่ขาดไม่เป็นเส้นเดียวกัน ก็หมายถึงการงานไม่แน่นอนมีการเปลี่ยนแปลงบ่อยและอาจจะต้องออกจากการงาน การเรียนการศึกษาไม่สมหวัง ต้องมีการเปลี่ยนแปลง


หมายเลข ๓
เส้นชีวิตที่ขาดไม่เป็นเส้นเดียวกัน ก็หมายถึงชีวิตความเป็นอยู่จะมีการเปลี่ยนแปลง มีการโยกย้ายที่อยู่อาศัยใหม่ และยังหมายถึงสุขภาพชีวิตจะไม่ค่อยยั่งยืนด้วย



ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

ลายมือผู้มีคุณธรรมสูง - Palmline / handline pattern for having moral-concern characteristics


สมัยปัจจุบันมีบริษัทที่ใหญ่โต เขาจะคัดเลือกบุคคลเข้าทำงานจะใช้ซินแสให้ดูลักษณะว่าจะเป็นคุณเป็นโทษ นอกจากจะดูวันเดือนปีเกิดแล้ว ลักษณะโหงวเฮ้งเป็นเรื่องสำคัญที่สุด บางคนเป็นคนดวงดีมีความสามารถสูงแต่เป็นภัยต่อบริษัทและแผ่นดิน ในเรื่องสามก๊ก ขงเบ้งจะมีความเชี่ยวชาญทางการดูดวงชะตาและดูลักษณะได้อย่างแม่นยำ แต่ก็มีข้อแม้อยู่ส่วนหนึ่งคือการทำกรรมไว้มากก็ไม่สามารถหลีกหนีกรรมที่ได้ทำไปแล้วได้ไม่ ดังนั้นการที่ไปว่าหมอดูไม่ดูดวงตนเองนั้นก็อยู่ตรงนี้ เพราะเรื่องกรรมไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ ทำไมบางคนทำกรรมชั่วไว้มากแต่ทำไมได้ดี เพราะกรรมเก่าที่ดียังมีอยู่ เมื่อหมดกรรมที่ดีไปแล้วกรรมชั่วจะกลับมาอย่างสาสม และทำไมบางคนทำแต่กรรมดี แต่ทำไมยังไม่ดี เพราะยังไม่ถึงเวลา ดังนั้นการเรียนลายมือ หรือแม้แต่การเรียนดูดวงชะตาต้องดูกรรมชะตาความดีความเลวของเจ้าชะตาด้วย

ลักษณะลายมือที่แสดงถึงเป็นคนดี

๑.เส้นหัวใจที่ยาวไปถึงเนินพฤหัสเป็นแนวกว้างระยะห่างจากเส้นสมองมากแสดงถึงความเป็นคนใจกว้างมองโลกในแง่ดี มีคุณธรรมสูงเสียสละ



๒. เส้นสมองที่โค้งยาวไปถึงเนินจันทร์เป็นง่ามสวยงาม แสดงถึงมีเมตตาธรรมสูง เอาใจเขามาใส่ใจเรา เป็นคนไม่เห็นแก่ตัว จะทำอะไรเกรงอกเกรงใจคนอื่น

๓. เส้นช่วยชีวิต คนที่มีเส้นนี้มักจะเป็นคนชอบช่วยเหลือคนอื่นอยู่เสมอ มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมักจะช่วยคนอื่นให้ได้รับความปลอดภัยด้วย เป็นที่พึ่งของคนอื่นได้ทุกคน

การจะเลือกคนเข้าทำงานหรือเลือกเพื่อน ฝูงคนรักถ้ามีเส้นเหล่านี้เพียงเส้นใดเส้นหนึ่งก็พอจะคบกันไปได้นาน ๆ และมีความปลอดภัยไม่โดนหักหลัง.


