Friday, January 18, 2013

การคืนดี:: reconciliation

การทะเลาะกันเกิดขึ้นได้บ่อยในชีวิตคนเรา  เมื่อมีการง้องอนกัน มีการให้อภัยกัน ก็สามารถคืนดีกันได้ คำภาษาอังกฤษ การคืนดี ตรงกับคำว่า reconciliation ซึ่งเป็นการคืนดีหรือการปรองดองกันนั่นเอง นับเป็นการประนีประนอม การไกล่เกลี่ย การทำให้คืนดีกัน การทำให้ลงรอยกัน

เขามองหาโอกาสเสมอ ๆ ที่จะได้คืนดีกับอดีตแฟนสาว
He always seeks reconciliation with his former girlfriend

การคืนดีของพวกเขาดูน่าสงสัย
Their reconciliation seems skeptical.

การปรองดองคืนดีกันจะต้องทำด้วยใจไม่ใช่เพียงการพูด
The permanent reconciliation must be done by hearts, not just saying. 

Dr.SoS


สันนิษฐานว่าตาย :: presumed dead

คนหายสาบสูญ จากเหตุการณ์ต่าง ๆ เช่น เหตุการณ์สึนามิ เมื่อหาไม่เจอเป็นระยะเวลานาน ก็อาจถูกสันนิษฐานว่าตาย  ซึ่ง ภาษาอังกฤษเรียกว่า "presumed dead"

หลังเหตุการณ์รุนแรงครั้งนั้น เขาก็หายตัวไป และถูกสันนิษฐานว่าตายเป็นเวลา 12 ปีก่อนที่จะถูกพบตัวที่เกาะทางใต้
After the violent, he was missing and presumed dead for twelve years before being discovered alive on a southern island.
Dr.SoS

Monday, January 14, 2013

ติดหนี้ :: owe

บุญคุณเป็นเรื่องของการติดค้างหนี้(หนี้น้ำใจ หนี้เงิน )

การเป็นหนี้ หรือ การติดหนี้ ใช้้คำภาษาอังกฤษ ว่า owe หรือ indebted

i owe you - ผมเป็นหนี้คุณ

วิธีใช้ owe somebody (something)

นาย Jo ยืมเงินผม 500 ดังนั้น Jo จึงดิดหนี้ผม 500
Jo borrow me 500, so he owe me 500.

อีกรูปแบบที่ใช้ได้ คือ
owe something (to somebody) (for something)
เช่น ลูกชายของเธอยังติดค้าง 500 กับเพื่อนบ้าน
Her son still owe 500 to the neighbor.

คุณติดค้างคำอธิบายพวกเรา
You owe us an explanation.

ผิดที่จะพูด passive voice ว่า An explanation is owed by you

พวกเขาติดค้างคำขออภัย
They are owed an apology.
ผิดที่จะพูด passive voice ว่า An apology is owed by them.

คุณติดค้างบุญคุณความช่วยเหลือจากผม
You owe me a favor!

มีบุญคุณ ต้องทดแทน มีแค้นให้เลิกรา

Dr.SoS



ดุลยพินิจ :: discretion

ใช่แต่คนไทย ที่ชอบใช้ ดุลยพินิจ ฝรั่งก็เช่นกัน คำ "ดุลยพินิจ" ตรงกับ discretion


คำ discretion มีหลายนิยามความหมาย เช่น

1. เป็นการแสดงความรอบคอบ ความสุขุม ในการตัดสินใจ discernment or good judgment


2. ความสามารถในการตัดสินใจที่ต้องรับผิดชอบต่อผลการตัดสินใจนั้น


3. การตัดสินใจหรือการเลือก(ที่จะกระทำ)ของบุคคล เช่น มาเรียสามารถจัดการกับสถานการณ์ที่่น่าอับอายขวยเขิน ด้วยการใช้ดุลยพินิจที่สุดยอด Maria was able to handle the embarrassed circumstance with great discretion. (circumstance = สถานการณ์ ภาวะการณ์ )


การแนะนำให้ท่านผู้ชมใช้ ดุลยพินิจ = Viewer discretion is advised. อันเป็นการให้เกียรติผู้ชมเป็นคนพิจาณาเอง ใช้ความคิด ใช้สมองของตัวเอง


เมื่อเขาต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ เขาทำงานด้วยความระมัดระวังและรอบคอบในการในการตัดสินใจ (ใช้ดุลยพินิจ) = When dealing with the agents, he always works with care and discretion.

การใช้ดุลยพินิจของฝ่ายปกครอง เรียกว่า administrative discretion -ซึ่งเป็นการใช้สิทธิของความเชี่ยวชาญอย่างมืออาชีพเพื่อการตัดสินใจ(ดุลยพินิจ)อย่างเป็นทางการตามหน้าที่ โดยเป็นการทำงาน ที่ตรงข้ามกับการยึดมั่นระเบียบหรือกฎเกณฑ์อย่างเคร่งครัดในการตัดสินใจ

ดูตัวอย่างเช่น เขาถูกกลั่นแกล้งจากการใช้ดุลยพินิจทางการปกครอง He was abused from administrative discretion.

ดุลยพินิจของฝ่ายบริหาร เรียกว่า executive discretion ดุลยพินิจทางการบริหาร,

พนักงานพากันประท้วงต่อการใช้ดุลยพินิจทางการบริหารที่ไม่เอาไหน Public employee strikes on bad executive discretion

การใช้ดุลพินิจในทางที่ไม่ถูกต้อง abuse of discretion


ดุลพินิจของศาล the discretion of the court หรือ judicial discretion

อายุรู้เดียงสา reach the age of discretion คือ รู้ว่า อะไรถูกผิด อะไรดีชั่ว

เขาถูกพิจารณาคดีแบบผู้ใหญ่ เพราะเขามีอายุรู้เดียงสาแล้ว He is trial as adult as he reaches the age of discretion

อย่าลืม คุณป้องกันตัวเองได้โดยการใช้ดุลยพินิจที่ชอบธรรม Don't forget, good discretion will protect you.

