Thursday, May 6, 2010

ความลับก็ถูกเปิดเผย: ทันตแพทย์สม สุจีรา

ทันตแพทย์สม สุจีรา แล้วความลับก็ถูกเปิดเผย...
คุณ หมอหนุ่มผู้นี้ คือนักเขียนมือทองเจ้าของผลงานเบสต์เซลเลอร์ยอดฮิต ”ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น” และ “เดอะท็อปซีเคร็ต” หนังสือธรรมะแนวใหม่ที่นำเอาธรรมะจิตวิทยา และวิทยาศาสตร์มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัวที่สุดจนทำให้ยอดขายทะลุหลักแสน กลายเป็นทอล์คออฟเดอะทาวน์ของคนทั้งประเทศในเวลาอันรวดเร็ว ในวันนี้เจ้าของผลงาน เดอะท็อปซีเคร็ต พร้อมเปิดเผยความลับที่หลายคนอยากรู้ แต่ยังไม่มีใครรู้...

เริ่มเห็นแววนักเขียนตั้งแต่เมื่อไรคะ

จุดเริ่มต้นของการเขียนหนังสือของผมมาจากการเขียนไดอะรี่ผมเริ่มเขียนตอน เรียนอยู่ ม.ต้น บางทีตอนพักเที่ยงผมก็หลบเพื่อนๆมานั่งเขียน เขียนเสร็จแล้วทิ้งไปเลยก็มี เพราะไม่อยากให้คนอื่นเห็นเดี๋ยวเขาล้อ ผมจะบันทึกความรู้สึกดีใจหรือเสียใจลงในไดอะรี่ โดยไม่ต้องมานั่งสมาธิ ภาวนาโกรธหนอๆ เสียใจหนอๆ ผมแนะนำว่าคนที่คิดอยากจะปฏิบัติธรรมโดยการจับความรู้สึกตัวเอง ให้หัดเขียนไดอะรี่ จะช่วยได้มาก

ส่วนที่มาเป็นนักเขียน ผมคิดว่ามาจากนิสัยที่ชอบอ่านและชอบจับความรู้สึกของคนเขียน คือคนที่เป็นนักอ่านไม่จำเป็นต้องเป็นนักเขียน แต่คนที่เป็นนักเขียนต้องพยายามอ่านและจับความรู้สึกให้ได้ ตอนเด็กๆ ผมชอบอ่านนิทาน ตอน ป.5 ป.6 อ่านเรื่องลึกลับเรื่องผี เรื่องจานบิน เรื่องสามเหลี่ยมเบอร์มิวดา เพราะผมชอบวิทยาศาสตร์เลยชอบอ่านเรื่องแนวนี้ โตขึ้นมาหน่อยก็ชอบอ่านเรื่องสั้น อย่างเรื่อง “มอม” เรื่องสั้นของ ม.ร.ว.คึกฤทธิ์ ปราโมช นี่เป็นเรื่องสั้นในดวงใจผมเลยทีเดียว ท่านบอกว่าขณะเขียนต้องรู้สึกว่าตัวเองเป็นสุนัข ภายหลังมาเป็นนักเขียนเอง ผมจึงเข้าใจว่า งานเขียนที่ดีต้องออกมาจากจิตวิญญาณ


หนังสือที่เป็นแรงบันดาลใจสำคัญ คือเรื่องอะไรคะ

หนังสือ “พุทธศาสนาในฐานะเป็นรากฐานของวิทยาศาสตร์” ของท่านอาจารย์ประยุทธ์ ปยุตฺโต เมื่อก่อนคนที่จะเชื่อมสองศาสตร์นี้เข้าด้วยกันไม่ค่อยมีแต่ท่านปยุตฺโต เชื่อมวิทยาศาสตร์กับพุทธศาสนา
ได้ ชัดมาก ท่านปูพื้นไว้แล้วผมมาเชื่อมต่อได้เลย เพราะผมมีพื้นฐานทางวิทยาศาสตร์อยู่แล้ว หนังสือที่ผมเขียนตั้งแต่เล่มแรกๆคือ ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น, ทวาร 6 และ เกิดเพราะกรรมหรือความซวย มีต้นกำเนิดมาจากหนังสือเล่มนี้

