Sunday, May 9, 2010

ฉี่–ใครว่าไม่สำคัญ (5)ฉี่–กับโรคสมอง

"ฉี่" มาถึงตอนนี้ต้องหยุดเบรกอธิบายกันสักนิดหนึ่งนะครับ คือ คำว่า "โรค" กับ "อาการ"

"โรค" คือ ชนิดของความเจ็บป่วย เช่น โรคบิด (DYSENTERY) โรคท้องร่วง (DIARRHEA)

เมื่อป่วยเป็นโรคหนึ่งโรคใด ก็จะมี "อาการ" แสดงออกมา อาจจะเป็นอาการเดียวหรือหลายๆอาการก็ได้

อย่าง ที่ยกตัวอย่าง โรคบิดก็จะมีอาการปวดท้อง มวนท้องอย่างรุนแรง แถมด้วยถ่ายออกมาเหลวๆ เวลาถ่ายก็จะถ่ายไม่หมด ถ่ายออกมาได้นิดหนึ่งก็ถ่ายไม่ออก แต่ยังปวดถ่ายอยู่ เมื่อเบ่งออกมาก็มีมูกเลือด เหล่านี้คืออาการ นั่นคือ โรคบิดโรคเดียว จะมีหลายอาการแสดงออกมา

แต่อย่างโรคท้องร่วง อาการขั้นแรกก็คือ ถ่ายออกมาเหลวๆ ถ่ายหลายหนและเป็นมากๆอาจจะถ่ายออกมาเป็นน้ำตลอดเวลา ฉะนั้นท้องร่วง อาการอาจจะขอใช้คำว่าอาจจะ นะครับ อาจจะมีแต่อาการอย่างเดียวก็ได้

ที่ยกตัวอย่างมานี้เพื่อจะแสดงให้เห็นว่า โรคหนึ่งๆอาจจะมีหลายอาการหรืออีกโรคหนึ่งอาจจะมีแต่อาการเดียวก็ได้

ขอเน้นตรงนี้ก่อนนะครับ แต่ในทางกลับกันอาการอย่างเดียวกัน กลับไปปรากฏอยู่ในหลายๆโรคก็ได้

ฉะนั้น เรื่อง "ฉี่" ที่พูดมาแล้ว 4 ตอนนั่นน่ะ จะมาจากโรคตั้งหลายโรค แต่อาการจะมีเหมือนๆกัน อย่างเช่น ต่อมลูกหมากอักเสบ ก็จะมีอาการเกี่ยวกับฉี่ผิดปกติ กระเพาะปัสสาวะอักเสบ โรคหัวใจ โรคไตพิการ โรคเกี่ยวกับต่อมใต้สมอง โรคเกี่ยวกับวัยทอง ฯลฯ เหล่านี้ล้วนแต่มีอาการของ "ฉี่ผิดปกติ" เกี่ยวข้องอยู่ด้วยทั้งสิ้น

แม้แต่โรคเบาหวานที่พูดถึงเมื่ออาทิตย์ที่แล้วก็มีอาการของฉี่ผิดปกติร่วมอยู่ด้วย

และที่สำคัญที่บอกวิธีแก้รำคาญจากการผิดปกตินั้นเป็นการบรรเทาหรือบำบัดอาการ แต่ไม่ใช่เป็นการรักษาโรค

การ บรรเทาหรือบำบัดอาการเรียกเป็นภาษาแพทย์คงจะเทียบได้กับ THERAPY ไม่ใช่การรักษา (CURE หรือ TREATMENT) เมื่อเราบรรเทาอาการบางอย่างได้ก็จะสบายขึ้น แต่โรคก็ยังไม่หาย

ฉะนั้น พูดกันอย่างฟันธงอีกที ถ้าจะให้อาการต่างๆหายไปให้หมด ก็ต้องรักษาโรคนั้นๆให้หายเสียก่อน

อย่าง เช่นเรื่องเบาหวานที่พูดถึงครั้งที่แล้ว จะมีอาการของฉี่ผิดปกติประกอบด้วย ถ้ารักษาเบาหวานให้หายเป็นปกติได้ อาการฉี่ผิดปกติก็น่าจะหายไปด้วยเช่นกัน

