Tuesday, July 27, 2010

อุบัติเหตุทางหลวง ประจำเดือน มิย. 53

กรมทางหลวง เผยสถิติอุบัติเหตุทั้งประเทศ ภาคเหนือครองแชมป์สูงสุด 135 ราย มีผู้เสียชีวิต 76 คน สำหรับบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรง66%ของการเกิด อุบัติเหตุทั้งหมด....

เมื่อวันที่ 27 ก.ค.นายวีระ เรืองสุขศรีวงศ์ อธิบดีกรมทางหลวง เปิดเผยว่า กรมทางหลวง โดยสำนักอำนวยความปลอดภัย ได้รวบรวมรายงานข้อมูลการเกิดอุบัติเหตุบนทางหลวงทั่วประเทศ ประจำเดือนมิ.ย.2553 จากรายงานอุบัติเหตุทางระบบ TRAMS พบว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นบนทางหลวงในความรับผิดชอบของกรมทางหลวง จำนวน 453 ราย ภาคเหลือสูงสุด 135 ราย มีผู้เสียชีวิต 76 คน (เฉลี่ย 3 คน/วัน) สูงสุดที่ภาคเหนือเช่นกัน 26 ราย ได้รับบาดเจ็บ 413 คน (สาหัส 116 คน บาดเจ็บเล็กน้อย 297 คน) สูงสุดภาคตะวันออกเฉียงเหนือ 124 ราย ทรัพย์สินเสียหาย 13,703,171 บาท เป็นทรัพย์สินของกรมทางหลวง 5,792,171 ล้านบาท และทรัพย์สินของเอกชน 7,911,000 บาท (ข้อมูล ณ วันที่ 1 ก.ค.53)

สำหรับบริเวณที่เกิดอุบัติเหตุในเดือนมิ.ย.53 ส่วนใหญ่เกิดบริเวณทางตรง 66 %ของการเกิดอุบัติเหตุทั้งหมด รองลงมา ได้แก่ ทางโค้งปกติ 17% ทางแยก 5 %จุดกลับรถ 5% สะพาน (รวมเชิงลาดของสะพาน) 2 % ซึ่งอุบัติเหตุโดยส่วนใหญ่เกิดขึ้นในเวลากลางวัน ( คิดเป็น 66% ส่วนสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุ พบว่า เกิดจากผู้ขับขี่รถด้วยความเร็วสูงกว่ากฎหมายกำหนด 51% รองลงมาคือ คน/รถตัดหน้าระยะกระชั้นชิด 9 % หลับใน 5 % อุปกรณ์บกพร่อง ร้อยละ 2 เมาสุรา/ยาบ้า 0.2% และแซงในที่คับขัน 0.2% ทั้งนี้ เป็นอุบัติเหตุจากรถยนต์นั่ง 4 ล้อ 26% รองลงมา คือ รถปิคอัพบรรทุก 4 ล้อ 26% รถจักรยานยนต์ 16% รถบรรทุกมากกว่า 10 ล้อ (รถพ่วง) 8% รถบรรทุก 6 ล้อ ไม่เกิน 10 ล้อ 5% รถบรรทุก 6 ล้อ 4% รถโดยสารมากกว่า 4 ล้อ 3% รถปิคอัพโดยสาร 2 % และรถตู้ 2%

นายวีระ กล่าวต่ออีกว่า จากสถิติข้อมูลอุบัติเหตุบนทางหลวง พบว่า สาเหตุของการเกิดอุบัติเหตุ คือ การขับขี่รถด้วยความเร็วสูง ทำให้เกิดการชน/เฉี่ยวชน การพลิกคว่ำ และชนอุปกรณ์งานทาง ดังนั้น การบังคับใช้กฎหมายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการตรวจจับความเร็วยานพาหนะที่วิ่งบนทางหลวงของรถทุกประเภท จึงเป็นมาตรการสำคัญในการลดและป้องกันอุบัติเหตุของผู้ใช้รถใช้ถนน

อย่างไรก็ตาม ขอความร่วมมือผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่าน โปรดขับขี่รถด้วยความระมัดระวัง เคารพกฎจราจร/กฎหมายอย่างเคร่งครัด เพื่อความปลอดภัยของท่าน ผู้ร่วมทาง รวมทั้งผู้อาศัยบริเวณสองข้างทางหลวง และหากพบเห็นอุบัติเหตุบนทางหลวงหรือเดินทางไม่สะดวก สามารถแจ้งได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ ดังนี้ สายด่วนกรมทางหลวง 1586 ศูนย์บริการข้อมูลทางหลวงพิเศษ 0 2533 611หน่วยกู้ภัย มอเตอร์เวย์ กรุงเทพ – ชลบุรี (สายใหม่) 0 3857 7852 – 3 หน่วยกู้ภัยวงแหวนรอบนอกด้านตะวันออก (บางปะอิน – บางพลี) 0 2509 6832 ตำรวจทางหลวง 1193

