Saturday, June 27, 2009

สู้โรคร้าย เช่น มะเร็ง ด้วยมังคุด Fighting diseases with Thailand's mangosteen Fruit

มังคุดเป็น ไม้เขตร้อนของประเทศไทยที่เขียวตลอดปี มังคุดมีเนื้อผลไม้หวานฉ่ำ มังคุดเป็นผลไม้ที่ถูกที่รู้จักกันดีในฐานะ "ราชินีของผลไม้" ขนาดของมังคุดผลแตกต่างกันมีเส้นผ่าศูนย์กลางระหว่าง 2-3 นิ้ว ผิวเปลือกสีม่วงดำแข็ง ผลไม้ที่มีเนื้อนิ่มเนื้อเยื่อกับฉ่ำโพลนสีขาว มีกลีบ 4-8 กลีบคล้ายกับผลส้ม มังคุดเป็นผลไม้ ที่มีความเป็นกรดอ่อน ๆ คล้ายกับพรุน

ผลมังคุดมีคาร์โบไฮเดรต เส้นใย และเหล็กสูง เนื่องจากความมีประสิทธิภาพในการต่อต้านอนุมูลอิสระ (antioxidants) มีสารที่เป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ สารจากเปลือกหนาผิวและเยื่อเนื้อให้ ประโยชน์หลายประการ ที่จะช่วยเสริมเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันร่างกายและการไหลเวียนของเลือด เสริมความสามารถของร่างกายในการสู้รบกับโรคติดเชื้อ เนื้อเปลือกมังคุดมีสาร xanthones ที่ช่วยฆ่าโรคร้าย

งานศึกษาวิจัยล่าสุดจำนวนมากเกี่ยวกับมังคุด แสดงว่า มังคุด และน้ำจากผลมังคุด แสดงและยืนยัน ว่า มังคุดมีสารที่เป็นประโยชน์มากในการป้องกันและหยุดเช่นโรคมะเร็ง เบาหวาน โรคหัวใจ สมองเสื่อม โรคเรื้อรัง และอื่นๆ มิน่าเล่าที่มีนักสุขภาพที่เพิ่มขึ้นจํานวนมากที่ใช้ มังคุดในคลินิกปฏิบัติ ดังนั้นเป็นสุขภาพคุณควรกินมังคุด น้ำมังคุดทุกวัน หยุดโรคมะเร็งของคุณเป็นเรื่องที่ง่าย หยุดโรคหัวใจของคุณเป็นเรื่องที่ง่าย หยุดของคุณเป็นโรคเบาหวานอย่างง่ายดาย หยุดโรคสมองเสื่อมของคุณช่างง่ายดาย หยุดโรคในร่างกายของคุณได้ง่าย ๆ ใช่มังคุดกับน้ำจากเปลือกมังคุดจากประเทศไทย หรือเยี่ยมชมประเทศไทยวันนี้กินผลไม้จริง ระหว่างพฤษภาคม มิถุนายน และ กรกฎาคม มังคุดนับเป็นผลไม้มหัศจารรย์จริง ๆ ผมลองกินเนื้อเยื่อเปลือกมังคุดแค่ 2-3 วัน รสชาดฝาดมาก ๆ อาการภูมิแพ้ของผมก็ดีขึ้นอย่างมาก ขอบคุณครับมังคุด

Being tropical evergreen tree of Thailand, mangosteen yields tropical juicy flesh fruits. The mangosteen fruit is being well-known as "the Queen of Fruits." Size of the mangosteen fruit varies, between 2-3 inch diameter with outer purple-black hard shell skin. The fruit meat is soft flesh pulp with juicy snow-white color, with 4-8 triangular segmented similar to an orange. Similar to a prune, the mangosteen fruit is mild acidic.

The mangosteen fruit offers high in carbohydrates, fibers, and iron. Due to its powerful antioxidants and healthy nutrients, juice from thick shell skin and pulp meat provides multi-benefits that will help to increase the body immune system and blood circulation, strengthen the body’s ability to fight disease and infection.
The mangosteen contains different types of xanthones that can kill diseases.

Many and many recent research studies on mangosteen fruit and juice show and confirm that mangosteen juice is very helpful to prevent and stop diseases like cancer, diabetes, heart disease, Alzheimer's disease and other chronic diseases. It is no wonder that a growing number of health practitioners are using the mangosteen in their clinical practice. So, to become a healthy person, drink the Thailand's mangosteen juice daily. Stop your cancer is that easy. Stop your heart disease is that easy. Stop your diabetes is that easy. Stop your Alzheimer's disease is that easy. Stop diseases in body is that easy. Yes, by drinking mangosteen juice from Thailand or visit Thailand today to eat the real fruit during May, June, and July. What a miracle fruit? What a miracle juice.

ชื่อไทย : มังคุด
ชื่อวิทยาศาสตร์ : Garcinia mangostana Linn.
วงศ์ Spicy: CLUSIACEAE
ชื่อท้องถิ่น : แมงคุด (พม่า: เมงค้อฟ)
ส่วนที่ใช้เป็นยา : เปลือกผลแห้ง
ช่วงเวลาที่เก็บเป็นยา : ผลแก่ที่รับประทานเนื้อแล้วเก็บเปลือกตากแห้งไว้ทำยา
รสและสรรพคุณยาไทย : รสฝาด แก้ท้องเสีย บิด มูกเลือกในชนบทมักใช้น้ำต้มเปลือกมังคุดล้างแผล ช่วยให้แผลหายเร็ว
การปลูก : เพาะเมล็ดหรือตอนกิ่ง แต่นิยม ขยายพันธุ์ด้วยการตอนกิ่ง ควรเริ่มตอนในช่วงต้นฤดูฝน และกิ่งตอนจะออกรากภายใน 1-1 เดือนครึ่ง กล้าไม้มังคุดต้องมีอายุอย่างน้อย 3 ปี จึงจะปลูกลงหลุมได้มังคุดขึ้นได้กับทุกชนิด แต่ชอบดินเหนียวปนทราย
วิธีใช้ : มังคุดใช้เป็นยารักษาอาการท้องเสีย โดยใช้เปลือกผลแห้งประมาณครึ่งผล(4 กรัม) ย่างไฟให้เกรียม ฝนกับน้ำปูนใสประมาณครึ่งแก้ว หรือบดเป็นผงละลายน้ำข้าว(น้ำข้าวเช็ด) หรือน้ำสุกดื่มทุก 2 ชั่วโมง
http://nurse.tu.ac.th/สมุนไพรน่ารู้.htm

Saturday, June 20, 2009

คนไทยอ่านน้อย-หูตึง = Read Less + Hearing Loss


อนาคตของชาติสั่นครอน เหตุเพราะเยาวชนที่เป็นอนาคตของชาติ ติดยา ติดเกมส์ ติดเพลง อ่านน้อย

ติดยา Addicted to drug => สุขภาพอนามัยเสีย Health Problem
ติดเกมส์ Addicted to game => ปัญญาไม่พัฒนา
ติดเพลง Addicted to music => มีผลต่อระบบประสาทหู ทำให้เกิดภาวะ หูตึง (Hearing Loss) ที่เกิดจากการใส่หูฟังเป็นเวลานาน ๆ ข้อแนะนำ ไม่ควรใช้หูฟังนานเกิน 2 ชม.ติดต่อกัน
อ่านน้อย Read Less => ไม่สามารถเก็บความรู้ที่สะสมในรูปแบบตัวหนังสือ ทำให้ไม่สามารถพัฒนาตนเองได้ ประเทศชาติพัฒนาได้อย่างไรหากพลเมืองไร้ซึ่งความรู้ มีแต่ใบปริญญาแปะไว้ข้างฝา แต่หาปัญญาไม่มี การเรียนรู้ตลอดชีวิต (Long Life learning)จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้ชาติอยู่ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน เรื่องการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์และการอ่านเพื่อเรียนรู้จึงเป็นสิ่งสำคัญ

Friday, June 19, 2009

ลายมือมีการศึกษาระดับ ดร. - Palmline / handline pattern for PhD


การดูลายมือ (Palm line / hand line reading) ของผู้มีการศึกษาระดับปริญญาเอก โหรดูลายมือ (palmists) ให้ข้อมูลไว้ดังนี้





คนที่จะมีการศึกษาสูงให้ดูที่เส้นสมองเป็นหลักสำคัญ ต้องดูความยาวของเส้นที่สวยงามและควรจะมีแยกเป็นแฉกที่ปลายเส้น จะแยกมากหรือน้อยก็แล้วแต่ขอให้ดูลักษณะเส้นสมองที่คมและสวยงามและที่สำคัญ ควรจะมีเส้นอื่นประกอบ ที่จะบอกการศึกษามีระดับ ดร. ได้

ความหมายตามลายเส้น

หมายเลข ๑-๑ Brain Line

เส้นสมองเป็นเส้นยาวจนถึงขอบมือและแยกออกเป็นสองเส้น แสดงถึงความสำเร็จของความคิดและการศึกษาที่สูงส่ง มีมันสมองที่ดีสามารถใช้สมองในความคิดพิจารณาอย่างแน่วแน่แม่นยำและมีความ สำเร็จโดยมีเส้นอื่นประกอบ

หมายเลข ๒-๒ Success Line

เส้นแห่งความสำเร็จในด้านการศึกษาหรือตำแหน่งทางการศึกษา ถ้าไม่มีเส้นนี้ก็เป็น ดร.ไม่ได้ ถึงจะมีสมองดีอย่างไร ก็ต้องมีเส้นพฤหัสหรือเส้นสำเร็จ

หมายเลข ๓-๓ Fame Line

เส้นชื่อเสียงของความสำเร็จ ถ้าไม่มีเส้นนี้ก็เป็น ดร.ไม่ได้ เพราะแสดงถึงเกียรติอันสูงส่งและเป็นที่ยกย่องของคนทั่วไปอีกด้วย

ส่วนเส้นอื่น ๆ ก็มีความสำคัญที่จะนำไปสู่ความยิ่งใหญ่ระดับไหนกัน.