Dr.SoS






Thursday, January 10, 2013

ท้อ! ตายปีใหม่ 2556 ทะลัก 365 ศพ

จวกรัฐ-ไม่จริงใจเมินบังคับใช้กม.

“หมอแท้จริง (นพ.แท้จริง ศิริพานิช)” ท้อแท้ใจรณรงค์เมาไม่ขับเพื่อตายเป็นศูนย์ล้มเหลว โวยไร้รัฐเหลียวแลช่วยเหลือ แถมยังใช้มาตรการเดิมๆซ้ำซาก จนทำให้ปีนี้มียอดตายสูงกว่าปีที่แล้ว โดยช่วง 7 วันอันตราย เกิดอุบัติเหตุ 3,176 ครั้งมีผู้เสียชีวิต 365 ศพ เจ็บ 3,329 คน ชี้รัฐบาลอย่ากินบุญเก่าแต่ต้องจริงใจในการดูแลประชาชน แนะรัฐควรใช้ยาแรง ใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เข้มงวดสูงสุดอย่าใช้กฎหมายแบบหน่อมแน้ม ยกย่องจังหวัดตราดเข้มแข็งเอาจริง จนไม่มีอุบัติเหตุเกิดขึ้นทั้งปีใหม่และสงกรานต์ ทั้งที่เป็นเมืองท่องเที่ยว ด้าน ศปถ.สรุปผลปีใหม่ 56 เตรียมเสนอแนวทางแก้อุบัติเหตุมุ่งสร้างความปลอดภัยทางถนนแบบยั่งยืน

“หมอ แท้จริง” ท้อแท้อ่อนเพลียละเหี่ยใจ หลังพยายามรณรงค์เรื่องเมาไม่ขับเพื่อลดสถิติการตายของประชาชนในการเดินทาง ช่วงเทศกาลหรือเดินทางทั่วไป ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 3 ม.ค. นพ.แท้จริง ศิริพานิช เลขาธิการมูลนิธิเมาไม่ขับ กล่าวถึงสถิติอุบัติเหตุ และยอดผู้เสียชีวิตในช่วง 7 วันอันตราย เทศกาลปีใหม่ 2556 ที่พุ่งแซงหน้าปี 2555 ว่า พูดมาก่อนหน้านี้แล้วว่า ยอดตายต้องเกิน 300 เพราะภาครัฐยังใช้มาตรการเดิมๆ ในการดูแลความปลอดภัยของประชาชน โคลนนิ่งของเก่ามาทั้งดุ้น อาทิ ตั้งเป้า 7 วันอันตราย ลดยอดเจ็บตายลง 5% ตั้งด่านตรวจ เปิดศูนย์ แถลงข่าวรายวัน ล้วนของเดิมทั้งนั้น ใช้กันมานานเป็น 10 ปี ยอดเจ็บตายจึงยังอยู่ในระดับเดิม อุบัติเหตุจากมอเตอร์ไซค์ มาเป็นอันดับ 1 จำนวน 80% เมาเล้วขับ 40% เจ็บตายมากในเวลาเดิมๆ หลังเที่ยงคืน พฤติกรรมเดิมๆ และปีนี้ยอดยังพุ่งแซงหน้าปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีปัจจัยสนับสนุนมากขึ้น จากจำนวนรถบนท้องถนนมากขึ้น คนมีรถอยากขับรถเที่ยว มีการซื้อขายเหล้ามากขึ้น จึงมีคนเมาแล้วขับมากขึ้น ในขณะที่การทำงานของเจ้าหน้าที่เหมือนลูบหน้าปะจมูก ไม่มีความเข้มงวดในการตรวจจับ

นพ.แท้จริงกล่าวว่า  เมื่อ 10 ปีก่อนมาตรการเดิมๆ ใช้ได้ผล จึงลดยอดตายจาก 700 เหลือกว่า 300 แต่ปัจจุบันแบบเดิมใช้ไม่ได้ผลแล้ว จึงไม่ควรกินบุญเก่า ทั้งในช่วงปีใหม่หรือสงกรานต์ เพราะสถานการณ์ เปลี่ยนไป หากภาครัฐมีความจริงใจในการดูแลชีวิตประชาชน ต้องมีความเข้มงวด เปลี่ยนเป้าลดอุบัติเหตุเจ็บตายลง 5% ที่ทำกันทุกปี ไปเป็นยอดตายเท่ากับศูนย์ คือต้องไม่มีคนตาย เรื่องนี้เคยเสนอแล้วแต่ก็ถูกรัฐบาลมองว่าเฟ้อฝันทำไม่ได้จริง การลดลง 5% ทำได้แน่นอนกว่า แต่ทุกวันนี้ก็เห็นแล้วว่ายอดไม่ได้ลดลงตามที่หวัง ที่ตนบอกว่ายอดตายเท่ากับศูนย์ไม่ใช่เรื่องเฟ้อฝัน สามารถเป็นจริงได้ใน 2-3 ปี แต่ต้องมีมาตรการเข้มงวด เปรียบเหมือนใช้ยาแรงรักษาโรคร้าย อาจมีผลกระทบบ้างแต่จะไม่ตาย ทั้งปีใหม่และสงกรานต์ ต้องให้เจ้าหน้าที่ตำรวจใช้กฎหมายเข้มงวด ประกาศให้ชัดเจนเมาขับจับขังทันที 7 วัน กำหนดพื้นที่กักบริเวณ ปรับขั้นสูงสุด ไม่รอลงอาญา ถ้าทำได้ ยอดตายจะเหลือไม่เกิน 100 และจะลดลงไปเรื่อยๆ ถ้าเข้มงวดจะทำได้จริง เช่นจังหวัดตราด ทั้งที่เป็นเมืองท่องเที่ยว แต่สงกรานต์และปีใหม่ ไม่มีคนตาย