ดูแม่น ๆ (accurate palmistry)

ต้อย ตุลา


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

ลายมือคนเห็นแก่ตัว - Palmline/Handline for having selfish characteristics

ตามลายเส้นก็มีหลักสำคัญอีกมากมาย แต่ที่สำคัญก็มีอะไรมากต้องคิดตามหลักความเป็น จริงว่าคนเห็นแก่ตัวเป็นอย่างไรแล้วก็นำมาประยุกต์เข้ากับลายเส้นและความหมายของเนินต่าง ๆ มาประกอบ คนที่เห็นแก่ตัวมักจะไม่มีการเสียสละ และ มักจะเอาเปรียบคนอื่นอยู่เสมอ แม้จะมีความร่ำรวยอย่างไร มีการศึกษาความรู้มากมายเพียงไรก็จะมีความเห็นแก่ตัวไปตลอดชีวิต คนลักษณะ นี้ไม่ควรร่วมหุ้นหรือมีการลงทุนด้วย หรือแม้แต่การเอาเป็นคู่ครอง ก็จะมีแต่ความผิดหวังและมีปัญหาต่อไปตลอดชีวิต ถ้าใครได้ไปร่วมชีวิตด้วย แม้แต่เรื่องการงานหุ้นส่วนอย่างใดอย่างหนึ่งก็รีบถอยหลังออกมาได้เลย ความหมายตามลายเส้นของลายมือมีอยู่ที่สำคัญไม่มาก แต่ต้องดูเนินมาประกอบ

หมายเลข ๑ -line 1
เส้นหัวใจสั้นมากและอยู่ตรงเนินเสาร์ ก็แสดงถึงการเห็นแก่ตัว ไม่มีความคิดที่จะเห็นคนอื่นเลย ตรงข้ามกับเส้นหัวใจที่ยาวถึงเนินพฤหัส This heart line is short ending below the middle finger indicating characteristics of very selfish person.



หมายเลข ๒

เส้นสมองสั้นและห่างจากเส้นชีวิตและพุ่งตรงไปสั้น ๆ ไม่เกินเนินอาทิตย์ หรือบางที่แค่เนินเสาร์ เส้นสมองแบบนี้จะไม่มีความคิดที่ดี ปัญญาอ่อนและเห็นแก่ตัวอย่างรุนแรงถ้าเส้นหัวใจสั้นด้วย
หมายเลข ๓
เส้นชีวิตที่มีวงแคบ ๆ และมักจะอ้อมเข้าหาเนินศุกร์แบบแคบ ๆ จะไม่มีเส้นแตกออกไปนอก ถึงเนินจันทร์ และไม่มีเส้นช่วยเหลือ ก็หมายถึงเห็นแก่ตัวไม่คิดเห็นคนอื่นดีกว่าตนเองและไม่มีความคิดจะช่วยคนอื่นและคนอื่นก็ไม่ช่วยเช่นเดียวกัน ชีวิตจึงทำอะไรเพื่อตนเองอย่างเดียว ชีวิตก็เอาตัวรอดไปวัน ๆ ไม่มีการพัฒนาตนเองเลย
ความหมายของการเห็นแก่ตัวและยังมีความโหดร้ายที่จะเอาประโยชน์ของคนอื่นเป็นของตนเอง แม้ตนเองจะร่ำรวยอย่างไรก็เห็นแก่ตัว ใครอยู่ ด้วยก็จะมีความหนักใจและเป็นอันตรายมาก ซึ่งมีโอกาสจะได้นำความหมายของเส้นและเนินบนฝ่ามือมาประกอบอีกหลายส่วนต่อไป.

ต้อย ตุลา


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

ลายมือ ความรักสมหวัง - Palmline/handline for a person possessing happiness in love

คนที่จะมีความรักที่สมหวังและมีความสุขในครอบครัว ต้องมีลายมือที่ดีหลายเส้นด้วยกัน รวมทั้งเนินบนฝ่ามือ มาประกอบคือ เนินศุกร์ ต้องสวยงาม เนินพุธที่ดี สองเนินก็พอจะทำให้ความรักมีความสุข สมหวังได้แล้ว และยังมีเส้นสมรสเป็นเส้นที่ดีช่วยส่งเสริมให้ดวงชะตามีความสำเร็จในครอบครัวอีกด้วย
ความหมายตามลายเส้น

หมายเลขที่ ๑
เส้นสมรสที่ดีมากเป็นเส้นตรงยาวสวยงาม ก็หมายถึงความรักการแต่งงาน มีความสุข




