ผู้ที่เดินทางเข้าออกสิงคโปร์ ต้องแจ้ง (declare) กรณีนำเงิน เข้า*เอาออก จากสิงคโปร์ ที่มีเงินเข้า / ออก มากกว่า 20000 เหรียญสิงคโปร์ (เทียบเท่า) กฎนี้รวมทุกอย่าง ไม่ว่า จะเป็นเงินสด เช็คเดินทาง ทั้งนี้ กฎนี้ มีเพื่อตรวจสอบการไหลเงินของผู้ก่อการร้าย และ อาชญากรต่าง ๆ
ทั้งนี้ อเมริกา ออสเตรเลีย และ นิวซีแลนด์ มีกฎที่ต้องแจ้ง เมื่อนำ เงิน เข้า*เอาออก จากประเทศนั้น ที่มีการนำเงินเข้า / ออก มากกว่า 10000 เหรียญของเงินประเทศนั้น (เทียบเท่า)
Each traveler needs to declare to the authorities if you carry more than S$20,000 in or out of Singapore (equivalent amount). This starts from September 01, 2014.
Well, United States, Australia and New Zealand are $10,000 thresholds that each traveler needs to declare.
Wednesday, August 27, 2014
Thursday, August 21, 2014
龜苓膏 ไม่ใช่เฉาก๊วย ??
龜苓膏 ไม่ใช่เฉาก๊วย
# Summer snacks including guiling
guiling is traditional medicine with a long history, legend, initially was exclusively for the Emperor in Qing dynasty palace food expensive drugs. It mainly with rare turtle of the olecranon and smilax glabra as raw materials, with licorice, formed along with drugs such as Habitat. Is generally solidified cream, jelly, or hot drinks.
#消夏小食大搜羅 龜苓膏
龜苓膏是歷史悠久的傳統藥膳,相傳最初是清宮中專供皇帝食用的名貴藥物。它主要以名貴的鷹嘴龜和土茯苓為原料,以甘草,再配生地等藥物精製而成。一般呈凝 固的膏狀,似涼粉,也可熱飲。其性溫和,不涼不燥,老少皆宜,具有清熱去濕,旺血生肌,滋陰補腎,養顏提神等功效,因而倍受人們喜愛,暢銷中外。
夏天食用龜苓膏時,可隨意搭配入蜂蜜、鮮牛奶、優酪乳、紅豆羹、椰汁等製成龜苓膏甜品或飲料。
Wikipedia::
เฉาก๊วย หรือ หญ้าเฉาก๊วย (xiancao (仙草, 仙人草, 仙草舅, 涼粉草) ใน ภาษาจีนกลาง, sian-chháu ในภาษาจีนไต้หวัน, leung fan cao (涼粉草) ใน ภาษาจีนกวางตุ้ง sương sáo ใน ภาษาเวียดนาม)
ลิเบีย:: รู้แล้วจะอึ้ง!!! ทำไมต้องสังหาร"กอซซาฟี" ???
อาลัย‘กอซซาฟี’และ เหตุผลการล่าสังหาร‘กอซซาฟี’ เรื่องบางอย่างที่คุณไม่เคยรู้ เกี่ยวกับ กอซซาฟี่
หากจะเทียบความโชคดีของประชาชนในประเทศต่างๆโดยวัดจากสวัสดิการที่รัฐบาลให้แก่ประชาชนแล้ว ชาวลิเบียน่าจะเป็นประชาชนที่โชคดีที่สุด
เพราะอะไรหรือครับ?
หากจะเทียบความโชคดีของประชาชนในประเทศต่างๆโดยวัดจากสวัสดิการที่รัฐบาลให้แก่ประชาชนแล้ว ชาวลิเบียน่าจะเป็นประชาชนที่โชคดีที่สุด
เพราะอะไรหรือครับ?