ในบรรดางานทั้งหมด คุณหมอชอบทำอะไรมากที่สุด

ที่ทำตอนนี้มีเขียนหนังสือ สอนพิเศษวิชาฟิสิกส์ เคมี และมีงานบรรยายตามที่ต่างๆ ค่อนข้างหนักทีเดียวแต่ผมก็สนุก เพราะได้ทำอะไรที่แตกต่างจากงานประจำที่คลินิก จริงๆ ผมชอบทุกอย่างเท่าๆ กัน แต่ถึงจุดหนึ่งก็คงต้องเลือก เพราะจะทำให้ดีเท่ากันทุกอย่างคงไม่ได้ ตอนแรกๆ ที่ผมยังไม่เขียนหนังสือ ผมตั้งใจจะตั้งศูนย์ทันตกรรมขนาดใหญ่ ตอนนี้ผมมีคนไข้จากทั่วโลกเลย อย่างเช่น อะแลสกา นอร์เวย์ สวีเดน อิตาลี สวิส เขาบินมาเที่ยวแล้วก็เลยมาทำฟันด้วย
ผมมองว่าถ้าผมจะเอาดีทางนี้ ผมสามารถทำให้เจริญรุ่งเรืองถึงระดับนั้นได้ แต่ตอนนี้ผมเริ่มลังเลแล้ว เพราะว่างานเผยแผ่ธรรมะก็ดีนะ ช่วยคนได้เยอะ เทียบกับอาชีพหมอฟันแล้ว หมอฟันทำประโยชน์ได้น้อยกว่า วันหนึ่งทำฟันได้ไม่กี่คน ผมยังคิดว่าถ้าผมสอนพิเศษถึงจุดหนึ่ง ผมจะไปสอนที่โรงเรียนสัตยาไสของ ดร.อาจอง (ดร.อาจอง ชุมสาย ณ อยุธยา)แต่ผมก็ยังไม่เคยบอกท่านเลยนะว่าผมจะไปช่วยท่านสอน ผมอยากให้เด็กที่ดีๆ เรียนเก่งด้วย หรือไม่ก็ไปสอนเด็กที่เรียนเก่ง แต่ไม่มีทุน จะได้ไม่ต้องไปเรียนกวดวิชา เป็นการปูพื้นให้เด็กๆ ที่ไม่มีโอกาส อีกหน่อยผมคงจะปิดคลินิก ถึงจะเสียดาย
แต่คงต้องเลือกผมเลือกที่จะเป็นนักเขียน เพราะการเป็นนักเขียนเป็นจุดเริ่มต้นให้ผมพบอะไรดีๆ มากมาย ได้เจอคนดีๆ ได้เจออะไรที่ไม่เหมือนชีวิตเก่าของผมเลย ตอนแรกผมคิดว่าแค่เขียนแล้วส่งต้นฉบับให้สำนักพิมพ์แค่นั้น เราไม่ต้องไปทำอะไร แต่หนังสือที่ผมเขียนมันลึก คนที่อ่านหนังสือเขาสงสัย เลยทำให้มีงานบรรยายเข้ามาด้วย
ถ้าให้นิยามตัวเอง คิดว่าเป็นคนแบบไหนคะ
ผมเป็นคนที่มีแรงบันดาลใจสูง ผมว่าสำคัญนะ เพราะชีวิตคนเราจะประสบความสำเร็จได้มันขึ้นอยู่กับสามแรง คือ แรงจูงใจแรงขับ และก็แรงบันดาลใจ แต่แรงขับมันจะเป็นทุกข์ คนที่พยายามจะไปข้างหน้าด้วยแรงขับจะเกิดทุกขเวทนาสูง ส่วนแรงจูงใจจะทำให้เกิดความโลภ อย่างนักกีฬาที่ตั้งใจซ้อมเพื่อเงินรางวัลจะต่างกับนักกีฬาที่ซ้อมด้วยแรง บันดาลใจ เขาจะมีแรงจากภายในขึ้นมาช่วยมหาศาลมากเลย เพราะฉะนั้นแรงบันดาลใจจึงสำคัญมากๆ
ผมอธิบายไว้ในหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต 2 ถึงการสร้างแรงบันดาลใจว่าต้องมาจากความรู้สึก เราสามารถเปลี่ยนความรู้สึกให้เป็นแรงบันดาลใจได้ โดยต้องเชื่อมกับสมองด้วย และสมองต้องมีการเหนี่ยวนำมาจากสติ เรื่องที่ผมพูดดูเหมือนจะยาก แต่พอไปอ่านแล้วมันง่าย
เวลามีความทุกข์ มีวิธีคิดอย่างไรคะ

ไม่ว่ามีคนชมหรือมีคนว่า ผมจะรู้สึกเฉยๆ คือถ้าเวลาสุข เรามีสติเฝ้าดู จะเห็นว่าความสุขมันก็แค่นี้ เวลาทุกข์ก็เหมือนกัน ถ้าเราฝึกดึงสุขออกจากใจเราได้ ความทุกข์ก็ดึงได้เหมือนกัน ฝึกไปเถอะ ตอนสุขดึงง่ายกว่าตอนทุกข์ ดีใจมากๆ ปุ๊บ ตั้งสติ เราจะดีใจไปทำไม นั่งดูไปเลยว่า ความดีใจเป็นอย่างนี้นะ พอฝึกได้ถึงจุดหนึ่ง วันที่เราเสียใจ เราก็นั่งดูได้เหมือนกัน ผมก็เลยรู้สึกเฉยๆ