หมายเลขที่ ๒
เส้นหัวใจดียาวสวยงามหมายถึงความสำเร็จในครอบครัวที่ดีมีความสุขมากและหมายถึงความสุขด้านอื่นด้วย

หมายเลขที่ ๓

เส้นอาทิตย์ยาวสวยงามมาจากเส้นหัวใจ ก็หมายถึงความสำเร็จในการดำเนินชีวิตและความสุขทั่วไป

หมายเลขที่ ๔

เส้นช่วยชีวิตและความสุขสมหวังในทุกเรื่อง ครอบครัวดีมีความสุขสมหวัง

หมายเลขที่ ๕

กากบาทลึกลับ หมายถึงความสำเร็จทุกอย่างเกิดขึ้นได้อย่างปลอดภัยและมีความสุขสมหวัง

หมายเลขที่ ๖

เส้นสุขภาพความสุขสมหวังต้องเป็น เส้นที่ดี และมีความสำเร็จในชีวิตครอบครัว ในด้านสุขภาพที่ดี

หมายเลขที่ ๗

เส้นพฤหัสคือความสำเร็จในชีวิต ในการงานการเงินและมีความสำเร็จในชีวิตและครอบครัว ความสามารถในการดำเนินชีวิตและครอบครัวมีความสุข.

ต้อย ตุลา


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

ก้นหอยบนปลายนิ้ว Finger-print whorl signature on your finger tip

ความจริงลาย เส้นมีหลายแบบ แต่จะสับสนสำหรับผู้ที่จะเรียนจำได้ยาก ผู้เขียนจะเน้นเรื่องก้นหอยเป็นหลัก จะได้จำง่ายอาจจะมีลายเส้นแบบหยดน้ำก็มีลักษณะการทำนายแบบเดียวกัน คือเป็นการทำนายในทางที่ดีของแต่ละนิ้ว ก็จะทำให้ร่ำรวยได้เหมือนกัน แต่จะร่ำรวยได้มากที่สุดคือนิ้วนางเท่านั้น

ความหมายตามนิ้ว
๑. เกิดที่ปลายนิ้วหัวแม่มือ Thumb with whorl signature
จะบ่งบอกถึงความมีพลังจิตสูง This indicates great spiritual mind


[ภาพประกอบจากอินเตอร์เน็ต]

๒. เกิดที่ปลายนิ้วชี้ Index-finger (forefinger) with whorl signature
จะบ่งบอกถึงการเป็นผู้นำมีอำนาจ This tells powerful characteristics

๓. เกิดที่ปลายนิ้วกลาง Middle-finger
จะบ่งบอกถึงความอดทนสูง

๔. เกิดที่ปลายนิ้วนาง Ring-finger
จะบ่งบอกถึงความร่ำรวย How rich you are is identified on your ring finger print

๕. เกิดที่ปลายนิ้วก้อย Little-finger (Pinkie or pinky)
จะบ่งบอกถึงทางการเจรจา Whorl signature on your little finger tells your negotiation ability

ถ้าเกิดถึง ๑๐ นิ้ว บ่งบอกถึงการเป็นผู้ประเสริฐ สามารถเป็นอรหันต์ได้ ตายไปแล้วจะไปสู่สวรรค์ ไม่เกิดอีกแล้ว

ความหมายต่าง ๆ ที่เด่น มักจะเกิดในที่เดียวก็จะเน้นในเรื่องนั้นได้ชัดเจนมากขึ้น

ความร่ำรวยเกิดจากบุญบารมี

ความจริงถึงแม้จะมีลักษณะเส้นหรือก้นหอยที่ดีก็ตาม แต่สิ่งสำคัญที่สุด จะต้องมาจากการสร้างบุญบารมี ที่สำคัญที่สุดคือจุดต่าง ๆ และสีมือที่เกิดขึ้นจะบ่งบอกถึงบุญบารมี ซึ่งจะได้กล่าวต่อไป

Make donations to temples in Thailand will help alleviate your sin/bad-lucks.
Let the monks pray for you, bless you for a better life, greater happiness, milder your spirit, calmer life.

จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด Have a peaceful/happy mind.