ที่มา: ทีมข่าวเศรษฐกิจ ไทยรัฐออนไลน์ 27 กรกฎาคม 2553

Friday, July 16, 2010

อยากมีส่วนร่วม: Be in the swim/ตัวเป็นๆ: As large as life

Somsak and his wife always like to be in the swim." กรุณาอย่านึกว่า สมศักดิ์และภริยาจะไปว่ายน้ำนะครับ be in the swim = to be involved in เข้าไปมีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่งกับ the latest or trend of fashion or trend of affairs แฟชั่นรุ่นล่าสุด หรือเข้าไปมีส่วนเกี่ยวกับเรื่องกิจการงานใดที่กำลังเป็นที่กล่าวขวัญทัน สมัย แม้แต่เรื่องธุรกิจนี่ก็ได้ เช่น ผู้คนกำลังเห่อทำรายการอาหารออกโทรทัศน์ ก็ต้องไปทำรายการอาหารกับเขาด้วย อะไรทำนองนี้ นี่คือ be in the swim

วันศุกร์ที่ผ่านมา ขณะกำลังเดินเล่นอยู่บนถนน Cromwell ในกรุงลอนดอน ผมได้ยินเสียง "พี่นิติภูมิใช่ไหมเนี่ยะ ไม่นึกเลยว่าจะมาเจอคุณตัวเป็นๆบนถนนครอมเวลล์" แล้วเธอก็หันไปอธิบายขยายความว่าผมทำอาชีพอะไรที่เมืองไทยให้แฟนฝรั่งฟัง เมื่อเห็นว่าการสนทนาทำท่าจะนาน ผมจึงให้นามบัตรเธอไปพร้อมประโยคว่า "มีสิ่งใดที่จะให้ผมรับใช้ก็อีเมล์มาคุยกันได้นะครับ"เย็นนั้น ผมก็ได้รับอีเมล์ว่า "หนูจะเล่าให้แฟนหนูฟังว่า ดีใจที่ได้มาเจอคุณนิติภูมิตัวเป็นๆ แต่หนูไม่รู้ว่า 'ตัวเป็นๆ' น่ะ ภาษาอังกฤษเขาว่ายังไง?"

ขอตอบคุณนิดพร้อมกับรับใช้ท่านผู้อ่านไปเลย นะครับ ใช้คำว่า as large as life เช่น I went to the temple and there was Khun Sorapong Chatree, as large as life. ผมไปวัด และที่นั่นได้พบกับคุณสรพงษ์ ชาตรี ตัวเป็นๆเลย As large as life = in person; actually.

นิติภูมิ นวรัตน์ ไทยรัฐออนไลน์ * 2 มิถุนายน 2553

ทำให้ดีที่สุดในห้วงช่วงเวลานั้น ๆ The best foot forward

สายการบินไทยเที่ยวบินที่ TG917 พาผมและคณะจากลอนดอนมาถึงเมืองไทย ที่สนามบินสุวรรณภูมิมีนักข่าวกลุ่มใหญ่ขอสัมภาษณ์นายกัมพล
ตัน สัจจา เจ้าของสวนนงนุชพัทยา Suan Nong Nooch Pattaya won a gold medal at the RHS Chelsea Flower Show 2010, London because they put the best foot forward and their presentation took your breath away with its beauty.

หากไม่ใช้วลี the best foot forward ผมก็เขียนประโยคนี้ใหม่
ได้ ว่า Suan Nong Nooch Pattaya won a gold medal at the RHS Chelsea Flower Show 2010, London because they did an excellent presentation that took your breath away with its beauty.

"สวนนงนุชพัทยาชนะเหรียญทองจาก การประกวดจัดสวนของสมาคมไม้ดอกไม้ประดับในพระบรมราชูปถัมภ์ที่เชลซี (สหราชอาณาจักร) ประจำ พ.ศ. 2553 เพราะสวนนงนุชพัทยาได้ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด งานจัดสวนของสวนนงนุชพัทยาทำให้คุณตื่นตะลึงด้วยความวิจิตรบรรจง (ของศิลปะการจัดสวน)"

Mom reminded me to put ‘my best foot forward’ when I enter the room for the job interview. แม่เตือนผมให้ใช้ความพยายามอย่างดีที่สุด เมื่อก้าวเข้าไปในห้องสัมภาษณ์งาน

The best foot forward = the very best that you can do at that time = ทำให้ดีที่สุดในห้วงช่วงเวลานั้น ๆ

นิติภูมิ นวรัตน์ ไทยรัฐออนไลน์ * 3 มิถุนายน 2553

ลายมือเส้นสำเร็จในธุรกิจ

ลายมือที่มีธุรกิจภายในครอบครัว และมีความสำเร็จมีความก้าวหน้า ร่ำรวย และมีเส้นที่แสดงให้เห็น ถึงความเจริญ รุ่งเรืองตลอดไป ดังนี้

หมายเลข ๑-๑
เส้นพฤหัสที่มาจากเส้นครอบ ครัว หมายถึง การทำงานก้าวหน้าและมีความสำเร็จในครอบครัวได้เป็นหัวหน้า

หมายเลข ๑-๒
เส้นเสาร์ที่มาจากเส้นครอบครัวหรือเส้นช่วยชีวิต จะมีความสำเร็จในด้านการงานมีความก้าวหน้า

หมายเลข ๑-๓
เส้นอาทิตย์ที่มาจากเส้นครอบครัว มีความสำเร็จทางการเงินภายในครอบครัวหรือเป็นธุรกิจภายในมีความร่ำรวยมั่นคงมาก

หมายเลข ๑-๔
เส้นพุธมาจากเส้นครอบครัว หมายถึงความสำเร็จก้าวหน้ามากในด้านธุรกิจการค้าทุกอย่างจนร่ำรวยและมั่นคงตลอดไป.