“ผมเป็นเอ็นจีโอทำได้แค่พูดรณรงค์  การปฏิบัติ เป็นหน้าที่ของรัฐบาล  กระทรวงคมนาคมและตำรวจ พฤติกรรมของคนไทยเป็นอย่างไรรู้กันดี เป็นแบบนี้ มาทุกปี ถ้าเปลี่ยนมาใช้ยาแรง ใช้กฎหมายที่มีอยู่ให้เข้มงวดสูงสุด ใช้โทษรุนแรงแบบอเมริกา คนจะกลัว ยอดตายจะเหลือไม่ถึง 100 แค่ช่วงสั้นๆ รัฐบาลกล้าหรือเปล่า ต้องยอมลงทุนกับชีวิตคน ใช้เงินมากแค่ไหนก็ต้องทำ ให้รางวัลไปเลย จังหวัดไหนยอดลดลง 1 ศพ เอาไป 1 ล้าน ยอดตายทั้งประเทศกว่า 300 คน ใช้เงินไม่เกิน 400 ล้าน คุ้มค่ามากกว่าออกมาตรการมากมาย แต่ไม่ได้ผล

ผวจ.ไหนทำดีมีผลงาน ถึงเวลาเลื่อนตำแหน่งก็ทำให้เห็นเป็นที่ประจักษ์ ถึงเวลานั้นทุกจังหวัดจะแข่งขันกันเอง คนไม่ตาย พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ  แต่ทุกวันนี้โทษมันจิ๊บจ๊อยและกฎหมายไทยยังหน่อมแน้ม ถ้ายังเป็นแบบนี้ ปีหน้าจะยังตายเท่าเดิม” นพ.แท้จริงกล่าวอย่างท้อแท้

วันเดียวกัน พล.ต.ท.ชัจจ์ กุลดิลก ประธานแถลงข่าวสถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 แถลงถึงสถิติอุบัติเหตุทางถนน ประจำวันที่ 2 ม.ค.2556 ซึ่งเป็นวันสุดท้ายของการรณรงค์ “ก้าวสู่ปีใหม่อย่างปลอดภัย ร่วมใจลดอุบัติเหตุ” ว่า เกิดอุบัติเหตุ 293 ครั้ง เพิ่มจากปี 2555 รวม 56 ครั้ง ผู้เสียชีวิต 34 ศพ เพิ่มจากปี 2555 13 ศพ ผู้บาดเจ็บ 293 คน เพิ่มจากปี 2555 รวม 34 คน จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 18 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสูงสุด ได้แก่ นครราชสีมา 4 ศพ จังหวัดที่มีผู้บาดเจ็บสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 19 คน โดยสาเหตุที่ทำให้เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ เมาแล้วขับ ตามด้วยขับรถเร็ว ยานพาหนะที่เกิดอุบัติเหตุสูงสุด ได้แก่ รถจักรยานยนต์ พฤติกรรมเสี่ยงที่ก่อให้เกิดการบาดเจ็บและเสียชีวิตสูงสุด คือ ไม่สวมหมวกนิรภัย สรุปอุบัติเหตุทางถนนรวม 7 วัน (วันที่ 27 ธ.ค.55-2 ม.ค.56) รวม 3,176 ครั้ง เพิ่มขึ้นจากปี 2555 รวม 83 ครั้ง ผู้เสียชีวิตรวม 365 ศพ เพิ่มจากปี 2555 รวม 29 ศพ ผู้บาดเจ็บรวม 3,329 คน ลดลงจากปี 2555 รวม 46 คน จังหวัดที่ไม่เกิดอุบัติเหตุตลอดช่วง 7 วัน ได้แก่ ตราด จังหวัดที่ไม่มีผู้เสียชีวิตตลอดช่วง 7 วัน มี 6 จังหวัด คือ ตราด นครนายก พังงา ระนอง หนองคาย และอุตรดิตถ์ จังหวัดที่เกิดอุบัติเหตุสะสมสูงสุด ได้แก่ เชียงใหม่ 144 ครั้ง จังหวัดที่มีผู้เสียชีวิตสะสมสูงสุด ได้แก่ นครปฐม 18 ศพ ขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกภาคส่วนที่เป็นกำลังสำคัญในการปฏิบัติการป้องกันและลด อุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 รวมถึงผู้ใช้รถใช้ถนนที่ร่วมมือปฏิบัติตามกฎหมายจราจรอย่างเคร่งครัด ศปถ.มุ่งมั่นที่จะลดอุบัติเหตุทางถนนและมีเป้าหมายในการลดการเสียชีวิตจาก อุบัติเหตุทางถนนให้ต่ำกว่า 10 ศพต่อประชากร 1 แสนคน ภายในปี พ.ศ.2563 เพื่อสร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางถนนในสังคมไทยอย่างยั่งยืน

ด้านนาย ฉัตรชัย พรหมเลิศ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า ปีนี้มีผู้ใช้รถใช้ถนนเดินทางกลับภูมิลำเนาและท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก ทำให้สถิติอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2556 เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา ซึ่งศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนนจ ะนำข้อมูลสถิติอุบัติเหตุมาวิเคราะห์สาเหตุปัจจัยเสี่ยง กำหนดแนวทางป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนในช่วงปกติและช่วงเทศกาลให้สอด คล้องกับสภาพปัญหา  ผลักดัน การบังคับใช้กฎหมายให้เข้มข้นมากขึ้น ให้ความสำคัญ ปลูกจิตสำนึกด้านความปลอดภัยทางถนน รณรงค์สร้างความปลอดภัยทางถนนอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายในการลดความสูญเสียและให้ถนนทุกสายมีความปลอดภัยในทุก พื้นที่