ต้อย ตุลา

ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ http://www.dailynews.co.th/newstartpage/index.cfm?page=content&categoryId=492&contentId=4389
วันเสาร์ ที่ 20 มิถุนายน 2552

ดูแม่น ๆ (accurate palmistry)

สุดยอดอาหารขับพิษ - Foods to boost toxic excretion from our body


คนโบราณและนักโภชนาการมักกล่าวว่า"อาหาร"เป็นยาที่วิเศษที่สุด เพราะเป็นแหล่งรวมของสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายแต่ใช่ว่าต้องเป็น อาหารที่มีราคาแพงอย่างเป๋าฮื้อ หูฉลาม รังนก หรือของหายากอย่างดีหมีเท่านั้น ถึงจะให้คุณประโยชน์ต่อร่างกายได้ เพราะจากการศึกษาแล้วพบว่าอาหารที่เราหาได้ตามท้องตลาดในชีวิตประจำวันก็มี ประโยชน์ในตัวไม่ใช่น้อย

ที่สำคัญอาหารเหล่านี้ยังช่วยล้างพิษให้แก่ อวัยวะต่างๆในร่างกาย เช่น ตับ ลำไส้ ไต ผิวหนัง ช่วยป้องกันการจับตัวของสารพิษ รวมถึงช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย ซึ่งสารพิษต่างๆที่สะสมอยู่ในร่างกายอาจมาจากควันพิษในอากาศ สารเจือปนในอาหาร เช่น สีผสมอาหาร สารกันเสีย ยาฆ่าแมลง ปรุงรส เป็นต้น

คราวนี้ลองมาดูกันว่าอาหารชนิดใดสามารถช่วยล้างพิษให้คุณได้บ้าง

เริ่มจาก ลำดับที่ 20 สาหร่าย (sea weed) พืชสีเขียวในทะเลที่หลายคนมองข้ามคุณประโยชน์ สาหร่ายสามารถจับของเสียจากรังสีที่สะสมในร่างกาย

ใน ปัจจุบันเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงรังสีต่างๆจากคลื่นวิทยุ คลื่นโทรศัพท์ คลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า และคลื่นไมโครเวฟทั้งหลายได้ ซึ่งพลังงานความร้อนเหล่านี้เป็นอันตรายต่อร่างกาย ก่อให้เกิดมะเร็งได้ ซึ่งสาหร่ายจะช่วยดูดซึมคลื่นรังสีเหล่านั้น และสามารถจับกับพวกโลหะหนักได้ด้วย นอกจากนี้ยังเต็มไปด้วยโปรตีนและเกลือแร่ในปริมาณมาก

19. หัวหอม ประกอบ ไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งหลายชนิด และมีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยทำความสะอาดเลือด ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล LD ซึ่งไม่ดีเพราะเป็นตัวการก่อให้เกิดโรคหัวใจ นอกจากนี้ยังช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจทำงานดีขึ้น ช่วยรักษาโรคหอบ โรคทางเดินหายใจ โรคภูมิแพ้ และที่สำคัญคือช่วยรักษาโรคเบาหวานโดยช่วยให้ระดับน้ำตาลคงที่

18. มะนาว (Thai lemon) เป็นสุดยอดอาหารที่ช่วยทำความสะอาดตับ มีวิตามินซีสูง น้ำมะนาวสดเมื่อนำมาผสมกับน้ำอุ่นแล้วดื่มตอนเช้าหลังตื่นนอนจะช่วยล้างพิษ และทำให้เลือดสะอาดขึ้น แต่ถ้านำน้ำมะนาวสดผสมกับโยเกิร์ตและน้ำผึ้ง ก็จะเป็นอาหารที่ช่วยล้างพิษในลำไส้และป้องกันอาการท้องผูกได้อีกด้วย

17. เมล็ดแฟลกซ์ ประกอบไปด้วยกรดไขมันที่จำเป็น อย่างโอเมกา 3 ซึ่งมีประโยชน์ต่อสมอง ช่วยบำรุงความจำ และมีผลดีต่อหัวใจเพราะช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล นอกจากนี้ยังมีสารอื่นที่ช่วยทำให้ภูมิคุ้มกันร่างการแข็งแรงขึ้น

16. กระเจี๊ยบ น้ำกระเจี๊ยบมีคุณสมบัติช่วยทำความสะอาดแบคทีเรียและไวรัสออกจากระบบทางเดิน ปัสสาวะ ซึ่งมักก่อให้เกิดการติดเชื้อ ทำให้มีอาการปัสสาวะไม่ออกหรือมีเลือดปน หรือมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรง ซึ่งสารในกระเจี๊ยบสามารถฆ่าเชื้อแบคทีเรียและไวรัสเหล่านั้นได้

15. ทับทิม ตำราแพทย์แผนโบราณของชาวเอเชียกล่าวไว้ว่า การดื่มน้ำทับทิมสามารถรักษาอาการอักเสบและลดความปวดได้ เนื่องจากในผลทับทิมมีสารแอสไพรินซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกันกับแอสไพรินในยา แก้ปวด ช่วยล้างพิษ ลดการติดเชื้อของเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกาย และลดอาการอักเสบ โดย เฉพาะผู้ที่มีอาการไขข้ออักเสบ ปวดบวม ช้ำ แนะนำให้กินทับทิม เพราะช่วยลดอาการปวดลงได้ ขณะเดียวกันยังมีไฟเบอร์สูง ซึ่งช่วยให้ขับถ่ายของเสียออกจากร่างกายได้ดีขึ้น

14. พืชตระกูลถั่ว (เช่นถั่วแดง ถั่วเขียว ถั่วเหลือง และถั่วขาว) จากการศึกษาพบว่าผู้ที่กินถั่วเป็นประจำมีระดับคอเลสเตอรอลน้อยกว่าผู้ที่ ไม่ได้กิน และลดอัตราความเสียงต่อการเกิดโรคหัวใจด้วยพืชตระกูลถั่วนี้ประกอบด้วยไฟ เบอร์สูง ซึ่งช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ทำความสะอาดลำไส้ ลดการสะสมของสารพิษในลำไส้ และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ อีกทั้งช่วยป้องกันการเกิดมะเร็งลำไส้และมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย

13. ขึ้นฉ่าย (Thai celery) ถือว่าเป็นสุดยอดอาหารในการทำความสะอาดเลือดและช่วยลดความดันโลหิต สำหรับผู้ที่มีความดันโลหิตสูงควรกินขึ้นฉ่ายเป็นประจำ หรือถ้าจะให้ดีควรดื่มน้ำคั้นจากขึ้นฉ่ายสดในตอนเช้า เพื่อช่วยควบคุมระดับแรงดันเลือดให้คงที่ ในขึ้นฉ่ายยังประกอบไปด้วยสารต้านการเกิดมะเร็ง และสารที่ช่วยขับของเสียจากบุหรี่ในคนที่สูบบุหรี่หรือผู้ที่ได้รับควัน บุหรี่ด้วย

12. แครอท เต็มไปด้วยสารอัลฟาและเบตาแคโรทีน ( Alpha and Beta-carotene ) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของวิตามินเอ และถือว่าเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีเยี่ยมช่วยปกป้องร่างกายจากสารพิษใน สิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะช่วยระบบทางเดินประสาท สายตา ผิวหนัง ที่ต้องสัมผัสแสงแดเป็นประจำ และจากการวิจัยพบว่าสารในแครอตช่วยลดการเกิดมะเร็ง และช่วยทำให้ระบบทางเดินหายใจและหัวใจแข็งแรงขึ้น

11. มะเขือพวง คนไทยนิยมใส่มะเขือพวงในอาหารประเภท ผัดเผ็ด แกงป่า แกงกะทิ และน้ำพริก สมัยก่อนแกงกะทิเช่นแกงไก่ใส่มะเขือพวงเต็มไปด้วย ใส่ไก่น้อยเน้นการกินมะเขือเป็นหลักแต่ปัจจุบันกลับตรงกันข้าม แกงไก่มักใส่ไก่มากกว่ามะเขือ และคนก็เลือกกินแต่ไก่ จึงเป็นเหตุหนึ่งที่ทำให้คนในปัจจุบันมีรูปร่างอ้วนกว่าคนสมัยก่อน

มะเขือ พวงเป็นผักที่เต็มไปด้วยไฟเบอร์ ซึ่งสามารถช่วยดูดซึมไขมันในอาหาร โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วยจับไขมันอิ่มตัว (ไขมันอันตราย) และขับออกจากร่างกายโดยระบบขับถ่าย ทั้งยังมีวิตามินซีและสารต้านอนุมูลอิสระสูง จึงช่วยกำจัดของเสียออกจากระบบทางเดินอาหารได้เร็วขึ้นและลดการสะสมของเสีย

10. ส้มโอ หรือเกรปฟรุต เพราะเป็นผลไม้รสชาติดีจึงได้รับความนิยมในอาหารมื้อเช้าของชาวตะวันตก สารเพกตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ประเภทหนึ่งในเกรปฟรุต สามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ก่อนที่จะจับตัวเป็นก้อนและขวางทางเดินในหลอดเลือด นอกจากนี้เพกตินยังสามารถช่วยป้องกันไม่ให้โลหะหนักเหล่านี้ทำอันตรายต่อ ร่างกาย ส่วนเกรปฟรุตช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งกระเพราะอาหารและมะเร็งตับอ่อน สารต้านอนุมูลอิสระในเกรปฟรุตช่วยปกป้องสารพิษที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

9. กระเทียม จากหลายการศึกษาให้ผลตรงกันถึงคุณสมบัติของกระเทียมในการทำความสะอาดร่างกาย นั่นคือ การกินกระเทียมเพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ขับและฆ่าพยาธิในทางเดินอาหาร และฆ่าเชื้อไวรัส โดยเฉพาะทำความสะอาดเลือดและระบบลำไส้ ทำให้เส้นเลือดมีความยืดหยุ่นและลดแรงดันโลหิต นอกจากนี้ยังต่อต้านการเกิดมะเร็งและทำให้ระบบทางเดินหายใจดีขึ้น แต่ก็ควรระวังเรื่องการกินกระเทียมมากเกินไป ซึ่งก่อให้เกิดลมหายใจที่มีกลิ่นกระเทียมไปด้วย