คำตอบก็คือ ชาวลิเบียทั้งหมดใช้ไฟฟ้าฟรีเนื่องจากไม่มีการเก็บค่าไฟฟ้าในลิเบีย
ธนาคารในลิเบียเป็นของรัฐและกฎหมายกำหนดให้ประชาชนกู้เงินโดยปลอดดอกเบี้ย ประชาชนลิเบียจึงกู้เงินโดยไม่เสียดอกเบี้ย
การมีบ้านเป็นของตนเองถือเป็นสิทธิมนุษยชนในลิเบีย
คู่แต่งงานใหม่ทุกคู่ในลิเบียจะได้รับเงินจากรัฐบาลเป็นเงิน 60,000 ดีนาร์ (ประมาณ 1,500,000 บาท) เพื่อซื้อบ้านหลังแรกเป็นการเริ่มต้นครอบครัว
ประชาชนลิเบียได้รับการศึกษาและการรักษาพยาบาลโดยไม่คิดมูลค่า ก่อนหน้าสมัยพันเอกมุอัมมาร์ กอซซาฟี เป็นผู้นำ ลิเบียมีผู้อ่านออกเขียนได้เพียง 25% แต่ปัจจุบันลิเบียมีผู้อ่านออกเขียนได้เพิ่มขึ้นจำนวน 83%
ชาวลิเบียคนใดที่ต้องการประกอบอาชีพเกษตรกรรมจะได้รับที่ดินทำการเกษตร บ้าน เครื่องมือการเกษตร เมล็ดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์แบบให้เปล่าเพื่อเริ่มต้นอาชีพเกษตรกรรม
ถ้าชาวลิเบียคนใดไม่สามารถหาบริการทางด้านการศึกษาและการแพทย์ที่ตัวเองต้อง การ รัฐบาลจะจ่ายเงินให้และยังจัดสรรเงินอีกประมาณ 70,000 บาทเป็นค่าที่พักและค่าพาหนะอีกด้วย
ถ้าชาวลิเบียคนใดซื้อรถ รัฐบาลจะออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง
ราคาน้ำมันรถยนต์ในลิเบียลิตรละประมาณ 5-6 บาท
ลิเบียไม่มีหนี้ภายนอก เงินสำรองของลิเบียมีอยู่ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ทั่วโลกซึ่งขณะนี้ถูกอายัดโดยชาติมหาอำนาจ
ถ้าชาวลิเบียจบการศึกษาและไม่สามารถหางานทำ รัฐจะจ่ายเงินเดือนให้พอๆกับคนที่ทำงานจนกว่าจะหางานได้
เงินส่วนหนึ่งจากการขายน้ำมันของรัฐบาลจะถูกโอนเข้าบัญชีพลเมืองชาวลิเบียโดยตรง
ผู้หญิงลิเบียที่คลอดลูกจะได้รับเงิน 150,000 บาท
ขนมปัง 40 ก้อนในลิเบียราคาประมาณ 5 บาท
ปัจจุบันชาวลิเบีย 25% จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
กอซซาฟีเป็นผู้ทำโครงการชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เรียกกันว่า
“โครงการแม่น้ำใหญ่ที่มนุษย์ทำขึ้น”
เพื่อส่งน้ำไปเลี้ยงผืนทะเลทรายทั่วประเทศ
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พันเอกมุอัมมาร์ กอซซาฟี จะปกครองประเทศลิเบียนานถึง 42 ปีโดยที่ไม่มีชาวลิเบียลุกขึ้นมาประท้วงผู้นำของตนว่าเป็นเผด็จการ
ในทางตรงข้าม ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่กองทัพนาโต้โจมตีลิเบียอย่างไร้เหตุผล ประชาชนชาวลิเบียตามเมืองต่างๆประมาณ 1.7 ล้านคนได้ออกมาเดินขบวนสนับสนุนผู้นำของตน แต่ภาพเหล่านี้กลับไม่ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ในตะวันตก
แต่สิ่งที่สื่อกระแสหลักของตะวันตกนำมาแพร่เพื่อลวงโลกก็คือ กอซซาฟีเป็นเผด็จการ ทั้งๆที่ก่อนกองทัพภาคีนาโต้จะโจมตีลิเบีย สหประชาชาติกำลังเตรียมที่จะมอบรางวัลให้แก่ประธานาธิบดีมุอัมมาร์ กอซซาฟี ในฐานะผู้สร้างความสำเร็จในด้านสิทธิมนุษยชน
