Sunday, November 29, 2009

รีไฟแนนซ์บ้านก่อนดอกเบี้ยขึ้นปีหน้า (2553)

รีไฟแนนซ์บ้านก่อนสิ้นปี 2552 ดีจริงหรือ...?

สัญญาณทางเศรษฐกิจที่เริ่มดีขึ้น อาจเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ แต่สิ่งที่จะตามมาหลังจากทุกอย่างเริ่มดีขึ้น ก็คือ อัตราดอกเบี้ยที่จะเพิ่มสูงขึ้น และหากแบงก์ชาติมีการประกาศปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น แน่นอนว่าดอกเบี้ยเงินกู้ก็ต้องเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ผลกระทบก็จะมาถึงคนผ่อนบ้านที่เลยระยะโปรโมชั่นดอกเบี้ยคงที่ 3 ปี 5 ปีไปแล้ว ซึ่งผลกระทบจะชัดเจนมากสำหรับคนที่ยังเหลือยอดเงินต้นค่อนข้างสูง เพราะค่างวดในแต่ละเดือนที่จ่ายไปเกือบจะถูกตัดไปเป็นดอกเบี้ยหมด การรีไฟแนนซ์ที่ไม่เพียงได้ดอกเบี้ยที่ต่ำลง ยังช่วยขยายเวลาชำระหนี้และลดภาระค่างวดต่อเดือนให้น้อยลงด้วย จึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ

อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ขั้นต่ำประเภทเงินกู้ที่มีระยะ เวลา หรือเอ็มแอลอาร์เกินครึ่ง เป็นสิ่งแรกที่จูงใจคนผ่อนบ้านโดยเฉพาะพวกที่ต้องเผชิญกับอัตราดอกเบี้ยลอย ตัว แต่ใช่ว่าเจ้าของบ้านทุกคนที่มีเอกสารหลักฐานครบเหมือนตอนที่ยื่นกู้ซื้อ บ้านครั้งแรกก็สามารถกู้ได้ และคุ้มค่ากับเวลาที่เสียไปในการทำธุรกรรมต่าง ๆ

เพราะนอกจากความยุ่งยากในการจัดเตรียมเอกสารและเวลาในการดำเนินการที่ต้อง เสียไปแล้ว ค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นเนื่องจากการรีไฟแนนซ์ก็เป็นสิ่งที่ต้องพิจารณาด้วย

หากจดจำนองกับธนาคารเดิมไม่ถึง 3 ปีแน่นอนว่าจะต้องเสียค่าธรรมเนียมในการไถ่ถอนก่อนกำหนด ซึ่งจะคิดในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 2-3 ของวงเงินกู้ทั้งหมดหรือหนี้ที่ยังเหลืออยู่หากเกิน 3 ปีเงินส่วนนี้อาจไม่ต้องจ่ายแต่ก็ยังมีค่าใช้จ่ายในการจดจำนองร้อยละ 1 ของวงเงินจดจำนองใหม่ ซึ่งจะไม่ได้สิทธิการลดหย่อนตามมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล

นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมในการจัดการสินเชื่อสำหรับเงินกู้ใหม่เริ่มต้น ตั้งแต่ร้อยละ 0.125-1 ของวงเงินกู้ใหม่ ซึ่งบางธนาคารอาจจัดโปรโมชั่นยกเว้นให้

ส่วนที่ต้องจ่ายอีกแน่ ๆ ก็คือ ค่าประเมินหลักประกันเฉลี่ยอยู่ที่ประมาณ 2,500 บาท หรือร้อยละ 0.25 ของราคาประเมิน ค่าประกันอัคคีภัยประมาณ 2,000-3,000 บาท ขึ้นอยู่กับมูลค่าบ้าน แม้ประกันอัคคีภัยของเดิมยังไม่หมดอายุก็ต้องทำใหม่หลังจากมีการทำสัญญาเงิน กู้ใหม่ และค่าอากรแสตมป์ร้อยละ 0.05 ของวงเงินกู้ใหม่

และนี่คือปัจจัยที่ทำให้คนที่คิดจะรีไฟแนนซ์บ้านต้องคิดไตร่ตรองให้ดี เพราะคุณอาจได้ดอกเบี้ยถูกอันใหม่ ได้จ่ายค่าผ่อนบ้านแต่ละเดือนน้อยลง แต่ค่าใช้จ่ายที่ต้องเสียไปในการดำเนินการอาจสูงกว่าอัตราดอกเบี้ยที่ได้ลด ลงเมื่อคำนวณจากยอดโดยรวมแล้ว

ยิ่งกู้ใหม่ในจำนวนปีที่น้อยลงหรือเหลือยอดเงินต้นน้อย แทนที่การรีไฟแนนซ์จะช่วยให้ภาระต่าง ๆ เบาลง กลับยิ่งเพิ่มค่าใช้จ่ายมากขึ้นกว่าเดิม เพราะอัตราดอกเบี้ยที่จูงใจนั้นมักจะมีเฉพาะในช่วง 3 ปีแรก หรืออย่างมากที่สุดก็คือ 5 ปีเท่านั้น หลังจากนั้นก็ต้องกลับเข้าสู่ภาวะดอกเบี้ยลอยตัวดังเดิม

ไม่เพียงเท่านั้น หากคุณไม่ใช่ลูกหนี้ชั้นดีที่มีระเบียบวินัยในการผ่อนชำระดีเยี่ยม ความพยายามในการแสวงหาดอกเบี้ยบ้านถูกก็อาจจะต้องจบลง เพราะธนาคารแห่งใหม่ที่ดอกเบี้ยต่ำกว่านั้น จะพิจารณาอุปนิสัยในการผ่อนชำระของลูกค้าด้วย โดยอาจดูย้อนหลังอย่างน้อย 6 เดือน หรือบางแห่งอาจนานถึง 12 เดือน หากเป็นกรณีนี้การยื่นเรื่องรีไฟแนนซ์ที่สถาบันการเงินเดิมอาจจะพอมีทางเป็น ไปได้มากกว่า

นอกจากจะตัดขั้นตอนการพิจารณาความสามารถในการผ่อนชำระแล้ว ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นก็อาจจะน้อยกว่าการย้ายไปอีกแห่งหนึ่งด้วย ซึ่งบางธนาคารมีการจัดโปรโมชั่นพิเศษสำหรับลูกค้าเดิมที่ต้องการขอเปลี่ยน แปลงอัตราดอกเบี้ย กรณีนี้อาจจะไม่ได้ดอกเบี้ยถูกสมใจแต่ก็เป็นอีกหนทางในการลดภาระค่าใช้จ่าย ในแต่ละเดือนลง ซึ่งส่วนใหญ่ดอกเบี้ยจะคงที่ในช่วง 3 ปีแรกเช่นกัน

ก่อนจะคิดรีไฟแนนซ์บ้าน นอกจากจะต้องตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองแล้ว เงื่อนไขต่าง ๆ ของธนาคาร รวมทั้งค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ก็ต้องคิดให้รอบคอบ เพราะไม่เช่นนั้นอาจได้ไม่คุ้มกับเสีย.