8. บลูเบอร์รี่ เป็นผลไม้ที่มีค่าแอนติออกซิแดนต์สูงมากชนิดหนึ่งและถือเป็นหนึ่งในสุดยอด อาหารรักษาโรค เนื่องจากในบลูเบอร์รี่มีสารแอสไพรินตามธรรมชาติ ซึ่งช่วยลดการระคายเคือง สารที่มีในบลูเบอร์รี่สามารถเข้าไปขัดขวางแบคทีเรียในทางเดินปัสสาวะ ส่งผลให้ลดการติดเชื้อในทางเดินปัสสาวะ

7. กะหล่ำ เต็มไปด้วยสารต่อต้านมะเร็งและอนุมูลอิสระ ( Antioxidant ) และช่วยตับขับฮอร์โมนที่มากเกินไป ซึ่งอาจเป็นฮอร์โมนความเครียดที่มีผลเสียต่อร่างกาย ทั้งยังช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร รักษาและปกป้องกระเพราะอาหารจากแบคทีเรียและไวรัสต่างๆ พืชตระกูลกะหล่ำ ได้แก่ กะหล่ำปลี กะหล่ำดอก บรอกโคลี และกะหล่ำปม ผักเหล่านี้ช่วยทำความสะอาดร่างกายและช่วยกำจัดของเสียจากสิ่งแวดล้อม เช่น ของเสียจากควันบุหรี่ ควันจากท่อไอเสีย และช่วยให้ตับผลิตเอนไซม์ออกมาให้เพียงพอในการกำจัดของเสีย

6. บีตรูต ผักสีแดงที่นิยมใส่ในสลัดนี้นับเป็นผักมหัศจรรย์ซึ่งเประกอบไปด้วยไฟโรเคมี คอล ( Phytochemical ) วิตามินและเกลือแร่หลายชนิด ซึ่งทำให้บีตรูตมีคุณสมบัติต่อต้านชื้อโรค ทำความสะอาดเลือด ตับและระบบน้ำเหลือง อีกทั้งมีคุณสมบัติช่วยให้ร่างกายรับออกซิเจนได้มากขึ้น จึงช่วยกำจัดของเสียได้ง่ายและเร็วขึ้น ซึ่งจากกการศึกษาเมื่อไม่นานมานี้พบว่าบีตรูตช่วยปรับระดับกรด-ด่างในเลือด ให้สมดุลด้วย

5. อะโวคาโด อาจยังไม่เป็นที่รู้จักมากนัก แต่ปัจจุบันเราก็สามารถหาซื้ออะโวคาโดได้จากตลาดทั่วไป ในอะโวคาโดมีสารกลูตาไทโอน(Glutathione ) ที่สามารถช่วยลดคอเลสเตอรอลและป้องกันหลอดเลือดอุดตัน ทำให้หลอดเลือดมีความยืดหยุ่น ทั้งช่วยจับสารพิษที่เป็นตัวก่อให้เกิดมะเร็งกว่า 30 ชนิด และขณะเดียวกันก็ช่วยให้ตับกำจัดของเสียจำพวกสารเคมีและโลหะหนัก ซึ่งนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยมิชิแกน ( University of Michigan ) พบว่าผู้สูงอายุซึ่งกินอาหารที่มีสารกลูตาไทโอนสูงจะมีสุขภาพดีกว่าคนที่ไม่ ได้กิน และมีอัตราการเกิดโรคหัวใจน้อยกว่า 30 เปอร์เซ็นต์

4. ตำลึง ผักใบเขียวที่ขึ้นข้างรั้วหาง่าย และราคาไม่แพงนี้ ในสมัยก่อนเรามักนำมาทำแกงจืดตำลึงโดยใสเนื้อสัตว์น้อยๆ แต่ปัจจุบันดูเหมือนว่าแกงจืดตำลึงจะมีตำลึงอยู่ไม่กี่ใบ และมีหมูสับเต็มไปหมด ซึ่งตำลึงมีคุณสมบัติ ช่วยผลิตน้ำดีที่จะทำให้ลำไส้ขับสารพิษออกจากร่างกายได้ดีขึ้น นอกจากนี้สารที่มีอยู่ในตำลึงยังช่วยให้ตับสลายไขมันในร่างกายด้วย

3. แอปเปิ้ล ประกอบไปด้วยเพกตินสูง เพกตินเป็นไฟเบอร์ชนิดหนึ่งที่ช่วยจับคอเลสเตอรอลและโลหะหนักในร่างกายที่ ปะปนมากับอาหาร เช่น ปรอท ตะกั่ว ซึ่งทำลายเซลล์สมอง นี่คือเหตุผลที่เราควรจะกินแอปเบิลเพื่อล้างสารพิษออกจากร่างกาย นอกจากนี้ยังมีคุณประโยชน์ช่วยต่อต้านการเกิดมะเร็ง ฆ่าเชื้อแบคทีเรียและเชื้อไวรัส จากการศึกษาทดลองยังพบว่าแอปเปิลช่วยขับสารเคมีที่ปนเปื้อนในอาหาร ซึ่งก่อให้เกิดอาการแพ้ในเด็ก และทำให้เกิดไมเกรนในผู้ใหญ่ได้

2. อัลมอนด์ เป็นถั่วที่มีใยอาหารสูง มีแคลเซียมและโปรตีนที่ดีต่อร่างกาย แม้จะมีไขมัน แต่ก็เป็นไขมันที่ดีและจำเป็นต่อร่างกายในระหว่างที่เราทำการล้างพิษจึงควร กินอัลมอนด์ นอกจากนี้อัลมอนด์ยังช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งถ้าระดับน้ำตาลในเลือดสูงก็จะเกิดอาการไฮเปอร์ไกลซีเมีย ( Hyperglycemia ) ทำให้รู้สึกหิวน้ำมากกว่าปกติ หายใจไม่ออก ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ และหากน้ำตาลในเลือดต่ำที่เรียกว่า ไฮโปไกลซีเมีย( Hypoglycemia )จะทำให้เกิดอาการหน้ามืด
เป็นลม ใจสั่น ไม่มีแรง คิดอะไรไม่ออก

1. กล้วย (Thai Banana) มีคุณสมบัติในการบำรุงและสร้างความแข็งแรงแก่กระเพาะอาหาร ในขณะเดียวกันก็ให้เกลือแร่ที่จำเป็นแก่ร่างกาย เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียมช่วยควบคุมระดับของเหลวในร่างกายโดยช่วยขับของเหลว หรือสารพิษส่วนเกิออกจากร่างกายโดยช่วยขับของเปลว หรือสารพิษส่วนเกินออกจากร่างกายได้ดีขึ้น การกินกล้วยเป็นประจำยังช่วยป้องกันท้องผูก ทำให้ระบบขับถ่ายเป็นปกติอีกด้วย

นี่คือความสุดยอดของบ้านเมืองเรา.....ซึ่งบ้านเมืองอื่น..แอบอิจฉา

ข้อมูลจาก http://www.amulet.in.th

ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ.2552 http://www.thairath.co.th/content/life/13421

Wednesday, June 17, 2009

คณิตศาสตร์พิลึก (Weird Mathematic / Strange Mathematic)


เรื่องพิลึกแปลก ๆ ของความประหลาดในศาสตร์แห่งการคำนวณ ที่หลายคนอาจนึกไม่ถึง จึงขอเรียกว่า คณิตศาสตร์พิลึก หรือเรียกย่อ ๆ ว่า คณิตพิลึก ทีนี้เรามาลองดูว่า ต่อไปนี้ จริงเท็จประการใด (รวบรวมได้จากอินเตอร์เน็ต)


1)กำหนดให้ a = b ที่ไม่เท่ากับศูนย์
a^2 = ab
เอา b^2 ลบทั้ง 2 ข้างของสมการ
a^2 - b^2 = ab - b^2
จัดรูปใหม่
(a - b)(a + b) = b(a - b)
a + b = b
2 = 1
(เป็นไปแล้วว่า มันพิลึก จึงเป็น คณิตพิลึก)

2) sqrt(-1) = sqrt(-1) ; sqrt หมายถึง รากที่สอง
sqrt(-1/1) = sqrt(1/-1)
sqrt(-1) / sqrt(1) = sqrt(1) / sqrt(-1)
sqrt(-1)*sqrt(-1) = sqrt(1)*sqrt(1)
-1 = 1
(คณิตพิลึก)

3) Int( 1/x ) ; Int = อินทิเกรท แบบไม่จำกัดช่วง (Indefinite integral)
Int( 1/x )= Int( 1 * 1/x )
เมื่อใช้ Integration by parts
= x * 1/x - Int( x * ( -1/(x^2) ) )
Int( 1/x )= 1 + Int( 1/x ),
จะได้ 0 = 1.
คณิตศาสตร์พิลึก

4) เรารู้ว่า 1/3 = 0.33333...
1 = 3 * 1/3 = 3 * .33333... = .99999....
อ้าว ไหง 1 กลายเป็นเท่ากับ 0.9999... ไปได้หนอ

5) N = 0.99999...
10N = 9.9999....
เขียนใหม่เป็น
9N+N = 9 + 0.99999...
นั่นคือ จะได้
9N = 9 (all decimal portion is canceled out)
N = 1 ให้เปรียบเทียบกับที่กำหนดตอนแรก N = 0.99999...

