Sunday, May 9, 2010

ฉี่–ใครว่าไม่สำคัญ (6)ฉี่–กับโรคสมอง

"ฉี่ กับ โรคสมอง" ไม่ใช่ฉี่ใส่สมองนะครับ

"โรคสมอง" หมายความว่าโรคต่างๆเกี่ยวกับสมอง ซึ่งมีหลายโรคเหลือเกิน

และโรคซึ่งเกี่ยวกับสมองเหล่านี้ จะมีอาการเกี่ยวกับ "ฉี่ผิดปกติ" เกี่ยวข้องอยู่ด้วยเสมอ

ขอ ยกตัวอย่างโรคเกี่ยวกับสมองซึ่งเราค่อนข้างจะได้ยินบ่อยและรู้จักกันดี อย่างเช่น เส้นโลหิตในสมองแตกหรืออุดตัน ซึ่งจะเรียกกันเป็นภาษาสามัญทางการแพทย์ว่า STROKES

ถ้าของไทยเราก็ คงจะเรียกกันว่า อัมพาตหรืออย่างเบาๆก็คงว่าอัมพฤกษ์ โรคนี้เริ่มขึ้นที่สมองก่อน คือ เส้นโลหิตที่ไปเลี้ยงสมองใหญ่ (CEREBRUM) อุดตันหรือแตก หรืออาจจะเป็นสมองส่วนอื่นๆก็ได้ อย่างเช่น สมองส่วนกลาง

เมื่อ เส้นเลือดแตก เลือดที่ไหลออกมาก็จะไปคั่งอยู่ในสมอง สมองส่วนอื่นๆก็ทำงานไม่ได้หรือถ้าเส้นเลือดอุดตัน เซลล์ของสมองส่วนที่ไม่ได้รับการเลี้ยงดูจากโลหิตก็จะตาย

เมื่อสมอง ส่วนหนึ่งส่วนใดทำงานไม่ได้ ร่างกายที่เกี่ยวข้องกับสมองส่วนนั้นก็จะชาหรือพิการ เกิดอาการพิการไปครึ่งซีกหรือทั้งหมดของร่างกายได้

ที่น่าสังเกตก็ คือสมองใหญ่ 2 ซีกนั้นแยกกันทำหน้าที่ควบคุมร่างกายเป็นซีกตรงกันข้าม คือ ซีกซ้ายจะคุมร่างกายทางขวา และซีกขวาจะควบคุมร่างกายทางซ้าย

ฉะนั้น ถ้าใครเกิดเส้นโลหิตแตกหรืออุดตันทางสมองซีกซ้าย ด้านขวาของร่างกายก็จะเป็นอัมพาต หรือเป็นสมองด้านขวา ด้านซ้ายของร่างกายก็จะเป็นอัมพาตกลับกันอย่างนี้

แล้วก็ยังมีโรคของสมองอีกหลายโรคจะมีส่วนกระทบต่อร่างกายบางซีกบางส่วน หรือบางทีก็ร่างกายทั้งตัวก็ได้เช่นกัน

อย่าง โรคพาร์กินสันที่ทำให้มีอาการสั่นบางส่วนของร่างกายหรือทั้งตัว ลมชักหรือลมบ้าหมูที่ทำให้มีอาการชัก เกร็งและกระตุก อัลไซเมอร์และความจำเสื่อมเพราะความชรา (ALZHEIMER’S DISEASE และ SENILE DEMENTIA) และ ยังมีโรคเกี่ยวกับสมองอื่นๆอีกหลายอย่าง

ที่อยากจะสรุปลงตอนนี้เสียก่อนก็คือว่าโรคเกี่ยวกับสมองต่างๆเหล่านี้ จะมี อาการของปัสสาวะผิดปกติร่วมอยู่ด้วยเสมอ

สำคัญมากอีกอย่างหนึ่งก็คือว่าอาการฉี่ผิดปกติของโรคสมองนี้ ผิดกับอาการฉี่ผิดปกติของโรคที่ไม่เกี่ยว กับสมอง