ธนาคาร อัตราดอกเบี้ย วงเงินอนุมัติสูงสุด ระยะเวลา

อาคารสงเคราะห์ ปีที่ 1-3 MRR-2 % ต่อปี 85-95 % ของราคาประเมิน สูงสุด 30 ปี
ปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR-0.5 %
ออมสิน ปีแรก 1.25 % ต่อปี ปีที่ 2 MLR-2 % 95 % ของราคาประเมิน สูงสุด 30 ปี
ปีที่ 3 MLR-0.5 %
กรุงศรีอยุธยา ปีที่ 1-2 MLR-2.25 % ต่อปี 90 % ของราคาประเมิน สูงสุด 30 ปี
ปีที่ 3 เป็นต้นไป MLR-1.75 %
ไทยพาณิชย์ ปีแรก 1.74 % ปีที่ 2 เป็นต้นไป MRR-1.50 % 100 % ของหนี้คงค้าง
ถ้าทำประกันชีวิต 6 เดือนแรก 0 %
เดือนที่ 6-ปีที่ 3 MRR-2 %
ปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR-1.50 %
ทหารไทย เดือนที่ 1-8 ด/บ 0.88 % ต่อปี 100 % ของหนี้คงค้าง สูงสุด 30 ปี
เดือนที่ 9-12 MLR-2 % ปีที่ 2-3 MLR-1.75 %
ปีที่ 4 เป็นต้นไป MRR-1.50 %

หมายเหตุ (สำหรับปลายปี 2552)
ธนาคารอาคารสงเคราะห์ MRR = 6.5 % ธนาคารออมสิน MLR = 5.85 %
ธนาคารกรุงศรีอยุธยา MLR = 6.25 % ธนาคารไทยพาณิชย์ MRR = 6.45 % ธนาคารทหารไทย MLR = 6.25 %

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 28 พฤศจิกายน 2552 http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=494&contentID=34433

พ่อ-แม่ หลงผิดซื้อ"นมหวาน"ให้ลูก

ทันตแพทย์ชี้หากเริ่มจากนมหวาน อนาคตเด็กอาจจบที่เบาหวาน

29 พ.ย.52 ทพญ.จันทนา อึ้งชูศักดิ์ ผู้จัดการเครือข่ายเด็กไทยไม่กินหวาน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ(สสส.) กล่าวว่า จากการที่เครือข่ายด้านสุขภาพ ได้ทำงานร่วมกับ อย.จนนำไปสู่การออกประกาศกระทรวงสาธารณสุขที่ 286 ระบุให้ไม่มีการเติมน้ำตาลซูโครสในนมผงสูตรต่อเนื่องสำหรับเด็ก ตั้งแต่ เม.ย.2549 นั้น การประเมินยอดจำหน่ายนมผงในตลาด โดยข้อมูลจากบริษัทวิจัยการตลาดระดับสากล ในปี 2549 – 2551 พบว่า นมผงรสจืดมียอดการจำหน่ายสูงกว่านมผงรสหวาน โดยมีแนวโน้มเพิ่มต่อเนื่อง ทั้งนี้ยอดจำหน่ายนมจืดสูงกว่านมหวาน 1.55 เท่า 1.76 เท่า และ 1.83 เท่าตามลำดับ โดยยอดจำหน่ายนมหวานลดลงปีละประมาณ 1,000 ตัน

“ที่น่าห่วงคือยังมีนมผงครบส่วนสำหรับเด็ก 1 ปีขึ้นไป ที่ประกาศฉบับดังกล่าว ไม่ครอบคลุม จึงยังมีทั้งนมรสจืดและรสหวาน และยังมีผู้ปกครองซื้อนมหวานให้เด็กบริโภคเป็นประจำถึงปีละ 9,924 พันตัน ซึ่งผลเสียทางสุขภาพที่จะเกิดขึ้นทันทีจากการทานนมรสหวานโดยใช้ขวดนม คือ เด็กจะฟันผุตั้งแต่ฟันน้ำนมยังขึ้นไม่เต็มปาก ส่งผลให้เด็กเคี้ยวอาหารไม่ละเอียด ปวดฟัน นอนหลับไม่สนิท การทานนมรสวาน จะนำไปสู่พฤติกรรมติดหวาน และทำให้เด็กอ้วน จึงมีโอกาสสูงที่จะเป็นเบาหวานในอนาคต” ทพญ.จันทนา กล่าว


ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันอาทิตย์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryID=561&contentID=34744

=== นมจืดของเด็กยังหวานเลย ไม่เชื่อลองชิมดูสิคุณหมอ สสส.จะทำอะไรได้ ===

ถามลูก: Ask your kids ..

อย่าถามลูกว่าลูก “อยากได้อะไร”
ความอยากได้จะไม่มีที่สิ้นสุด
สามโลกจบจักรวาล บาดาลมนุษย์
ไม่อาจหยุดความอยากลูกได้เลย

อย่าถามลูกว่าลูก “อยากเป็นอะไร”
อยากเป็นได้ทุกสิ่งจริงเจียวเหวย
จินตนาการไปได้ไกลกว่าเคย
จนไม่อาจลงเอยที่อยากเป็น

แต่จงถามลูกว่า “อยากทำอะไร”
ลูกจะได้ตั้งจิต เริ่มคิดเห็น
ทำอะไรง่ายมากหรือยากเย็น
จริงหรือเล่นอย่างไร ควรไม่ควร

จงฝึกลูกให้รู้จักรักสร้างทำ
รู้จักคิด รู้จักนำ ความถูกถ้วน
โลกก้าวหน้าปรากฏประโยชน์มวล
ทุกสิ่งล้วน เกิดจากรักทำจริง

ได้อะไร เป็นอะไรไม่สำคัญ
ทำอะไรเท่านั้นสำคัญยิ่ง
อยากจะทำ อยากจะถือ หรือจะทิ้ง
เริ่มด้วยสิ่งควรถาม “อยากทำอะไร”?

เนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันอาทิตย์ ที่ 29 พฤศจิกายน 2552 http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=537&contentId=34609

Monday, November 23, 2009

‘แป้งแปรรูปซับซ้อน’ อันตราย! Dagerous Processed Flour

ผู้คนส่วนใหญ่มักเลือกรับประทานอาหารที่ถูกปาก โดยไม่คำนึงถึงอันตรายจากอาหารที่รับประทานเข้าไป เช่นเดียวกับดร.ทอม อู๋ ชาว จีนวัย 72 ปี ผู้ที่เคยป่วยด้วยโรคมะเร็งปอด เมื่อ 30 ปีก่อน ซึ่งแพทย์ตรวจพบขณะที่มะเร็งลุกลามเข้าขั้นที่ 3 ทั้งยังแนะนำให้รักษาด้วยเคมีบำบัดเพื่อต่ออายุไปอีก 6 ปี

แม้ดร.อู๋ จะเลือกรักษาตามที่แพทย์บอก เขาก็ไม่ลืมที่จะขวนขวายหาทางรักษาด้วยวิธีทางธรรมชาติ และก็ประสบผลสำเร็จจนทำให้ตัวเขาเองมีชีวิตอยู่อย่างแข็งแรงมาจนถึงทุก วันนี้ แถมยังกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการรักษาโรคด้วยผักและผลไม้ และได้เป็นดร.ด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา โดยเมื่อไม่นานมานี้ ดร.อู๋ ได้เดินทางมาถ่ายทอดประสบการณ์ที่เมืองไทยตามคำเชิญของสำนักพิมพ์นานมีบุ๊ค