ขณะที่นายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงจำนวนผู้เสียชีวิตช่วง 7 วันอันตรายเทศกาลปีใหม่ ว่า ตัวเลขผู้เสียชีวิตเพิ่มขึ้น แต่ไม่มาก ส่วนจำนวนผู้บาดเจ็บน้อยลง ตนไม่อยากให้มีคนตายมาก ต้องนำไปวิเคราะห์และหาทางแก้ไขต่อไป ปีนี้ถือว่ามีประชาชนเดินทางท่องเที่ยวมากกว่าปีที่ผ่านมา  ยืนยันว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ปีหน้าต้องทำความเข้าใจกับประชาชนให้มากขึ้นถึงการป้องกันอุบัติเหตุ เมื่อย้อนดูสถิติการเสียชีวิตในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา มีผู้เสียชีวิตประมาณ 700 ศพ ขณะนี้ถือว่าลดลงมาก แต่จะให้เป็นศูนย์คงเป็นเรื่องยาก แต่จะพยายามทำให้น้อยที่สุด ส่วนจังหวัดที่มียอดผู้เสียชีวิตจำนวนมาก จะไม่มีการคาดโทษผู้ว่าราชการจังหวัด เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานเต็มที่แล้ว

:: ไทยรัฐออนไลน์ วันศุกร์ที่ 4 มกราคม 2556

โพลคำขวัญ 'เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ' โดนใจเด็กไทยสุด

เอแบคโพล เผยเด็กไทยชื่นชอบคำขวัญวันเด็กปี 16 “เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ” ของจอมพลถนอมมากสุด ส่วนคำขวัญปี 56 ของ "ยิ่งลักษณ์" รัั้งที่ 2 ซึ่งต่างมองว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันไม่ได้แก้ปัญหาเด็กอย่างจริงจังต่อเนื่อง อยากให้ผู้ใหญ่ทำดีให้เด็กดู ซื่อสัตย์ ไม่โกง และไม่แตกแยก เลิกทะเลาะกัน...

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. 2556 ดร.นพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยความสุขชุมชน มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ เปิดเผยผลวิจัยเชิงสำรวจ เรื่อง "เด็กๆ ชื่นชอบคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรีคนใดมากที่สุด" โดยนำคำขวัญวันเด็กตั้งแต่สมัยจอมพล ป.พิบูลสงคราม ในปี พ.ศ.2499 จนถึงยุค น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ในปี 2556 มาให้เลือกว่าชื่นชอบหรือไม่ โดยไม่มีการระบุชื่อว่าเป็นคำขวัญวันเด็กของนายกรัฐมนตรีท่านใด พบว่า คำขวัญวันเด็กในปี 2516 ของจอมพลถนอม กิตติขจร ที่ระบุว่า “เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ” ได้รับความชื่นชอบมากที่สุดคือ ร้อยละ 89.6 รองลงมาคือคำขวัญวันเด็กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในปี 2556 ที่ระบุว่า "รักษาวินัย ใฝ่เรียนรู้ เพิ่มพูนปัญญา นำพาไทยสู่อาเซียน" ได้ร้อยละ 88.9

ส่วนคำขวัญวันเด็กของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ในปี 2555 ที่ระบุว่า "สามัคคี มีความรู้ คู่ปัญญา คงรักษาความเป็นไทย ใส่ใจเทคโนโลยี" ได้ร้อยละ 88.0 รองลงมาคำขวัญวันเด็กในปี 2539 ของนายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ว่า "มุ่งหาความรู้ เชิดชูความเป็นไทย หลีกไกลยาเสพติด" และคำขวัญวันเด็กในปี 2520 ของนายธานินทร์ กรัยวิเชียร ที่ระบุว่า "รักชาติ ศาสน์ กษัตริย์ เป็นคุณสมบัติของเยาวชนไทย" ตามลำดับ

ส่วนใหญ่หรือร้อยละ 56.0 ระบุว่ารัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ยังไม่ได้แก้ปัญหาเด็กและเยาวชนอย่างจริงจัง และไม่ต่อเนื่อง ในขณะที่ร้อยละ 44.0 ระบุว่ารัฐบาลได้แก้ปัญหาอย่างจริงจังและต่อเนื่องแล้ว นอกจากนี้ เด็กๆ ยังได้ระบุสิ่งที่อยากขอจากผู้ใหญ่ในประเทศในโอกาสวันเด็กที่จะมาถึงนี้ ซึ่งตอบได้มากกว่า 1 ข้อ โดยร้อยละ 60.0 ระบุทำดีให้เด็กดูก่อน อย่าโทษแต่เด็ก รองลงมาร้อยละ 57.9 ระบุขอให้ผู้ใหญ่มีความซื่อสัตย์ เลิกคดโกง ร้อยละ 56.2 ระบุช่วยกันพัฒนาประเทศ ไม่แบ่งฝ่าย ไม่แตกแยก ร้อยละ 56.0 ระบุช่วยกันทำให้สังคมไทยสงบสุข ร้อยละ 55.2 ขอให้รับฟังและเข้าใจเด็กมากขึ้น และร้อยละ 54.4 อยากให้ผู้ใหญ่เลิกทะเลาะกัน เลิกใช้ความรุนแรงตามลำดับ