ผิด กันก็อยู่ตรงที่ว่าการฉี่ผิดปกติของโรคที่ไม่เกี่ยวกับสมองนี้ ส่วนมากเราพอจะบังคับไม่ให้ฉี่ราดได้ อย่างเช่น เบาหวานหรือต่อมลูกหมากอักเสบนั้น ต้องฉี่บ่อยๆก็จริง และบางครั้ง ปวดฉี่จนหน้าเขียวก็จริง ก็ยังพอบังคับหรือกลั้นไว้หน่อยหนึ่ง ถ่วงเวลาพอจนกระทั่งวิ่งไปถึงห้องน้ำได้ (แม้กระทั่งถึงห้องน้ำแล้วมีคนยืนฉี่อยู่ก่อน ก็พอมีโอกาสทำหน้ากระมิดกระเมี้ยนกลั้นยืนรออยู่ได้อีกสักครู่)

แต่ การฉี่ผิดปกติเพราะโรคเกี่ยวกับสมองนั้นจะกลั้นไม่อยู่ ส่วนมากมักจะฉี่ราด หรือบางทีไม่รู้ตัวว่าจะปวดฉี่ด้วยซ้ำ อยู่เฉยๆปัสสาวะก็ราดออกมาเฉยๆ

ฉี่ ราดเฉยๆโดยไม่รู้ตัวเช่นนี้เป็นเรื่องสำคัญสำหรับผู้ป่วยและผู้ดูแลหรือครอบ ครัวใกล้ชิดที่จะต้องดูแลผู้ป่วย ใครที่ไม่เคยต้องดูแลผู้ป่วยเพราะโรคสมองเหล่านี้ คงจะไม่เข้าใจหรอกว่าการดูแลการขับถ่ายของผู้ป่วยซึ่งรวมทั้งการปัสสาวะผิด ปกติอยู่ด้วยนี้ เป็นเรื่องน่าสงสารและเป็นเรื่องหนักหนาสาหัสสำหรับผู้ป่วยผู้ดูแลหรือผู้ พยาบาลเพียงใด

เพราะฉะนั้น บทความตอนนี้จึงมุ่งที่จะ ช่วยบรรเทาความทรมานของผู้ป่วยและบรรเทาความอดทนอย่างหนักหนาสาหัสสำหรับผู้ พยาบาลและผู้ดูแลเสียก่อน

แต่อย่าลืมนะครับว่าการบรรเทาหรือการบำบัด นี้ไม่ใช่การรักษา ผมได้อธิบายไว้แล้วในบทความตอนก่อนๆว่า ถ้าจะแก้อาการต่างๆให้หายโดยเด็ดขาด ก็ต้องแก้ตัวโรคซึ่งเป็นต้นเหตุของอาการให้ได้เสียก่อน แล้วอาการต่างๆก็จะหายไปเอง

ขอให้เข้าใจเรื่องกายวิภาคของสมองสักนิด หนึ่ง สมอง คือกองบัญชาการใหญ่ของร่างกาย การจะเคลื่อนไหวส่วนใดของร่างกายต้องเริ่มที่สมองก่อน แล้วสมองจะสั่งมาที่กระดูก สันหลัง กระดูกสันหลังก็จะสั่งประสาท และกล้ามเนื้อส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกายให้ เคลื่อนไหวได้

ในขณะ เดียวกันเรื่องของการฉี่นั้น ความ รู้สึกและการสั่งการให้ อวัยวะแก่การฉี่เริ่มที่สมอง อยู่ในบริเวณสมองส่วนกลาง ซึ่งส่วนหนึ่งของสมองส่วนกลางเรียกว่า HYPOTHALAMIC REGION นี้เป็นจุดเริ่มต้น