แนวทางการรักษาโรคตามแบบดร.อู๋ จะแนะนำให้ผู้ที่พบว่าตนเองป่วยเป็นโรคต่าง ๆ ใช่ว่าจะต้องเร่งร้อนไปโรงพยาบาลเพื่อพบแพทย์แต่เพียงอย่างเดียว แต่ควรนึกย้อนหาสาเหตุด้วยตัวเองเสียด้วย และสาเหตุของการเกิดโรคนั้นก็มาจากอาหารที่เคยรับประทานเข้าไป พร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกิน หันมารับประทานอาหารที่ปราศจากสารเคมี หรือเรียกว่าอาหารอินทรีย์

การลด ละ เลิก อาหารบางชนิด เพื่อเลี่ยงการเติมสารพิษที่เจือปนกับอาหารเข้าสู่ร่างกาย ด้วยการดูดซับเข้าสู่กระแสเลือดเพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ทั่วร่างกาย ดังนั้นการรับประทานของไม่ดีจะยิ่งทำให้เซลล์ในร่างกายสะสมพิษ อ่อนล้า ส่งผลให้ภูมิต้านทานบกพร่อง ร่างกายอ่อนแอและป่วย

อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงเป็นอย่างยิ่งนั่นคือ อาหารที่ผ่านกรรมวิธีการปรุงด้วยการทอด ผัด ปิ้ง ย่าง โดย เฉพาะอาหารทอดที่ใช้น้ำมัน เมื่อน้ำมันถูกความร้อนจะแตกตัวเป็นสารหลายชนิด และหนึ่งในนั้นคือสารก่อมะเร็งชื่อฟามีโก้ รวมทั้งลดการรับประทานเนื้อสัตว์ เลี่ยงการดื่มนมที่ปัจจุบันมักได้จากวัวที่ถูกฉีดสารเร่งการเจริญเติบโต ถ้าหากบริโภคนมที่มาจากลักษณะดังกล่าวอาจทำให้ป่วยเป็นมะเร็งเต้านมได้ รวมทั้งอาหารรสชาติหวาน ทั้งนี้การรับประทานน้ำตาลเกิน 4 ช้อนชาต่อวันนำมาซึ่งภูมิคุ้มกันบกพร่อง ริ้วรอยแห่งความชรามาเร็วก่อนวัยอันควร

สำหรับสัดส่วนอาหาร ที่ควรระประทานคือ อาหารจากธรรมชาติที่ไม่ผ่านการปรุงการปรุงสุก ร้อยละ 90 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 10 เป็นอาหารที่ผ่านการปรุงสุกแล้ว รวมทั้งการ ดื่มน้ำผักผลไม้ที่ผ่านการสกัดอย่างถูกวิธี เพื่อให้ร่างกายได้ดูดซับสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าไปซ่อมแซมส่วนที่เกิด ความผิดปกติ ทั้งยังเสริมพลังระบบเมตาบอลิซึมของร่างกาย มีระบบภูมิคุ้มกันที่แข็งแกร่งพอจะเยียวยาตัวเอง ชะลอความแก่ เข้าทำนอง ‘ธรรมชาติช่วยชีวิต’ อย่างที่ดร.อู๋ เคยปฏิบัติจนสามารถพิชิตโรคมะเร็งมาแล้ว

สำหรับ ‘ภาษาหมอ’ ที่ยังนำคำแนะนำของ ‘ดร.ทอม อู๋’ ดร.ด้านโภชนาการและการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติจากสหรัฐอเมริกา วันนี้จะกล่าวถึงความเชื่อของชาวจีนที่ว่า โรคร้ายเข้าทางปาก เพื่อสนับสนุนหลักคิดเรื่อง อาหารที่คนเรารับประทานเข้าไปนั้นทำให้เจ็บไข้ได้ป่วย และเมื่อ ‘อาหาร’ คือต้นเหตุ การแก้ไขก็ควรให้ความสำคัญกับอาหาร Food is what cause sickness, so it is very important to select what food should be taken. Processed floury food is so dangerous.

โดยเฉพาะอาหารประเภท ‘แป้งแปรรูปซับซ้อน Complicated Processed Flour’ เช่น ขนมปัง เค้ก หมั่นโถ ปาท่องโก๋ เส้นก๋วยเตี๋ยว เส้นสปาเก็ตตี้ bread, cake, deep-fried dough stick (a kind of Chinese flour sweetmeat), noodle, spaghetti ที่มักมีกลิ่นหอม รสชาติอร่อยน่ารับประทาน แต่การรับประทานอาหารในกลุ่มนี้เป็นประจำจะทำให้เซลล์ ทั่วร่างกายเสื่อมสภาพ อ่อนล้า เนื่องจากร่างกายไม่ได้รับสารอาหารที่เป็นประโยชน์ แถมยังมีสารเคมีชนิดต่าง ๆ ที่ผสมเข้ามาในขั้นตอนการแปรรูปอาหารประเภทนี้ เช่น สารกันบูด สีผสมอาหาร สารแต่งกลิ่น หรือสารเคมีสังเคราะห์ชนิดอื่น ๆ ให้ตกค้างรวมอยู่ในร่างกายจนเป็นโรคอ้วน หรือหนักกว่านั้นก็จะป่วยเป็นมะเร็ง

สำหรับผู้ชาย หากรับประทานแป้งแปรรูปบ่อย ๆ จะทำให้ต่อมลูกหมากโต อาการแรกเริ่มสังเกตได้จากการตื่นขึ้นมากลางดึกเพราะปวดปัสสาวะเป็นประจำ หากต่อมลูกหมากบวมโตมากจะทำให้ปัสสาวะติดขัด หรือปัสสาวะไม่ออก ส่วนผู้หญิงมักจะมีลิ่มเลือดออกเมื่อมีประจำเดือน ร่วมกับอาการปวดท้องประจำเดือนเพราะเลือดออกมาเป็นก้อน ในผู้หญิงที่ยังไม่ลดอาหารประเภทนี้ สีผิวบริเวณโหนกแก้มจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ และเสี่ยงต่อการเกิดเนื้องอกในมดลูก มะเร็งเต้านม

สำหรับผู้ที่รู้สึกว่าตนเองมีอาการข้างต้น รวมทั้งผู้ที่กำลังเกิดอาการต่อมลูกหมากโต ปวดท้องประจำเดือนเพราะมีลิ่มเลือด มีเนื้องอกที่มดลูก เป็นมะเร็งมดลูก มะเร็งเต้านม หรือแม้กระทั่งผู้ที่ป่วยเป็นโรคต่าง ๆ แล้วจำเป็นต้อรับประทานยาเพื่อควบคุมโรค เช่น ความดันโลหิต เบาหวาน หัวใจ ควรหยุดรับประทานอาหารประเภทแป้งแปรูรูปนาน 120 วัน หรือ 4 เดือน เพื่อขับสารพิษตกค้างออกจากร่างกาย เนื่องจากร่างกายจะเปลี่ยนเลือดชุดใหม่

อย่างไรก็ตาม การรับประทานที่ผ่านการแปรรูปไม่ใช่เฉพาะประเภทแป้ง ล้วนไม่ได้ให้ประโยชน์แก่ร่างกายได้เท่าที่ควรเมื่อเปรียบเทียบการกับรับ ประทานอาหารจากธรรมชาติที่ผ่านการปรุงแต่งน้อยที่สุด