6)
1) x = 3.99999...
2) 10 x = 39.99999... multiply both sides by 10.
3) 9 x = 36 subtract 1) from 2).
4) x = 4 divide both sides by 9.
5) 3.99999... = 4 substitute the value of x as given in 1)

7)
x*x = x + x + x + ... + x (x times)
d/dx (x*x) = d/dx ( x + x + x + ... + x )
d/dx (x*x) = d/dx (x) + d/dx (x) + ... d/dx (x)
2x = 1 + 1 + ... + 1
2x = x
2 = 1

8)
a/b + c/d = (ad + bc)/bd,
1 = 0 + 1 = 0/0 + 1/1 = (1*0 + 0*1)/(0*1) = 0/0 = 0
จะได้เป็น 1 = 0

9)
16 - 36 = 25 - 45 [both are -20 ]
4^2 - 2*4*9/2 + (9/2)^2 = 5^2 - 2*5*9/2 + (9/2)^2
[adding (9/2)^2 on both sides, rewriting 36 = 2*4*9/2, etc ]

(4 - 9/2)^2 = (5 - 9/2)^2
4 - 9/2 = 5 - 9/2 [ take square root of both sides ]
we get : 4 = 5 [adding 9/2 to each side]

หมายเหตุ 1)-9) ได้มาจาก http://www.creatievepuzzels.com/spel/speel1/speel2/raarmath.htm



เมื่อ พิจารณาเลขฐานต่าง ๆ ตั้งแต่ฐาน 2 ถึง ฐาน 36 ของ 2.5(ฐาน10)

Base 2 : 10.1 = 1 x 2^1 + 0 x 2^0 + 1 x 2^-1
Base 3 : 2.11111111111111111111111111111111111111111111111111... = 2 x 3^0 + 1 x 3^-1 + 1 x 3^-2 + 1 x 3^-3 + 1 x 3^-4 + 1 x 3^-5 + 1 x 3^-6 + 1 x 3^-7 + 1 x 3^-8 + 1 x 3^-9 + 1 x 3^-10 + 1 x 3^-11 + 1 x 3^-12 + 1 x 3^-13 + 1 x 3^-14 + 1 x 3^-15 + 1 x 3^-16 + 1 x 3^-17 + 1 x 3^-18 + 1 x 3^-19 + 1 x 3^-20 + 1 x 3^-21 + 1 x 3^-22 + 1 x 3^-23 + 1 x 3^-24 + 1 x 3^-25 + 1 x 3^-26 + 1 x 3^-27 + 1 x 3^-28 + 1 x 3^-29 + 1 x 3^-30 + 1 x 3^-31 + 1 x 3^-32 + 1 x 3^-33 + 1 x 3^-34 + 1 x 3^-35 + 1 x 3^-36 + 1 x 3^-37 + 1 x 3^-38 + 1 x 3^-39 + 1 x 3^-40 + 1 x 3^-41 + 1 x 3^-42 + 1 x 3^-43 + 1 x 3^-44 + 1 x 3^-45 + 1 x 3^-46 + 1 x 3^-47 + 1 x 3^-48 + 1 x 3^-49 + 1 x 3^-50 + ...
Base 4 : 2.2 = 2 x 4^0 + 2 x 4^-1
Base 5 : 2.22222222222222222222222222222222222222222222222222... = 2 x 5^0 + 2 x 5^-1 + 2 x 5^-2 + 2 x 5^-3 + 2 x 5^-4 + 2 x 5^-5 + 2 x 5^-6 + 2 x 5^-7 + 2 x 5^-8 + 2 x 5^-9 + 2 x 5^-10 + 2 x 5^-11 + 2 x 5^-12 + 2 x 5^-13 + 2 x 5^-14 + 2 x 5^-15 + 2 x 5^-16 + 2 x 5^-17 + 2 x 5^-18 + 2 x 5^-19 + 2 x 5^-20 + 2 x 5^-21 + 2 x 5^-22 + 2 x 5^-23 + 2 x 5^-24 + 2 x 5^-25 + 2 x 5^-26 + 2 x 5^-27 + 2 x 5^-28 + 2 x 5^-29 + 2 x 5^-30 + 2 x 5^-31 + 2 x 5^-32 + 2 x 5^-33 + 2 x 5^-34 + 2 x 5^-35 + 2 x 5^-36 + 2 x 5^-37 + 2 x 5^-38 + 2 x 5^-39 + 2 x 5^-40 + 2 x 5^-41 + 2 x 5^-42 + 2 x 5^-43 + 2 x 5^-44 + 2 x 5^-45 + 2 x 5^-46 + 2 x 5^-47 + 2 x 5^-48 + 2 x 5^-49 + 2 x 5^-50 + ...
Base 6 : 2.3 = 2 x 6^0 + 3 x 6^-1
...

Base 28 : 2.E = 2 x 28^0 + 14 x 28^-1
Base 29 : 2.EEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEEE... = 2 x 29^0 + 14 x 29^-1 + 14 x 29^-2 + 14 x 29^-3 + 14 x 29^-4 + 14 x 29^-5 + 14 x 29^-6 + 14 x 29^-7 + 14 x 29^-8 + 14 x 29^-9 + 14 x 29^-10 + 14 x 29^-11 + 14 x 29^-12 + 14 x 29^-13 + 14 x 29^-14 + 14 x 29^-15 + 14 x 29^-16 + 14 x 29^-17 + 14 x 29^-18 + 14 x 29^-19 + 14 x 29^-20 + 14 x 29^-21 + 14 x 29^-22 + 14 x 29^-23 + 14 x 29^-24 + 14 x 29^-25 + 14 x 29^-26 + 14 x 29^-27 + 14 x 29^-28 + 14 x 29^-29 + 14 x 29^-30 + 14 x 29^-31 + 14 x 29^-32 + 14 x 29^-33 + 14 x 29^-34 + 14 x 29^-35 + 14 x 29^-36 + 14 x 29^-37 + 14 x 29^-38 + 14 x 29^-39 + 14 x 29^-40 + 14 x 29^-41 + 14 x 29^-42 + 14 x 29^-43 + 14 x 29^-44 + 14 x 29^-45 + 14 x 29^-46 + 14 x 29^-47 + 14 x 29^-48 + 14 x 29^-49 + 14 x 29^-50 + ...
Base 30 : 2.F = 2 x 30^0 + 15 x 30^-1
Base 31 : 2.FFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFFF... = 2 x 31^0 + 15 x 31^-1 + 15 x 31^-2 + 15 x 31^-3 + 15 x 31^-4 + 15 x 31^-5 + 15 x 31^-6 + 15 x 31^-7 + 15 x 31^-8 + 15 x 31^-9 + 15 x 31^-10 + 15 x 31^-11 + 15 x 31^-12 + 15 x 31^-13 + 15 x 31^-14 + 15 x 31^-15 + 15 x 31^-16 + 15 x 31^-17 + 15 x 31^-18 + 15 x 31^-19 + 15 x 31^-20 + 15 x 31^-21 + 15 x 31^-22 + 15 x 31^-23 + 15 x 31^-24 + 15 x 31^-25 + 15 x 31^-26 + 15 x 31^-27 + 15 x 31^-28 + 15 x 31^-29 + 15 x 31^-30 + 15 x 31^-31 + 15 x 31^-32 + 15 x 31^-33 + 15 x 31^-34 + 15 x 31^-35 + 15 x 31^-36 + 15 x 31^-37 + 15 x 31^-38 + 15 x 31^-39 + 15 x 31^-40 + 15 x 31^-41 + 15 x 31^-42 + 15 x 31^-43 + 15 x 31^-44 + 15 x 31^-45 + 15 x 31^-46 + 15 x 31^-47 + 15 x 31^-48 + 15 x 31^-49 + 15 x 31^-50 + ...
Base 32 : 2.G = 2 x 32^0 + 16 x 32^-1
Base 33 : 2.GGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGGG... = 2 x 33^0 + 16 x 33^-1 + 16 x 33^-2 + 16 x 33^-3 + 16 x 33^-4 + 16 x 33^-5 + 16 x 33^-6 + 16 x 33^-7 + 16 x 33^-8 + 16 x 33^-9 + 16 x 33^-10 + 16 x 33^-11 + 16 x 33^-12 + 16 x 33^-13 + 16 x 33^-14 + 16 x 33^-15 + 16 x 33^-16 + 16 x 33^-17 + 16 x 33^-18 + 16 x 33^-19 + 16 x 33^-20 + 16 x 33^-21 + 16 x 33^-22 + 16 x 33^-23 + 16 x 33^-24 + 16 x 33^-25 + 16 x 33^-26 + 16 x 33^-27 + 16 x 33^-28 + 16 x 33^-29 + 16 x 33^-30 + 16 x 33^-31 + 16 x 33^-32 + 16 x 33^-33 + 16 x 33^-34 + 16 x 33^-35 + 16 x 33^-36 + 16 x 33^-37 + 16 x 33^-38 + 16 x 33^-39 + 16 x 33^-40 + 16 x 33^-41 + 16 x 33^-42 + 16 x 33^-43 + 16 x 33^-44 + 16 x 33^-45 + 16 x 33^-46 + 16 x 33^-47 + 16 x 33^-48 + 16 x 33^-49 + 16 x 33^-50 + ...
Base 34 : 2.H = 2 x 34^0 + 17 x 34^-1
Base 35 : 2.HHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHHH... = 2 x 35^0 + 17 x 35^-1 + 17 x 35^-2 + 17 x 35^-3 + 17 x 35^-4 + 17 x 35^-5 + 17 x 35^-6 + 17 x 35^-7 + 17 x 35^-8 + 17 x 35^-9 + 17 x 35^-10 + 17 x 35^-11 + 17 x 35^-12 + 17 x 35^-13 + 17 x 35^-14 + 17 x 35^-15 + 17 x 35^-16 + 17 x 35^-17 + 17 x 35^-18 + 17 x 35^-19 + 17 x 35^-20 + 17 x 35^-21 + 17 x 35^-22 + 17 x 35^-23 + 17 x 35^-24 + 17 x 35^-25 + 17 x 35^-26 + 17 x 35^-27 + 17 x 35^-28 + 17 x 35^-29 + 17 x 35^-30 + 17 x 35^-31 + 17 x 35^-32 + 17 x 35^-33 + 17 x 35^-34 + 17 x 35^-35 + 17 x 35^-36 + 17 x 35^-37 + 17 x 35^-38 + 17 x 35^-39 + 17 x 35^-40 + 17 x 35^-41 + 17 x 35^-42 + 17 x 35^-43 + 17 x 35^-44 + 17 x 35^-45 + 17 x 35^-46 + 17 x 35^-47 + 17 x 35^-48 + 17 x 35^-49 + 17 x 35^-50 + ...
Base 36 : 2.I = 2 x 36^0 + 18 x 36^-1

