Sunday, December 26, 2010

ศาลเทพ

สมัยเรียนหนังสือ อาจารย์ที่เป็นผู้พิพากษาเป็นตัวแบบการครองตนอยู่ในความสมถะ สำรวม เที่ยงตรงเป็นที่เคารพนับถือ ในข้าราชการด้วยกันผู้พิพากษาเป็นเหมือนพระธุดงค์ท่ามกลางพระทั้งหลาย

ด้วยคุณความดีที่บรรพตุลาการสะสมมาดังนี้ ผู้พิพากษาตุลาการจึงเป็นข้าราชการที่มีต้นทุนทางสังคมสูงมาก ประชาชนทุกวงการให้ความเคารพยกย่องเชื่อถือมาตราบจนทุกวันนี้

คิดถึงท่านผู้พิพากษาที่เคารพ ไม่อยากให้ใครไปเปลี่ยนวิถีทางแห่งการครองตนของท่านโดยเฉพาะท่านนักการเมือง ทั้งหลาย ระหว่างเซ็ง ๆ นึกถึงคดีสำคัญที่น่าจะชุ่มชื่นใจขึ้นมาบ้าง

คดีระดับเทพเชียวนา

จะกล่าวถึงท่านท้าวมาลีวราช ราษฎร เอ๊ย เทพอาวุโสซึ่งมีวาจาสิทธิ์และทรงความเที่ยงธรรม

เคสที่แสดงถึงความเที่ยงตรง จับต้องดมดูได้ ก็เมื่อทศกัณฐ์ซึ่งเป็นเหมือนหลานปู่สายตรงเล่นการศึกแผนใหม่กะให้พระรามพระ ลักษมณ์ต้องบรรลัยจากวาจาสิทธิ์ของท้าวมาลีวราช

พญายักษ์ยื่นคำฟ้องต่อท้าวมาลีวราช กล่าวโทษพระรามพระลักษมณ์ว่า ผู้ฟ้องคดี (ทศกัณฐ์) ได้ออกไปท่องเที่ยวในป่า พบนางสีดาก็เกิดความรักเข้าเต็มทรวง กินไม่ได้นอนไม่หลับ

จึงรับมาอยู่กินกันเสียที่ตำหนักสวนขวัญ

วันดีคืนดี ผู้ถูกฟ้องคดีทั้งสอง (พระรามพระลักษมณ์) ได้กระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายระดมกองทัพวานรจองถนนข้ามไปยังกรุงลงกามา รังแกข่มเหงผู้ฟ้องคดีโดยอ้างว่าเป็นสามีของนางสีดา

ถามหาทะเบียนสมรสก็หน้าซีด อึกอัก ๆ มั่วนิ่มครับปู่

ตามวิสัยอันรอบคอบของตุลาการระดับเทพ ท้าวมาลีวราชจึงไต่สวนมูลฟ้องว่า อันลักษมณ์รามพี่น้องเป็นไฉน เขาอยู่ถิ่นฐานเมืองใด สุริยวงศ์พงศ์ไหนจึงอาจนัก อันว่าทศเศียรอสุรี ฤทธีปราบได้ทั้งไตรจักร ถึงเทวินทร์อินพรหมยมยักษ์ ก็เกรงศักดาเดชกุมภัณฑ์

นนยวิกและวายุเวกสองยักษ์บริวารซึ่งได้รับมอบอำนาจให้ยื่นคำฟ้องคดีจึง จัดการถวายพระเพลิงผู้ถูกฟ้องคดีเต็มเหนี่ยวว่าถึงเป็นมนุษย์ก็มีฤทธิ์เดช ยิ่งนัก มีศรซึ่งมีอานุภาพร้ายแรงกว่าอาร์พีจีที่เมืองบางกอกหลายเท่านัก

ยักษ์ตายไปหลายคนแล้วขอรับที่เหลือถูกจับขังคุกห้ามเยี่ยม ห้ามประกันโดยไม่มีการสอบสวน

คดีน่าจะมีมูล มันคลับคล้ายคลับคลาอะไรสักอย่างน้า

องค์เทพไท้ยกทัพมาพักบริเวณสมรภูมิเพื่อตัดสินความมีเทพยดามาประชุมกันเพื่อ เป็นสักขีพยาน ทศกัณฐ์ทราบความจึงเชิญเสด็จเข้าเมือง รับรองเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าไม่มีคลิปวิดีโอ

แม้นกูจะเข้าไปยังเมืองยักษ์ พระรามพระลักษมณ์จะกังขา ถ้าไปเข้าข้างทัพอยุธยา ทศพักตร์ยักษาจะน้อยใจ จำจะหยุดอยู่แต่ในที่รบ ตามขนบตัวกูเป็นผู้ใหญ่ จะไปหาที่สมรภูมิชัย อย่าให้นินทาเป็นราคี

