Wednesday, June 9, 2010

เตือนอันตรายจากกระจกรถยนต์

กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เตือนผู้ขับขี่ปรับกระจกรถให้อยู่ในองศาที่เหมาะสม ไม่ก้มหรือเงยมากเกินไป

คุณอนุชา โมกขะเวส อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เปิดเผยว่า แม้ “กระจกหน้า-หลัง และกระจกข้าง/มองหลัง” จะเป็นอุปกรณ์สำคัญประจำรถยนต์ที่ช่วยเสริมความปลอดภัย แต่บ่อยครั้งพบว่าอุบัติเหตุเกิดจากทัศนวิสัยในการขับขี่ไม่ดี และการปรับกระจกรถอย่างไม่ถูกวิธี ทำให้เกิดมุมอับจนผู้ขับขี่มองไม่เห็นรถที่อยู่ด้านหลังหรือด้านข้าง เพื่อความปลอดภัยขอแนะวิธีปรับกระจกรถอย่างถูกวิธี และวิธีแก้ไขปัญหาฉุกเฉินกรณีกระจกแตกหรือเป็นฝ้า ดังนี้

กระจกมองข้าง ปรับให้กระจกกางออกโดยตั้งฉากและขนานกับตัวรถ ไม่ก้มหรือเงยเกินไป จะช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นรถที่อยู่ด้านข้างและหลังชัดเจนขึ้น แต่ต้องระวังไม่ปรับกระจกให้เห็นตัวถังรถด้านข้างมากเกินไป เพราะจะทำให้เกิดจุดบอดและเห็นรถคันอื่นในระยะกระชั้นชิดที่ช้ากว่าปกติ

กระจกมองหลัง ควรปรับกระจกให้ไม่เห็นศีรษะของผู้ขับขี่ และมองเห็นภาพในมุมกว้างมากที่สุด ทั้งด้านซ้าย ขวา และหลัง โดยผู้ขับขี่สามารถเลือกใช้กระจกที่มีขนาดใหญ่ขึ้น เพื่อเพิ่มมุมมองทั้งภายในและนอกรถได้ ก่อนออกเดินทางควรปรับกระจกรถให้อยู่ในองศาที่เหมาะสมและเห็นภาพด้านกว้าง ที่ชัดเจนทั้งด้านซ้าย ขวา และหลังจะช่วยลดอุบัติเหตุจากการเปลี่ยนช่องทางและแซงรถคันอื่น ห้ามปรับกระจกไป-มาในขณะที่รถกำลังวิ่งเพราะอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้

กรณีกระจกเป็นละอองฝ้าในช่วงฝนตก ควรแก้ไขโดยปรับอุณหภูมิภายในห้องโดยสารให้คงที่และไม่ต่างจากอุณหภูมิภาย นอกรถ ไม่ปรับช่องแอร์ให้ลมพัดไปทางกระจก และลดระดับกระจกหน้าต่างลง หากเกิดฝ้าบริเวณกระจกหลังรถให้เปิดสวิตช์ตะแกรงขดลวดความร้อนไล่ฝ้า จะช่วยให้มองเห็นเส้นทางชัดเจนขึ้น

กรณีกระจกด้านหน้ารถแตกทั้งบาน ให้ปิดกระจกด้านข้างทุกบาน เพื่อมิให้แรงลมปะทะภายในรถทำให้รถเสียการทรงตัว หากกระจกด้านข้างรถแตกให้ปรับลดกระจกลงจนสุด เพื่อลดแรงสั่นสะเทือนที่อาจทำให้กระจกแตกเพิ่มขึ้น พร้อมประคองพวงมาลัยให้มั่นและขับรถให้ช้ากว่าปกติ

นอกจากนี้เพื่อให้การมองเห็นเส้นทางเป็นไปอย่างชัดเจน ผู้ขับขี่ไม่ควรแขวนตุ๊กตาหรือติดสติกเกอร์บริเวณกระจกด้านหน้าและหลังรถ เพราะจะบดบังทัศนวิสัยในการมองเห็นเส้นทางของผู้ขับขี่

ที่มา: กทม. เดินหน้าเลี้ยวซ้าย เดลินิวส์ออนไลน์ วันพุธ ที่ 09 มิถุนายน 2553

No comments:

Post a Comment