ต้อย ตุลา
ที่มา: เดลินิวส์ออนไลน์ วันเสาร์ ที่ 17 กรกฎาคม 2553

Tuesday, July 13, 2010

เหงาเหงา Lonely as a bandicoot

Bandicoot แบนดิคูท เป็นชื่อของสัตว์ประเภทหนึ่งที่มีอยู่ในทวีปออสเตรเลีย รูปร่างคล้ายหนู แต่มีหน้าท้องแบบเดียวกับจิงโจ้ เมื่อลูกเกิดมาใหม่ๆ ก็อาศัยอยู่ในกระเป๋าหน้าท้องของแม่เหมือนกัน

Ridge ริจ หมายถึง สันเขา สันเขื่อน ผู้อ่านท่านอาจจะเคยเจอ a mountain ridge สันเขา หรือ the ridge of a roof สันหลังคา

A burnt ridge หมายถึง สันเขาที่ถูกไฟไหม้ซะเหี้ยนเต้ไม่มีอะไรเหลือ ผู้อ่านท่านลองนึกถึงตัวแบนดิคูทที่ต้องใช้ชีวิตอยู่บนสันเขาที่มองไปทางไหน ไม่มีอะไรเหลือ ว่าจะเงียบเหงาราวกับป่าช้ายังไง

เมื่อจะบอกว่า เหงามาก เหงาอย่างที่สุด คนออสเตรเลียก็จะมีประโยคเปรียบเทียบว่า lonely as a bandicoot on a burnt ridge เหงาราวกับไอ้ตัวแบนดิคูทบนสันเขาไฟไหม้เหี้ยนเต้ โถ น่าสงสารมาก น่าสงสารซะไม่มี

After the RHS Chelsea Flower Show, I felt as lonely as a bandicoot on a burnt ridge because all the people I had met here had gone. หลังงานประกวดการจัดสวนที่เชลซีสำเร็จเสร็จสิ้นลง ผมก็เหงาราวกะตัวแบนดิคูทบนสันเขาที่ถูกไฟไหม้ซะจนไม่มีอะไรเหลือ เพราะคนที่ผมพบในงานนี้กลับไปหมดแล้ว

After the car crash in which her husband and children died, she felt as lonely as a bandicoot on a burnt ridge. หลังจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่ทำให้สามีและลูกเสียชีวิต เธอก็เหงาราวกับมีเธออยู่เพียงคนเดียวบนโลกใบนี้.

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 4 มิถุนายน 2553
===
สุดเหงา เหงาสุดสุด โครตเหงา เหงาโครต

ยุ่งเหมือนยุงตีกัน a one-armed bill-poster in a gale

ยุ่งเหมือนไอ้ด้วนแขนเดียว

ตอนเด็ก ผมเคยรับจ้างติดโปสเตอร์ ต้องเอากาวทาบนฝาผนัง แล้วก็เอาโปสเตอร์หาเสียงของผู้สมัคร ส.ส.เข้าไปแปะ แค่นี้ก็ยุ่งจนจะแย่แล้วนะครับ

สมมติว่า นิติภูมิพิการมีแขนข้างเดียว แต่ต้องปะโปสเตอร์หาเงินเรียนหนังสือ ผมยิ่งทำงานไม่สะดวกมากขึ้น ผู้อ่านท่านลองจินตนาการให้สถานการณ์ ลำบากมากไปกว่านั้นซีครับ ว่าถ้าเด็กแขนเดียวอย่างผมต้องวิ่งไล่ปะโปสเตอร์ในห้วงช่วงที่มีลมกระโชกแรง อย่างนี้ยิ่งวุ่นชุลมุนชุลเกโกลาหลอลหม่านมากที่สุดเลยนะครับ

ภาษา ไทยของเรามีคำเปรียบเทียบว่า 'ยุ่งเหมือนยุงตีกัน ภาษาอังกฤษมีวลีแสลงเปรียบเทียบว่า 'ยุ่งเหมือนไอ้ด้วนแขนเดียวออกไปปะโปสเตอร์ในห้วงช่วงที่มีลมกระโชกแรง' หรือ busy as a one-armed bill-poster in a gale

Gale เกล หมายถึง ลมกระโชกแรง

Tonight I arrived back from overseas and have a lot of work to do : writing four columns for Thairath Newspaper, voice-over for my documentaries, preparation for going to China and selecting pictures for my Nitipoom.com website. I'm like a one 'armed bill' poster in a gale.