นี่ไง ของจริง ท่านไม่ข้องแวะกับคู่กรณีให้ถูกนินทาสนั่นเว็บ

ท่านออกหมายเรียกพระรามพระลักษมณ์มาให้การฟังดูก็ไม่รู้ใครผิดใครถูก จึงเรียกคนกลางนางสีดามาเคลียร์ พอท่านเห็นนางสีดาเท่านั้นแหละ

งามดังดวงจันทร์ไม่ราคี ทั่วสวรรค์ชั้นฟ้าสุราลัย ไกลกันกับโฉมนางสีดา กระนี้แหละหรือทศกัณฐ์ จะไม่ผูกพันเสน่หา พาทั้งโคตรวงศ์ลงกา แสนสุรีโยธาวายปราณ แต่กูผู้ทรงทศธรรม ยังหวาดหวั่นเคลิ้มไปด้วยสงสาร หากมีอุเบกขาญาณ จึงประหารเสียได้ไม่ไยดี

เกือบไปเหมือนกันนะท่านตุลาการ แฮะ แฮะ ดีนะที่มีอุเบกขาญาณมาช่วย

ฟังความรอบข้างทั้งพระรามทั้งนางสีดาและเทวดาทั้งหลายสอดคล้องต้องกันเป็น สัตย์ ถึงแม้ทศกัณฐ์จะนำสืบว่าเทวดาเกลียดชังตน และดลใจให้นางสีดาให้การเป็นประโยชน์กับพระรามก็ตาม

จึงตัดสินคดี ซึ่งเอ็งกล่าวหาทุกข้อ ล้วนแกล้งติดต่อให้เหมาะมั่น สืบสวนก็ไม่ได้เป็นสัตย์ธรรม สารพันทรลักษณ์อัปรีย์ เห็นจริงว่าตัวบังอาจ ไปลอบลักอัครราชมเหสี ขององค์พระรามจักรี

พิพากษายกฟ้อง ให้อสุรีเร่งส่งนางสีดา

ฮ่วย ปู่นะปู่ ทศกัณฐ์ยกทัพกลับกรุงลงกา โดยไม่กราบไหว้ร่ำลาท้าวมาลีวราชสักแอะ

ผิดเป็นผิด ถูกเป็นถูก ไม่กลัวคลิป ท่านใดที่อยากชมคดีนี้จริง ๆ โปรดอดใจรอชมโขนรามคำแหง เขาเล่นตอนนี้ได้ยอดเยี่ยม ดูแล้วจะอินจนอยากติดคุกแทนทศกัณฐ์ข้อหาฟ้องเท็จ

คดีเทพเรื่องนี้ต้องนำมาลงเพราะคุณ “คนมีเทพ” ท่านถามมาว่า จะก่อสร้างตำหนักเทพไว้ใบ้หวย เอ๊ย ไว้เคารพสักการะในที่ดินของตนต้องขออนุญาตเทศบาลไหม

เป็นอาคารหลังเล็ก ๆ ไว้กราบไหว้บูชาสำหรับชาวบ้านเป็นสาธารณะทั่วไป ไม่ใช่บ้านพักอาศัย

ถ้าจะไม่ขออนุญาตเทศบาลตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคารฯ เพราะเห็นว่าไม่เป็นอาคารที่พัก “คนมีเทพ” โปรดคุยกับองค์เทพเสียให้เรียบร้อย จะได้ไม่หมางใจกันภายหลัง

ว่าจะรื้อเองหรือจะจ้างช่างมารื้อ รื้อตำหนักเทพนั่นแหละ

ศาลปกครองสูงสุดวินิจฉัยว่า ความหมายของอาคารตามมาตรา ๔ แห่ง พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ. ๒๕๒๒ มิได้มีความหมายที่จำกัดเฉพาะ สิ่งก่อสร้างที่คนอาจเข้าอยู่อาศัยได้เท่านั้น

แต่ยังหมายความรวมไปถึง สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่สร้างขึ้นเพื่อให้บุคคลได้ใช้ประโยชน์ด้วย เมื่อหอพระที่ผู้ฟ้องคดีอ้างว่าสร้างขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนทั่ว ไปได้เข้าใช้เพื่อสักการะต้นโพธิ์ โดยจัดสร้างในที่ดินที่ผู้ฟ้องคดีมีกรรมสิทธิ์และอาคารดังกล่าว มิได้มีลักษณะเป็นอาคารโบราณสถาน วัดวาอาราม หรือเป็นอาคารที่ใช้เพื่อการศาสนาซึ่งมีกฎหมายควบคุมการก่อสร้างไว้โดยเฉพาะ

อาคารพิพาท (หอพระ) จึงมีลักษณะเป็นอาคาร ตามมาตรา ๔ แห่งกฎหมายดังกล่าว ต้องขออนุญาต การก่อสร้าง (คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่ อ. ๒๓๗/๒๕๔๙)

เทพก็เทพเหอะ เจอเทศบาลเข้า ไม่ใช่แค่ดิสเครดิต รื้อเลย

พิสิษฐ์ พลรักษ์เขตต์

ที่มา: ศาลเทพ กฎหมายข้างตัว เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ที่ 06 พฤศจิกายน 2553

No comments:

Post a Comment