จะว่าไปแล้ว คิดว่าผู้คนทุกชาติ ทุกภาษาคงจะออกอาการนินทาอยู่คล้าย ๆ จะว่าไปแล้ว"เหมือนกัน" แต่คิดว่า คงชิดซ้ายไปเลย เพราะพี่ไทยเก่งกว่าอยู่แล้ว ขนาดมีกลอนอาขยาน ออกมาให้เห็นกันจะจะ
อันนินทากาเลเหมือนเทน้ำ
ไม่ชอกช้ำเหมือนเอามีดมากรีดหิน
แม้แต่องค์พระปฏิมายังราคิน
คนเดินดินหรือจะสิ้นคนนินทา
ดังนั้นคงไม่ต้องมีการทำวิจัยให้เสียสตางค์แต่อย่างใด เนื่องจากแค่"นินทา" อาจดูเป็นเรื่องเล็ก แต่ก็ต้องระวังเพราะอาจเข้าข่าย"หมิ่นประมาท" ทีนี้ เพราะปากพูดไปเรื่อย ก็อาจทำให้ต้อง"เข้าไปพูดในคุก"ได้
สาเหตุของการนินทา - เกิดจากความเชื่อ และความริษยา (envy) [ใน "แสงส่องใจ (๒๔)" ๓ ตุลาคม ๒๕๔๙
โดย สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมกาสังฆปริณายก ]
แม้คนอื่นนั้นเราพอรู้จักอยู่ แต่ก็จงมั่นคงในสติปัญญาของตน จงรอบคอบให้อย่างยิ่ง ในการเชื่อ
ผู้รอบคอบใน การเชื่อ ก็คือรอบคอบในการฟัง เมื่อเป็นผู้รอบคอบในการเชื่อ ก็ย่อมเป็นผู้รอบคอบในการพูดด้วยเป็นธรรมดา การนินทาว่าร้ายที่เต็มไปทุกแห่งทั่วโลกก็ว่าได้ มิได้เกิดแต่เหตุใดอื่น แต่เกิดจากความเชื่อและนอกจากความเชื่อ ก็คือความอิจฉาริษยา
ที่ทรงมีพระพุทธภาษิตว่า “ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย” จะกล่าวว่าการนินทาว่าร้าย เป็นเหตุให้โลกฉิบหาย ก็น่าจะไม่ผิด น่าจะเหมือนกันกับที่ทรงมีพระพุทธภาษิตว่า “ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย”
เพราะการนินทาว่าร้ายจะไม่เกิด แม้ไม่มีความริษยาเป็นเหตุ เมื่อได้ฟังการนินทาว่าร้าย ก็ไม่ควรลืมพระพุทธภาษิตที่ว่า “ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย”
ได้ยินเสียงนินทาว่าร้าย ไม่ว่าจะจากผู้ใดก็ตาม ให้นึกถึงพพระพุทธภาษิตทันทีที่ว่า “ความริษยาเป็นเหตุให้โลกฉิบหาย” อย่ายอมเข้าร่วมในการนินทาว่าร้าย หรือในความริษยา แม้เพียงด้วยการเชื่อ โดยมิได้บอกกล่าวเล่าขานต่อไปก็ตาม
แต่ถ้าเชื่อตามเสียงนินทาว่าร้ายและเป็นการเชื่อด้วยจริงใจ เชื่ออย่างปราศจากความเคลือบแคลงสงสัยในเรื่องที่ได้ยินได้ฟังจากคำบอกเล่า ของคนอื่น ซึ่งอาจจะป็นผู้ที่มีความน่าเชื่อถือ น่าไว้ใจ มีความจริงใจ มีความหวังดี ในการนำเรื่องมาบอกกล่าวเล่าให้ฟัง
จงรอบคอบให้อย่างยิ่งในการฟัง ไม่ว่าผู้พูดผู้เล่าจะเป็นใครก็ตาม นึกไว้อย่างหนึ่งว่า
การนินทาว่า ร้าย ถ้าจริงก็เสียหายแก่ผู้พูดผู้ฟังพอสมควร แต่ถ้าไม่จริง ไม่เพียงแต่ผู้พูดเสียหายเป็นอย่างยิ่ง ผู้ฟังผู้เชื่อก็จะเสียหายมาก
ดังนั้น ถ้าเราฝึกให้เป็นคนไม่ชอบการนินทาว่าร้ายผู้อื่น สังคมไทย ก็คงจะน่าอยู่กว่านี้อีกเยอะ
ถ้ามีคนนินทาเรา เราก็อย่าคิดมากไปนะ เราห้ามปากไม่ให้คนอื่นนินทาเราไม่ได้หรอกนะ แต่เราห้ามใจเราไม่ให้เป็นทุกข์เพราะการนินทาได้นะจ๊ะ และอย่าไปให้ความสำคัญกับคนที่นินทา มองข้ามไป ไม่สนใจ แค่นี้ก็สิ้นเรื่อง ชีวิตเราไม่ได้ดีหรือร้ายแค่กับคนกลุ่มที่นินทาเราอย่างเดียว ลองมองไปรอบข้าง คนที่เราชื่นชอบเราก็มี คนที่เกลียดเราก็มี คนที่ไม่สนใจเราก็มี แสดงว่าเขาต้องอิจฉาเราอะไรสักอย่างเขาจึงนินทา หรือเราอาจจะทำอะไรที่ไม่ถูกใจเขา ที่เราไม่รู้ตัว ลองมองดูด้วยนะ แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ถูกต้องก็ไม่ต้องไปแคร์ "แคร์คนที่เขารักเรา แคร์เพื่อนจริง ๆ เราดีกว่า" เราเฉย แล้วเขายังนินทาอยู่ เราก็เฉยอีก เขาจะนินทาเราได้สักกี่น้ำ ทนหน่อยนะ ฝนมันไม่ตกทั้งวันหรอกคนเราก็คงไม่นินทาเราตลอดไปหรอกนะ ยกเว้นเราไปทำประชดประชันเขาเข้าอีก หรือไปฟูมฟายให้เขาเห็นคนที่ไม่ชอบเรายิ่งจะซ้ำเติมสะใจ ยิ้มสู้ซิ อนาคตเราไม่อยู่ตรงนี้ตลอดไปหรอกนะ ทำได้น่ะ หาสิ่งที่ทำแล้วสบายใจทำดีกว่า (แต่ต้องไม่เดือดร้อนใครด้วยนะ) อาจจะยากนะ แต่ไม่เกินกำลังเราหรอก ทำได้นะสู้ๆๆ
โดย พระอาจารย์สมพงษ์ เมื่อ 2007-12-20 14:28:13
http://www.dhammadelivery.com/webboard.php?action=show&id=1009
- การนินทา นั้นผิดศีล 5 หรือเปล่าหนอ ใครช่วยบอกทีเถอะ
No comments:
Post a Comment