ที่มา http://www.vanannies.com/how-to-calculate-numeric-base-from-decimal

Friday, June 12, 2009

โรคเอดส์ AIDS ระบาดง่ายขึ้น

คนไทยเริ่มคุ้นเคย กับ โรคเอดส์ (AIDS)ที่เกิดจากเชื้อ เอชไอวี(HIV) จนลืมไปว่ามันเป็นโรคร้ายแรงถึงชีวิต เพื่อนของผมเคยพูดไว้เมื่อหลายปีก่อนว่า การเป็นปู่ย่าตายายจะเป็นเรื่องยากขึ้น เพราะโรคเอดส์ ทำให้หมดพันธ์ สูญพันธ์ ผมเคยได้รู้ว่า มีหมู่บ้านทางภาคเหนือหลายหมู่บ้าน เป็นโรคเอดส์กันเกือบยกหมู่บ้าน มันช่างน่ากลัวจริง ๆ

โอกาสที่จะติดโรค เอดส์ จะลดลงเมื่อเราระมัดระวัง และมีการใช้ถุงยางอนามัย การตรวจหาเชื้อ ควรทำอย่างน้อย 2 ครั้ง โดยห่างกัน สัก 6 เดือน เพื่อรอให้เชื้อฟักตัว และยืนยันว่า positive (ใช่เลย ว่า เป็นโรคเอดส์ ที่เราเรียกว่า เลือดบวก) หรือ negative (ไม่เป็นโรคเอดส์)


วันที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 07:00:25 น. มติชนออนไลน์

เจอ"เอดส์พันธุ์ใหม่"ในหญิงไทยตั้งครรภ์ 2 ราย คาดมาจาก"แอฟริกา" เผย"ติดเชื้อ-ระบาด"ง่ายกว่าเดิม

เจอ"เอดส์พันธุ์ใหม่"ในหญิงไทย ที่ตั้งครรภ์ 2 ราย คาดมาจาก"แอฟริกา" เผยต้องเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น เพราะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัสในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ติดเชื้อได้ง่ายและแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น แต่ยังป้องกันได้หากสวมถุงยาง


นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ถึงกรณีคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล พบผู้ป่วยเอดส์ 2 ราย ติดเชื้อสายพันธุ์ใหม่ ที่อาจไม่เคยพบมาก่อนในโลก โดยรายแรกเป็นเชื้อเอชไอวีผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จีและดี เรียกว่า เอจี-ดี(AG/D) ส่วนรายที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี(AE/G) ว่า ขณะนี้ยังไม่ทราบตัวเลขว่ามีผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมนี้มากน้อยแค่ ไหน แต่ต้องเฝ้าระวังเข้มข้นขึ้น ส่วนผู้ป่วยทั้ง 2 รายดังกล่าวไม่สามารถสอบสวนกลับไปได้ว่า ติดเชื้อมาอย่างไร เนื่องจากงานวิจัยชิ้นนี้เป็นการตรวจสอบเชื้อจากเลือดของผู้ป่วย ที่ไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นของใคร แต่คาดว่าผู้ติดเชื้ออาจเคยเดินทางไปหรือมีแฟนเป็นคนในประเทศแถบทวีปแอฟริกา


นพ.สมศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้มีการศึกษาเรื่องการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี เนื่องจากทั่วโลกมีไวรัสเอชไอวีกว่า 20 สายพันธุ์ หาก ศึกษาพบสายพันธุ์ใหม่ จะส่งผลต่อการป้องกันและควบคุมโรค ที่จำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงแนวทางการป้องกันโรคใหม่ แต่ปัจจุบันยังไม่พบสายพันธุ์ใหม่ ที่ส่งผลจนจำเป็นต้องเปลี่ยนการป้องกัน รวมถึงสายพันธุ์ผสมที่พบใหม่นี้ด้วย ที่ยังสามารถป้องกันได้ด้วยการสวมถุงยางอนามัยทุกครั้ง ที่มีเพศสัมพันธ์ ส่วนการรักษาก็สามารถใช้ยาต้านไวรัสที่มีอยู่ คือ ยาสูตรพื้นฐานและยาสูตรดื้อยาได้ตามปกติ โดยประเทศไทยมีผู้ป่วยที่ได้รับยาต้านไวรัสประมาณ 2 แสนคน รับยาสูตรพื้นฐานประมาณ 1.5 -1.6 แสนคน และอีก 4-5 หมื่นคนรับยาสูตรดื้อยา


"จุดแตกต่างสำคัญของเชื้อไวรัสเอชไอวีสายพันธุ์ผสมกับสายพันธุ์ไทย คือจำนวนเชื้อในสารคัดหลั่งของสายพันธุ์ลูกผสมมีมากกว่า เช่น ในน้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ไทย 1 ซีซี จะมีจำนวนเชื้อ 10 ตัว ขณะที่น้ำอสุจิของผู้ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ผสมจะมีเชื้อ 20 ตัว เป็นต้น ซึ่งจะส่งผลให้การแพร่เชื้อง่ายขึ้น เพราะมีปริมาณเชื้อจำนวนมากขึ้น โอกาสติดก็มากขึ้น ส่วนอัตราการดื้อยาน่าจะมีเท่ากัน คือ ประมาณร้อยละ 10" นพ.สมศักดิ์กล่าว


ขณะที่ ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง สุทเธนทร์ หัวหน้าภาควิชาจุลชีววิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล กล่าวว่า พบหญิง 2 คนที่มาฝากครรภ์กับโรงพยาบาล ติดเชื้อเอชไอวีสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยตรวจพบในโลกมาก่อน จากปกติเชื้อเอชไอวีที่ระบาดในไทยมีเพียง 2 สายพันธุ์ คือ สายพันธุ์เอ-อี (A/E) และสายพันธุ์บี (B) โดยสายพันธุ์เอ-อี จะพบมากกว่าร้อยละ 90 ทั้งนี้ทุกปีจะมีโครงการวิจัยเพื่อตรวจสอบการเปลี่ยนแปลงของสายพันธุ์เอชไอ วี โดยนำเลือดของผู้ติดเชื้อเอชไอวีที่เป็นคนไทยมาถอดรหัสตรวจหาสายพันธุ์เอดส์ ซึ่งปีนี้พบความผิดปกติจากตัวอย่างเลือด 2 คน จากกลุ่มตัวอย่างที่ส่งมาทั้งหมด 44 คน เนื่องจากถอดรหัสออกมาพบว่าเป็นสายพันธุ์เอชไอวีที่ไม่เหมือนเดิม คนแรกเป็นเชื้อเอชไอวีที่ผสมระหว่าง 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ จี และดี เรียกว่า เอจี-ดี (AG/D) ส่วนคนที่สองเป็นเชื้อเอชไอวีผสม 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เอ อี และจี เรียกว่า เออี-จี (AE/G)

ศ.ดร.พญ.รวงผึ้ง กล่าวต่อไปว่า เชื้อเอชไอวีลูกผสม 3 สายพันธุ์ ไม่เคยมีรายงานการพบมาก่อน โดยสายพันธุ์จีกับดีส่วนใหญ่มักพบในทวีปแอฟริกาโดยเฉพาะไนจีเรีย ส่วนของไทยจะเป็นเออี ตอนนี้สแกนยีนออกมาแล้ว 500 เบส จากทั้งหมด 1,700 เบส เมื่อศึกษาระดับโมเลกุลครบทั้งหมดแล้ว จึงจะทราบรายละเอียดว่าเป็นเชื้อที่แพร่มาจากพื้นที่ใดของโลก ตอนนี้ตั้งสมมติฐานว่าหญิงทั้ง 2 คนได้รับเชื้อมาจากชาวแอฟริกัน ทั้งนี้ไม่มีใครรู้เลยว่าสายพันธุ์จีกับดีเข้าไทยมานานหรือยัง ที่น่าเป็นห่วงคือสายพันธุ์เอชไอวีจากแอฟริกาจะมีความเข้มข้นของเชื้อไวรัส เอดส์ในสารคัดหลั่งมากกว่า ทำให้ผู้สัมผัสติดเชื้อได้ง่ายและแพร่ระบาดเร็วกว่าสายพันธุ์จากทวีปอื่น

ความจริง-สุวรรณภูมิได้แค่ 3 ดาว (เต็ม 5) และปรับปรุงต่อไป

เมื่อผลการจัดอันดับออกมา คงต้องยอมรับ ว่า ก่อนหน้านี้ เราสร้างภาพให้กับตัวเองว่า ของเราดี ของเราเจ๋ง แต่คนอื่นไม่เห็นด้วย ว่า สุวรรณภูมิ สนามบินแห่งนี้ ดี เจ๋ง เพราะเขาให้เราแค่ 3 ดาว สู้สนามบินเล็ก ๆ ของเกาหลีไม่ได้ เราจึงต้องหันมามองตัวเอง และปรับปรุงว่า จะดีขึ้นมาได้สักเท่าไร ..

วันที่ 09 มิถุนายน พ.ศ. 2552 เวลา 17:28:47 น. มติชนออนไลน์
สนามบิน"เกาหลีใต้"คว้าที่ 1 ดีสุดในโลก เฉือนชนะฮ่องกง "สุวรรณภูมิ"ของไทย ไม่ติดอันดับ

"สกายแทร็กซ์"จัดอันดับสนามบินที่ดีที่สุด ในโลก ประจำปี 2552 "เกาหลีใต้"คว้าที่ 1 ไปครอง "ฮ่องกง" ถูกเฉือนชนะร่วงไปเป็นที่ 2 ส่วน "สุวรรณภูมิ" ของไทย ไม่ติดอันดับ

สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานเมื่อวันที่ 9 มิถุนายน ว่า สนามบินนานาชาติอินชอนของเกาหลีใต้ได้รับการเลือกให้เป็นสนามบินที่ดีที่สุด ในโลกประจำปี 2552 โดยเฉือนเอาชนะสนามบินนานาชาติฮ่องกง ซึ่งเป็นอันดับ 1 เมื่อปีที่แล้วไปได้ โดยผลสำรวจดังกล่าวจัดทำขึ้นโดยสกายแทร็กซ์ บริษัทที่ปรึกษาด้านการบินของอังกฤษ โดยครอบคลุมสนามบินมากกว่า 190 แห่งทั่วโลกจากการสอบถามความคิดเห็นของผู้โดยสารเครื่องบินทั่วโลก 8,600,000 คน ระหว่างปี 2551-2552