ต้อย ตุลา


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

ลายมือขาด - Broken Palmline / Handline

เป็นที่สงสัยกันว่าลายมือขาดจะเป็นสิ่งที่น่ากลัวหรือไม่ดี แต่ความจริงไม่ได้หมายความว่าไม่ดี เพียงแต่จะบอกนิสัยความเป็นอยู่และอาชีพของเจ้าของลายมือว่าเป็นอย่างไรเท่า นั้น ส่วนวาสนาและความสำเร็จก็มาจากเส้นวาสนา เส้นอาทิตย์ เส้นพฤหัส และเนินต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น รวมทั้งเส้นชีวิตอีกด้วย และบางครั้งเส้นที่ขาดอาจจะมีเส้นแตกลงมาเหมือนกับเส้นสมองด้วยก็ได้ ลักษณะลายมือขาดจึงมีความหมายแตกต่างกันไปหลายแบบ คำว่าลายมือขาดที่สำคัญจึงมีความหมายเปลี่ยนแปลงไปมาก อย่าไปตัดสินว่าดีหรือไม่ดี ต้องประกอบกับเส้นอื่น ๆ ด้วย

ความหมายของเส้นที่ขาด

ลายมือเส้นขาดจะมีลักษณะเส้นหัวใจและเส้นสมองมาอยู่เป็นเส้นเดียวกัน ความหมายที่สำคัญคือ ความเป็นคนตรงปากกับใจจะแน่วแน่มั่นคง มีความเชื่อมั่นและเด็ดขาด จะมีความสามารถในทางปฏิบัติได้เก่ง ทางฝีมือการช่างการประดิษฐ์ทุกชนิด และเป็นได้ทุกอาชีพ



เป็นคนมือหนัก จะทำอะไรมักจะมีความเด็ดขาดแน่วแน่ไม่เปลี่ยนแปลงความคิด และเอาจริงเอาจัง เพราะฉะนั้นถ้าทำให้คนมีลายมือขาดโกรธหรือเกลียด ก็ไม่ต้องเผาผีกัน มีความอาฆาตฝังใจยากที่จะทำให้คืนดีได้ แต่ถ้าทำให้คนลักษณะนี้เกิดความรัก ก็จะเป็นรักแท้แน่นอนไม่เปลี่ยนแปลง เอาจริงเอาจังและสามารถแลกกับชีวิตก็ได้ ความจริงความหมายจะเป็นคนอ่อนโยนได้เมื่อมีเส้นแตกลงมาทางเนินพระจันทร์ จะเป็นคนมีความซื่อสัตย์น่าคบมาก.

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์

ลายมือนักการเมืองและนักบริหาร - Palmline / handline pattern for politicians & managers

นักการเมืองหรือนักบริหารต้องมีเส้นสำคัญอยู่หลายเส้นที่จะแสดงถึงความเป็น ผู้นำ การจะมีตำแหน่งสำคัญระดับนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีต้องมีเส้นที่สำคัญที่ขาดไม่ได้ คือ

๑.เส้นเกียรติยศ เป็นเส้นที่พุ่งไปสู่ระหว่างนิ้วชี้และนิ้วกลาง บางท่านว่าเป็นเส้นไม่ดีหรือเส้นตกร่อง อาจจะมีการใช้จ่ายสูงหรือทำอะไรไม่สำเร็จ แต่ความจริงเป็นเส้นที่ดี แสดงถึงการเป็นคนรักเกียรติยศชื่อเสียงและเชื่อมั่นในตนเอง จะเสียเงินทองหรือเสียทรัพย์สินอย่างไรเพื่อให้ได้เกียรติยศกลับมาก็ทำได้ ดังนั้นจึงเหมาะกับการเป็นนักการเมืองมากที่สุด เส้นที่ลงร่องนี้จะเป็นเส้นหัวใจหรือเส้นวาสนาก็ตาม ก็จะแสดงถึงเส้นคุณภาพ มีฐานะความร่ำรวยและเกียรติยศมากมาย และเป็นคนเสียสละเพื่อปวงชนโดยแท้จริง