ลิเบียผลิตน้ำมันดิบคุณภาพสูงและการผลิตน้ำมันของลิเบียมีต้นทุน 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ชาติตะวันตกซื้อไปกลั่นขายในตลาดโลกราคาบาร์เรลละหลายสิบหรือบางครั้งก็ เหยียบ 100 ดอลลาร์ กระนั้นก็ตาม สหภาพยุโรปและสหรัฐกลับเป็นหนี้ลิเบีย 200,000 ล้านดอลล่าร์สำหรับค่าน้ำมัน
ใน ค.ศ. 2012 สัมปทานการขุดเจาะน้ำมันของชาติตะวันตกจะหมดอายุลง และกอซซาฟีกล่าวว่าถ้าชาติตะวันตกไม่จ่ายหนี้ให้ลิเบีย เขาจะให้สัมปทานใหม่แก่บริษัทของจีนและรัสเซีย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งสำหรับจุดจบของกอซซาฟี
เหตุผลของการกำหนดเขตห้ามบินและการทิ้งระเบิดลิเบียมิใช่เพื่อคุ้มครอง พลเมืองลิเบียดังที่ชาติภาคีนาโต้กล่าวอ้าง แต่มันคือความเหี้ยมโหดของบริษัทน้ำมันและนายธนาคารโลกที่ต้องการปล้น ทรัพย์สินของลิเบียไปแก้ปัญหาการเงินที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐและยุโรป
ทหารกบฏที่ไล่ล่ากอซซาฟีมิใช่ทหารลิเบีย แต่เป็นทหารรับจ้างจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ที่นาโต้ส่งเข้าไป เพราะกองกำลังนาโต้ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะส่งทหารจากชาติภาคีของตนเข้าไป ปฏิบัติการในลิเบีย
แม้จะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ลิเบียก็ไม่มีแสนยานุภาพทางทหารเพียงพอที่จะไปต่อกรกับกองทัพนาโต้ ยิ่งถ้าต่อสู้ บ้านเมืองก็มีแต่จะเสียหาย ผู้คนจะต้องบาดเจ็บและล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก กอซซาฟีจึงได้แต่ถอยหนีเพื่อรักษาชีวิตประชาชนที่เขาดูแลมาตลอดเวลาที่ครอง อำนาจ และในที่สุดก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสงสาร
สิ้นผู้นำที่ชื่อว่ามุอัมมาร์ กอซซาฟีแล้ว ชาวลิเบียจะได้รับสวัสดิการเหมือนกับที่ตัวเองได้รับจากผู้นำคนเก่าหรือไม่ เป็นเรื่องที่หลายคนเริ่มสงสัย?
เหตุผลการล่าสังหาร ‘กอซซาฟี’
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกจะร่วมกันลงขันหาทางสังหาร ประธานาธิบดีมุอัมมาร์ ก็อซซาฟี ผู้นำประเทศลิเบีย ที่เป็นชาติเล็กๆในแอฟริกาอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนกับที่สหรัฐใช้เวลานับสิบปีและงบประมาณอีกหลายพันล้านดอลลาร์ตามฆ่า “บิน ลาดิน” เพียงคนเดียว
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ชาติตะวันตกพยายามเข่นฆ่าสังหารก็อซซาฟี?
ไม่ใช่เพราะกอซซาฟีเข่นฆ่าสังหารประชาชนของตนอย่างที่สื่อตะวันตกพยายามจะลวงชาวโลกแน่นอน
กอซซาฟีจะฆ่าประชาชนของตัวเองทำไม ในเมื่อเขาให้การศึกษา การรักษาพยาบาลแบบให้เปล่าแก่ประชาชน ไม่เพียงเท่านั้น หนุ่มลิเบียคนใดที่แต่งงานและยังไม่มีงานทำก็จะได้รับห้องพักอาศัยโดยไม่ ต้องเสียค่าเช่า ประชาชนลิเบียจึงไม่ได้ลุกขึ้นประท้วงเขาเหมือนในตูนิเซียและอียิปต์ก่อน หน้านั้น
แต่เหตุผลสำคัญที่ผู้นำชาติตะวันตกต้องการให้กอซซฟาฟีตายก็คือ
เขาต้องการปลดปล่อยชาติแอฟริกาให้พ้นจากการถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบโดยชาติตะวันตกนั่นเอง
ใน ค.ศ. 1992 ชาติต่างๆในทวีปแอฟริกา 45 ประเทศได้ตัดสินใจที่จะมีดาวเทียมเป็นของตัวเองเพื่อให้บริการสื่อสารโทร คมนาคมในแอฟริกา โครงการนี้ต้องใช้เงินถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำเป็นต้องจ่ายเงินทันที 400 ล้านดอลลาร์เพื่อให้โครงการเกิดขึ้น เดิมทีชาติแอฟริกาตัดสินใจจะไปกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แต่ใน ค.ศ. 2007 ก็อซซาฟีได้อาสาเข้ามาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือรายใหญ่โดยจ่ายให้ 300 ล้านดอลลาร์ แน่นอนการสนับสนุนทางการเงินเช่นนี้เป็นการทำให้ไอเอ็มเอฟสูญเสียประโยชน์ จากดอกเบี้ยเงินกู้และการมีอิทธิพลในแอฟริกา
เหตุผลประการต่อมาก็คือ ประธานาธิบดีก็อซซาฟีต้องการที่จะสร้างสถาบันการเงินที่สำคัญ 3 แห่งขึ้นในแอฟริกา
1) สถาบันการเงินแรกคือ กองทุนการเงินแอฟริกา (African Monetary Fund) ซึ่งจะตั้งขึ้นใน ค.ศ. 2011 โดยมีสำนักงานใหญ่ในแคเมอรูน ถ้าสถาบันการเงินนี้เกิดขึ้นก็จะทำให้ชาติแอฟริกาไม่ต้องพึ่งพาอาศัยไอเอ็ม เอฟอีกต่อไป นั่นหมายความว่าไอเอ็มเอฟจะสูญเสียผลประโยชน์ในอนาคต
2)สถาบันการเงินแห่งที่สองที่จะตั้งขึ้นโดยความร่วมมือกันของชาติแอฟริกาภาย ใต้การนำและการสนับสนุนของก็อซซาฟีก็คือ ธนาคารกลางแอฟริกา (Central African Bank) ซึ่งจะมีสำนักงานใหญ่ในเมืองอาบูญาของไนจีเรีย สถาบันการเงินนี้จะทำให้ชาติแอฟริกาเลิกใช้สกุลเงินยุโรปและหันมามีสกุลเงิน กลางของตัวเอง
3)สถาบันการเงินแห่งที่สามที่จะเปิดคือ ธนาคารเพื่อการลงทุน (Bank of Investment) จะเปิดขึ้นในลิเบีย ธนาคารนี้จะควบคุมการลงทุนในแอฟริกา
ใครๆในโลกนี้ก็รู้ว่าชาติผิวขาวดูถูกและเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ขูดรีดชนชาติผิวดำซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกามานานแล้ว ก็อซซาฟีจึงคิดที่จะปลดปล่อยชาติแอฟริกาให้พ้นจากกับดักของชาติตะวันตก ผู้นำชาติต่างๆในทวีปแอฟริกาจึงเห็นชอบร่วมกันในโครงการดังกล่าว แต่มหาอำนาจชาติยุโรปไม่ชอบด้วยเพราะตัวเองจะเสียประโยชน์
เหตุผลอีกประการที่ทำให้ประธานาธิบดีกอซซาฟีตกเป็นเป้าสังหารคือ
เขาต้องการที่จะรวมชาติต่างๆในแอฟริกาเป็นสหรัฐแอฟริกา (United States of Africa) เหมือนกับสหรัฐอเมริกา แน่นอนถ้าชาติแอฟริการวมตัวกันเมื่อใด แอฟริกาก็จะเป็นชาติใหญ่ที่มีอำนาจต่อรองมากขึ้นและถูกเอารัดเอาเปรียบน้อย ลง
จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เราจะเข้าใจได้ว่าทำไมชาติมหาอำนาจของโลกจึงใช้ นโยบายแบ่งแยกแล้วปกครอง และแบ่งแยกแล้วทำลาย แน่นอน ใครคิดจะทำลายบ้านหลังใหญ่ที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกันก็ต้องหาทางให้คนใน บ้านหลังนั้นทะเลาะกัน
ประการถัดไปก็คือ ทำให้คนในบ้านนั้นไร้การศึกษา เพื่อที่คนในบ้านหลังนั้นจะได้ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของตน
สุดท้ายก็คือการตั้งผู้ปกครองเผด็จการขึ้นมาปกครองประเทศที่ตัวเองต้องการจะ ครอบงำและมีอิทธิพล เมื่อประชาชนในตูนิเซียและอียิปต์ลุกขึ้นประท้วงผู้ปกครองของตน ชาติตะวันตกต่างสนับสนุนผู้นำเผด็จการที่ตัวเองหนุนหลังให้สังหารประชาชน แต่ในกรณีของลิเบีย ประชาชนมิได้ประท้วงผู้นำของตน ชาติตะวันตกจึงสนับสนุนฝ่ายกบฏและร่วมกันสังหารประชาชนลิเบียเอง มิหนำซ้ำยังหน้าด้านอ้างว่าทำไปเพื่อมนุษยธรรมเสียอีก
ชาติยุโรปในสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังจะล่มสลาย สหรัฐเองก็เป็นชาติที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก ด้วยความกังวลว่าจะสูญเสียแอฟริกา นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ อุตส่าห์เดินทางไปยังประเทศต่างๆในแอฟริกา เพื่อชักชวนชาติเหล่านั้นไม่ให้สนับสนุนกอซซาฟี ชักชวนพวกกบฏในลิเบียให้ไปเปิดสถานทูตของตัวเองในวอชิงตัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังชักชวนให้ชาติแอฟริกาเลิกคบค้ากับจีนด้วย เพราะจีนและรัสเซียจะช่วยผลิตดาวเทียมให้แอฟริกานั่นเอง
(ฝรั่ง)ช่างสามานย์ไม่สร่างจริงๆ นับเป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริง นักเลง อันธพาลของโลก
บทความโดยอาจารย์บรรจง บินกาซัน
หมายเหตุ :: บทความนี้แพร่หลายใน Facebook
:: post in ประชาชาติแห่งอิสลาม(Islamic Nations)
ธนาคารในลิเบียเป็นของรัฐและกฎหมายกำหนดให้ประชาชนกู้เงินโดยปลอดดอกเบี้ย ประชาชนลิเบียจึงกู้เงินโดยไม่เสียดอกเบี้ย
การมีบ้านเป็นของตนเองถือเป็นสิทธิมนุษยชนในลิเบีย
คู่แต่งงานใหม่ทุกคู่ในลิเบียจะได้รับเงินจากรัฐบาลเป็นเงิน 60,000 ดีนาร์ (ประมาณ 1,500,000 บาท) เพื่อซื้อบ้านหลังแรกเป็นการเริ่มต้นครอบครัว
ประชาชนลิเบียได้รับการศึกษาและการรักษาพยาบาลโดยไม่คิดมูลค่า ก่อนหน้าสมัยพันเอกมุอัมมาร์ กอซซาฟี เป็นผู้นำ ลิเบียมีผู้อ่านออกเขียนได้เพียง 25% แต่ปัจจุบันลิเบียมีผู้อ่านออกเขียนได้เพิ่มขึ้นจำนวน 83%
ชาวลิเบียคนใดที่ต้องการประกอบอาชีพเกษตรกรรมจะได้รับที่ดินทำการเกษตร บ้าน เครื่องมือการเกษตร เมล็ดพันธุ์พืชและพันธุ์สัตว์แบบให้เปล่าเพื่อเริ่มต้นอาชีพเกษตรกรรม
ถ้าชาวลิเบียคนใดไม่สามารถหาบริการทางด้านการศึกษาและการแพทย์ที่ตัวเองต้อง การ รัฐบาลจะจ่ายเงินให้และยังจัดสรรเงินอีกประมาณ 70,000 บาทเป็นค่าที่พักและค่าพาหนะอีกด้วย
ถ้าชาวลิเบียคนใดซื้อรถ รัฐบาลจะออกเงินให้ครึ่งหนึ่ง
ราคาน้ำมันรถยนต์ในลิเบียลิตรละประมาณ 5-6 บาท
ลิเบียไม่มีหนี้ภายนอก เงินสำรองของลิเบียมีอยู่ 1.5 แสนล้านดอลลาร์ทั่วโลกซึ่งขณะนี้ถูกอายัดโดยชาติมหาอำนาจ
ถ้าชาวลิเบียจบการศึกษาและไม่สามารถหางานทำ รัฐจะจ่ายเงินเดือนให้พอๆกับคนที่ทำงานจนกว่าจะหางานได้
เงินส่วนหนึ่งจากการขายน้ำมันของรัฐบาลจะถูกโอนเข้าบัญชีพลเมืองชาวลิเบียโดยตรง
ผู้หญิงลิเบียที่คลอดลูกจะได้รับเงิน 150,000 บาท
ขนมปัง 40 ก้อนในลิเบียราคาประมาณ 5 บาท
ปัจจุบันชาวลิเบีย 25% จบการศึกษาระดับมหาวิทยาลัย
กอซซาฟีเป็นผู้ทำโครงการชลประทานที่ใหญ่ที่สุดในโลกที่เรียกกันว่า
“โครงการแม่น้ำใหญ่ที่มนุษย์ทำขึ้น”