คืน นี้ ผมเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ และก็มีงานมากมายหลายอย่างต้องทำ เขียนงานตั้งสี่คอลัมน์ให้ นสพ.ไทยรัฐ ลงเสียงใส่ลงไปในภาพยนตร์สารคดี เตรียมเดินทางไปเมืองจีน และต้องเลือกภาพลงในเว็บไซต์ www.nitipoom.com อีก ตอนนี้ ผม เหมือนไอ้ด้วนแขนเดียวออกไปติดโปสเตอร์ในห้วงช่วงที่มีลมแรง เลยทีเดียว.

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 5 มิถุนายน 2553

มั่นใจแน่ใจ On a sure thing

สองปีที่แล้ว ผมมีโอกาสไปเที่ยวบอนได บีช Bondi Beach ในซิดนีย์ เครือรัฐออสเตรเลีย ตกกลางคืน Dennis เดนนิส เพื่อนเก่าแก่พาผมไปเที่ยวบาร์ เมื่อเจอสาวผมบรอนด์แกก็ถลาเข้าไปสนทนาอยู่นาน ตอนกลับมาที่โต๊ะ ผมถามเดนนิสว่า "How're things?" ซึ่งหมายความว่า "เป็นไงบ้าง พอมีหวังไหม?"

"Nitipoom, I'm on a sure thing." นิติภูมิ คืนนี้ข้ามีหวังแน่ ผู้อ่านท่านครับ ประโยค I'm on a sure thing. ในที่นี้ มีความหมายเท่ากับ She's going to come home with me tonight. ราตรีนี้มีหวัง เธอกำลังจะไปบ้านกะข้า

"Hey Dennis!, where am I going to sleep? You only have one bedroom." อ้าว เดนนิส แล้วข้าจะนอนที่ไหนกันเนี่ย บ้านเอ็งมีแค่ห้องเดียวนะโว้ย

"Can you go to the Hilton?" เอ็งย้ายไปนอนที่ฮิลตันก่อนได้ไหมเพื่อน? "Sure! If you think you're on a sure thing." ได้ซีเพื่อน ถ้าเอ็งคิดว่า คืนนี้เอ็งมั่นใจได้แน่แท้ ว่าเธอจะไปกะเอ็งแน่

ผู้อ่านท่านครับ ...

ผิด...on the sure thing. ...

ที่ถูกต้อง...on a sure thing เป็นวลีที่ฝรั่งใหม่ชอบใช้กัน หมายความถึง (of a man) optimistic about a sexual pursuit เพิซ'ยูท เชื่อว่าการจีบสาวจะประสบผลสำเร็จด้วยดี

แต่ เดี๋ยวนี้ ผู้คนบนโลกนำวลีนี้ไปใช้ในทุกด้าน Any Energy business is on a sure thing. ทำธุรกิจด้านพลังงานจะพบความร่ำรวย ไม่ขาดทุนแน่.

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 7 มิถุนายน 2553

แต่งตัวยับ ๆ look like an unmade bed

แต่ก่อนง่อนชะไร ผมเคยนอนแต่บนเสื่อ พอไปออสเตรเลียก็ต้องเข้าไปนอนในเตียงที่มีผ้ามากมายหลายผืนซ้อนกัน ตื่นนอนมาตอนเช้าก็ต้อง make the bed ทำเตียง จัดเตียงให้เรียบร้อย ทว่า ถ้าเช้าไหน ผมตื่นสาย ไปโรงเรียนไม่ทัน I left the bed unmade. ผมก็ทิ้งเตียงไว้ยังงั้นละครับ ไม่จ่งไม่จัดมันแล้ว

An unmade bed เตียงที่ยังไม่ได้จัด วลีนี้ฝรั่งนำมาใช้อธิบายการแต่งกายของผู้คน อย่างเมื่อวันก่อน มีคนมาขอให้ผมไปช่วยสัมภาษณ์ผู้มาสมัครงานเป็นอาจารย์ในมหาวิทยาลัยเอกชน สาวคนหนึ่งมาสมัครงานเป็นอาจารย์ด้วยเสื้อผ้าที่ไม่ได้รีด ถุงน่องก็มีรูอยู่สองแห่ง ผมยุ่งตุงนัง บางหย่อมติดรุงรังเหมือนสังกะตัง อย่างนี้จะเป็นแบบอย่างที่ดีให้กับนักศึกษาได้อย่างไร? ผมจึงวิจารณ์เธอ You look like an unmade bed. ที่หมายความว่า คุณเหมือนกะเตียงที่ยังไม่ได้จัดเลยนะนี่

ยอมรับครับ ว่าผมใช้ประโยคแรงไปหน่อย ที่จริงผมน่าจะเตือนเธอว่า A good ajarn must dress neatly. I can't give you the job. อาจารย์ที่ดีต้องแต่งตัวให้เรียบร้อยหน่อย ผมรับคุณเข้าทำงานเป็นอาจารย์ไม่ได้หรอกครับ

เธอเลิกคิ้ว ขึ้นเสียงสูงกับผมว่า "But this is my way." แต่นี่คือแบบฉบับของฉันนี่คะ

ผม จึงชี้ไปที่ประตู พร้อมพูดว่า "Is that so? See the door? That's your way!" งั้นรึ? เห็นประตูอ๊ะเปล่า? ไปทางนั้น นั่นแหละทางของคุณ!