๒.เส้นอาทิตย์ มีความหมายที่ดีจะบ่งตำแหน่งที่ใหญ่อย่างน้อยก็รัฐมนตรี หรือผู้ช่วยรัฐมนตรี จนถึงการเป็นนายกฯ ด้วย

๓.เส้นพุธ มีความหมายที่ดี จะเน้นถึงความสำเร็จในการแก้ไขปัญหาบ้านเมืองจนเกิดความสำเร็จ จะทำให้ความสำเร็จการเป็นนายกฯ ได้มากขึ้น

๔.เส้นพฤหัส แสดงถึงความสำเร็จที่แน่นอน ว่าได้เป็นนายกฯ ที่แน่นอน ในความสำเร็จในการทำงานใหญ่สำเร็จ และทำให้บ้านเมืองเจริญ

๕.เส้นคุ้มครองหรือเส้นอังคารใน แสดงถึงการต่อสู้กับความลำบากมีศัตรูอยู่มากมาย และเป็นป้องกันภัยอันตรายที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเส้นจำเป็นที่จะต้องมีเกิดขึ้นในการเป็นผู้นำหรือการเป็นนายก รัฐมนตรี

๖.เส้นคาดการณ์ล่วงหน้า หรือมันสมองดีเลิศ การจะเป็นผู้นำจะต้องมีความสำเร็จในการคาดการณ์ทุกอย่างมีความสำเร็จอย่างดี ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคตต่อไป

การจะเป็นผู้นำหรือผู้บริหารไม่จำเป็นที่จะต้องมีทุกเส้น แต่ควรจะมีเส้นสำคัญคือ หมายเลข ๑ และเลข ๔ ก็เพียงพอของความยิ่งใหญ่ได้แล้ว.

ดูแม่น ๆ (accurate palmistry)

ต้อย ตุลา

ลายมือนักประดิษฐ์ที่มีชื่อเสียง - Palmline / handline pattern for famous inventors


หมายเลข ๑-๑
เส้นสมองที่ยาวออกมาจากเส้นหัวใจที่ตรงไป (บางที่เรียกว่าเส้นขาด) มีความหมายถึงความจดจำและความคิดริเริ่มที่จะทำอะไรแบบใหม่ โดยเฉพาะเป็นเรื่องการประดิษฐ์คิดค้นในด้านงานช่างสำเร็จสูงสุด

หมายเลข ๒-๒
เส้นหัวใจและเส้นสมองรวมเป็นเส้นเดียวกัน แล้วยังมีเส้นสมองแยกลงไปยังเนินจันทร์ แสดงถึงความคิดและความตั้งใจสูงที่จะคิดค้นสิ่งต่าง ๆ ให้เกิดความสำเร็จตามต้องการ มีมันสมองความจำเป็นเลิศ



หมายเลข ๓-๓
เส้นวงพระศุกร์หรือยางที่เรียกเส้นช่วยชีวิตบางทีเรียกเส้นอังคารใน ก็เรียกได้ไม่แปลก แต่ความหมายที่แท้จริงเป็นเส้นอิทธิพลของความก้าวหน้าและความสำเร็จได้ดี ทุกอย่าง มีคนให้การช่วยเหลือสำเร็จ

หมายเลข ๔-๔ เส้นพฤหัส เป็นเส้นสำเร็จ ทำอะไรได้ดีทุกอย่าง โดยเฉพาะในด้านการศึกษาและมีความรู้ที่จะแสดงให้ประจักษ์ต่อคนทั่วไปได้ หรือเป็นครูอาจารย์ที่มีความสามารถ รวมทั้งความสำเร็จในการงานทุกอย่าง

หมายเลข ๕-๕
เส้นวาสนาที่ขึ้นมาจากเส้นชีวิตและตรงขึ้นไป จึงมีความสำเร็จในด้านการงานการเงินและตำแหน่งหน้าที่ในการงานและหมายถึง ความสำเร็จเป็นที่รู้จักกันทั่วไป และเป็นความสามารถเป็นของตนเอง