ตามกันต่อวันพรุ่งนี้ ‘สามัญประจำบ้าน’ แนะเทคนิคดื่มน้ำอย่างไรร่างกายแข็งแรง พร้อมรู้คุณประโยชน์ผัก-ผลไม้แก้โรคร้าย.

takecareDD @ gmail.com

วันจันทร์ ที่ 23 พฤศจิกายน 2552
http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&contentId=33247&categoryID=457
วันอังคาร ที่ 24 พฤศจิกายน 2552
From เดลินิวส์ออนไลน์ http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=457&contentID=33692

Friday, November 20, 2009

เติมบุญ แก้ปีชง (1) 2553 = Adding Virtue to Counter Bad Life's Destiny 2010

ปี 2553 นับเป็นปีธาตุทองของปีขาล = ปีขาลทอง หรือ ปีเสือทอง
ถึงแม้ว่าเสือจะเป็นสัญลักษณ์ของความพลังอำนาจ ความยิ่งใหญ่ ความน่าเกรงขาม และความเป็นผู้นำ แต่ก็ถือว่าเป็นปีที่ไม่แย่อย่างที่ทุกคนกลัว โดยจะเริ่มประมาณหลังวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2553 คนปีชง ได้แก่ (เรียงจากชงมากไปหาชงน้อย) คนเกิดปีวอก (ลิง) ปีขาล (เสือ) ปีมะเส็ง (งู) ปีกุน (หมู) ..

วิธีการแก้ปีชง 2553 เสริมมงคล เสริมโชค เสริมลาภ เสริมสุข
เรามา "เติมบุญ" "เสริมมงคล" "เสริมโชค" "เสริมลาภ" "เสริมดวง" "เสริมสุข" แก้ปีชง 2553 กันเถอะ ไม่ว่าจะเป็นคนปีชงโดยตรง รวมทั้งทุก ๆ คนที่เกิดปีอื่น ๆ ก็สามารถปฏิบัติได้ โดยการเติมบุญ แก้ปีชง เพิ่มบุญไม่ให้กรรมตามทัน การเติมบุญ สามารถทำได้ด้วยวิธีต่อไปนี้ คือ
-การบริจาค (โดยเฉพาะการบริจาคเลือด เพราะว่า ได้บุญมาก และได้บุญเร็ว)
-การสวดมนต์และแผ่เมตตาอุทิศส่วนกุศลให้แก่เจ้ากรรมนายเวร บรรพบุรุษ บิดา มารดา และตัวเอง (ควรทำเป็นประจำ)
-ทำบุญตักบาตรและกรวดน้ำ (ทำบ่อย ๆ ทุกวันยิ่งดี)
-การรักษาศีลและการทำความดีต่าง ๆ
-การมีสติ (ฝึกใจเย็น นับ 1-10)

สำหรับปีชงการแก้ไขปีชง 2553 เชิงฮวงจุ้ย สามารถทำได้โดยการนำกระดิ่งหรือระฆังทองเหลืองหรือทาสีทองมาแขวนไว้หน้าบ้านของท่าน

ขอให้โชคดีและมีความสุข จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด


2010 is classified according to Chinese astrology as "golden tiger year." The word "golden" here is referred to as substance or "element," not good luck or the best as in English language. Tiger is a symbolic of power, greatness, terrify, and leadership. Anyway, sooth-say, 2010 is not really a bad year.

Chinese-astrologically, those people who are born in Monkey, Tiger, Snake, and Pig years are affected by "tiger year."

Sooth/Alleviate Bad-luck/Misery/Pains/Sickness 2010
The ways to alleviate 2010 bad luck / pains / misery / sickness (from sins did in this or previous reincarnations) are described. Sinful pain, bad-luck, misery, sickness, heart-broken can be soothed simply by adding virtue, merit, good deeds, goodness to life. Items listed below give ways to add virtue/merit to your destiny. Chase sad-tears away, make your life to success/happy/calm in all aspects and dimensions =>
- Donate to Buddhist temple/monks + do blood donation
- conduct Buddhist pray as well as be compassionate (extend loving kindness to all; be pitiful; wish happiness & extend loving kindness to all creatures; think benevolently) especially to persons with previous deeds on each other
- give food offerings to a Buddhist monk & then pour ceremonial water
- observe the precepts and do good things
- conscionable with right mind (Keep your shirt on! Laid-back, Get a grip on stress and happiness management)
- come and pay-respect to Buddha statues in Thailand will bring you total good-lucks and happiness

Then you'll cry only happy-tears. Good-luck to all from people of Thailand - Buddha Blesses You. Let's Buddha bless You

Sunday, November 15, 2009

เติมบุญ แก้ปีชง (2) 2553 = Adding Virtue to Counter Bad Life's Destiny 2010

ปีชง ปี2553 และวิธีแก้ชง เสริมดวงชะตา
เป็นความเชื่อส่วนบุคคล โปรดใช้วิจารณญาณในการรับรู้

ปีพ.ศ.2553 นี้เป็นปี ขาล(เสือ)

ตาม ประเพณีการไหว้องค์ไท้ส่วยหรือไท้ส่วยเอี๊ยเป๋าส่วยกุงเผ่งอัง ในช่วงเริ่มต้นปีใหม่(ตรุษจีน) ของทุกๆปี หรือที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนรู้จักกันดีในนามของ "เทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา" นี้ เป็นเทพผู้ทรงสิทธิ์ และมีอิทธิพลต่อการดำเนินชีวิตของผู้คนในแต่ละปี อีกทั้งเป็นเคล็ดลับวิชาของซินแสจีนโบราณที่ยึดหลักการคำนวณและผูกดวงจีนตาม หลักของโป๊ยหยี่ซี้เถียวมาจากการคำนวณหาราศีบนเทียงถัง 10 ตัว มาผสมกับราศีล่าง (ตี่กี่) หรือ 12 นักษัตร ซึ่งไล่เรียงจับคู่กันได้ 60 คู่ เรียกว่า "หลักจับก๊ะจื้อ" โดยในรอบ 60 ปี จึงจะเวียนมาบรรจบครบรอบกัน 1 ครั้ง

ใน รอบ 60 ปีนี้ จะมีเทพเจ้าไท้ส่วยประจำอยู่ในแต่ละปี ซึ่งจะมีชื่อเรียกขานต่างๆกัน รวมกันได้ทั้งสิ้น 60 องค์ ทำหน้าที่รักษาและคุ้มครองดวงปี หรือที่เรียกว่า "เฝ้าปี" อยู่ ซึ่งจะถือว่าแต่ละองค์จะมีอำนาจให้คุณดลบันดาลความสุข โชคเคราะห์ทุกข์ภัยหรือให้โทษแก่ผู้ใดนั้นก็ขึ้นอยู่กับพระเมตตาของท่าน โดยเฉพาะท่านที่มีเคราะห์หรือดวงชะตาอ่อน ทำอะไรก็ติดขัดไม่ราบรื่นสมหวัง ท่านก็จะช่วยปัดเป่าเคราะห์ภัยบังเกิดแต่ความเป็นสิริมงคลมาสู่ตัวท่านและ ครอบครัว สำหรับปีขาล พ.ศ.2553 นี้ องค์ไท้ส่วยที่ลงมาสถิตเฝ้าปีมีพระนามว่า "อูฮ้วงไต่เจียงกุง" หรือ " อูหวัน"