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 8 มิถุนายน 2553

เตี้ย: A short-arse

ผมมีเพื่อนฝรั่งตัวเตี้ยมาก สูงประมาณ 155 เซ็นติเมตรเท่านั้นเอง แกชอบเยาะเย้ยภาษาอังกฤษสำเนียงทุเรศแบบเอเชียของผม ผมก็มักจะด่าแกกลับว่า "You’re a short–arse. While making you, your Dad and Mum forgot to give you ‘height’ genes. Even when you’re fully grown you’ll have to use the stick to get an egg-fruit." ไอ้ตูดเตี้ยเอ๊ย ขณะกำลังสร้างแก พ่อแม่ลืมใส่ยีนส์ความสูงมาให้ด้วย ต่อไปในอนาคต แม้จะโตเต็มที่แล้ว แต่แกก็ยังต้องใช้ไม้ไปสอยมะเขือกิน

A short-arse = a person lacking in height

คนที่ขาดแคลนความสูง เป็นคำไม่สุภาพนะครับ

ผมเคยรับจ้างเถ้าแก่เชือดไก่ในตลาด วิธีเชือดไก่ในสมัยก่อนก็คือ ใช้มีดโต้ฉับไปที่คอไก่ ต้องฟันให้ครั้งเดียวขาดทันที แม้คอจะไม่มีแล้ว แต่ไก่ก็ยังวิ่งไปโดยไร้คอได้อีกประมาณ 2-3 นาที ก่อนจะตายจริงๆ

เรื่อง ไก่วิ่งโดยไม่มีหัวทำให้ผมนึกถึงวลีฝรั่ง run around like a chook with its head off ที่ใช้พูดเปรียบเทียบถึงคนที่ยุ่ง วุ่นไปหมด แต่ทำงานอย่างไม่มีประสิทธิภาพ ผมเองก็บ่นลูกน้องบางคนบ่อยๆ ว่า Don’t run around like a chook with its head off. อย่าวิ่งวุ่นเป็นไก่ไร้หัวซีวะ ถ้าตอนไหนอารมณ์ดีๆ ผมก็จะสอนเป็นเรื่องเป็นราวว่า Plan your activities effectively before work. วางแผนว่าจะทำกิจกรรมใดให้เป็นเรื่องเป็นราวก่อนจะลงมือทำงานจริงๆ ซิน้อง

ไทยรัฐออนไลน์ * นิติภูมิ นวรัตน์ * 9 มิถุนายน 2553

สามสลึงไม่ถึงบาท a tinny short of a six-pack

ผู้อ่านท่านเคยถูกใช้ให้ไปซื้อเบียร์ไหมครับ แพ็คหนึ่งจะมี 6 กระป๋อง ซื้อ 1 แพ็คก็หิ้วหรือถือได้สบาย แต่ถ้ามีเพียง 5 กระป๋องก็ถือลำบากหน่อย ฝรั่งก็จึงมีคำเปรียบเทียบคนที่ไม่เต็มบาท ว่าเป็นคนที่ไม่เต็มแพ็ค 6 กระป๋อง

He’s a tinny short of a six-pack. อันนี้หมายถึง He is lower than average intelligence. เขาเป็นคนที่มีสติปัญญาต่ำกว่ามาตรฐาน

ไปตรวจการถ่ายละครโทรทัศน์รัสเซียที่ระยอง ผมให้ช่างภาพนิ่งตามไปถ่ายภาพเพื่อนำมาลงในเว็บไซต์ nitipoom.com แต่พอยกกล้องขึ้นถ่าย ไอ้ลูกน้องของผมดันบอกว่า อ้า พี่ครับ ผมลืม memory card ใส่ในกล้องมาด้วย ไอ้ช่างจึงโดนผมด่าว่า "Geez! You’re a tinny short of a six-pack." เฮ้อ แกนี่มันงี่เง่า นี่มันหายไปกระป๋องหนึ่ง ไม่เต็มแพ็ค 6 กระป๋องนี่หว่า! (แกมันไม่เต็มบาทนี่หว่า!)

นิติภูมิ ขออธิบายเรื่องไปซื้อเบียร์หน่อยครับ Can I have a tinny of beer? = Can I have a can of beer? ถ้าเป็น can หรือ tin หรือ tinny จะเป็นพวกกระป๋องเล็ก แต่ถ้าเป็นขวด ก็ต้องใช้ bottle ‘บอทท’ล

Can I have a beer, please? ซื้อเบียร์หน่อยได้ไหม?

Sure. Do you want a tinny or a bottle?

ได้ซี เอาแบบกระป๋อง หรือแบบขวดล่ะ?

