Monday, May 3, 2010

กาสิโนที่สิงคโปร์

และแล้ว ประเทศสิงคโปร์ ก็ได้เปิด กาสิโนคอมเพล็กซ์แห่งที่ 2 ไปเรียบร้อยแล้ว เมื่อวันอังคารที่ผ่านมานี้

กาสิโนแห่งใหม่นี้ชื่อว่า “มารินา เบย์ แซนด์ส”

มูลค่าในการก่อสร้างสูงถึง 5.5 พันล้านดอลลาร์

เดิมนั้น กาสิโน “มารินา เบย์ แซนด์ส” จะเปิดเมื่อปีที่แล้ว

แต่ด้วย ปัญหาวิกฤติเศรษฐกิจโลก จึงทำให้เลื่อนมาเปิดในปีนี้

กาสิโนแห่งแรกในสิงคโปร์ ซึ่งเปิดมาก่อนหน้านี้มีชื่อว่า “รีสอร์ทเวิลด์”

พอเปิดเสร็จ ปรากฏว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติได้หลั่งไหลเข้าไปเที่ยวที่สิงคโปร์เป็นจำนวนมาก

มากเสียจนรัฐบาลสิงคโปร์ตกใจ เพราะคาดไม่ถึงว่า กาสิโนจะมีส่วนช่วยนำรายได้เข้าประเทศมากมายมหาศาลเช่นนี้

กาสิโนที่มาเก๊าเริ่มกลัวกาสิโนที่สิงคโปร์เป็นอย่างมาก เพราะฝีมือ การทำการตลาด ของคนสิงคโปร์ยอดเยี่ยมไม่เบา

รัฐบาลสิงคโปร์ได้ประกาศออกมาแล้วว่ากาสิโนทั้งสองแห่งจะ ดึงดูดนัก ท่องเที่ยวต่างชาติ ได้ราว 18 ล้านคน

และประการสำคัญ สามารถทำรายได้ให้แก่ประเทศได้มากถึง 21 พันล้านดอลลาร์ ในอีก 5 ปีข้างหน้า แปลงเป็นเงินไทยจะมีมูลค่ากว่า แปดแสนล้านบาท

ต่อปี หมายถึง รายได้ หนึ่งแสนหกหมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงอย่างยิ่ง

ผมจำได้ว่า เมื่อต้นปีที่แล้ว ผมมีโอกาสไป เล่นกอล์ฟ กับนักการเงิน บริษัทยักษ์ใหญ่แห่งหนึ่งที่ประเทศสิงคโปร์

นักการเงินผู้นี้เป็นที่ปรึกษาให้กับรัฐบาลสิงคโปร์เกี่ยวกับการสร้างกาสิโนอีกด้วย

เล่นกอล์ฟไป คุยไป ทำให้ได้ ข้อมูลเกี่ยวกับสิงคโปร์ ค่อนข้างมาก

เขาเล่าว่า ตอนที่จะอนุมัติให้เปิดกาสิโนนั้น ได้มีการ ถกเถียง ในรัฐบาลกันอย่างหนัก

กลุ่มหนึ่ง บอกว่า ไม่เห็นด้วย แต่อีกกลุ่มหนึ่ง บอกว่า เห็นด้วยเป็นอย่างยิ่ง

เถียงกันไปเถียงกันมา ปรากฏว่ากลุ่มที่เห็นด้วยเป็นฝ่ายชนะ เราจึงได้เห็นกาสิโนสองแห่งปรากฏขึ้นในสิงคโปร์ขณะนี้

นักการเงินผู้นี้ ยังแซวผม อีกว่า รู้จักใครในรัฐบาลไทยชุดนี้บ้างหรือไม่ ผมบอกว่า ไม่รู้จักและ ถามเขาว่า ทำไม

เขาบอกว่า ถ้ารู้จักช่วยไปบอกด้วยว่า ประเทศไทย อย่าเพิ่งเปิด กาสิโน ในช่วงห้าปีนี้ เป็นอันขาด

ผม ถามเขากลับไปว่า ทำไมจึงพูดเช่นนั้น

เขา บอกว่า เพราะในตอนวางแผนจะเปิดกาสิโนในสิงคโปร์นั้น กลุ่มลูกค้าเป้าหมายหลัก คือคนไทย

เขา คาดว่า คนไทยจะไปเล่นการพนันที่กาสิโนทั้งสองแห่งของเขาเป็นจำนวนมากหลายล้านคน

ซึ่งเมื่อไม่กี่วันมานี้ เขาได้มาเยี่ยมเยียนผมที่เมืองไทย ผมถามเขาไปว่า เปิดแห่งแรกไปแล้ว เป็นอย่างไรบ้าง

เขาตอบ ด้วยความภูมิใจว่า เป็นดังที่คาดหวังไว้ทุกประการ

และนี่คือ สภาพความเป็นจริง ซึ่งเราเห็นอยู่

รอบบ้านเรา ล้วนเปิดกาสิโนกัน หมดเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พม่า กัมพูชา มาเลเซีย หรือแม้แต่ สปป.ลาว ต่างมีกาสิโนในประเทศของเขาด้วยกันทั้งสิ้น และคนไทยก็เดินทางไปเล่น ไปเที่ยวกันปีละจำนวนมาก ๆ

แต่ ประเทศของเรา มัวอาย มัวกระมิดกระเมี้ยน มัวเอาเรื่องไม่ชอบอบาย มุขมาอ้าง ทั้ง ๆ ที่ในบ้านในเมืองอบายมุขด้านอื่นมีเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วผลเป็นอย่างไร คงไม่ต้องบอกกันให้มากความ

เราขยันกู้ ขยันยืม แต่เราไม่ค่อยจะรู้จักทำมาหารายได้กันเท่าไหร่นัก

ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอะไรจะนำรายได้เข้าประเทศได้บ้าง แต่เรามัว “ดัดจริต” กันอยู่ ผลสุดท้ายเราจึงไล่ไม่ทันประเทศเพื่อนบ้านเขา

อีกไม่ช้าไม่นานคงจะรู้กันว่า คำว่า “ดัดจริต” ไม่ได้ช่วยสร้างรายได้หรือพัฒนาอะไรให้กับประเทศไทยได้เลย การยอมรับความเป็นจริงของชีวิตต่างหากที่จะนำพาให้เรายืนผงาดและแข่งขันกับ ประเทศอื่น ๆ ในโลกกว้างได้.

อนุภพ

ที่มา: คอลัมน์ เห็นมาอย่างไร เขียนไปอย่างนั้น เดลินิวส์ออนไลน์ วันศุกร์ ที่ 30 เมษายน 2553
==================
ไทยไม่เปิดบ่อน ก็ไปเข้าบ่อนประเทศเพื่อนบ้านอยู่ดีนั่้นแหละ เราสมควรเปิดโดยมีเงื่อนไขของการเข้าไปเล่น เพื่อบังคับให้เล่นพอหอมปากหอมคอเท่านั้น แน่นอนหละว่า เข้าบ่อน ผิดศีล แต่นิสัยคนไทย มันก็เป็นแบบนี้เอง (ปากว่า ตาขยิบ)

No comments:

Post a Comment