ถ้าสมองส่วนนี้ถูกกดหรือทำงานไม่ได้ ขั้นตอนของการฉี่ก็เสียไปหมด ขอยกตัวอย่างของผู้ป่วย เป็นอัมพาต ถ้าเป็นอัมพาตขนาดหนักจะเคลื่อนไหว ตัวเองไม่ได้ พูดไม่ได้ ระบบต่างๆของร่างกายรวนเร หมดอย่างนี้ อาการหนักมาก เรื่องการฉี่คงจัดการอะไรไม่ได้ ในกรณีต้องใช้วิธีใส่ท่อสวนกระเพาะปัสสาวะและปล่อยให้ปัสสาวะลงถุงตลอดเวลา

แต่ถ้าคนไข้ยังรู้ตัว แม้แต่พูดไม่ได้ แต่ก็พอกระดุกกระดิกตัวได้

1. ให้สังเกตว่าคนไข้เครียดมากหรือเปล่า ถ้าคนไข้เครียด ลองจับเนื้อตัว แขนขาดู จะเห็นว่า เกร็งและกล้ามเนื้อแข็งไปหมด ในกรณีนี้แทนที่จะฉี่ราดก็กลับฉี่ไม่ค่อยออก

วิธีแก้คือ เช็ดเนื้อเช็ดตัวคนไข้ให้สะอาดและให้สบายตัว แล้วนวดแบบสบายๆ (ไม่ใช่นวดเส้น) คือ นวดใช้ฝ่ามือกดผสมกับใช้หัวแม่มือกดผ่อนคลาย

ถ้าคนไข้นอนคว่ำได้ ให้กด-นวดบริเวณก้นกบเบาๆ พอคนไข้สบาย ก็จะหายเกร็งและเริ่มปัสสาวะได้

2. ถ้าฉี่ออกและฉี่ราดบ่อยๆ หากระบอกฉี่ (ผู้ชาย) ไว้ข้างตัว ถ้าเป็นผู้หญิงใช้โถฉี่ชนิดบนเตียง พยายามหัดให้ฉี่เป็นเวลา ประมาณทุกชั่วโมง จะฉี่ออกหรือไม่ออกก็ให้หัดฉี่ไว้ก่อน ข้อสำคัญอย่าให้คนไข้เครียด ให้ฟังเพลงหรือดูทีวี หรือซีดีเรื่องตลกๆ เบาสมองให้มากๆ

3. ถ้าคนไข้เคลื่อนไหวได้หรือเดินได้ ให้ออก กำลังกายท่ารำตะบอง คือ ท่าแถม (ถือตะบองสองมือตรงเอวด้านหลัง นั่งยองๆลงบนส้นเท้า ย่อ 3 ครั้ง แล้วปล่อยตัวนั่งบนส้นเท้า จากนั้นยกตัวช้าๆ ขึ้นยืน (นับเป็น 1 ชุด) ให้ทำอย่างน้อย 5-10 ชุดต่อครั้ง)

4. ถ้าคนไข้เคลื่อนไหวได้ดี และสามารถพูดจาเข้าใจกันเหมือนคนปกติ ให้ลองหัดวิธีบริหาร แบบขมิบ ที่เรียกกันว่า KEGEL EXERCISE

วิธี ฝึกที่ดีก็คือ ขณะกำลัง "ฉี่" อยู่ อย่าปล่อยให้ฉี่จนสุด แต่ให้กลั้นหยุดฉี่ไว้แล้วนับหนึ่งถึงสิบ แล้วจึงฉี่ต่อ ทำหลายๆครั้ง ต่อไปจะกลั้นฉี่ และบังคับฉี่ได้

5. สมุนไพรบางตัว เอามาทำเป็นชาชงน้ำดื่มดี เช่น ต้นขัดมอญ ใบทองพันชั่ง ใบเหงือกปลาหมอ อย่าปนกัน ใช้ทีละอย่าง

เอาสมุนไพรเหล่านี้ ตากให้แห้ง แล้วคั่วพอหอม ชงน้ำดื่มครั้งละประมาณ 3 หยิบมือ (แยกกัน-อย่าต้มรวมกัน ดื่มทีละอย่างสลับกัน).

สาทิส อินทรกำแหง
********
ที่มา: ไทยรัฐออนไลน์ วันอาทิตย์ที่ 9 พฤษภาคม 2553

No comments:

Post a Comment