นิติภูมิ นวรัตน์

เหมือนคุณ Same here!/ปัญหาร้ายแรง in serious trouble

ผู้อ่านท่านที่เคารพอาจจะเคยได้ยินฝรั่งจำนวนไม่น้อยพูดวลีสั้นๆ ว่า "Same here!" และก็งงเป็นไก่ตาแตกเหมือนผมที่เคยงงมาก่อนว่า หมายถึงอะไรนะ Same here!=I have the same feeling. ผมรู้สึกเหมือนคุณ, I believe the same as you. ผมเชื่อเหมือนคุณ ฯลฯ

ผมพูดในวงสนทนาว่า "I'm glad that South Africa is hosting the World Cup because it's good for the economy of the country." "ผมดีใจที่แอฟริกาใต้ได้เป็นเจ้าภาพฟุตบอลโลก เพราะเป็นผลดีต่อเศรษฐกิจของประเทศ"

ฝรั่งที่นั่งตรงข้ามกับผมยิ้ม และก็เอ่ยวลีว่า "Same here!" ซึ่งมีความหมายว่า "I'm glad too." ผมก็ดีใจเหมือนกับคุณนั่นแหละ!

อาจารย์ แฮรรีเดินมาหาผมด้วยหน้าตาเศร้าสร้อยละห้อยโหย "Ajarn Nitipoom krab, I'm up shit creek without a paddle." อาจารย์นิติภูมิครับ ผมมาอยู่บนลำน้ำขี้โดยไม่มีพาย ผมเลยถามอาจารย์
แฮรรีว่า "Why? What's your problem?" ทำไมล่ะ ปัญหาของอาจารย์เป็นยังไง? "Last night my wife saw me at the restaurant with a young woman." เมื่อคืนนี้ เมียเจอผมอยู่กับสาวน้อยคนหนึ่งในภัตตาคารนะซีครับ

ถ้าอาจารย์แฮรรี ไม่พูดวลี up shit creek without a paddle แกสามารถใช้ in deep trouble หรือ in serious trouble ปัญหาหนัก ปัญหาร้ายแรง ก็ได้

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 11 มิถุนายน 2553

ปฏิเสธ Won’t have a bar of it!/ติงต๊อง ning-nong

ผู้ใหญ่ท่านหนึ่งโทรศัพท์มาสนทนากับผม พร้อมทั้งบอกว่า อย่านอนดึกเพราะดูฟุตบอล อย่าไปมีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการพนันฟุตบอลนะ ผมบอกว่า "I won’t have a bar of it."

ประโยคนี้หมายถึง "I will not, in any way at all, gamble on the football!" ผมไม่มีทางไปเล่นการพนันเด็ดขาดครับ

Won’t have a bar of + something = refuse to have any part of that thing = ปฏิเสธเด็ดขาดว่าจะไม่ไปมีส่วนร่วมกับสิ่งนั้น

"Nitipoom, what drugs do you use to keep you awake all night when you’re working?" นิติภูมิ คุณใช้ยาอะไรจึงทำให้ตื่นทำงานได้ทั้งคืน?

"I don’t do drugs." ผมไม่ใช้ยาเสพติดอะไรดอกครับ "I won’t have a bar of them!" ผมไม่ไปมีส่วนเกี่ยวดองหนองยุ่งกับยาอย่างเด็ดขาด

ใน ภาษาไทยเรามีคำว่า หนิงหน่อง เขียนเป็นภาษาอังกฤษได้ว่า ning-nong ผู้อ่านท่านอย่าไปใช้คำนี้ในภาษาอังกฤษนะครับ เพราะ ning-nong หมายถึง fool หรือ idiot หมายถึง ไอ้โง่ ไอ้โง่บัดซบ ไอ้ติ๊งต๊อง เป็นได้ทั้งคำนามและคุณศัพท์

ภาษาอังกฤษว่า ning-nong ภาษาไทยคือ tingtong ติ๊งต๊อง ติงต๊อง

"You’re a super ning-nong to let Suda go off with Ai Som." แกมันไอ้โง่บรมที่ยอมให้สุดาไปเที่ยวกับไอ้สม

ไทยรัฐออนไลน์ * นิติภูมิ นวรัตน์ * 12 มิถุนายน 2553
===
แปลกจริง ๆ ความหมายของคำว่า Ning-Nong ซึ่งมีลักษณะเป็นแสลง

1: a wanker, dick, gimp etc 2: someone who says, or does something retarded 3: a person who says ning nong โง่ งี่เง่า ปัญญาอ่่อน แบบครบชุด ครบเซ็ต
after accepting a bet (of $5) to smoke a pubic hair bong
"OMG WTF that guy is such a fucking ning nong"


dickhead = idiot = fool = retard = wank = ning nong

2. Ning Nong: Fucking ass ตูดหมึก
Your a Ning Nong hole

3. Ning Nong: Person of asian origin. คนเอเซียตะวันออกเฉียงใ่ต้

ที่มา: Urban Dictionary http://www.urbandictionary.com

ไม่มีสมอง Stupid/ อวก vomit

หัวของคนบางคนทำหน้าที่เพียงเป็นส่วนต่อจากลำตัว แต่ในกะโหลกไม่มีสมอง ภาษาอังกฤษมีวลีประเภทนี้อยู่เยอะครับ อย่าง Lights are on but there's nobody home. มีแสงไฟเปิดอยู่ แต่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน (มีหัว แต่ไม่มีสมอง)

You're like a person whose lights are on but there's nobody home. เอ็งมันไอ้คนที่มีแสงไฟเปิด แต่ไม่มีใครอยู่ในบ้าน = ไอ้สมองกลวง = You're a stupid person, a bloody idiot who's really brainless.

