องคุลิมาล สมัยเด็กมีชื่อว่า อหิง สกกุมาร
เขาเป็นบุคคลใน ประวัติศาสตร์พุทธศาสนา ซึ่งมีชื่อเสียงมาก
บิดาของอหิงสกส่งองคุลิมาลไปศึกษาเล่าเรียนที่ สำนักตักศิลา ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยที่มีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดใน สมัยพุทธกาล
อหิงสกตั้งใจเล่าเรียนอย่างเต็มที่ จนกระทั่งเป็นนักเรียนที่มีผลการเรียนดีเยี่ยม อยู่ในระดับเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง และเป็น นักเรียนทุนของพระเจ้าปเสนทิโกศล
เมื่ออหิงสกเรียนเก่งตลอดจน เป็นคนที่มี ความเฉลียวฉลาดมีปฏิภาณไหวพริบ เป็นเลิศ ครูบาอาจารย์จึงให้ ความรัก ความเอ็นดู เขามากเป็นพิเศษ
อหิงสกจึงถูกเพื่อน ๆ รุม อิจฉาริษยา และเพื่อนเหล่านั้นได้ ยุแยงตะแคงรั่ว ให้อหิงสกแตกคอกับอาจารย์
เมื่ออาจารย์รักตัวเองมาก จึงเชื่อตามคำยุยงที่ลูกศิษย์ผู้ไม่ประสงค์ดีมายุแหย่ กลัวว่า อหิงสกจะมาตีเสมอกับตน อาจารย์ จึงแสวงหาวิธี กำจัด ลูกศิษย์ที่ชื่ออหิงสกโดยวาง กุศโลบาย ว่า ถ้าอหิงสกมีความรักตัวเองและอยากเรียนจบ จงไปตัดนิ้วมือของผู้คนให้ครบ 1,000 นิ้ว เพื่อมาประกอบเป็นค่าบูชาครูในการเรียนวิชาสุดท้าย
อหิงสก รักตัวเองมาก อยากสำเร็จวิชา จนลืมคิดไปว่า ทำไมวิชาสุดท้ายนี้จะสำเร็จได้จึงต้องสังเวยด้วยชีวิตของเพื่อนมนุษย์จำนวน มากนัก
เขาได้ถือดาบเดินทางเข้าบ้านเข้าเมือง เพื่อเข่นฆ่าผู้คนเสมือนหนึ่งเป็นผักปลา จากนั้นชื่อของอหิงสกจึงได้รับการขนานนามใหม่ว่า องคุลิมาล แปลว่า ผู้มีนิ้วมือคล้องเป็นมาลัย
องคุลิมาลได้สังหารเพื่อนมนุษย์โดยใช้ศัตราวุธและความเชี่ยวชาญในการรบที่ตน เองได้ศึกษาเล่าเรียนมาไปแล้ว รวม 999 ชีวิต กระทั่งคนสุดท้าย นั่นคือ นางมันตานีพราหมณี มารดาของเขานั่นเอง
มารดาขององคุลิมาลได้ข่าวว่าพระเจ้าปเสนทิโกศลได้ตั้ง หน่วยเฉพาะกิจ ขึ้นมาเพื่อ ไล่ล่าองคุลิมาล ซึ่งเป็นลูกชายของตัว
ด้วยความรักที่แม่มีให้ลูก เธอจึงตัดสินใจออกเดินทางตามหาองคุลิมาลเพื่อที่จะแจ้งข่าวนี้แก่ลูกชาย ในที่สุดลูกและแม่พบกันที่ป่าชื่อ ป่าชาลิวัน
ด้วย ความเมามันในการฆ่าเพื่อนมนุษย์ องคุลิมาลไม่ได้สังเกตหรือจดจำได้ว่า ผู้ที่กำลังเดินทางผ่านมานี้คือแม่ของตนเอง และ ไม่รู้ด้วยซ้ำ ว่าผู้ที่เดินผ่านมาเป็นผู้หญิง เขารู้แต่เพียงว่า ผู้ที่เดินผ่านมาเป็นมนุษย์ และ มนุษย์คนนั้นมีนิ้วมือ เขาจึงวิ่งรี่เข้าไปเพื่อที่จะใช้ดาบตัดเอานิ้วมือนิ้วที่หนึ่งพันของผู้ เป็นแม่
ถ้าองคุลิมาลทำได้สำเร็จจะเป็น บาป มหาศาล เพราะการฆ่าพ่อ การฆ่าแม่ คือเป็นบาปหนักที่สุด เรียกว่า อนันตริยกรรม
โชคดีที่พระพุทธองค์ทรงเดินผ่านมาและห้ามองคุลิมาลไว้ทัน มิฉะนั้นองคุลิมาล คงกระทำ มาตุฆาต แม่ของตัวเองไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
กรณีขององคุลิมาล สะท้อนให้เห็นว่า เมื่อคนเรารักตัวเองอย่างถึงที่สุด จะเกิดความหน้ามืด ตามัว สามารถทำร้าย ทำลาย เข่นฆ่า ใครก็ได้ทั้งนั้นในโลกนี้ เพียงเพื่อให้ตนเองได้สมหวัง
นอกจากนี้ ยังบ่งชี้ ให้เห็นด้วยว่า
หนึ่ง คนที่เรียนเก่งที่สุด คนที่มีไหวพริบปฏิภาณเฉลียวฉลาด สักวันก็พลาด ก็พลั้งได้ โดยที่ไม่รู้ตัวเองแต่อย่างใด
สอง ความอิจฉาริษยา เป็นภัยที่สุดต่อสังคม ไม่ว่าจะเป็นสังคมใด หรือในยุคไหนก็ตาม เพื่อนขององคุลิมาลอิจฉาริษยาองคุลิมาลจึงไปยุแหย่ให้ครูบาอาจารย์หวังกำจัด องคุลิมาล และเป็น ที่มาของความเลวร้าย ในประการทั้งปวง
สาม ความรักในตัวเองมากเกินไป ทำให้เกิด ความเห็นแก่ตัว สามารถทำอะไรก็ได้เพื่อตัวจะได้สมหวังในสิ่งที่ตั้งใจและปรารถนาเอาไว้
และ ประการสุดท้าย การกระทำสิ่งเลวร้ายใด ๆ ถ้าไม่มีใครคอยห้าม ถ้าไม่มีใครชี้ทางสว่างให้ ความเลวร้ายทั้งหลายไม่มีวันจะจบสิ้นได้
บ้านเมืองของเราขณะนี้ คนไทยฆ่าแกงกันเอง มีคนบาดเจ็บเกือบพันคน เสียชีวิตจากการสลายม็อบที่แถวราชดำเนินเกือบสามสิบคน ก็เพราะความรักในตัวเองมากเกินไป และความเห็นแก่ตัวของคนเพียงไม่กี่คน โดยแท้
ถ้าศึกษาเรื่อง องคุลิมาล ให้ดี และ เผื่อแผ่ความรัก ให้กับคนอื่นบ้าง เราจะไม่เห็น ภาพที่น่าเศร้าสลด ดังที่เกิดขึ้นเมื่อ เสาร์ที่ 10 เม.ย. ที่ผ่านมานี้อย่างแน่นอน.
อนุภพ
ที่มา: คอลัมน์ เห็นมาอย่างไร เขียนไปอย่างนั้น เดลินิวส์ออนไลน์ วันพุธ ที่ 14 เมษายน 2553
No comments:
Post a Comment