เพื่อส่งน้ำไปเลี้ยงผืนทะเลทรายทั่วประเทศ
ดังนั้น จึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรที่พันเอกมุอัมมาร์ กอซซาฟี จะปกครองประเทศลิเบียนานถึง 42 ปีโดยที่ไม่มีชาวลิเบียลุกขึ้นมาประท้วงผู้นำของตนว่าเป็นเผด็จการ
ในทางตรงข้าม ระหว่างวันที่ 1 กรกฎาคมถึงปลายเดือนสิงหาคม 2554 ซึ่งเป็นช่วงที่กองทัพนาโต้โจมตีลิเบียอย่างไร้เหตุผล ประชาชนชาวลิเบียตามเมืองต่างๆประมาณ 1.7 ล้านคนได้ออกมาเดินขบวนสนับสนุนผู้นำของตน แต่ภาพเหล่านี้กลับไม่ได้ถูกนำออกมาเผยแพร่ในตะวันตก
แต่สิ่งที่สื่อกระแสหลักของตะวันตกนำมาแพร่เพื่อลวงโลกก็คือ กอซซาฟีเป็นเผด็จการ ทั้งๆที่ก่อนกองทัพภาคีนาโต้จะโจมตีลิเบีย สหประชาชาติกำลังเตรียมที่จะมอบรางวัลให้แก่ประธานาธิบดีมุอัมมาร์ กอซซาฟี ในฐานะผู้สร้างความสำเร็จในด้านสิทธิมนุษยชน
ลิเบียผลิตน้ำมันดิบคุณภาพสูงและการผลิตน้ำมันของลิเบียมีต้นทุน 1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล แต่ชาติตะวันตกซื้อไปกลั่นขายในตลาดโลกราคาบาร์เรลละหลายสิบหรือบางครั้งก็ เหยียบ 100 ดอลลาร์ กระนั้นก็ตาม สหภาพยุโรปและสหรัฐกลับเป็นหนี้ลิเบีย 200,000 ล้านดอลล่าร์สำหรับค่าน้ำมัน
ใน ค.ศ. 2012 สัมปทานการขุดเจาะน้ำมันของชาติตะวันตกจะหมดอายุลง และกอซซาฟีกล่าวว่าถ้าชาติตะวันตกไม่จ่ายหนี้ให้ลิเบีย เขาจะให้สัมปทานใหม่แก่บริษัทของจีนและรัสเซีย นี่เป็นอีกเหตุผลหนึ่งสำหรับจุดจบของกอซซาฟี
เหตุผลของการกำหนดเขตห้ามบินและการทิ้งระเบิดลิเบียมิใช่เพื่อคุ้มครอง พลเมืองลิเบียดังที่ชาติภาคีนาโต้กล่าวอ้าง แต่มันคือความเหี้ยมโหดของบริษัทน้ำมันและนายธนาคารโลกที่ต้องการปล้น ทรัพย์สินของลิเบียไปแก้ปัญหาการเงินที่กำลังเกิดขึ้นในสหรัฐและยุโรป
ทหารกบฏที่ไล่ล่ากอซซาฟีมิใช่ทหารลิเบีย แต่เป็นทหารรับจ้างจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์และกาตาร์ที่นาโต้ส่งเข้าไป เพราะกองกำลังนาโต้ไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะส่งทหารจากชาติภาคีของตนเข้าไป ปฏิบัติการในลิเบีย
แม้จะมั่งคั่งร่ำรวย แต่ลิเบียก็ไม่มีแสนยานุภาพทางทหารเพียงพอที่จะไปต่อกรกับกองทัพนาโต้ ยิ่งถ้าต่อสู้ บ้านเมืองก็มีแต่จะเสียหาย ผู้คนจะต้องบาดเจ็บและล้มตายอีกเป็นจำนวนมาก กอซซาฟีจึงได้แต่ถอยหนีเพื่อรักษาชีวิตประชาชนที่เขาดูแลมาตลอดเวลาที่ครอง อำนาจ และในที่สุดก็ต้องจบชีวิตลงอย่างน่าสงสาร
สิ้นผู้นำที่ชื่อว่ามุอัมมาร์ กอซซาฟีแล้ว ชาวลิเบียจะได้รับสวัสดิการเหมือนกับที่ตัวเองได้รับจากผู้นำคนเก่าหรือไม่ เป็นเรื่องที่หลายคนเริ่มสงสัย?
เหตุผลการล่าสังหาร ‘กอซซาฟี’
ไม่ใช่เรื่องธรรมดาที่ชาติมหาอำนาจตะวันตกจะร่วมกันลงขันหาทางสังหาร ประธานาธิบดีมุอัมมาร์ ก็อซซาฟี ผู้นำประเทศลิเบีย ที่เป็นชาติเล็กๆในแอฟริกาอย่างเอาเป็นเอาตาย เหมือนกับที่สหรัฐใช้เวลานับสิบปีและงบประมาณอีกหลายพันล้านดอลลาร์ตามฆ่า “บิน ลาดิน” เพียงคนเดียว
มีเหตุผลอะไรที่ทำให้ชาติตะวันตกพยายามเข่นฆ่าสังหารก็อซซาฟี?