Brain หมายถึงสมอง brain + less = brainless ไม่มีสมอง

Vomit 'ฝอมอิท อาเจียน ผู้อ่านท่านเคยดื่มเหล้าจนอาเจียนไหมครับ ท่านต้องวิ่งเข้าไปในห้องน้ำและสำรอกโอ้กอ้ากลงไปในโถส้วม ส้มตำก้ามปูดองที่เพิ่งทานไปไหลจาก 'คอคน' ลงไปใน 'คอห่าน' ฝรั่งเรียกอาการนี้ว่า Speak on the big white telephone. พูดใส่ลงไปในโทรศัพท์สีขาวขนาดใหญ่ (โถส้วม) ในภาษาไทยท่านฟังแล้วไม่สนุก แต่สำหรับฝรั่งบางชาติ พวกนี้จะหัวเราะกันฟันร่วงเลยทีเดียว

When I entered the toilet block, I heard Sombat talking on the big white telephone. He'd been drinking heavily nearly the whole night. เมื่อเข้าไปในห้องน้ำ ผมได้ยินสมบัติ 'พูดลงในโทรศัพท์สีขาวขนาดใหญ่' (อ้วกลงไปในโถส้วม) ก็แกเล่นดื่มเหล้าหนักเกือบทั้งคืนเลยนี่

ประโยคข้างบนคือ I heard Sombat vomiting in the toilet. ผมได้ยินสมบัติอ้วกลงไปในโถส้วม.

นิติภูมิ นวรัตน์
===ไทยรัฐออนไลน์ * 14 มิถุนายน 2553

วัชพืช/สารเสพติด: Weed

มีหนังสือที่ต้องเรียนวิชา English literature ในชั้นหลายเล่ม แต่จะมีเล่มหนึ่งซึ่งอาจารย์สั่งให้เป็น supplementary reading หรือหนังสืออ่านนอกเวลา ยังจำได้ว่า ผมต้องอ่านเรื่อง Winter Sparrows ที่เขียนโดย Mary Rose Liverani

Sparrows ‘ซแพโร หมายถึง นกกระจอก แต่เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับนกกระจอกของจริงที่ร้อง ‘ชีรัป ชีรัป ชีรัป’ นะครับ ไม่ว่าจะนกกระจอกป่าท้องเหลือง นกกระจอกใหญ่ นกกระจอกบ้าน หรือนกกระจอกตาล เรื่องนี้ไม่เกี่ยวทั้งนั้น

Winter Sparrows เป็นเรื่องของคนที่อพยพมาจากนครกลาสโกว์ สกอตแลนด์ มาอยู่ที่ออสเตรเลียในสมัยก่อน ภาษาที่ใช้ในออสเตรเลียสมัยก่อนตอนโน้น จำนวนไม่น้อยที่ตอนนี้มีความหมายเปลี่ยนไป อย่างคำว่า weed วีด ที่โดยทั่วไปหมายถึง วัชพืช หญ้า ในนิยายย้อนหลังไปสัก 50 ปี ท่านอาจจะเจอประโยคอย่าง My father used to smoke weed when he was young. สมัยโน้น ประโยคนี้จะหมายถึง พ่อผมเคยสูบบุหรี่เมื่อตอนแกยังเป็นเด็กเล็กอยู่

สมัยนี้ ผู้อ่านท่านลงเครื่องที่ Tullamarine International Airport สนามบินนานาชาติทัลลามารีนที่นครเมลเบิร์น The police have sniffer-dogs looking for weed and other drugs. ตำรวจจะเอาหมามาดมท่านเพื่อหากัญชาและยาเสพติดประเภทอื่น

สมัยนี้ weed กลับหมายถึง กัญชา หรือ marijuana มาริ ‘ฮวานา ไปซะแล้วนะครับ

ยุ่งอย่างมาก flat out like a lizard drinking

กิ้งก่ากินแมลง อย่างตั๊กแตน แมลงวัน ยุง และแมลงปีกแข็ง วิธีของมันคือจะอยู่นิ่งๆ รอให้เหยื่อข้ามมาที่เส้นทาง ดวงตาทั้งคู่ของมันจะมองไปเป็นจุดเดียวกัน และจับเหยื่อด้วยลิ้นที่ยื่นออกมา ซึ่งที่ปลายลิ้นจะเต็มไปด้วยน้ำลายเหนียว หลังจากนั้นเหยื่อจะถูกนำเข้าไปในปาก มันจะเคี้ยวๆๆ และกลืนลงคอทันที

ส่วน การดื่มน้ำ กิ้งก่าจะใช้เลียลิ้นไวๆ ไปบนหยดน้ำตามใบไม้เช่นเดียวกับสัตว์เลื้อยคลานอื่นๆ แต่ลิ้นกิ้งก่าพิเศษกว่าเพราะยาวกว่าลำตัวถึง 2 เท่า