สกายแทร็กซ์ระบุไว้ในแถลงการณ์ว่า คะแนนของสนามบินที่ได้ 3 อันดับแรกในการจัดอันดับสนามบินยอดเยี่ยมของโลกนั้นสูสีกันมาก โดยอันดับ 3 เป็นสนามบินนานาชาติชางงี ของสิงคโปร์ ซึ่งปีที่แล้วอยู่ในอันดับที่ 2

เอ็ดเวิร์ด เพลสเต็ด ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร (ซีอีโอ) ของสกายแทร็กซ์ระบุว่า สนามบินอินชอนอยู่ใน 5 อันดับแรกของการจัดอันดับรางวัลสนามบินยอดเยี่ยมของโลกมาโดยตลอดในช่วง 5-6 ปีหลังมานี้ และเป็นความสำเร็จของสนามบินแห่งนี้ที่สามารถได้รับตำแหน่งที่สุดด้านความพอใจจากผู้โดยสารได้
ทั้งนี้ อันดับ 4 ได้แก่ สนามบินซูริค สวิตเซอร์แลนด์ อันดับ 5 สนามบินมิวนิค เยอรมนี อันดับ 6 สนามบินคันไซ ญี่ปุ่น อันดับ 7 สนามบินกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย อันดับ 8 สนามบินอัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์ อันดับ 9 สนามบินเซนแทร นาโกย่า ญี่ปุ่น และอันดับที่ 10 คือสนามบินอ๊อคแลนด์ นิวซีแลนด์

ส่วนสนามบินสุวรรณภูมิของประเทศไทยไม่ได้รับการจัดอันดับ โดยมีคะแนนรวมเฉลี่ยเพียงแค่ 3 ดาว จากคะแนนเต็ม 5 ดาวเท่านั้น

Thursday, June 11, 2009

ส้มตำ (Thai Papaya Salad) = อาหารไทยคุณภาพที่ควรได้ติดรางวัลที่หนึ่ง


มะละกอ นับเป็นผลไม้ชนิดหนึ่ง มีคุณประโยชน์มหาศาล เหมาะอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำหนัก เพราะมะละกอสุกหนักขีดครึ่ง (150g) ให้พลังงานประมาณ 60 แคลลอรี่ ซึ่งส่วนมากมาจากน้ำตาลที่อยู่ในตัวมะละกอสุก มีสารบำรุงสายตาที่เรียกว่า carotenoids lutein and zeaxanthin และ lycopene มีวิตามินอี (Alpha Tocopherol) มหาศาลสูงถึง 4 เท่าของส้มและแอปเปิ้ล การกินมะละกอทุกวันย่อมทำให้ชีวิตมีความสุขกายสบายใจ แถมมีวิตามินซีมโหราฬ วิตามินเอก็เพียบ

ดังนั้น การหันมากินมะละกอดิบ แทบไม่ให้พลังงานเลย นั่นคือ การกินส้มตำ ใส่ชูรสให้น้อยหน่อย เติมวัตถุที่ให้คุณค่าเพิ่มเติม จะเสริมให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรงเด้อ จะบอกให่

Thai Papaya is very low in Saturated Fat, Cholesterol and Sodium. Thai papaya is also a good source of Dietary Fiber and Potassium, and a very good source of Vitamin A, Vitamin C, Folate, Vitamin E (Alpha Tocopherol) and the eye-saving carotenoids lutein and zeaxanthin, and lycopene. Lycopene level in 100g papaya is about 2,000 UG (or 3,000 UG in one slice of 150g papaya). Thai papaya contains four times more vitamin E than both apples and oranges. Have you tasted Thai papaya or Thai papaya salad? They are taste so gooood ..

Sunday, June 7, 2009

เทคโนโลยี Harddiskless เข้ามาแทนที่ Harddisk


และแล้ว เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ก็เข้าสู่อีกขั้น จากที่ต้องใช้ ฮาร์ดดิส (จานบันทึกแบบแข็ง) เป็น ไม่มี ฮาร์ดดิส เพราะโดยความเป็นจริงแล้ว ในการใช้งาน เจ้า ฮาร์ดดิส ต้องหมุน หลายพันรอบต่อนาที ทำให้ต้องใช้พลังงานมาก อีกทั้งการดึงไฟล์ก็ช้า โดยเฉพาะเมื่อ ฮาร์ดดิส มีขนาดใหญ่ขึ้น ทำให้เสียเวลาในการค้นหาข้อมูลที่ต้องการ นับว่า harddisk มีประสิทธิภาพต่ำ ต้องกาารการดูแลมาก การจัดเรียงข้อมูลใน Harddisk หรือดีแฟลคเม้นท์(Defragment) ก็เสียเวลานาน การมี bad-sector เซกเตอร์เสีย หรือแบดเซกเตอร์ จะลามจนทำให้ ฮาร์ดดิส เสียหายทั้งอัน การทำตกหล่น ก็สามารถทำให้ harddisk เจ๊งได้ เหล่านี้เป็นข้อด้อยอย่างยิ่งของระบบ ฮาร์ดดิส

ความจำ ROM ในลักษณะของแฟลชไดรว์ (flash/ ) ที่มีขนาดใหญ่มาก ๆ จะค่อย ๆ ถูกนำมาใช้มากขึ้น แทน ฮาร์ดดิส เพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนแทนที่ ฮาร์ดดิส อย่างสมบูรณ์ และราคาจะถูกลงไปเรื่อย ๆ ทั้งนี้ การดึงข้อมูล harddiskless ก็รวดเร็ว ประหยัดพลังงาน ไม่ต้องมาคอย defragment ไม่มี bad-sector ทำหล่นก็ไม่มีผลอะไร ดึงไฟล์ขนาดใหญ่ออกมาดูได้เร็ว ไม่ต้องคอยกังวลเกี่ยวกับ hard disk failure

สถาบันการศึกษาไหนที่ตั้งศูนย์พัฒนาเรียนรู้เกี่ยวกับ harddiskless ก่อนย่อมได้เปรียบอย่างมาก

-ดูดู๋ดู ยักษ์ใหญ่ของโลก NEC ได้เปิดตัวโน๊ตบุ๊ค แบบ harddiskless
NEC introduces "PC Parafield" hard disk-less notebook

-128 GB flash-drive มีหลายยี่ห้อออกวางขายแล้วนะฮับ เช่น Kingston, DiskGO, .. ทำให้เห็นภาพที่ชัดยิ่งขึ้นไปอีกของ Harddiskless

Saturday, June 6, 2009

อีเอ็ม (EM) สุดเจ๋ง EM = The coolest

หลายคนเป็นมะเร็ง ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการใช้สารเคมีจำนวนมากในชีวิตประจำวัน ผมจึงอยากให้หันมามองหาสิ่งธรรมชาติที่อยู่ใกล้ตัวที่มีประโยชน์อย่า่งมากมาย คือ การใช้ EM สารสารพัดนึกก็ว่าได้
EM ( อีเอ็ม ) ย่อมาจาก Effective Microorganisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มี
ประสิทธิภาพซึ่ง Dr. Teruo Higa ผู้เชี่ยวชาญสาขาพืชสวนแห่งมหาวิทยาลัยริวคิว
เมืองโอกินาวา ประเทศญี่ปุ่น ได้ค้นพบ EM เมื่อ พ.ศ. 2526 ท่านอุทิศทุ่มเททำ
การวิจัยผลว่ากลุ่มจุลินทรีย์นี้ใช้ได้ผลจริง

จุลินทรีย์ EM ที่สามารถทำได้เป็นรายบุคคลง่าย ๆ จึงเลือก
- การชะล้างในครัวเรือน อาทิ ใช้ซักผ้า ล้างจาน ล้างห้องน้ำ เครื่องสุขภัณฑ์ ถูพื้น
ล้างรถ
ซักผ้า :- ปริมาณผ้าที่จะซัก 15 - 20 ก.ก. ต่อ จุลินทรีย์ EM ที่ขยายแล้ว 200 ml. ถ้าผ้า
สกปรกมากให้เพิ่มจุลินทรีย์ที่ขยายแล้วได้ ปั่นเครื่องซักผ้าให้จุลินทรีย์ EM ที่
ขยายแล้วเข้ากับเนื้อผ้าทุกชิ้นแล้วแช่ทิ้วไว้ 1 ชั่วโมง น้ำสุดท้ายคุณจะใส่น้ำยา
ปรับผ้านุ่มก็ได้ตามชอบ
ตั้งแต่วันที่ไปอบรมกลับบ้านมาซักผ้าด้วยจุลินทรีย์ EM พบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่
จะเบาและไม่ระคายผิว
ล้างจาน :- จุลินทรีย์ EM ที่ขยายแล้ว 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 500 ml.
ล้างห้องน้ำ :- จุลินทรีย์ EM ที่ขยายแล้ว ฉีดพ่นบนพื้นและผนังห้องใช้แปรงขัด
ก่อนเข้านอนใช้จุลินทรีย์ EM ที่ขยายแล้ว 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 500 ml.
เทที่ท่อระบายน้ำ กลิ่นอับชื้นที่ท่อระบายน้ำก็หายไป
เครื่องสุขภัณฑ์ :- จุลินทรีย์ EM ที่ขยายแล้ว 1 ช้อนโต๊ะเทลงในโถส้วมใช้แปรงขัด
โถส้วมขาวสะอาด
ถูพื้น :- จุลินทรีย์ EM ที่ขยายแล้ว 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 500 ml. พื้นเนียนน่านั่ง
ล้างรถ :- จุลินทรีย์ EM ที่ขยายแล้ว 1 ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 500 ml. สีรถกระจ่างแจ่มน่าจับ

พวกเศษผัก เศษอาหาร เศษใบไม้ ที่เป็นสารที่ย่อยสลายได้ง่าย สามารถนำมาลงถังหมัก เติมเชื้อ EM ปิดฝา ก็จะสามารถใช้ได้ตลอด ผ่านไปหลาย (2-3) เืดือน ก็จะได้สาร EM มาใช้ โดยนำ้ไปเจือจางแล้วนำไปใช้ประโยชน์ได้ตามต้องการ

เอ๋ .. ล้างหน้า แล้วจะใสเหมือนพวกครีมที่โฆษณาหรือเปล่าหนอ ใครช่วยบอกที

ไม่มียาเฉพาะ-วัคซีนป้องกันโรคชิคุนกุนยา -โรคไวรัสที่มียุงเป็นพาหะ


ต๊กกะใจ ที่ รัฐบาลไม่ใส่ใจประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนตื่นตัวเกี่ยวกับการป้องกันโรคชิคุนกุนยา จนแพร่กระจายจากภาคใต้สุดจนเกือบจะถึงกรุงเทพฯ อยู่แล้ว ทำให้ต้องเสียค่ายา เสียสุขภาพต่า่ง ๆ มากมาย น่าสงสารประเทศไทยจริง ๆ (ดูกันเอาเองว่า นักการเมือง และรัฐบาลกำลังทำอะไรกันอยู่)



ไทยรัฐออนไลน์ วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน พ.ศ.2552 http://www.thairath.co.th/content/edu/11068

การรักษาตามอาการ โดยให้ยาลดไข้ และยาแก้ปวดข้อ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์ โรคนี้ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงถึงชีวิตจะหายได้เอง และจะมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต ..