หมายเลข ๖-๖
เส้นอาทิตย์ที่ขึ้นมาจากเส้นหัวใจ แสดงถึงความสำเร็จที่เกิดขึ้นบ่อย ๆ ต้องดูเส้นเก่าและเส้นใหม่ เส้นอาทิตย์มีการเปลี่ยนแปลงเร็วมาก ต้องดูเส้นสวยงามมีเส้นตัดหรือขาดหรือไม่ ถ้ามีก็จะเกิดปัญหาขึ้น

หมายเลข ๗-๗
เส้นพุธที่เกิดจากเส้นหัวใจ หมายถึง ความสำเร็จในด้านการเจรจาหรือการใช้ความรู้ความสามารถเฉพาะตัว ในด้านการคิดค้นงานต่าง ๆ จนเกิดความสำเร็จ เส้นนี้เป็นเส้นผลประโยชน์ที่ได้รับ จากผลงานที่ได้ทำลงไป.

ดูแม่น ๆ (accurate palmistry)

ต้อย ตุลา


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 13 มิถุนายน 2552 เวลา 0:00 น http://dev.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=3560&categoryID=492

ลายมือนักธุรกิจที่ใหญ่ยิ่ง - Palmline / handline pattern for businessman


คนที่เป็นนักธุรกิจมีความสำเร็จร่ำรวย จะมีเส้นสำคัญเป็นหลัก ที่แสดงของการเป็นนักธุรกิจ ดังนี้

หมายเลข ๑-๑
เส้นพุธ เป็นเส้นสำคัญที่แสดงถึงการเป็นนักธุรกิจในทางการค้าหรือการลงทุนในการค้า ได้ทุกอย่าง บางทีเรียกว่าเส้นสุขภาพ แต่ความสำคัญทางอาชีพการงานด้านการค้าหรือการลงทุน


หมายเลข ๒-๒
เส้นอาทิตย์ที่เกิดจากเส้นพุธ เป็นการเสริมกำลังเส้นพุธที่ดีมากขึ้น การค้าการลงทุนจะมีความร่ำรวยระดับเศรษฐี

หมายเลข ๓-๓
เส้นเสาร์หรือเส้นวาสนา เมื่อเกิดจากเส้นชีวิตเป็นการเสริมเส้นพุธให้เด่นขึ้น และยังมีเส้นอาทิตย์ที่เด่นอีกด้วย จึงเป็นการส่งเสริมการค้าการลงทุนร่ำรวยมหาศาลได้

หมายเลข ๔-๔
เส้นพฤหัสที่เกิดจากเส้นสมองหรือเกิดจากเส้นชีวิต หมายถึงความสำเร็จตำแหน่งหน้าที่การงานเป็นที่เคารพของคนทั่วไป.

ดูแม่น ๆ (accurate palmistry)

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 27 มิถุนายน 2552 เวลา 0:00 น http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=5351&categoryID=492

ลายมือนักกีฬายอดเยี่ยม - Palmline / handline pattern for famous sporters

คนที่ประสบความสำเร็จในการกีฬา มีความสามารถสูงจนร่ำรวยมหาศาล ต้องประกอบด้วยเส้นดังต่อไปนี้

หมายเลข ๑-๑ Potential in Sport
เส้นอังคารใน หมายถึงความสามารถทางการกีฬา



หมายเลข ๒-๒ Fighting Scheme
เส้นสมองไปสู่เนินอังคารนอก ชอบการต่อสู้แข่งขัน

หมายเลข ๓-๓ Life
เส้นวาสนามาจากเส้นชีวิต ต้องต่อสู้ด้วยตนเอง

หมายเลข ๔-๔ Financial line
เส้นอาทิตย์ หมายถึง ชื่อเสียงการเงินอันมหาศาล

หมายเลข ๕-๕ Health & Physical Power
เส้นพุธหรือเส้นสุขภาพที่แข็งแรง และกำลังกายที่ดี

หมายเลข ๖-๖ Winning & Success for a Champion
เส้นแห่งชัย ชนะหรือความสำเร็จ ได้เป็นแชมป์สำเร็จ

หมายเลข ๗ Lucky in Game with high instinct
เส้นแห่งโชค ดีทางการต่อสู้และสัญชาตญาณสูง.

ดูแม่น ๆ (accurate palmistry)

ต้อย ตุลา

mี่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 04 กรกฎาคม 2552 เวลา 0:00 น