เหตุ ที่ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนให้ความเคารพบูชากราบไหว้ เพราะมีความเชื่อว่าเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ยจะบันดาลความสุขความทุกข์ให้เกิดแก่ ใครนั้น ก็ขึ้นอยู่กับเมตตาของท่าน หากใครมีเกณฑ์ชะตาที่ดีอยู่แล้วจะได้ดียิ่งขึ้น หากใครมีดวงชะตาที่ไม่ดีทำอะไรก็มีปัญหาติดขัด ก็อธิฐานขอพรจากท่านให้ช่วยปัดเป่าทุกข์ภัยให้ ดังนั้นในแต่ละปีจึงมีผู้คนไปกราบไหว้บูชาขอพร ให้อยู่เย็นเป็นสุขมีดวงชะตาที่ดีตลอดทั้งปี ชาวจีนและชาวไทยเชื้อสายจีนจึงมีประเพณีในการไหว้ฝากดวงเพื่อสะเดาะเคราะห์ ต่อเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย โดยเฉพาะ "ท่านที่เกิดปีชงกับองค์ไท้ส่วย" โดยท่านสามารถเดินทางไปไหว้สะเดาะเคราะห์ด้วยตนเองต่อเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย ได้ที่ วัดเล่งเน่ยยี่ ทั้ง 2 แห่งคือ ถนนเจริญกรุง และบางบัวทอง

ท่านที่มีปีเกิดที่ชงกับปีนี้ และควรไปไหว้ "องค์ไท้ส่วย" คือ ท่านที่เกิดปี ดังต่อไปนี้

1.ปีวอก(ลิง) ชง(ปะทะ)โดยตรงกับเทพเจ้า "ไท้ส่วยเอี๊ย" และเป็นอริกับปีขาลโดยตรง

2.ปีขาล(เสือ) ทับไท้ส่วย

3.ปีมะเส็ง(งูเล็ก) ปีร่วมชง

4.ปีกุน(หมู) ปีร่วมชง

และ ท่านที่ห้ามไปเป็นเจ้าภาพหรือเข้าร่วมพิธีในงานศพ และควรหลีกเลี่ยงการไปงานศพ แต่ถ้าหากไม่สามารถเลี่ยงได้ก็ขอให้ละเว้นการไปดูศพเวลาฝังศพ(เผาศพ) หรือแม้แต่การส่งศพ คือ ท่านที่เกิดในปีนักษัตร ในรอบปีต่อไปนี้

1.ปีมะเส็ง ท่านที่เกิด ปี2460(อายุ 93ปี) ปี2520( อายุ 33ปี)

2.ปีขาล ท่านที่เกิด ปี2469(อายุ 84ปี) ปี2529(อายุ 24ปี)

3.ปีกุน ท่านที่เกิด ปี2478(อายุ 75ปี) ปี2502(อายุ 51ปี) ปี2538(อายุ 15ปี)

5.ปีวอก ท่านที่เกิด ปี2487(อายุ 66ปี) ปี2511(อายุ 42ปี) ปี2547(อายุ 6ปี)

เพราะ ทั้ง 10 ปีนี้เป็น "ไท้ส่วยเฮี้ยบจี่จู้" แปลว่า "ไท้ส่วยตรงเจ้าพิธี" นอกจากจะนำพาสิ่งอัปมงคลทั้งหลายมาให้แล้ว ยังถือเป็น การหมิ่น และลบหลู่ต่อองค์ไท้ส่วยอีกด้วย

โดย เฉพาะอย่างยิ่งในปี 2553 นี้ บ้านที่หน้าบ้านหันไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ และทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ควรจัดตั้งภาพองค์ไท้ส่วยเอี๊ยประจำปี 2553 ไว้ที่หน้าบ้านหรือเหนือประตูบ้าน เพื่อช่วยคุ้มครองปัดเป่าความทุกข์ บันดาลความสุขมาสู่ตัวท่าน และครอบครัวไปตลอดทั้งปี

วิธี บูชาเทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย จุดธูป 9 ดอก ไหว้พระประธานในวัดก่อน (ปักธูปกระถางละ 3 ดอก) จากนั้นจึงไปไหว้เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย จุดธูป 3 ดอกวิงวอนขอพรท่าน ให้ท่านช่วยปกป้องคุ้มครองจากภยันอันตรายต่างๆ ที่ท่านอาจประสบพบเจอในปีนี้ จากหนักให้กลายเป็นเบา จากเบาก็ให้มลายสูญสิ้นไป ซึ่งทางวัดเล่งเน่ยยี่จะมีพิธีสวดมนต์เสริมสิริมงคล หรือพิธีนำซิ้งเต๋าเก็ง เพื่อให้ท่านและครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุขหมดทุกข์หมดเคราะห์ไปตลอดทั้งปี

เครื่องบูชาเทพเจ้าไท้ส่วย มีดังนี้ (ถ้าไปทำพิธีที่วัดเล่งเน่ยยี่ ทางวัดมีจัดบริการไว้ให้แล้วเป็นชุด)

1. ธูป 3 ดอก ต่อ 1 ท่าน 2. เทียนแดง 1 คู่

3. หงิ่งเตี๋ย 12 คู่ 4. ตั่วกิม 12 แผ่น (กระดาษทอง)

5. ทุกหลั่งจี๊ 12 แผ่น 6. เป๋าอุ่งจี๊ 12 แผ่น

7. เผ่งอังจี๊ 12 แผ่น 8. กระดาษแดง (อั่งเถียบ) 1 แผ่น

9. ขนมจันอับ (จับกิ้มทึ้ง) 1 จาน

อันประกอบด้วย....

- ถั่วเคลือบน้ำตาลสีขาว - ถั่วเคลือบน้ำตาลสีชมพู - ฟักเชื่อม - ถั่วตัด - ข้าวพอง

10. ส้ม 4 ผล 1 จาน

1. นำกระดาษแดงที่เขียน ชื่อ-นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด (และเวลาตกฟาก) ลางลงบนกระดาษไหว้ ใช้หนังสติ๊ก หรือเชือกแดงมัดไว้

2. จัดส้ม 4 ผล และขนมจันอับใส่จานจัดวางต่อหน้าองค์เทพเจ้าไท้ส่วยเอี๊ย

3. จุดเทียนแดงปักไว้ข้างๆ กระถาง จากนั้นจุดธูป 3 ดอก อธิษฐานให้ท่านช่วยคุ้มครองให้ปลอดภัย จากอันตรายต่างๆ และประสบแต่สิ่งที่ดีตลอดทั้งปี

4. ถ้าเป็นของตนเองให้หยิบชุดสะเดาะเคราะห์ที่เตรียมไว้ตามข้อ 1 ปัดตั้งแต่ศรีษะลงมาจนสุดแขน 12 ครั้ง (หมายเหตุ ถ้าท่านไปไหว้แทนบุคคลอื่น ก็ไม้ต้องทำพิธีปัดตัว แต่ให้กระทำโดยปัดเสื้อของบุคคลนั้นแทน)< /SPAN>

5. นำชุดสะเดาะเคราห์วางลงในกล่องรับฝากที่ทางวัดจัดไว้ให้ ก็เป็นอันเสร็จพิธี ของเซ่นไหว้ต่างๆ ถวายให้วัดไม่ต้องนำกลับบ้าน

คำอธิษฐานขอพรไหว้เทพเจ้า

วันนี้ตรงกับวันที่...เดือน.....พ.ศ. ... ข้าพเจ้าชื่อ....นามสกุล.....วันเดือนปีเกิด....ที่อยู่...