ไม่ใช่เพราะกอซซาฟีเข่นฆ่าสังหารประชาชนของตนอย่างที่สื่อตะวันตกพยายามจะลวงชาวโลกแน่นอน
กอซซาฟีจะฆ่าประชาชนของตัวเองทำไม ในเมื่อเขาให้การศึกษา การรักษาพยาบาลแบบให้เปล่าแก่ประชาชน ไม่เพียงเท่านั้น หนุ่มลิเบียคนใดที่แต่งงานและยังไม่มีงานทำก็จะได้รับห้องพักอาศัยโดยไม่ ต้องเสียค่าเช่า ประชาชนลิเบียจึงไม่ได้ลุกขึ้นประท้วงเขาเหมือนในตูนิเซียและอียิปต์ก่อน หน้านั้น
แต่เหตุผลสำคัญที่ผู้นำชาติตะวันตกต้องการให้กอซซฟาฟีตายก็คือ
เขาต้องการปลดปล่อยชาติแอฟริกาให้พ้นจากการถูกกดขี่เอารัดเอาเปรียบโดยชาติตะวันตกนั่นเอง
ใน ค.ศ. 1992 ชาติต่างๆในทวีปแอฟริกา 45 ประเทศได้ตัดสินใจที่จะมีดาวเทียมเป็นของตัวเองเพื่อให้บริการสื่อสารโทร คมนาคมในแอฟริกา โครงการนี้ต้องใช้เงินถึง 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และจำเป็นต้องจ่ายเงินทันที 400 ล้านดอลลาร์เพื่อให้โครงการเกิดขึ้น เดิมทีชาติแอฟริกาตัดสินใจจะไปกู้เงินจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) แต่ใน ค.ศ. 2007 ก็อซซาฟีได้อาสาเข้ามาเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือรายใหญ่โดยจ่ายให้ 300 ล้านดอลลาร์ แน่นอนการสนับสนุนทางการเงินเช่นนี้เป็นการทำให้ไอเอ็มเอฟสูญเสียประโยชน์ จากดอกเบี้ยเงินกู้และการมีอิทธิพลในแอฟริกา
เหตุผลประการต่อมาก็คือ ประธานาธิบดีก็อซซาฟีต้องการที่จะสร้างสถาบันการเงินที่สำคัญ 3 แห่งขึ้นในแอฟริกา
1) สถาบันการเงินแรกคือ กองทุนการเงินแอฟริกา (African Monetary Fund) ซึ่งจะตั้งขึ้นใน ค.ศ. 2011 โดยมีสำนักงานใหญ่ในแคเมอรูน ถ้าสถาบันการเงินนี้เกิดขึ้นก็จะทำให้ชาติแอฟริกาไม่ต้องพึ่งพาอาศัยไอเอ็ม เอฟอีกต่อไป นั่นหมายความว่าไอเอ็มเอฟจะสูญเสียผลประโยชน์ในอนาคต
2)สถาบันการเงินแห่งที่สองที่จะตั้งขึ้นโดยความร่วมมือกันของชาติแอฟริกาภาย ใต้การนำและการสนับสนุนของก็อซซาฟีก็คือ ธนาคารกลางแอฟริกา (Central African Bank) ซึ่งจะมีสำนักงานใหญ่ในเมืองอาบูญาของไนจีเรีย สถาบันการเงินนี้จะทำให้ชาติแอฟริกาเลิกใช้สกุลเงินยุโรปและหันมามีสกุลเงิน กลางของตัวเอง
3)สถาบันการเงินแห่งที่สามที่จะเปิดคือ ธนาคารเพื่อการลงทุน (Bank of Investment) จะเปิดขึ้นในลิเบีย ธนาคารนี้จะควบคุมการลงทุนในแอฟริกา
ใครๆในโลกนี้ก็รู้ว่าชาติผิวขาวดูถูกและเอารัดเอาเปรียบ กดขี่ขูดรีดชนชาติผิวดำซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวแอฟริกามานานแล้ว ก็อซซาฟีจึงคิดที่จะปลดปล่อยชาติแอฟริกาให้พ้นจากกับดักของชาติตะวันตก ผู้นำชาติต่างๆในทวีปแอฟริกาจึงเห็นชอบร่วมกันในโครงการดังกล่าว แต่มหาอำนาจชาติยุโรปไม่ชอบด้วยเพราะตัวเองจะเสียประโยชน์
เหตุผลอีกประการที่ทำให้ประธานาธิบดีกอซซาฟีตกเป็นเป้าสังหารคือ
เขาต้องการที่จะรวมชาติต่างๆในแอฟริกาเป็นสหรัฐแอฟริกา (United States of Africa) เหมือนกับสหรัฐอเมริกา แน่นอนถ้าชาติแอฟริการวมตัวกันเมื่อใด แอฟริกาก็จะเป็นชาติใหญ่ที่มีอำนาจต่อรองมากขึ้นและถูกเอารัดเอาเปรียบน้อย ลง
จึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เราจะเข้าใจได้ว่าทำไมชาติมหาอำนาจของโลกจึงใช้ นโยบายแบ่งแยกแล้วปกครอง และแบ่งแยกแล้วทำลาย แน่นอน ใครคิดจะทำลายบ้านหลังใหญ่ที่มีความรักใคร่กลมเกลียวกันก็ต้องหาทางให้คนใน บ้านหลังนั้นทะเลาะกัน
ประการถัดไปก็คือ ทำให้คนในบ้านนั้นไร้การศึกษา เพื่อที่คนในบ้านหลังนั้นจะได้ไม่รู้เท่าทันเล่ห์เหลี่ยมของตน
สุดท้ายก็คือการตั้งผู้ปกครองเผด็จการขึ้นมาปกครองประเทศที่ตัวเองต้องการจะ ครอบงำและมีอิทธิพล เมื่อประชาชนในตูนิเซียและอียิปต์ลุกขึ้นประท้วงผู้ปกครองของตน ชาติตะวันตกต่างสนับสนุนผู้นำเผด็จการที่ตัวเองหนุนหลังให้สังหารประชาชน แต่ในกรณีของลิเบีย ประชาชนมิได้ประท้วงผู้นำของตน ชาติตะวันตกจึงสนับสนุนฝ่ายกบฏและร่วมกันสังหารประชาชนลิเบียเอง มิหนำซ้ำยังหน้าด้านอ้างว่าทำไปเพื่อมนุษยธรรมเสียอีก
ชาติยุโรปในสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (NATO) กำลังจะล่มสลาย สหรัฐเองก็เป็นชาติที่มีหนี้สินมากที่สุดในโลก ด้วยความกังวลว่าจะสูญเสียแอฟริกา นางฮิลลารี คลินตัน รัฐมนตรีต่างประเทศของสหรัฐ อุตส่าห์เดินทางไปยังประเทศต่างๆในแอฟริกา เพื่อชักชวนชาติเหล่านั้นไม่ให้สนับสนุนกอซซาฟี ชักชวนพวกกบฏในลิเบียให้ไปเปิดสถานทูตของตัวเองในวอชิงตัน ไม่เพียงเท่านั้น ยังชักชวนให้ชาติแอฟริกาเลิกคบค้ากับจีนด้วย เพราะจีนและรัสเซียจะช่วยผลิตดาวเทียมให้แอฟริกานั่นเอง
(ฝรั่ง)ช่างสามานย์ไม่สร่างจริงๆ นับเป็นผู้ก่อการร้ายตัวจริง นักเลง อันธพาลของโลก
บทความโดยอาจารย์บรรจง บินกาซัน
หมายเหตุ :: บทความนี้แพร่หลายใน Facebook
:: post in ประชาชาติแห่งอิสลาม(Islamic Nations)
Tuesday, August 5, 2014
ToT บริการห่วย แถมโกงอีก
ที่บ้านติดเน็ต ToT จากศูนย์ ToT ธรรมศาสตร์รังสิต ระบบห่วย ระบบ Call Center สุดห่วย แถมโกงอีก ผมติดเน็ต วันที่ 5 แต่คิดเงินว่าติดวันที่ 2 ทำเรื่องร้องไปก็เงียบ ตอนนี้ ตัดเน็ตผมบ่อย เพราะผมจ่ายเงินช้า ติดเงินแค่สองสามพัน ทำเป็นติดมากมาย ตอนกรรมการ ToT เอาเงินเป็นล้านไปตีก๊อฟ Golf ไม่เป็นไร ลูกค้าติดเงินนิดหน่อย ทำนิสัยแย่ ๆ
วันที่ ToT คิดเงินผมหรือเปล่า ???
วันนี้ตัดขาด ToT อย่างสมบูรณ์แบบ
ศูนย์ ToT ธรรมศาสตร์รังสิตบริการดีพอควร แต่ยังไงก็สงสารเด็กธรรมศาสตร์รังสิต ที่ต้องใช้เน็ต ToT อย่างไม่มีทางเลือกไปใช้เน็ตบริษัทอื่น ๆ .. ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ควรพิจารณาบริษัทอื่น ๆ เป็นทางเลือกด้วย ไม่ใช่ให้แต่ ToT
สรุปในภาพรวม ToT บริการห่วย แถมโกงอีก ปรับโครงสร้างหนี้คงไม่ช่วยให้รอดไปได้ ..
วันที่ ToT คิดเงินผมหรือเปล่า ???
วันนี้ตัดขาด ToT อย่างสมบูรณ์แบบ
ศูนย์ ToT ธรรมศาสตร์รังสิตบริการดีพอควร แต่ยังไงก็สงสารเด็กธรรมศาสตร์รังสิต ที่ต้องใช้เน็ต ToT อย่างไม่มีทางเลือกไปใช้เน็ตบริษัทอื่น ๆ .. ผู้บริหารมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต ควรพิจารณาบริษัทอื่น ๆ เป็นทางเลือกด้วย ไม่ใช่ให้แต่ ToT
สรุปในภาพรวม ToT บริการห่วย แถมโกงอีก ปรับโครงสร้างหนี้คงไม่ช่วยให้รอดไปได้ ..
Subscribe to:
Posts (Atom)