เขียนหนังสือตอบปัญหาต่างๆมาแล้วหลายเล่มแล้วเวลาที่ตัวเองมีปัญหาจะปรึกษาใครคะ

ผมแก้ปัญหาตัวเองไม่ได้ทั้งหมดหรอกนะ ผมเปรียบตัวเองเป็นเหมือนโค้ช คือเราบอกนักกีฬาได้ว่า วิ่งไปตรงนี้หรือตรงนั้นเป็นจุดอ่อน ไปแก้ตรงนั้นนะ แต่โค้ชลงไปเล่นเอง โค้ชแพ้ เหมือนกับผมยังเอาชนะใจตัวเองไม่ได้ ยังมีกิเลส รัก โลภ โกรธ หลงบางทีผมก็โมโหเบรกแตกเยอะแยะ
แต่พอมีสติมากขึ้นก็ช่วยให้เรารู้ทัน ที่ผ่านมามีอะไรเข้ามาในชีวิตผมเยอะมาก ที่ยังอยู่ในความทรงจำ ผมเขียนไว้ในหนังสือว่าอย่าคิดย้อนเอาอดีตกลับมาบาดใจ แต่บางทีก็ห้ามตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เพราะฉะนั้นเอาชนะใจตัวเองนี่ยากที่สุดแล้ว ถ้าเอาชนะได้ก็ชนะทุกอย่าง มีคนบอกว่าผมเขียนหนังสือเหมือนกับนิพพานแล้ว เขียนอย่างกับรู้จริง ผมบอกว่าผมยังเข้าไม่ถึงหรอก แต่ผมเข้าใจว่าจะอธิบายอย่างไร เพราะก่อนที่ผมจะเขียนหนังสือเล่มหนึ่ง ผมต้องอ่านหนังสือมาก่อนเป็นร้อยเล่ม เช่น ผมจะเขียน ไอน์สไตน์พบ พระพุทธเจ้าเห็น ผมต้องไปอ่านหนังสือเกี่ยวกับไอน์สไตน์ที่หาได้ทั้งหมด และหนังสือธรรมะด้วย อ่านแล้วตรงไหนที่ไม่เข้าใจก็ถามพระอาจารย์ได้ เพราะท่านเข้าถึงแล้ว
เคล็ดลับในการเขียนหนังสือของคุณหมอคืออะไรคะ
ผมอธิบายสิ่งที่ยากให้เข้าใจง่ายๆ และก่อนที่ผมจะเขียนอะไร ผมวิเคราะห์ก่อนว่าแนวไหนที่ตลาดต้องการ ไม่ใช่นึกจะเขียนก็เขียนเลย ช่วงนั้นแนวเป็นธรรมะ ผมก็วิเคราะห์ต่อว่า ถ้าเป็นแนวธรรมะผมจะเขียนอย่างไร เพราะหนังสือแนวนี้ในตลาดมีเยอะมากๆ ดังนั้นของผมต้องมีจุดต่างที่ไม่เหมือนใคร ผมก็มานึกว่าผมเรียนจิตวิทยาและวิทยาศาสตร์มา เพราะฉะนั้นถ้าผมสามารถเชื่อมโยงธรรมะและจิตวิทยา หรือธรรมะและวิทยาศาสตร์ได้ ก็จะเป็นจุดที่ไม่เหมือนใครผมอธิบายไว้ในหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต 2 ว่า การวิเคราะห์สำคัญมากๆ พอเราวิเคราะห์ถึงจุดหนึ่งแล้วเรารู้สึกว่าเราทำได้ เราก็จะทำได้จริงๆ เพราะเราสร้างภาพแห่งความสำเร็จชัด บางคนวิเคราะห์อย่างเดียว แต่ไม่รู้จักสร้างให้เกิดความรู้สึก การวิเคราะห์ก็ไม่มีประโยชน์อะไร ความสำเร็จเกิดจากวิธีคิด ซึ่งทุกคนสามารถทำได้
รู้สึกอย่างไรกับชื่อเสียงที่ได้มาอย่างรวดเร็ว
ทุกคนที่บ้านเขารู้สึกเฉยๆ นะ เหมือนกับผมเรียนหนังสือแล้วสอบได้ที่ 1 ที่บ้านก็รู้สึกเฉยๆ เพราะเขาเห็นแนวโน้มอยู่แล้วว่าผมทำได้ ถึงแม้ว่าผมจะไม่มีชื่อเสียงอย่างทุกวันนี้ ผมก็อยู่ในจุดที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว คือเรียนจบทันตแพทย์ มีงานทำ และมีความสุขพอสมควร ที่ผมทำงานต่างๆ เป็นนักเขียน สอนพิเศษ ไปบรรยาย เพราะอยากทำเท่านั้นเอง ผมคิดว่าความรู้ที่ผมมีน่าจะได้เผยแพร่ให้คนอื่นได้อ่านด้วย ผมเขียนหนังสือด้วยแรงบันดาลใจ ไม่ใช่แรงจูงใจ ผมจึงมีความสุขขณะที่เขียน แล้วหลังจากนั้นจะมีอะไรตามมา ไม่ว่าจะดีหรือไม่ดีอย่างไร ก็ไม่เป็นไร แต่ถ้าเขียนด้วยแรงจูงใจ จะเกิดความอยาก จะเกิดกิเลส
ถ้าถามว่า ผมประสบความสำเร็จแล้วรู้สึกยังไง ผมรู้สึกเฉยๆผมคิดว่าเราต้องระวังไม่หลงและยึดติดกับความสำเร็จและชื่อเสียง ถ้าหลงก็เสร็จเลย เพราะมันเป็นมายา สักวันหนึ่งในอนาคตถ้าหากไม่ประสบความสำเร็จหรือว่าชื่อเสียงหายไป ผมก็รู้สึกเฉยๆ อยู่ดีแต่ผมกลับกังวลว่าความมีชื่อเสียงจะทำให้ผมทำงานคลินิกไม่ได้ เพราะบางคนมาที่คลินิกเพื่อต้องการคุย ต้องการปรึกษา ต้องการให้ไปบรรยาย บางคนก็ต้องการมาดูว่าหมอสมเป็นใคร หน้าตายังไงเวลาไปบรรยาย ผมก็จะไม่มีเวลาทำคลินิก ผมเลยมาคิดว่าปีหน้าผมคงจะหยุดทำคลินิกแล้ว