ดร.นพดล กล่าวด้วยว่า สำหรับคำขวัญวันเด็กของจอมพลถนอม ที่ได้รับความชื่นชอบมากที่สุด เพราะมีความหมายลึกซึ้ง ทั้งความรู้ คุณธรรม และให้ความสำคัญต่อชาติ มาเป็นอันดับแรก ซึ่งมักจะขาดไปในจิตใจของคนไทยจำนวนมาก ที่มักจะคำนึงถึงผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง ดังนั้น รัฐบาลน่าจะรณรงค์เข้มข้นและหามาตรการส่งเสริมพฤติกรรมของประชาชนว่า ถึงแม้ตัวเองและครอบครัวเป็นเรื่องสำคัญ แต่ประเทศชาติต้องมาก่อนชุมชนและองค์กรบริษัททั้งหลาย จึงเสนอให้รัฐบาลทำโครงการทำดีให้เด็กดู ทั้งระดับครอบครัวที่คุณพ่อคุณแม่ต้องซื่อสัตย์ต่อกันก่อนที่จะรณรงค์ให้ คนในชาติซื่อสัตย์สุจริต ผู้ใหญ่ในชุมชนและสังคมน่าจะเปลี่ยนแปลงตัวเองหันมาให้ความเมตตากรุณา รู้จักให้อภัยรู้จักยับยั้งชั่งใจ หลีกเลี่ยงการใช้อารมณ์ที่รุนแรงต่อเด็ก ทั้งในระดับครอบครัว ชุมชน และระดับชาติ



:: เผยคำขวัญ 'เด็กดีเป็นศรีแก่ชาติ เด็กฉลาดชาติเจริญ' โดนใจเด็กไทยสุด ไทยรัฐออนไลน์ วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2556


นักเรียน-ผู้ปกครองฮือไล่ครูเกณฑ์เด็กเป็นแคดดี้

เมื่อวันที่ 10 ม.ค.เวลา 08.00 น. ที่บริเวณประตูเข้าโรงเรียนขมิ้นพิทยาสรรพ์ อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ มีตัวแทนผู้ปกครอง พร้อมด้วยนักเรียนระดับชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4-6 จำนวนกว่า 50 คน รวมตัวกันถือป้ายประท้วงการบริหารงานและขับไล่ผู้อำนวยการโรงเรียน โดยระบุมีพฤติกรรมหลายอย่างที่สร้างความไม่พอใจให้กับนักเรียนและผู้ปกครอง เป็นอย่างมาก ตัวแทนผู้ปกครอง กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็นคนในพื้นที่ ทำให้รู้เห็นพฤติกรรมและทราบปัญหาของโรงเรียน ที่มีนายสุรพงษ์ ภูแสงศรี เป็นผู้อำนวยการ แทนที่จะมาปรับปรุงและพัฒนาระบบการเรียนการสอนให้สมกับเป็นโรงเรียนยอดนิยม ประจำอำเภอที่เคยได้รับหลายรางวัล แต่กลับทำให้โรงเรียนล้าหลังลงในหลายด้าน ทั้งสภาพภายในโรงเรียน คุณภาพการศึกษา

“ยิ่งมาทราบปัญหาจากเด็กนักเรียนว่า ผู้อำนวยการให้เด็กนักเรียนหญิงชั้น ม.4-ม.6 ไปเป็นแคดดี้สนามกอล์ฟอีกด้วย ซึ่งเป็นการใช้นักเรียนเกินขอบเขต เสี่ยงต่อการได้รับอันตรายจากการถูกชักจูงไปในทางเสื่อมเสีย เหตุเกิดเมื่อวันที่ 14 ธ.ค.55 จึงได้ทำหนังสือร้องเรียน ไปที่องค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นต้นสังกัดของโรงเรียนฯ และศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ เพื่อขอให้มีการสอบวินัยและย้ายผู้อำนวยการคนนี้ออกจากโรงเรียน แต่เรื่องก็ยังเงียบหาย ไม่มีความคืบหน้าใดๆ จึงได้นำบุตรหลานประท้วง ล่ารายชื่อได้ 200 รายชื่อ เพื่อย้ายผู้อำนวยการคนนี้ไปจากโรงเรียน” นางศรีประพันธุ์ กล่าว

ด้าน น.ส.เอ (นามสมมุติ) นักเรียนชั้น ม.4 กล่าวว่า ในส่วนของการบังคับนักเรียนไปเป็นแคดดี้ที่สนามกอล์ฟบึงอร่าม อ.ยางตลาด จ.กาฬสินธุ์ ที่อยู่ห่างกันประมาณ 30 กม.นั้น ทางโรงเรียนไม่เคยมีหนังสือขออนุญาตจากผู้ปกครอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ผิดปกติ และจริง ๆ แล้วก็ไม่ใช่หน้าที่ของนักเรียน ตนกับเพื่อนนักเรียนหญิงจำเป็นต้องไป เพราะถูกขู่ว่าถ้าขัดขืนจะไม่ออกเกรดให้ จึงได้จำยอมไป และเป็นเรื่องที่ยอมไม่ได้หากจะถูกบังคับไปอีก เพราะรู้สึกเกรงกลัว เนื่องจากเป็นงานที่หนัก เสี่ยงต่อการถูกลวนลามและล่อลวงไปในทางที่เสื่อมเสีย จึงได้รวมตัวประท้วงขับไล่ เพื่อไม่ให้ผู้อำนวยการคนนี้อยู่ที่โรงเรียนนี้ต่อไป