ผู้สื่อข่าวรายงานวันนี้ (6 มิ.ย.2552) ว่า ขณะนี้โรคชิคุนกุนยา หรือ โรคไข้ปวดข้อยุงลาย ได้แพร่ระบาดในจังหวัดทางภาคใต้ของประเทศไทยโดยมียุงลายเป็นพาหะทำให้เกิด โรค สถานการณ์ตั้งแต่ต้นปี จนถึงวันที่ 19 พ.ค.2552 พบว่า จำนวนผู้ป่วยสะสม 20,541 ราย อัตราป่วย 32.40 ต่อแสนประชากร ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต

โรค ไข้ปวดข้อยุงลาย เกิดจากเชื้อไวรัสชิคุนกุนยา สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วโดยมียุงลายเป็นพาหะนำโรค หลังจากกัดผู้ป่วยแล้วจะมีเชื้ออยู่ในตัวยุงได้ตลอดอายุขัยของยุง (1-3 เดือน) และเมื่อมากัดคนปกติก็จะถ่ายทอดเชื้อให้หลังจากระยะฟักตัว 1-12 วัน ผู้ถูกยุงมีเชื้อกัดจะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ และมีผื่นแดงตามร่างกาย แขน ขา ปวดข้อมากจนบางครั้งขยับไม่ได้ ส่วนใหญ่อาการจะหายภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่บางรายมีอาการปวดข้อนานเป็นเดือน

ทั้งนี้ ปัจจุบันยังไม่มียารักษาเฉพาะ และไม่มีวัคซีนป้องกัน ให้การรักษาตามอาการ โดยให้ยาลดไข้ และยาแก้ปวดข้อ แนะนำให้ใช้ยาพาราเซตามอล ถ้าอาการไม่ดีขึ้นให้ไปพบแพทย์ โรคนี้ส่วนใหญ่ไม่รุนแรงถึงชีวิตจะหายได้เอง และจะมีภูมิคุ้มกันตลอดชีวิต สำหรับการป้องกันควบคุมโรค ที่สำคัญ คือ ประชาชน ชุมชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต้องมีส่วนร่วมในการป้องกันการติดเชื้อและลด การแพร่ระบาดโรคไข้ปวดข้อยุงลายอย่างต่อเนื่อง

Thursday, June 4, 2009

สงคราม Is/Are ห่ำหั่น Was ปะทะ Were


การสงครามได้เกิดขึ้นมานาน เริ่มจาก Is กับ Are
ทำให้ต้องแยกความแตกต่าง
He is a tall man.
You are a handsome boy.
แล้ว ไอ ก็คว้า แอม ไปครอง
I am a student.

อดีตกาล "is ==> was"
"was" is the first and third person singular
เช่น I was early. ฉันมาก่อนเวลานัด (เกิดในอดีต)

อดีตกาล "are ==> were"
"were" is the second person singular and the plural
เช่น You were wrong. คุณผิด (เข้าใจผิด/พูดผิด/มีความผิด) (เกิดในอดีต)

สงครามก็เกิดต่อมาเมื่อ Was กับ Were เกิดศึกแย่งชิงระหว่างกัน

1 "subjunctive" (not a real situation) after wish เช่น I wish I were (ไม่ใช่ was) heavier on my feet.
ผมหวังว่า ผมจะมีน้ำหนักตัวที่มากกว่านี้ ซึ่งเป็นการสมมติ ไม่จริงแต่อย่างใด เพราะตอนนี้ผมน้ำหนักเบาอยู่เลย
ดังนั้น สามารถถือเป็นกฎได้ว่า ถ้าเห็น wish ก็ใช้ were ไปเลย เช่น
"I wish I were there", "I wish you were here", "I wish she were here" and so forth (และอื่น ๆ).

2 อยู่ใน "if-clause" เช่น

2.1 If a man was from Mars ถ้าผู้ชายคนหนึ่งมาจากดาวอังคาร :ซึ่งมีลักษณะบอกความไม่แน่นอน ไม่ชัดเจน เพราะ A man "may or may not" be from Mars แต่ถ้าจะบอกว่า ผู้ชายคนหนึ่งมาจากดาวอังคารอย่างแน่แท้ ก็ให้ใช้ is นั่นคือ If a man is from Mars

2.2 If a man were from Mars บอกอย่างชัด ว่า A man most certainly is NOT from Mars ผู้ชายคนหนึ่งไม่ได้มาจากดาวอังคารแน่ ๆ ซึ่งเป็นไปไม่ได้แน่ ๆ แต่จะให้ลองพิจารณาสมมตดู (สมมตินะครับสมมติ)ว่าถ้าผู้ชายคนหนึ่งเกิดจากดาวอังคาร จะเกิดอะไรขึ้น

3 ใช้ในกรณีประโยค suppose
Suppose I were to give you a choice of a single word to best describe yourself as an agribusiness manager, what word would you choose? ถ้าสมมติว่าผมให้คุณเลือกคำมาหนึ่งคำเพื่ออธิบายตัวคุณได้ดีที่สุดในฐานะที่เป็นผู้จัดการสินค้าเกษตร คุณจะเลือกคำไหนดีอ่ะ

ย่อมเป็นที่แน่แท้แล้วว่าสงครามนี้ทำให้เกิดความวุ่นวายสับสน เพราะฉะนั้น ถ้าคุณพูด จะใช้ was หรือ were ก็ได้ แต่ถ้าเขียนให้เห็น ก็ต้องทำตามอย่างที่อธิบายมานี้

วิธีจำ
"If I were you, I would .."
เช่น
If I were you, I would stay right where you are. ถ้าผมเป็นคุณ ผมจะยืนตรงที่คุณยืนอยู่ (ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ผมจะเป็นคุณ เพราะผมต้องเป็นผม และคุณก็เป็นคุณ)
หรือ จำจากเนื้อเพลง "If I were you" มีท่อนหนึ่งกล่าวไว้ว่า ..
If I were you, I'd stay by her side (I'd be running wild) I would never leave her. That's what I would do.

เอ เอ๋๋ .. ถ้าพูดเรื่องระลึกชาติได้ He helps you discover who were you in your past lives and get a past life reading about previous reincarnation and former lifetimes.

การทาบกิ่งมะม่วงแนวใหม่: The world best mangoes are from Thailand.


โดยปกติแล้วการขยายพันธุ์มะม่วงในบ้านเราส่วนใหญ่จะใช้วิธีการทาบกิ่ง โดยเริ่มต้นจากการเพาะต้นตอด้วยเมล็ดมะม่วงพื้นบ้าน เช่น มะม่วงแก้ว, ตลับนาค ฯลฯ เมื่อต้นมะม่วงมีอายุได้ประมาณ 1 ปี จะถอนต้นตอออกมาและตัดรากทิ้งออกบางส่วนนำมาอัดในขุยมะพร้าวและนำไปทาบกับ กิ่งมะม่วงพันธุ์ดี หลังจากทาบกิ่งไปประมาณ 45 วัน- 2 เดือน เมื่อรากในถุงออกดีจะตัดมาชำลงถุงดำเลี้ยงให้ต้นมะม่วงแข็งแรงและนำไป จำหน่ายหรือปลูกในแปลงต่อไป

คุณวารินทร์ ชิตะปัญญา เกษตรกร อำเภอบ้าน ฉาง จังหวัดระยอง หนึ่งในผู้บุกเบิกการปลูกมะม่วงอาร์ทูอีทูเพื่อการส่งออกของประเทศไทยได้ทำ การประยุกต์วิธีการทาบกิ่งมะม่วงแนวใหม่ด้วยการนำต้นตอมะม่วงพื้นบ้านที่มี ขนาดต้นเท่ากับแท่งดินสอและนำมาปาดแผลขึ้นทาบกับกิ่งมะม่วงอาร์ทูอีทูเลย เริ่มต้นจากการปาดกิ่งมะม่วงอาร์ทูอีทูให้เป็นแผลมีความยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว ต้นตอที่ถอนมาให้ปาดเป็นลิ่มแผลมีความยาวประมาณ 1-1.5 นิ้ว เช่นกัน ประกบแผลของต้นตอพื้นเมืองกับกิ่งอาร์ทูอีทูให้สนิทด้วยพลาสติกใสโดยพันจาก ด้านล่างขึ้นด้านบน หลังจากนั้นนำขุยมะพร้าวที่ผ่านการแช่น้ำประมาณ 2 กำมือบีบน้ำออกให้พอหมาด ๆ ใส่ลงในถุงพลาสติกหูหิ้วขนาด 6x7 นิ้ว ใช้ถุงหูหิ้วที่บรรจุขุยมะพร้าวมัดรวบรากต้นตอพื้นเมืองพร้อมกับ มัดอ้อมให้หูหิ้วยึดกับกิ่งมะม่วงอาร์ทูอีทู จากนั้นใช้เชือกฟางมัดถุงให้แน่น หลังจากนั้นประมาณเดือนครึ่ง จะเห็นรากมะม่วงสีน้ำตาลจากต้นตอเดินเต็มถุง ให้ตัดกิ่งไปชำลงถุงเลี้ยงต่อในโรงเรือนเพาะชำ

Thailand, the world best mangoes. You will have to try varieties mangoes from Thailand.