ฉะนั้น ตอนนี้สรุปได้ว่า ถ้ามีหลายอาการในโรคๆเดียว รักษาโรคคือต้นเหตุได้ อาการต่างๆของโรคก็จะหายไปด้วย

แต่ทำไมเรื่อง "ฉี่" จึงพูดกันยาวตั้งหลายตอน ก็เพราะอาการของ "ฉี่ผิดปกติ" นั้น จะเป็นอาการอย่างเดียวแต่แทรกอยู่ในหลายๆโรค

เรื่องฉี่ผิดปกตินี้จึงดูเหมือนเป็นโรคอย่างหนึ่ง แต่มันไม่ใช่โรค มันเป็นอาการจึงต้องอธิบายกันยืดยาวอย่างนี้

ฉะนั้น ก่อนจะสรุปเรื่องฉี่ ผมจึงต้องแจงเสียก่อนว่า "ฉี่ผิดปกติ" เป็นอาการของโรคหลายโรค วิธีแก้ฉี่ผิดปกติ จึงต้องแก้ที่ต้นเหตุเสียก่อน อาการก็จะหายไป

แต่ก็มีกรณีการป่วยบางโรค ป่วยมานาน แต่ไม่ร้ายแรง ค่อยๆเป็นทีละน้อยๆแล้วก็มากขึ้นๆจนเป็นอาการสาหัส

ระหว่างที่เป็นแต่น้อยนั้น เราก็ไม่ได้สนใจจะแก้ไขหรือรักษาอย่างจริงจัง คล้ายๆกับว่าเราอยู่กับโรคนั้นได้

และ โรคซึ่งเราไม่ค่อยระวังตัวนี้ ก็มักจะมีอาการฉี่ผิดปกติร่วมอยู่ด้วย เราก็ปล่อยให้โรคนั้นเป็นอยู่ต่อไป และอาการฉี่ผิดปกติ เราก็ปล่อยมันไปเรื่อยๆเช่นกัน

อย่างตัวอย่างโรคเบาหวาน ซึ่งกล่าวถึงเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นต้น เมื่อมีอาการเบาหวานอย่างเบาๆ เราก็ไม่สนใจ และในระยะนั้นก็จะมีอาการฉี่ผิดปกติบ้าง เราก็ไม่สนใจ

ตอน ต้นก็คงเป็นอาการฉี่บ่อยครั้งหน่อย ต่อไปก็ชักฉี่กะปริบกะปรอย ต่อไปอีกก็ฉี่ค้างคือ ฉี่ไม่สะเด็ด หยดติ๋งๆ จนกระทั่งตอนสุดท้ายฉี่ไม่ออก ขาบวม ตัวบวม นั่นก็คือถึงขั้นที่ทำอะไรไม่ได้แล้ว

ขั้นสุดท้ายขาบวม ตัวบวมนี่น่าสนใจมากนะครับ เพราะแสดงให้เห็นว่าได้เกิดอาการไตวายขึ้นแล้ว และถ้าถึงขั้นไตวาย ก็ไม่มีทางรักษา ทางออกบั้นปลายก็คงต้องใช้วิธีล้างไต (HEMODIALYSIS) โดยใช้เครื่องล้างไตอาทิตย์ละครั้งสองครั้งไปจนตลอดชีวิต

ขอพูดถึง เรื่องล้างไตเป็นการเพิ่มความรู้เล็กๆน้อยๆอีกนิดครับ ก่อนที่จะล้างไตด้วยเครื่องล้างไตได้ จำเป็นที่จะต้องมีการผ่าตัดเล็กน้อยเสียก่อน การผ่าตัดนั้นก็คือต่อเส้นเลือดดำและเส้นเลือดแดงเข้าไว้ด้วยกัน ส่วนมากมักจะทำที่บริเวณข้อมือ และเมื่อต่อเส้นเลือดเข้าไว้ด้วยกันแล้ว ก็ต้องรอไว้ระยะหนึ่งให้แผลหายดี แล้วจึงจะเริ่มใช้เครื่องล้างไต และก็คงต้องปล่อยสภาพการต่อเส้นเลือดไว้อย่างนั้นตลอดไปหรือตราบเท่าที่เรา ยังต้องการล้างไตอยู่