ขณะที่นายสุรพงษ์ ภูแสงศรี ผู้อำนวยการโรงเรียนกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดเป็นการเข้าใจผิด และสามารถอธิบายข้อกล่าวหาได้ทั้งหมด ในกรณีที่กล่าวว่าตนทำหน้าที่หย่อนยาน ไม่เป็นคุมเข้มเรื่องระเบียบวินัย ทำให้โรงเรียนสกปรกนั้น ก็เนื่องจากเพิ่งเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ โครงสร้างบุคลากรและอะไร ๆ หลาย ๆ อย่างยังต้องปรับปรุง จึงยังไม่นิ่ง และในช่วงที่ผ่านมามีกิจกรรมเยอะมาก ทั้งในส่วนของการนำคณะครู นักเรียน ไปร่วมจัดนิทรรศการที่โรงเรียนอื่น และมีโครงการที่จะนำเศษใบไม้เป็นวัตถุดิบในการทำปุ๋ยอินทรีย์ชีวภาพ จึงยังไม่ได้สั่งการให้นักการฯและนักเรียนเก็บกวาดไปใช้ตามวัตถุประสงค์
“ในส่วนของการนำนักเรียนไปเป็นแค้ดดี้ที่สนามกอล์ฟนั้น สืบเนื่องจากเป็นคำสั่งจาก อบจ.กาฬสินธุ์ ที่ขอความร่วมมือจากสถานศึกษาในสังกัด ให้โรงเรียนจัดหาอาสาสมัครนักเรียน ไปเป็นแคดดี้ในรายการกอล์ฟการกุศล ที่ อบจ.กาฬสินธุ์จัดขึ้นที่สนามกอล์ฟบึงอร่าม โดยประกาศรับนักเรียนที่สมัครใจไป มีรถรับส่งและให้เบี้ยเลี้ยงตามสมควร สำหรับข้อกล่าวหาและข้อเรียกร้องที่ตัวแทนผู้ปกครองและนักเรียนต้องการให้ผม ย้ายออกจากโรงเรียนนั้น ขอให้เป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่จะพิจารณาและไต่สวนตามขั้นตอน ส่วนผมอยู่ไหนก็อยู่ได้ เพราะไม่เป็นอย่างที่ถูกกล่าวหา” นายสุรพงษ์กล่าว

:: เดลินิวส์ เว็บ วันพฤหัสบดีที่ 10 มกราคม 2556
==============
ปัญหา คือ
1. ถ้าเป็นการสมัครใจ แล้วจะมีเด็กมาประท้วงทำไม แก้ตัวน้ำขุ่นๆ
2. เรื่องนี้ นายก อบจ.กาฬสินธุ์ ต้องร่วมรับผิดชอบ
3. ผู้อำนวยการ ศูนย์ดำรงธรรม จ.กาฬสินธุ์ ต้องร่วมรับผิดชอบ

...........

Tuesday, January 8, 2013

ตะโกนเรียก :; holler

การพูดเรียกคนอื่น สามารถทำได้หลายแบบ เช่น
bawl = ตะโกนอึกทึก น้ำเสียงลักษณะตวาด
shout = การตะคอก,การตะโกน,การตะเบ็งเสียง
yell = ตะโกนเสียงดัง
bellow = แผดเสียงเรียกคล้ายสัตว์คำราม

วันนี้ จะมาพูดการตะโกนเรียก แบบ holler เป็นลักษณะร้องดังเชิงตะโกน หรือ เชิงโอดครวญ เชิงร้องทุกข์

ถ้าคุณต้องการความช่วยเหลืออะไร แค่ตะโกนเรียกสักครั้งก็ได้
If you need any assistance, just give a holler.

คุณตำรวจตะโกนให้เรายอมมอบอาวุธ
The police hollered out to surrender our weapons

เธอเรียกขึ้นกระไดไปยังเพื่อนๆ ของเธอ
She hollers up the stairs at her friends

ฉันแค่ตะโกนเพราะไม่มีใครสนใจฟัง
I just holler because no one is listening.

Dr.SoS

Monday, January 7, 2013

โครตซวย :: Shit Out of Luck

จนตรอก หมดหนทาง โครตซวย :: Shit Out of Luck (SOL) ถ้าพูดเร็ว ก็จะเป็น Shitt outta luck!  เป็นภาวะไม่มีทางออก โชคร้าย เพราะสิ่งทีมีก็แย่สุดๆ .. เรียกว่า unlucky หรือ screwed

ลองดูตัวอย่าง ..

เขาเพิ่งให่้เงินโจ แต่โจกลับให้ของกลับคืน โจพูดคุณซวยโครต ..
He just gives Jo the money, but Jo does not give thing in return.  Jo says to him "S-O-L (Shit Out of Luck)."

ฉันตกงาน บ้านฉันก็ถูกยึด ฉันช่างตกอับ จนตรอก ซวย ซะเหลือเกิน
I lost my job.  My house is foreclosure. I am just SOL (Shit Out of Luck).

ถึงแม้ว่าวันนี้ฉันจะซวยโครต แต่ฉันก็จะรอโอกาสของฉัน
Even though today I am SOL, but I will wait for my chance.

โชคดี ..

Dr.SoS




Friday, January 4, 2013

แปรพักตร์ เปลี่ยนขั้ว:: Renege

แปรพักตร์ เปลี่ยนขั้ว ผิดสัญญา ละเมิดสัญญา:: Renege  อ่าน รี-เน็ก

renege เป็นการบอกถึงความล้มเหลวในการรักษาสัญญาหรือข้อตกลง fail to fulfill a promise or obligation or commitment เป็นการเอาใจออกหาก  ไม่ซื่อตรง และไปเข้าร่วมกับฝ่ายตรงข้าม

คุณรู้ใช่มั๊ย ถ้าคุณแปรพักตร์ ผิดสัญญาตอนนี้ อะไรจะเกิดขึ้น
If you renege now, you know what will happen ..

stampede = การยกพวกแปรพักตร์

defector = ผู้แปรพักตร์, ผู้เอาใจออกหาก

คุณไม่ควรผิดสัญญานี้ You must not renege on this contract

Dr.SoS





(ซาก)ศพ :: corpse

เกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นธรรมดาของสัตว์โลก .. เมื่อตายไปเหลือแต่ร่างกาย ร่างนี้ เรียกว่า ศพ .. วันนี้ เรามาเรียนศัพท์ภาษาอังกฤษที่เกี่ยวกับศพกัน

คำ ศพ  หรือ ซากศพ :: corpse เป็นคำศัพท์ที่นิยมใช้ คำอื่น ๆ ได้แก่ corpse,  carcass, dead body, remains, stiff, cadaver,

ศพนิรนาม ใช้ unidentified body

การชันสูตรศพ การผ่าศพ ใช้. autopsy

การขุดหลุมศพ ใช้ exhumation

พิธีฝังศพ การฝังศพ สถานที่ฝังศพ ใช้ burial (n.)