ณ วันนี้ คิดว่าตัวเองประสบความสำเร็จในชีวิตแล้วหรือยังคะ

ยังครับ เรื่องนี้ผมอธิบายไว้ในหนังสือ เดอะท็อปซีเคร็ต 2 แล้วว่า การประสบความสำเร็จที่แท้จริงคืออะไร ผมเขียนไว้ครบ บทที่หนึ่ง พูดถึงเคล็ดลับความสำเร็จด้านการเรียน ผมบอกเคล็ดลับที่ทำให้เรียนเก่ง ใครอ่านและทำตามนั้นได้จะเรียนเก่งทันที เป็นเคล็ดลับที่ยังไม่มีใครรู้ หรืออาจจะรู้ แต่ไม่รู้จะอธิบายให้คนอื่นฟังอย่างไร บทที่สอง เคล็ดลับความสำเร็จด้านการงาน บทที่สาม เคล็ดลับความสำเร็จด้านธุรกิจ บทที่สี่ เคล็ดลับความสำเร็จด้านชีวิต และ บทสุดท้าย คือความสำเร็จที่แท้จริง

ผมอาจประสบความสำเร็จทางด้านการเรียน การงาน ซึ่งเป็นความสำเร็จทางโลก แต่นั่นเป็นมายาซึ่งอยู่ได้ไม่นาน เราไม่ควรไปยึดติดสิ่งที่ไม่ใช่ของจริง อีกหน่อยมันก็หายไป ความสุขที่แท้จริงต่างหากเป็นจุดที่ผมต้องการ แต่ผมยังไปไม่ถึง ต้องอ่านดูแล้วจะรู้
เคล็ดลับสร้างสุขของ ทันตแพทย์สม สุจีรา

* แรงขับทำให้เกิดทุกข์ แรงจูงใจทำให้เกิดความโลภ แต่แรงบันดาลใจจะทำให้มีความสุข และจะนำมาซึ่งความสำเร็จ
* ความสำเร็จเกิดจากวิธีคิดและการสร้างภาพแห่งความรู้สึกซึ่งเราทุกคนทำได้
* อย่าหลงและยึดติดกับชื่อเสียงและความสำเร็จ เพราะสิ่งนี้คือมายา
* ชนะใจตัวเองยากที่สุด แต่ถ้าชนะได้ก็ชนะทุกอย่าง

ที่มา: Health & Wellness บมจ.ธนาคารกสิกรไทย kbeautifullife.com 15 พฤษภาคม 2552

No comments:

Post a Comment