การผ่าตัดเพื่อต่อเส้นเลือดเข้าไว้ด้วยกันนั้น เรียกว่าวิธี ARTERIOVENOUS SHUNT หรือเรียกสั้นๆว่า A.V.SHUNT ซึ่งเมื่อสมัยแรกๆที่คิดวิธีล้างไตขึ้นมานั้น ใช้วิธีแทงเส้นเลือดแดงและเลือดดำเข้าล้างเครื่องกันสดๆเลย แต่ปรากฏว่าเมื่อล้างไตทุกครั้ง ใช้แทงกันสดๆกันอย่างนี้ เส้นเลือดก็จะเป็นแผลเป็น และในบริเวณที่ถูกแทงก็จะเกิดอาการคล้อท (CLOT) ทำให้เส้นเลือดแข็ง แทงเส้นครั้งต่อๆไปไม่ได้

เขาก็เลยต้อง คิดวิธีต่อเส้นเลือดเข้าด้วยกันอย่างถาวร ซึ่งก็แก้ปัญหาเรื่องเส้นเลือดแข็ง (ARTERIOVENOUS FISTULA) ในกรณีที่ต้องล้างไตเป็นประจำได้ แต่การล้างไตก็ยังคงต้องทำต่อไปตลอดเวลา เพราะยังหาวิธีรักษาอาการไตวายไม่ได้ คงใช้การล้างไตเป็นการบรรเทาอาการไตวายเท่านั้น

ที่ครั้งนี้ต้อง เขียนอธิบายเรื่องโรคและอาการค่อนข้างยืดยาวนั้น ก็เพราะหลายท่านเข้าใจผิดว่าโรคกับอาการเป็นเรื่องเดียวกัน ตั้งแต่เริ่มเขียนเรื่อง "ฉี่" มาได้สองตอนก็ถูกถามหลายครั้ง ซึ่งแสดงให้เห็นว่าผู้ถามท่านไม่เข้าใจเรื่องโรคกับอาการ ก็เลยต้องอธิบายให้เห็นความแตกต่างและความสำคัญของการรู้จักแยกโรคและอาการ ว่ามันต่างกันอย่างไร ยืดยาวหน่อย ขอโทษด้วยครับ

ขอสรุปเฉพาะตอนนี้ว่าอย่างเรื่อง เบา-หวานกับฉี่ผิดปกติ นั้น ต้องแก้ทั้งสองอย่างเสียแต่เนิ่นๆ และต้องทำทั้งสองอย่างพร้อมๆกัน

อย่าง เช่น เริ่มรู้สึกเพลียโดยไม่มีเหตุผล มีอาการความดันโลหิตสูง ก็รีบไปตรวจเบาหวาน และเมื่อแม้แต่ตรวจแล้ว น้ำตาลในเลือดยังต่ำอยู่ แต่อาการผิดปกตินั้นยังคงอยู่ ก็แก้เรื่องอาหารและควบคุมเรื่องน้ำตาลในเลือดไว้ก่อน

ขณะเดียวกันก็สังเกตดูว่ามีอาการผิดปกติเรื่องฉี่หรือเปล่า ถ้ามีก็คงแก้ไปพร้อมๆกับการคุมอาหารและคุมน้ำตาล

ที่ แน่นอนและอยากย้ำแล้วย้ำอีกตอนนี้ก็คือ ตรวจแล้วจะเป็นหรือไม่เป็นก็ตาม ขอให้ปลีกเวลาออกกำลังกายอย่างหนักเป็นประจำไว้ก่อน ได้แนะนำไว้หลายครั้งแล้วนะครับว่า ถ้าไม่รู้ว่าจะออกกำลังกายด้วยวิธีใดดี ก็ขอให้ยึดวิธีรำตะบองของชีวจิตนั่นแหละครับ ทำเป็นประจำ ทำให้ได้พีก ผมขอเอาหัวเป็นประกันได้เลยว่า จะได้ผลดี ช่วยรักษาได้ทั้งโรคและอาการทั้งหมด

ยังไม่จบนะครับเรื่อง "ฉี่" คราวหน้าขอต่ออีกนิด เรื่องฉี่ผิดปกติเพราะอัมพาตและฉี่ผิดปกติ เพราะเป็นโรคเกี่ยวกับกระเพาะปัสสาวะและไตโดยตรง

No comments:

Post a Comment