โลงศพ = coffin (คอฟ'ฟิน) n.

 หีบ หีบศพ โลงศพ = casket (n)

Dr.SoS



Wednesday, January 2, 2013

กินสินบน/ใต้โต๊ะ :: bribe



กินสินบน เงินใต้โต๊ะ เป็นเรื่องของประเทศด้อยพัฒนา หรือ เรียกให้หรูว่า กำลังพัฒนา


ขนาดเรามีสำนวนแต่โบราณว่า กินสินบาท คาดสินบน แสดงว่า การ"กินสินบน" นี้มีมานานแล้ว และพัฒนาเรียกว่า เงินใต้โต๊ะ รวมถึงบรรดา ส่วย ด้วย

พูดง่าย ๆ เงินใต้โต๊ะ หรือ เงินสินบน ที่เรียกว่า bribe เป็น เงิน (หรือ ประโยชน์ หรือ สิ่งอื่นใด)ที่ให้แก่บุคคลเพื่อจูงใจให้ผู้นั้น(หรือญาติ หรือผู้ใกล้ชิดของผู้นั้น) กระทำการหรือไม่กระทำการอย่างใด (ในตำแหน่ง) ไม่ว่าการนั้นจะชอบ หรือ มิชอบด้วยหน้าที่ เพื่อประโยชน์ของตนเอง หรือผู้อื่น

คำว่า กินสินบน เงินใต้โต๊ะ ตรงกับภาษาอังกฤษ ว่า bribe ซึ่งหมายถึง money or favor(s) given or promised in order to influence the judgment or conduct of a person in a position of trust

bribe เป็นได้ทั้งคำคุณศัพท์ และ คำกริยา


bribe ยังให้ความหมาย "อามิสสินจ้าง"

คุณจ่ายเงินใต้โต๊ะ = you have bribed

ครูไม่อยากให้สินบนแก่เด็ก ๆ เพื่อจูงใจให้ทำการบ้านให้เสร็จ
The teacher does not like to offer the children a bribe for finishing their homework.

ผู้พิพากษาปฏิเสธที่จะรับเงินใต้โต๊ะก้อนโตเพื่อยกฟ้องจำเลยที่เป็นนักการเมือง
The judge has refused a huge bribe to dismiss the charges against political defendants.

การกระทำการให้เงินสินบน หรือ จ่ายเงินใต้โต๊ะ นั้นเรียกว่า bribery

ในการติดสินบน จะต้องมี briber = ผู้ให้สินบน และ bribee = ผู้รับสินบน

เขาโดนจับข้อหาพยายามให้ิสินบนแก่คณะกรรมการ
= He was arrested for attempting to bribe the committee.

bribery ถือเป็น อาชญากรรม Crime / corruption รูปแบบหนึ่ง

การรับสินบนก็เป็นอาชญากรรม Accepting a bribe constitutes a crime / corruption.


บางคนบอกว่า การให้ของขวัญไม่ถือเป็นการรับสินบน ยกเว้นถ้าของขวัญนั้นมีมูลค่าหรือขนาดจะมีผลต่อพฤติกรรมของเจ้าพนักงาน = Someone says a gift is not a bribe unless it is given with some intent to influence the recipient's official behaviour.

ส่วน hush-money ถือเป็นเงินปิดปาก ..

Dr.SoS



ถูกลอยแพ :: castaway

วันนี้เรามารูจักคำว่า castaway กัน คำนี้เป็นได้ทั้ง คำนาม และคำคุณศัพท์

castaway (adj) ล่องลอย ถูกทิ้ง ถูกลอยแพ

castaway (n) คนที่เรืออับปาง เรือแตก (shipwrecked) หรือ castaway เป็น คนนอกกฎหมาย หรือ คนที่ถูกปฏิเสธ(จากสังคม หรือ บ้าน) a person who is rejected (from society or home)

ถ้าเราลองแยกคำ castaway= cast + away

cast = ทิ้ง หรือ โยน thrown

away = ออกไป ออกห่าง off

castaway = thrown off or away; castoff, abandoned ถูกโยน ถูกทิ้ง ถูกลอยแพ

ตั้งแต่ภรรยาเขาจากไป เขาก็รู้สึกเหมือนคนที่ถูกทอดทิ้ง
= Since his wife left, he felt like a castaway man.

การขึ้นค่าแรงค่าจ้าง ทำให้โรงงานต้องปิดตัวลง และคนงานถูกลอยแพ ..
= Increasing wages cause the factory to shut down and all workers to be castaway.

ถึงแม้จะถูกทอดทิ้ง ถูกลอยแพ แต่ความหวังอย่าเหือดหาย อย่าได้หมด .. ชีวิตต้องมีหวัง ..
Even being castaway, do not let hope go. Never let go of hope. Life is hope.

Dr.SoS




กิเลส สิ่งยั่วยุ :: temptation


คนเรามันติดในบ่วงแห่ง กิเลส มันเป็น สิ่งยั่วยุ ที่ยากจะหักห้ามใจ :: กิเลส ตรงกับภาษาอังกฤษว่า "temptation" เทมเท้ชั่น (Temp*ta"tion ) ..

