ถ้าถามว่า ใครบ้าง ที่มี ลักษณะ จัดเป็น บุคคลอันตราย ในสังคม
รับรองได้ว่า คนส่วนใหญ่ จะตอบ ดังนี้
อันดับแรกคือ “ฆาตกร” ซึ่งสามารถฆ่าทุกคนที่ขวางหน้าได้ตลอดเวลา จะเป็นฆ่าเพราะ เหตุผลส่วนตัว หรือ รับจ้างผู้อื่นมาฆ่าให้ ล้วนเป็นอันตราย ด้วยกันทั้งสิ้น
อันดับสองคือ “คนบ้า” หรือ “คนเป็นโรคจิตวิปริต” คนเหล่านี้สามารถทำอะไรก็ได้ โดยที่ตัวเองไม่รู้ว่าได้ทำอะไรลงไป
อันดับสามคือ “พวกค้าขายยาเสพติด” เพราะยาเสพติด ทำร้ายประเทศชาติ อย่างที่ไม่สามารถประเมินค่าได้
อันดับสี่คือ “คนจิตใจโหดเหี้ยมอำมหิต” ซึ่งผิดมนุษย์ปุถุชนธรรมดา คนเหล่านี้ล้วนมีภูมิหลังที่ทำให้เป็นคนโหดเหี้ยมด้วยกันทั้งนั้น
และอันดับห้าคือ “คนที่มองโลกในแง่ร้ายเสมอ” คนพวกนี้ จะไม่เคยบอกว่า อะไรดี และส่วนใหญ่จะเป็น คนวิตกกังวล อย่างหนัก วัน ๆ มีแต่มอบความเกลียดชังให้แก่ผู้อื่น ใครทำดีมักจะบอกว่าทำไม่ดี คน เหล่านี้มักจะตายก่อนเวลาที่อันควร
ข้างต้นนี้จัดเป็น อันตรายระดับรุนแรง สังคมใดมีคนเหล่านี้มาก ๆ รับรองได้ว่า จะเป็นสังคมที่มีแต่ภัยอันตรายหาความสุขในชุมชนได้ยากยิ่ง
แต่ที่จริงแล้ว บุคคลที่เป็นอันตรายในสังคม ยังมีอีกหลายประเภท ส่วนใหญ่ มองเผิน ๆ จะบอกว่าไม่น่าจะอันตรายใด ๆ แต่ถ้าศึกษาให้ลึกลงไป จะพบว่าอาจเป็นอันตรายต่อสังคมมากกว่าพวกข้างต้นเสียด้วยซ้ำ
ประเภทแรกคือ “บุคคลที่มีใจคับ แคบ” ทำทุกอย่างเพื่อประโยชน์ส่วนตนเท่านั้น ไม่เคยคิดถึงส่วนรวมแม้แต่น้อย เคยมีคนตั้งข้อสังเกตว่า พวกที่เรียนหนังสือเก่ง ๆ โอกาสที่จะมีจิตใจคับแคบ เป็นไปได้สูง
ประเภทที่สองคือ “บุคคลที่ไม่มีเพื่อน” ไม่มีเพื่อนเพราะชอบอยู่สันโดษ ชอบอยู่เดียวดาย กินข้าวก็กินคนเดียว เล่นกอล์ฟก็ออกรอบคนเดียว พวกที่ไม่มีเพื่อนจะ ไม่รู้จักคุณค่า ของคำว่า “เพื่อน” ถ้าเขาได้เป็นใหญ่เป็นโต เพื่อนจะไม่มีวันไหว้ วานหรืออาศัยเขาได้ เขาจะมอง “เพื่อน” เป็นภาระ มากกว่า เป็นสินทรัพย์
ประเภทที่สามคือ “คนที่ไม่ฟังใคร” ตัดสินใจอะไรจะกระทำแต่เพียงผู้เดียว เขาไม่เชื่อคำแนะนำของใคร แม้กระทั่งผู้หลักผู้ใหญ่หรือผู้ที่เคยมีบุญคุณด้วย เขาก็ไม่เชื่อ คนเหล่านี้จะมองผู้หลักผู้ใหญ่เป็น หัวหลักหัวตอ บางทีมองว่า โบราณคร่ำครึ ทั้ง ๆ ที่ลืมไปว่าคนแก่นั้นมีประสบการณ์ชีวิตล้นเหลือ คนที่ไม่ฟังใคร สุดท้าย จะดึงเอาทุกคนมา ร่วมรับผิดชอบ ด้วย เวลาเกิดความผิดพลาด