ในกรณีที่มีความต้องการต้นมะม่วงอาร์ทูอีทูที่มีขนาดต้นใหญ่ เกษตรกรควรจะใช้ต้นตอยกขึ้นทาบด้วยวิธีการเดียวกันสัก 2 ต้นตอ เพื่อให้กิ่งทาบมีรากหากินสมส่วนกับกิ่งขนาดใหญ่ เริ่มต้นใช้ขุยมะพร้าวประมาณ 2 กำมือเช่นกัน แต่จะต้องเพิ่มขนาดถุงที่บรรจุขุยมะพร้าวนำไปล้อมถุงขุยมะพร้าวเดิมให้มี ปริมาณขุยมะพร้าวเพิ่มมากขึ้น เมื่อพบว่ารากเดินเต็มถุงขุยมะพร้าวให้ตัดลงมาชำอนุบาลในโรงเรือน แต่ถ้าจะนำไปปลูกลงแปลงเลยก็ได้แต่จะต้องมีการทำหลังคาด้วยตาข่ายพรางแสง เพื่อบังแดดนานประมาณ 2 เดือน และมีการให้น้ำอย่างสม่ำเสมอ ที่สำคัญจะต้องมีไม้ค้ำยันเพื่อไม่ให้ต้นมะม่วงโยกคลอน

สำหรับเกษตรกรที่ปลูกมะม่วงพื้นบ้านและมีต้นขนาดใหญ่ มีความต้องการจะเปลี่ยนยอดให้เป็นมะม่วงอาร์ทูอีทู ที่ไต้หวันจะใช้วิธีการตัดต้นตอเก่าให้สูงจากพื้นดินประมาณ 30 เซนติเมตร นำยอดมะม่วงอาร์ทูอีทู โดยคัดเลือกยอดที่มีตุ่มตาแตกออกมา ทำการเปิด เปลือกต้นตอให้มีความกว้าง 1 เซนติเมตร และยาว 1 นิ้ว เฉือนแผลยอดพันธุ์อาร์ทูอีทูเป็นรูปลิ่มยาวประมาณ 1 นิ้ว เสียบลงบนต้นตอที่กรีดแผลไว้ ใช้เทปพันแผลให้แน่นจากล่างขึ้นบน ครอบด้วยถุงพลาสติกและใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ห่อทับอีกทีเพื่อป้องกันแสงแดด หลังจากนั้นประมาณ 2 อาทิตย์ ตุ่มตาจะแตกออกมา ให้แกะกระดาษหนังสือพิมพ์และถุงพลาสติกออก

ทวีศักดิ์ ชัยเรืองยศ ใน เดลินิวส์ออนไลน์ วันที่ 5 มิถุนายน 2552 เวลา 00:00 น
http://www.dailynews.co.th/web/html/popup_news/Default.aspx?Newsid=201159&NewsType=1&Template=1


** Best mangoes come from local mango trees. The taste and quality of mangoes have been developed to suited the specific tropical climate of Thailand, added with particular water available, made them even more special.

** The taste of real mangoes must from Thailand. You should have a chance to eat before you die, try them now. Natural sweet from mangoes increases you vitality due mainly to vitamins and mineral critical to your body need. Do not hesitate or wait, time flies.

Wednesday, June 3, 2009

โกรธ = Anger got Angry

ความโกรธ คือ อะไรหนอ "what does it meant for being angry?"

ความโกรธ เป็นอารมณ์รุนแรง เป็นความโมโหโกรธา ที่เกิดจากการไปรับรู้ หรือ สัมผัสสิ่งที่ทำให้เกิดความระคายเคืองต่อความรู้สึก

พระพยอมกล่าวไว้ว่า "โกรธ คือ โง่ โมโห คือ บ้า"
Angry = stupid + foolish,
rampage/chafe/fulminate = crazy + mad

เรียนรู้คำศัพท์
fulminate (verb) กริ้ว

1. กริ้ว
2. ระเบิด
3. เดือดดาล
4. โมโห
5. โกรธ
6. ร้องด่า



chafe (verb) = ฉุนเฉียว

1. ถู
2. สุ่ย
3. สี
4. ครูด
5. โกรธ
6. ฉุนเฉียว
7. โมโห
8. อารมณ์เสีย
9. เร่าร้อน


rampage = อาละวาด
noun

1. การอาละวาด
2. ความวุ่นวาย
3. ความโมโห
4. ความโมโหโทโส
5. การวิ่งพล่าน

verb
1. มีโทสะ
2. วุ่นวาย
3. ดุด่า
4. อาละวาด
5. โมโห

วกกลับเข้าเนื้อหา
่บางคนว่า "โกรธ บวก โมโห คือ แค้น"

"แค้น มาก แสดงว่า "โกรธ บวก โมโห" มาก หรือ "โง่ มาก บวก บ้า มาก" นั่นเอง
แสดงว่า "จิต" ถูกครอบงำ มาก ถ้าเป็นคนโกรธง่าย หรือ โมโห ง่าย จะน่ากลัวมาก เพราะจิตถูกครอบงำ ง่าย และเร็ว นับเป็น โทสะจริต ที่น่ากลัวยิ่ง เพราะการ"ขาดสติ หรือ ขาดซึ่งเหตุผล" เพราะถูกอารมณ์โกรธ เข้าครอบงำ

."การมี สติ จึงสำคัญม๊ากมาก" สำคัญกับตัวคนที่โกรธเอง เป็นไม่โกรธ แล้ว ความสุขใจ ก็จะมา
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิด


======= คุณต้องอ่าน A must read story =======
อยากให้อ่านข้อคิดดี ๆ ที่ได้จาก http://www.pongtorn.com/board/topic.php?id=6943

มีเด็กน้อยคนหนึ่งที่สีหน้าแสดงอารมณ์ไม่ค่อยจะดีนัก พ่อของเขาจึงให้ตะปูกับเขา 1 ถุง และบอกกับเขาว่า
“ทุกครั้งที่เขารู้สึกโมโห หรือโกรธใครสักคน ให้ตอกตะปู 1 ตัวเข้าไปกับรั้วที่หลังบ้าน”

วันแรกผ่านไป เด็กน้อยคนนั้นตอกตะปูเขาไปที่รั้วหลังบ้านถึง 37 ตัว และก็ค่อย ๆ ลดจำนวนลงเรื่อย ๆ ในแต่ละวันที่ผ่านไป ก็ลดจำนวนลง น้อยลง น้อยลง
เพราะเขารู้สึกว่า การรู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองให้สงบ ง่ายกว่าการตอกตะปูตั้งเยอะ

และแล้ว หลังจากที่เขาสามารถควบคุมตนเองได้ดีขึ้นใจเย็นมากขึ้น เขาจึงเข้าไปพบกับพ่อ
และบอกกับพ่อของเขาว่า เขาสามารถควบคุมอารมณ์ตนเองได้แล้ว ไม่มุทะลุเหมือนแต่ก่อนที่เคยเป็นมา พ่อยิ้ม และบอกกับลูกชายของเขาว่า

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจริงเจ้าต้องพิสูจน์ให้พ่อรู้ โดยทุกๆ ครั้งที่เขาสามารถควบคุมอารมณ์ฉุนเฉียวของตนเองได้ ให้ถอนตะปูออกจากรั้วหลังบ้าน 1 ตัว ทุกครั้ง”

วันแล้ววันเล่า เด็กน้อยคนนั้นก็ค่อยๆ ถอนตะปูออก ทีละตัว จาก 1 เป็น 2 …. จาก 2 เป็น 3
จนในที่สุดตะปูทั้งหมดก็ถูกถอนออก จนหมด เด็กน้อยดีใจมากรีบวิ่งไปบอกกับพ่อเขาว่า

“ฉันทำได้ ในที่สุดฉันก็ทำจนสำเร็จ !!”
พ่อไม่ได้พูดอะไร แต่จูงมือลูกของเขาออกไปที่รั้วหลังบ้าน และบอกกับลูกว่า

“ทำได้ดีมาก ลูกพ่อ และเจ้าลองมองกลับไปที่รั้วเหล่านั้นสิ เจ้าเห็นหรือไม่ว่า
รั้วนั้นมันไม่เหมือนเดิม ไม่เหมือน..กับที่มันเคยเป็น จำไว้นะลูก

เมื่อใดก็ตามที่เจ้าทำอะไรลงไปโดยใช้อารมณ์ สิ่งนั้นมันจะเกิดเป็นรอยแผล
เหมือนกับการเอามีดที่แหลมคมไปแทงใครสักคน ต่อให้ใช้คำพูด ว่า “ขอโทษ”
สักกี่หน ก็ไม่อาจลบความเจ็บปวด ไม่อาจลบรอยแผลที่เกิดขึ้นกับเขาคนนั้นได้

ฉันใดก็ฉันนั้น “กับเพื่อน” .. เพื่อนเปรียบเสมือน อัญมณีอันมีค่าที่หายาก
เป็นคนที่ทำให้เรายิ้ม เป็นคนที่คอยให้กำลังใจ และยินดีเมื่อเราพบกับความสำเร็จ
เป็นคนที่คอยปลอบใจเราเมื่อยามเศร้า ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับเรา และจริงใจกับเราเสมอ …

แสดงให้เขาเห็น ว่าเราห่วงใยเขามากแค่ไหน และระวังสิ่งที่เราทำไป
ไม่ว่าจะเป็นคำพูดหรือการกระทำ และจงจดจำไว้เสมอว่า ” คำขอโทษ “
ไม่ว่าเขาจะยกโทษให้เราหรือไม่ก็ตาม แต่สิ่งที่มันเกิดขึ้น
คือ รอยร้าวที่เขาคงไม่อาจลืมมันได้ …… ตลอดไป”
หวังว่านิทานนี้คงช่วยให้พวกเรา อยู่ร่วมกัน ทำงาน ร่วมกัน คบกัน
ด้วยความรู้สึกที่ดีต่อกันขึ้นเรื่อยๆ ตลอดไป…



ชีวิตไม่โกรธ: 9 วิธีการระงับโทสะ Anger Management
不生氣的生活: 9種平息怒氣的方法
โดย 原文作者: W. Vajramedhi ว.วชิรเมธี