ขอ อัญเชิญเทพเจ้า..........โปรดเสด็จมารับเครื่องสักการบูชาทั้งหลาย เมื่อรับแล้วโปรดประทานพรให้ข้าพเจ้าและครอบครัวประสบแต่สรรพสิริมงคล มีความสุขความเจริญก้าวหน้าอุดมด้วยโชคลาภ ทำมาค้าขึ้น เงินทองไหลมาเทมา ปราศจากทุกข์โศกโรคภัย สิ่งอัปมงคลทั้งหลายอย่าได้แผ้วพาน ขอให้สมความปรารถนาด้วยมงคลทั้งปวงเทอญ

ใน ปีพ.ศ.2553 ควร หาโอกาสไปไหว้เทพเจ้าต่างๆ ตามแต่ที่จะเสริมปีนักษัตรตนเอง(รายละเอียดมีกล่าวไว้ในหัวข้อถัดไปของบท ความ) และหาวัตถุมงคลหรือเครื่องรางที่เป็นสิริมงคลมาเสริมดวงชะตาโดยตั้งไว้ที่ บ้าน(ที่ทำงาน) หรือติดตัว เพื่อเป็นการแก้ชงหรือเสริมดวงชะตา โดยเฉพาะปีนักษัตรที่ชงทั้ง 4 ปี

ปีวอก(ลิง) ชง(ปะทะ)โดยตรงกับเทพเจ้าผู้คุ้มครองดวงชะตา "ไท้ส่วยเอี๊ย" และเป็นอริกับปีขาลโดยตรง อีกทั้งยังมีดาวอัปมงคลเพ่งเล็งอยู่หลายดวง โชคชะตาจึงตกต่ำมัวหมอง เกิดเรื่องร้ายมากกว่าดี ถูกอุปสรรคปัญหารุมเร้า เงินทองไหลออก โชคลาภอับเฉา ต้องระวังอุบัติเหตุเคราะห์ภัยต่างๆ พยายามอยู่อย่างสงบเสงี่ยมอย่าไปยุแหย่ท้าทายผู้ใด และอย่าริอาจทำเรื่องผิดกฎหมายเป็นอันขาดมิเช่นนั้นอาจต้องรับผลกรรมที่ตาม มา

หาก คิดจะป้องกันแก้ไข ขจัดภัย สลายเคราะห์ ปรับเปลี่ยนร้ายให้เป็นดี ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "มังกรลิงขี่ม้าเดินทาง รวมพลังสลายเคราะห์ภัย" เพื่อ ปกป้องคุ้มครองให้ชาวปีวอกแคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง โช คลาภสดใส มั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี

ปี ขาล(เสือ) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ ทับองค์ไท้ส่วย และเนื่องจากดวงชะตาของคนเกิดปีขาล มีดาวร้ายหลายดวงคอยคุกคามอยู่ โดยเฉพาะดาวกระบี่คม "เจี้ยนฟง" และดาวศัตรูที่ซ่อนเร้น "จื่อเป้ย" คอย จ้ องทำร้ายให้บาดเจ็บเลือดตกยางออกเกิดเหตุร้ายมากกว่าดี ทำให้โชคลาภตกต่ำ เงินทองรั่วไหล การงานการค้าไม่เจริญก้าวหน้า และอาจมีผู้ไม่หวังดีคิดมุ่งร้าย ฉะนั้นจงอย่าประมาท

หากคิด ป้องกันแก้ไขกลับร้ายให้เป็นดี ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "แปดวิเศษ ขจัดภัย เสริมส่งความเจริญรุ่งเรือง" เพื่อสลายพลังร้ายขจัดเคราะห์ ต้านภัย เสริมส่งให้การงานการค้ารุ่งเรือง โชคลาภเงินทองเพิ่มพูน สุขภาพแข็งแรง ปราศจากอุบัติเหตุเภทภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี

ปี มะเส็ง(งูเล็ก) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่า ร่วมชง และเนื่องจากดวงชะตาของคนเกิดปีมะเส็ง มีดาวมงคลพระจันทร์ "ไท่อิน" และดาวธรณีช่วยแก้ไข "ตี้เจี่ย" ส่องแสงนำทางให้เจริญรุ่งเรือง แต่มีดาวเทพแห่งหายนะ "หวังสึน" และดาวมอดม้วยมลาย "ฉูเป้า" กับดาวกั บดักมรณะ "กวันซัว" เข้า มาคุกคามทำให้โชคลาภห่างหายการงานการค้าสะดุดติดขัด สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย ต้องระวังการใช้ชีวิตประจำวันให้ดี เพื่อหลีกเลี่ยงอุบัติเหตุต่างๆ และพึงระวังกับดักหลุมพรางที่ผู้ไม่หวังดีขุดล่อไว้ ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หาก คิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "มังกรคู่ถวายมุกอัคคี" เพื่อสลายพลังอำนาจของดาวร้าย ขจัดอุปสร รคเคราะห์ภัย เสริมส่งให้การค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นโชคลาภให้สดใส เงินทองไหลมาเทมา มีสุขภาพแข็งแรง อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี

ปีกุน(หมู) ปีนี้ดวงของคุณไม่ชงโดยตรงแต่ก็ถือว่า ร่วมชง และเนื่องจากดวงชะตาของคนเกิดปีกุน ปีนี้มีดาวมงคลช่วยส่งเสริมเกื้อหนุนให้มีความเจริญรุ่งเรืองได้รับการสนับ สนุนอุปถัมภ์ค้ำจุน การงานการค้าก้าวหน้าประสบความสำเร็จ แต่ก็มีดาวอัปมงคลหลายดวงจ้องคุกคามอยู่ จึงต้องระวังคำพูดคำจาอย่าไปนินทา ว่าร้ายผู้อื่น ดูแลสุขภาพของตนเองให้ดีอย่าให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บ และอย่าไปในที่เปลี่ยวตามลำพัง เพราะมีเกณฑ์ว่าอาจถูกทำร้ายปล้นชิงวิ่งราวหรือถูกโจรขโมยขึ้นบ้าน ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หาก คิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "น้ำเต้าดูดทรัพย์" เพื่อกระตุ้นเปิดรับโชคลาภ ดูดทรัพย์สินเงิน ทองให้ไหลมาเทมาเสริมส่งให้การงานการค้าเจริญรุ่งเรือง ปราศจากอุปสรรคเคราะห์ภัย มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว

ปีชวด(หนู) ปีนี้คุณมีดาวอัปมงคลรายล้อมสร้างความเสียหายโดยเฉพาะดาวหมาสวรรค์ "เทียน โกว่" ดาวแห่งการสูญเสีย "เตี๊ยวเคอะ" และดาวลูกกรง "ฉิวอี้" ส่งผลให้ดวงชะตามัวหมอง โชคลาภอับเฉา ธุรกิจการงานประสบปัญหามากมาย ทั้งคู่แข่งทางการค้า ปรปักษ์ในที่ลับและที่แจ้ง และต้องระวังอย่าสร้างปัญหาหรือทำผิดกฎหมายมิฉะนั้นจะเป็นการนำภัยเข้าสู่ ตัว