ประเภทที่สี่คือ “คนที่ไม่แคร์ใคร” มี ความเห็นแก่ตัวสูง ภาษาอังกฤษเขาใช้คำว่า ขาด “CONSIDERATION” นั่นคือไม่เห็นใจผู้อื่น คนประเภทนี้ เวลาลงเรือเจอ มรสุมจะโดดเรือหนีก่อนใครเพื่อน แม้มีผู้ที่อ่อนแอกว่าอยู่ด้วยก็ไม่ช่วย
ประเภทที่ห้าคือ “คนเรียนเก่ง” คนพวกนี้ไม่ชอบให้ใครได้ดีกว่าตัวเอง เวลาเล่าเรียนด้วยกันจะไม่เคยช่วยเพื่อน ซ้ำยัง ชอบ ฟ้องครู เสียด้วยซ้ำ คนเรียนเก่งแล้วมีจิตใจเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ต่อเพื่อนหาได้ยากยิ่ง
ประเภทที่หกคือ “คนที่มีความเป็นตัวของตัวเองสูง” อันตรายเพราะ คิดอะไรจะเข้าข้างตัวเอง ทั้ง ๆ ที่ ในบางเรื่อง ความคิดเห็นของผู้อื่นอาจดีกว่าความคิดความอ่านของตัวเองมากนัก ส่วนใหญ่คนพวกนี้สร้างความเสียหายมากกว่าสร้างความเจริญงอกงาม
ประเภทที่เจ็ดคือ “คนพูดเก่ง แต่ทำไม่เป็นเรื่อง” คนพวกนี้ผลงานไม่ค่อยปรากฏ แต่พูดจาอะไรทีไร ผู้ฟังจะรู้สึกเคลิ้ม ดูน่าเชื่อถือเหลือเกิน แต่พอทำจะประจักษ์ว่า “ดีแต่พูด” ถ้าให้เลือกระหว่าง “พูดเก่ง ทำไม่เก่ง” กับ “พูดไม่เก่ง ทำเก่ง” เลือกประเภทหลังดีกว่า
ประเภทที่แปดคือ “คนที่ชอบตีหน้าเซ่อ” ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าอะไรไม่ดี ไม่ถูกไม่ควร แต่ก็ทำ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าควรทำอะไรไม่ควรทำอะไร แต่ชอบ ตีหน้าเซ่อ ทำในสิ่งที่ไม่ควรทำ
ประเภทสุดท้ายคือ “ไม่มีน้ำใจนักกีฬา” คือไม่รู้จักแพ้ ไม่รู้จักชนะ ไม่รู้จักเสียสละเพื่อทีม มักชอบทำตัวเป็น “สตาร์” ตัวต้องเด่นไว้ก่อน ทีมจะเป็นอย่างไรช่างมัน
โดยสรุปรวมแล้ว บุคคลที่มีลักษณะเข้าข่ายอันตรายดังร่ายยาวมาข้างต้น เป็นผู้นำที่ดีไม่ได้ อย่างแน่นอน ยิ่งเป็นผู้นำในระดับประเทศด้วยแล้ว ยิ่งอันตรายต่อสังคมมากเข้าไปใหญ่ เห็นด้วยหรือไม่ แล้วแต่ท่านผู้อ่านจะพิจารณาก็แล้วกัน.
อนุภพ
ที่มา: คอลัมน์ เห็นมาอย่างไร เขียนไปอย่างนั้น เดลินิวส์ออนไลน์ วันศุกร์ ที่ 16 เมษายน 2553
No comments:
Post a Comment