Monday, September 6, 2010

เลี้ยงลูกวิถีพุทธเพื่ออยู่อย่างไม่เป็นทุกข์

นอกจากความรักอันยิ่งใหญ่ที่มีต่อลูก พ่อแม่ยังหวังให้ลูกเป็นคนดี มีความสุขและเท่าทันสังคมโลกปัจจุบัน ท่ามกลางสิ่งยั่วยวนหลากหลาย ซึ่งการอบรมสั่งสอนลูกในทางโลกอย่างเดียวคงไม่เพียงพอ แต่ต้องอาศัยการเลี้ยงดูแลใน วิถีพุทธเข้ามาเสริม เป็นที่มาให้เกิดหนังสือ “มีความสุขให้ลูกเห็น เป็นคนดีให้ลูกดู” โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียร สุต แห่ง เสถียรธรรมสถาน หนังสือคู่มือภาวนาสำหรับพ่อแม่ยุคใหม่ ซึ่งชี้ให้เห็นถึงการแก้ปัญหาเด็ก และครอบครัวด้วยวิถีพุทธ ตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ กระทั่งเติบโตสู่โลกกว้าง ด้วยการปฏิบัติดีปฏิบัติชอบของพ่อแม่ หากเด็กได้รับการปลูกฝังธรรมะจากพ่อแม่ เด็กจะอยู่กับโลกอย่างที่โลกเป็นและไม่เป็นทุกข์

เสวนาเรื่อง “เลี้ยงลูกวิถีพุทธด้วยหลักมีความสุขให้ลูกเห็น เป็นคนดีให้ลูกดู” โดย แม่ชีศันสนีย์ เสถียรสุต กล่าวว่า ลูกที่ดีจะเกิดจากพ่อแม่ที่มีจิตใจสะอาด บริสุทธิ์ เมื่อมีพื้นฐานของพลังจิตที่ดี จะทำให้จิตที่ดีมาปฏิสนธิในครรภ์แม่ เมื่อเด็กออกจากครรภ์เป็นเรื่องของการเลี้ยงดูท่ามกลางตัวแปรมากขึ้น ชาวพุทธเชื่อเรื่องกรรมลิขิตหมายความว่า อยากให้เป็นแบบใดจงทำแบบนั้น การทำให้ครอบครัวเป็นครอบครัวแห่งสติ เป็นการลงทุนนิดเดียวแต่ได้กำไรมหาศาล การประคับประคองจิตใจของลูกในโลกวัตถุนิยม ให้คิดว่าทุกสิ่งทุกอย่างผ่านมา “แป๊บ ๆ” แล้วก็ไป ควรเป็นพ่อแม่ ที่สังเกตลูกอย่างให้โอกาส ให้เขาพอใจและมีความสุขอย่างที่เขาเป็น

ด้าน พระมหาวุฒิชัย ชี้แนะว่า พ่อแม่มีสิทธิเลือกลูกได้ อยากให้ลูกดีพ่อแม่ต้องอยู่ในศีลธรรม การอ่านหนังสือให้ลูกฟังคือขุมคลังแห่งข้อมูลที่เด็กรับรู้ได้ตั้งแต่อยู่ใน ครรภ์ พ่อแม่สามารถออกแบบคุณสมบัติของลูกได้ เช่นอยากให้ลูกเป็นระเบียบ ก็ฝึกให้ลูกเป็นระเบียบ เราทุกคนมาสู่โลกนี้อย่างมีความหมายเสมอ และเราจะถูกออกแบบมาเพื่อให้เหมาะกับสิ่งหนึ่งสิ่งใด หรือที่หนึ่งที่ใดบนโลกนี้เสมอ มีพุทธศาสนสุภาษิตซึ่งเนื้อหาทันสมัยมากว่า เด็กคือความหวังของมนุษยชาติ สะท้อนให้เห็นว่า เด็กทุกคนเป็นความหวังของชาติ โดยเฉพาะสังคมไทยในปัจจุบัน ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวเด็กแต่อยู่ที่ตัวเรา พ่อแม่มีส่วนในการสร้างโลกด้วยการสร้างลูก การเลี้ยงลูกให้ดีเป็นโจทย์ที่ทำได้ยาก แต่คิดว่าการเลี้ยงลูกให้ดีหนึ่งคน เท่ากับการสร้างอารยะบุคคลขึ้นมาในโลกอีกคนหนึ่ง

ที่มา: เลี้ยงลูกวิถีพุทธเพื่อยู่อย่างไม่เป็นทุกข์ เดลินิวส์ออนไลน์ วันอังคาร ที่ 07 กันยายน 2553

No comments:

Post a Comment