เมื่อจิตใจไม่แข็งพอ เขาตกลงไปในบ่วงแห่งกิเลส = When his will power weakened, he felt the temptation.

กิเลสสิ่งยั่วยุความรักความใคร่กามารมณ์ ทำให้เราทำอะไรบางอย่าง (ที่ไม่ดี ไม่ฉลาด) ที่ทำให้เรารู้สึกดีสนุกสนานสำราญใจได้ประเดี๋ยวประด๋าว แต่ก็ต้องมานั่งเสียใจในภายหลังด้วยผลลัพธ์ที่แย่หลายอย่าง .. Temptation makes you to desire, to perform something wrong or unwise, that you enjoy (immediately or not long after) you then likely regret about it later ..

คำที่ให้ความหมายในเชิง temptation ได้แก่  enticement seduction inducement allurement incentive


บางคนว่า วิธีการกำจัดกิเลสคือการยอมต่อกิเลสนั้น The only way to get rid of a temptation is to yield to it.


เขาว่า กิเลสจะทำให้เห็นตัวตนที่แท้จริงของเรา temptation shows us who we are.

แต่ Your life is ruined, if you get rid of a temptation by yielding to it - ชีวิตคุณจะพัง ถ้าคุณกำจัดสิ่งล่อใจ / สิ่งยั่วยุ ด้วยการยอมจำนนต่อมัน ..

บางคนว่า เราจะแข็งแกร่งขึ้น ถ้าเราสามารถต้านตานต่อกิเลสได้ We gain the strength of the temptation we resist.

คุณคิดว่า ตัวคุณเป็นอย่างไร ต้านทานต่อกิเลสตัณหาสิ่งยั่วยุได้ดีแค่ไหนเอ่ย .. คุณรู้จักตัวของคุณเองดีพอหรือยัง ..

Dr.SoS



เสี่ยตันแนะ:: ถามคำถามไม่ต้องเสียตังค์

เสี่ยตัน แนะนักเรียน นักศึกษา นักธุรกิจ:: ถามคำถามไม่ต้องเสียตังค์


* การเเสวงหาประสบการณ์จากผู้รู้ เป็นทางลัดที่ไม่มีต้นทุน

* เอ่ยปากถามเมื่อไม่เข้าใจ ก่อนทำธุรกิจทุกครั้ง ผมจะศึกษาหาข้อมูลอย่างละเอียด

* สำหรับผม แหล่งข้อมูลที่มีค่ามากที่สุดคือการถามจากผู้มีประสบการณ์

* ผมไม่ได้ถามว่าทำอย่างไรจึงประสบความสำเร็จ

* เเต่คำถามไม้ตายของผมคือ ปัจจัยอะไรบ้างที่ทำให้ล้มเหลว

* รู้ข้อสำคัญนี้จะได้ป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับเรา

* แค่กล้าถาม ก็ได้ทางลัดช่วยปิดประตูความล้มเหลวลงได้อีกหนึ่งบาน

ตัน อิชิตัน.
::ไทยรัฐออนไลน์ โดย ตัน อิชิตัน 2 มกราคม 2556;
================

================

* สอนครู ให้แนะให้นักเรียนรู้จักคิด รู้จักถามนอกกรอบ 

* กล้าคิด กล้าทำในสิ่งที่ท้าทายความสามารถ (ทำสิ่งที่ดีมีประโยชน์)

* อย่าบอกว่า ทำไม่ได้ แล้วก็จบ

* กล้าถาม กล้าคิดว่า ทำอย่างไรถึง ทำได้ .. มันท้าทาย


Tuesday, January 1, 2013

วลีเด็ดจากภาพยนต์เรื่อง Total Recall


วลีเด็ดจากภาพยนต์เรื่อง Total Recall ซึ่งเรื่องนี้ พระเอก (ชื่อ Hauser หรือที่ถูกล้างสมองให้ชื่อ Doug Quaid) งงสับสนกับตัวเอง  พระเอกซึ่งถูกล้างสมอง พยายามอยากรู้อดีต อยากรู้ประวัติของตัวเอง ว่าตัวเองเป็นใคร  บทสนทนาระหว่าง พระเอก  กับ พ่อนางเอก

Matthias: Mr. Hauser, What is it you want?
Doug Quaid: I want to help you.
Matthias: That is not the only reason you are here.
Doug Quaid: I want to remember.
Matthias: Why?
Doug Quaid: So I can be myself, be who I was.
Matthias: It it each man's quest to find out who he truly is but the answer to that lies in the present, not in the past. As it is for all of us.
Doug Quaid: But the past tells us who we've become.
Matthias: The past is a construct of the mind. It blinds us. It fools us into believing it. But the heart wants to live in the present. Look there. You'll find your answer.

พระเอก บอกว่า "อดีตบอกปัจจุบัน"  พ่อนางเอกบอกว่า "แต่ความจริงคือ ปัจจุบันต่างหากที่บอกว่า ตัวเราเองเป็นใคร ไม่ใช่อดีต" แต่พระเอกก็เถียงว่า "อดีตบอกพวกเรา ซึ่งทำให้เรากลายเป็นเราในปัจจุบัน"  พ่อนางเอกบอกว่า "อดีตเป็นการสร้างของจิตเราเอง มันทำให้เราตาบอด มันหลอกให้เราเชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น แต่หัวใจนี่สิ ที่ต้่องการ อยู้่ในปัจจุบัน ดูที่ใจของเรา แล้วก็จะพบคำตอบ(ว่าตัวเองเป็นใครกันแน่) .."

แล้วคุณหล่ะ คุณคิดว่าตัวเองเป็นใคร เคยถูกใครล้างสมองให้เชื่ออะไรบ้าง ..

Dr.SoS