ดั้ง นั้นจึงควรเสริมสิริมงคล เพื่อให้เกิดความปลอดภัย พร้อมทั้งขจัดเภทภัยต่างๆ จึง ควรจัดตั้งวัตถุมงคลเสริมดวง หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "ฮกลกซิ่ว ค้างคาว กวาง ลูกท้อ" เพื่อสลายพลังร้ายของดาวอัปมงคลให้สูญสิ้นไป พร้อมทั้งเสริมส่งให้การงานการค้า ตำแหน่งลาภยศเจริญก้าวหน้า โชคลาภเงินทองเพิ่มพูนทวี สุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว

ปีฉลู(วัว) ปีนี้คุณมีดาวมงคลนกคู่แห่งรัก "หงหลวน" โคจรเข้ามาส่งความสุขสดชื่น มีความสัมพันธ์ที่ดีกับคนรอบข้าง แต่มีดาวป่วยไข้ "ปิ้งฝู" จอมมารแห่งโรคภัยเข้ามาคุกคาม ทำให้สุขภาพอ่อนแอ เจ็บไข้ป่วยง่าย จึงต้องดูแลสุขภาพเอาใจใส่สุขอนามัยเรื่องอาหา รการกินให้ดี ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หาก คิดป้องกันแก้ไข ขจัดเคราะห์ภัย จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "นกมงคล ทับทิม ไผ่ เหมย" ที่ มีอานุภาพสูงส่งนี้ เพื่อสลายพลังพิฆาตของจอมมารแห่งโรคภัยให้แตกดับไป พร้อมทั้งเสริมส่งให้ดาวแห่งความรักบันดาลให้ความรักของท่านสดชื่นหวานแหวว มีลูกหลานเต็มบ้านเต็มเมือง พรั ่งพร้อมบริบูรณ์ด้วยโชคลาภ ทรัพย์สินเงินทอง มีสุขภาพแข็งแรงอยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี

ปีเถาะ(กระต่าย) ปีนี้คุณมีดาวมงคล "พระอาทิตย์" เปล่งรัศมีสดใสนำทางให้มีความเจริญรุ่งเรือง แต่มีดาวทะเลสาบน้ำเค็ม "เสียนฉือ" และดาวพิฆาตแห่งปี "เหนียนซา" คอย คุกคามทำให้เงินทองรั่วไหล โชคลาภถดถอย ฉุดรั้งไม่ให้การงานการค้าลื่นไหล ฝักใฝ่หลงใหลอบายมุขจนสุขภาพเสื่อมโทรม มนุษย์สัมพันธ์บกพร่องเป็นเหตุนำไปสู่การทะเลาะกับผู้อื่น โดยเฉพาะคู่รักหรือภรรยา และคนในครอบครัว ฉะนั้นไม่ควรประมาท
หากคิด แก้ไขให้ออกห่างจากอบายมุขทั้งหลาย จึงควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "กระต่ายรุ่งเรือง พระอาทิตย์เสริมส่ง" เพื่อเสริมสร้างให้ดาวมงคล "พระอาทิตย์" สาด แสงแรงกล้ายิ่งขึ้น เผาผลาญกำจัดสิ่งอัปมงคลต่างๆ ให้สูญสิ้นไปเหลือไว้แต่ความเป็นสิริมงคลเสริมส่งให้การงานการค้ารุ่งเรือง โชคลาภสดใส มั่งคั่งร่ำรวย สุขภาพแข็งแรงตลอดปี

ปีมะโรง(มังกร,งูใหญ่) ปีนี้คุณมีแต่ดาวอัปมงคลเข้ามาคุกคามโดยเฉพาะดาวประตูมรณะ "ซังเหมิน" ดาวหางเสือดาว "เป้าเหว่ย" และดาวสวรรค์ร้องไห้ "เทียนคู่" ส่ง ผลทำให้โชคลาภอับเฉา การงานการค้าไม่เจริญก้าวหน้า ต้องระวังการดำเนินชีวิตประจำวันของตนเองดูแลผู้อาวุโสกับเด็กๆ ให้ดีหากเจ็บป่วยต้องรีบพาไปหาหมอรักษา และต้องอยู่อย่างสงบอย่าไปมีเรื่องทะเลาะกับผู้อื่นเพราะจะนำภัยเข้าสู่ตัว อีกทั้งต้องมีความมุ่งมั่นอดทน จึงจะหลุดพ้นจากวิกฤตการณ์ที่เลวร้ายนี้ได้ ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หากคิดแก้ไข ขจัดภัย สลายเคราะห์เปลี่ยนร้ายกลายเป็นดี ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "ดอกบัว ปลาทอง ธรรมจักร เสริมส่งความเจริญรุ่งเรือง"เพื่อ สลายพลังพิฆาตของดาวร้ายให้หมดไป เสริมส่งให้โชคชะตาสดใสขึ้น การงานการค้าเจริญก้าวหน้า กระตุ้นโชคลาภให้เงินทองเพิ่มพูนทวี ปราศจากเคราะห์เหตุโรคภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี

ปีมะเมีย(ม้า) ปีนี้คุณมีดาวนายพล "เจียงซิง" และดาวสามพลับพลา "ซันไถ" โคจรเข้ามาเสริมส่งให้โชคชะตารุ่งโรจน์สดใส การงานการค้าเจริญก้าวหน้า แต่มีดาวร้ายห้าปีศาจ "อู๋กุ่ย" และดาวคดีความ "กวันฝู" แทรง แซงเข้ามารังควานสร้างความเสียหาย จึงต้องระวังเรื่องเคราะห์ภัยจากการทะเลาะบาดหมางกับผู้อื่น รวมทั้งเรื่องคดีความทำผิดกฎหมาย จนเป็นเหตุให้ต้องเสียทรัพย์จำนวนมาก ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หาก คิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "เรือใบขนสมบัติ" เพื่อคุ้มครองให้แคล้วคลาดปลอดภัย เสริมส่งให้การงานการค้า เจริญรุ่งเรืองกระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้มั่งคั่งร่ำ รวย สุขภาพแข็งแรง หมดเคราะห์หมดภัย สุขสบายมีชัยตลอดปี

ปีมะแม(แพะ) ปีนี้คุณมีดาวสวรรค์ยินดี "เทียนสี่" กับดาวคุณธรรมพระจันทร์ "ย่วยเต๋อ" และ ดาวอานม้า "ปั่นอาน" เปล่งรัศมีสดใสอยู่ในเรือนชะตา ส่งผลให้ประสบความเจริญก้าวหน้า ทั้งเรื่องความรัก และการงานการค้า แต่ก็มีดาวมนต์ชั่วร้าย "สื่อฝู" กับดาวละลายทรัพย์ "เสี่ยวห้าว" และดาวหม้าย "กว่าซู่" มาขัดขวางรังควานทำให้สุขภาพอ่อนแอเจ็บป่วยง่าย มีอุบัติเหตุเคราะห์ภัย และเงินทองรั่วไหลออกง่าย ฉะนั้นจึงไม่ควรประมาท

หาก คิดป้องกันแก้ไข ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "เต่านำโชค กระเรียน อายุวัฒนะ" ที่มีอานุภาพสูงส่ง เพื่อสลายอิทธิพลพลังร้ายให้หมดไป พร้อมทั้งเสริมส่งความรักให้หวานชื่น การงาน การค้าเจริญก้าวหน้า มีสุขภาพแข็งแรง อายุยืนยาว ปราศจากอุบัติเหตุเคราะห์ภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี

ระกา(ไก่) ปีนี้คุณมีดาวดอกไม้จักรพรรดิ "จื่อเว่ย" และดาวคุณธรรมมังกร "หลงเต๋อ" เปล่ง รัศมีอยู่ในเรือนชะตา ส่งผลให้การงานก้าวหน้าได้เลื่อนขั้นเลื่อนตำแหน่ง การค้าเจริญรุ่งเรืองมีกำไรงดงาม แต่มีดาวทำลายให้พ่ายแพ้ "เป้าไป้" และดาวหกร้าย "ลิ่วห้าย" คอยจ้องทำลาย จึงต้องระวังคู่แข่งปรปักษ์ยอดขายตกต่ำ การผลิตที่ผิดพลาด ทำให้สูญเสียโอกาสที่ดีไป

ฉะนั้น จึงควรหาทางป้องกันแก้ไข โดยการจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "หอยสังข์ หยวนเปา ดอกบัว เสริมส่งโชคลาภ" เพื่อ เสริมสร้างการงานให้เจริญก้าวหน้าได้เลื่อนตำแหน่ง การค้าเจริญรุ่งเรืองกระตุ้นเปิดรับโชคลาภให้หลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่อง หมดเคราะห์หมดภัย มีสุขภาพแข็งแรงสุข สบายมีชัยตลอดปี

ปี จอ(สุนัข) ปีนี้ดวงชะตาไม่ค่อยสดใส เนื่องจากมีดาวอัปมงคลรุมล้อมสร้างความเสียหาย โดยเฉพาะดาวเสือขาว "ไป๋หู่" ที่ จะส่งผลทำให้เกิดเคราะห์ภัยต่างๆ อย่างไม่ทันรู้ตัว หน้าที่การงาน และธุรกิจการค้ามีอุปสรรค โชคลาภอับเฉา สุขภาพอ่อนแอ จึงต้องระวังอย่าประมาท

ฉะนั้น หากคิดป้องกันแก้ไข ขจัดภัยสลายเคราะห์ เสริมส่งโชคลาภให้สดใส ควรจัดตั้งวัตถุมงคล หรือพกจี้มงคลติดตัว(ติดรถ) "สิงโตมีปีก คุ้มภัยพิทักษ์ทรัพย์" เพื่อกระตุ้นเปิดรับโชคลาภ ให้เงินทองไหลมาเทมา การงานการค้ามีความเจริญก้าวหน้า สุขภาพแข็งแรง แคล้วคลาดปลอดภัย อยู่เย็นเป็นสุขตลอดปี

ปีกุน (หมู)

ที่มา: ดวงใครจะชงรับ (ปีขาล) 2553 ลองสำรวจดูครับ
http://www.bluesblood.com/bb/index.php?topic=19100.msg264028

Thursday, November 12, 2009

ทำไมมาม่าต้องต้ม 3 นาที? Why Ramen Noodle Needs 3 Minutes?

จากกระทู้ในพันทิพอะ เกี่ยวกับภาพยนต์ เรื่อง รถไฟฟ้ามาหานะเธอ น่าสนใจดี

ทำไมมาม่าต้องต้ม 3 นาที? Why and why ramen needs 3 minutes to cook???

สังเกตว่าภายในเรื่องตัวละครจะมีความสัมพันธ์กับมาม่า 2 ครั้ง คือ ตอนที่พระเอกจะต้มมาม่าให้นางเอกกินรองท้องก่อนขึ้นรถแท็กซี่ และตอนที่นางเอกผิดหวังเรื่องพระเอกต้องไปเรียนต่อเมืองนอก จึงกลับมาต้มมาม่าที่บ้านคนเดียว

หนังกำลังจะบอกอะไรเราหรือเปล่า? ...เขากำลังจะบอกเรื่องสาระของ ”การรอคอย” และ "ความอดทน"

ครั้งแรกในรถแท็กซี่ นางเอกเปิดกินในขณะที่เพิ่งใส่น้ำร้อนไปแค่ 1 นาที พระเอกก็บอกว่า “ก็ข้างถ้วยเขาเขียนให้รอ 3 นาที” นางเอกก็เถียงว่าชอบกินแบบนี้ เส้นกรอบๆแบบนี้

ถ้า เรามองแบบเปรียบเทียบ ม่าม่ากับความรัก .. เหมือนหนังกำลังบอกว่า ทั่วไปตามสากลโลก ความรักมันมีเวลาของมัน การบ่มเพาะเส้นของความรักให้นุ่มพอดี พอเหมาะเข้าปากนั้น ต้องใช้เวลา แม้นางเอกอาจจะชอบเส้นกรอบๆ ที่ใช้เวลาน้อย แต่ความรักเป็นเรื่องของคน 2 คน จะตัดสินด้วยความชอบเพียงฝ่ายเดียวไม่ได้ และเวลาอีก 2 ปีที่พระเอกจะไม่อยู่ ก็คือช่วงเวลาที่จะบ่มเพาะความรัก ให้สามารถกินได้ทั้ง 2 ฝ่ายนั่นเอง

มาม่ามักถูกใช้เป็นตัวช่วยของคนที่ “ไม่มีเวลา” ไม่มีเวลาทำกับข้าว ไม่มีเวลาไปหาอาหารกินข้างนอก เหมือนในเรื่องนี้ นางเอกคิดว่าตนเอง”ไม่มีเวลา”จะรอพระเอกแล้ว เพราะอายุก็มาก เหงาก็เหงา กินข้าวคนเดียว แต่จะให้ทำอย่างไร แม้แต่มาม่ายังมีเวลา 3 นาทีของมัน แล้วความรักล่ะ?

จึงมาสู่ตอนที่นางเอกเครียดในการต้มมาม่าคนเดียวที่บ้าน อยากกินเร็วๆแต่อะไรก็ขัดใจไปหมด น้ำก็ไม่ได้ต้มไว้ ฉีกซองเครื่องปรุงก็ลำบาก เนื่องจากความ”ใจร้อน” มองแต่”เป้าหมาย” แต่ลืมมอง”ระหว่างทาง” การจะกินมาม่า ต้องต้มน้ำ ต้องค่อยๆเตรียมเครื่องปรุง เหมือนความรัก หากจะมองแต่เป้าหมายว่าฉันกับเขาจะต้องรักกัน แต่ลืมใส่ใจ”ระหว่างทาง” ภาพนั้นคงไม่เกิด

มาม่า ก็เป็นตัวแทนหนึ่งของคนในสมัยนี้ ที่ต้องใช้ชีวิตเร่งรีบ ทุกๆอย่างต้องแข่งกับเวลา จนลืมไปว่า เรื่องที่ละเอียดอ่อนอย่างความรัก มันเร่งรีบไม่ได้หรอก

สรุปคือคิดว่า หนังใช้มาม่าสอนเราในเรื่องความรัก ถ้าคิดจะรัก ก็ต้องเรียนรู้ที่จะรอ ต้องอดทน คนสมัยนี้มักขาดความอดทน แลกเบอร์กันไม่กี่วัน ก็อยากให้อีกฝ่ายเรียกเราว่าแฟนแล้ว น่าจะมองดูว่า แม้สิ่งที่จะช่วยเราประหยัดเวลามากแค่ไหน อย่างมาม่า มันก็ยังมีเวลาของมัน แล้วกับความรัก ก็เช่นกัน