Lizard ลีสเอิด หมายถึง สัตว์เลื้อยคลานประเภทกิ้งก่า ตะกวด ตุ๊กแก ฯลฯ ฝรั่งนำการพุ่งลิ้นไปแล้วก็หดเพื่อดูดน้ำตามใบไม้นี่แหละครับ มาทำเป็นวลีว่า flat out like a lizard drinking ซึ่งหมายถึง extremely busy ยุ่งอย่างมาก

Flat out เป็นสำนวนหมายถึง อย่างหนักมาก เช่น He worked flat out to survive. เขาทำงานอย่างหนักเพื่อให้อยู่รอด วลีนี้มาจากตอนที่ท่านเหยียบคันเร่งในรถยนต์ เหยียบแรงจนแนบไปจนถึงพื้น รถก็วิ่งไปอย่างไวที่สุด

Flat out like a lizard drinking ก็คือ ทำงานหนัก อย่างไว เหมือนสัตว์เลื้อยคลานดื่มน้ำ Last Friday, when I arrived from Mahachulalongkorn Buddhist University, I was flat out like a lizard drinking writing these columns, checking e-mails and reading the company reports. เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว หลังจากกลับจากมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ผมก็ยุ่งยังกับกิ้งก่ากินน้ำ ต้องเขียนคอลัมน์พวกนี้ เช็กอีเมล์ และอ่านรายงานของบริษัท

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 16 มิถุนายน 2553

ฉันไม่เชื่อคุณหรอก Pull the other leg

โดยธรรมชาติ ผู้ชายมี 2 ขา แต่ในภาษาอังกฤษที่คนบางชาติพูดกัน พวกนั้นบอกว่าผู้ชายมี 3 ขา ผู้อ่านท่านลองนึกดูเถิด ว่าอีกขานั่นจะคืออะไร? ผมเอามาเขียนในคอลัมน์ที่มีเยาวชนคนอ่านเป็นล้านๆคนอย่างนี้ไม่ได้ มันทะลึ่ง! ครั้นจะไม่เขียน ต่อไปในอนาคต เยาวชนคนเหล่านั้นมีความจำเป็นต้องใช้ภาษาอังกฤษที่หลากหลาย ก็จะไม่เข้าใจภาษาที่ฝรั่งบางชาติพูดกันจริงๆ อีก

อย่างวลี pull the other leg ดึงอีกขาหนึ่ง คนชาติอื่นอาจจะคิดว่าเป็นขาอื่น แต่อันนี้นี่เป็น ambiguous แอ็มบิกวัซ ที่หมายถึง เป็นที่เข้าใจได้หลายมุม มีความหมายสองนัย คลุมเครือ คนออสเตรเลียจะรู้ว่าการดึงอีกขาหนึ่งซึ่งเป็นขาที่สามนั้น คือดึงอะไรของผู้ชาย และให้ ความหมายว่า I don't believe you! ข้าไม่เชื่อเอ็ง

ในละครทีวีรัสเซียเรื่อง The Island of the Unwanted ที่ผมกำลังถ่ายทำอยู่ที่จันทบุรีตอนนี้ อังเดรพูดกับนางเอกว่า "Liza, I love you." ลิซา ผมรักคุณ ลิซาตอบว่า "Go on, Andrei, pull the other leg." ไม่เอาน่า อังเดร ฉันไม่เชื่อคุณหรอก

ความหมายที่นางเอก พูดก็คือ You're such a liar. I don't believe you. You've lied to me again and again. Your lies never end. คุณมันคนโกหก คุณโกหกฉันครั้งแล้วครั้งเล่า คำโกหกของคุณไม่มีทางสิ้นสุดดอก

สงสารนางเอกมาก ผมอยากจะบอกลิซาว่า อ้า เลิกรักอังเดร และหันมารักนิติภูมิเถอะ คุณลิซานี่เธอสวยของแท้ หลายคนหลงเธอเข้าไปแล้วนะครับ

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 17 มิถุนายน 2553

คนโง่อย่างแรง Airhead/ ประตูแห่งความตาย at death's door

1. ผมใช้คำว่า 'คนสมองโล่ง' ในบทความไปหลายครั้ง แถมยังเรียนรับใช้ไปว่า ฝรั่งใช้ คนสมองโล่ง คนสมองเปลือย ไปเปรียบกับ คนโง่ พวกงี่เง่าเต่าตุ่น ฯลฯ ก็มีผู้อ่านท่านถามมาว่า ฝรั่งเรียกพวกผม เอ๊ย พวกนั้นอย่างนั้นจริงๆ หรือครับ?

ขอตอบว่า ผมเคยอ่านหนังสือพิมพ์เจอคำว่า an empty-headed person ไอ้คนสมองโล่งโจ้ง

ยัง มีอีกคำหนึ่งซึ่งอ่านจากหนังสือพิมพ์เจอเหมือนกัน คือ an airhead คำนี้แรงครับ คนโง่อย่างแรง น่าจะเท่ากับ a silly, empty-headed person ไอ้สมองว่างงี่เง่าเต่าตุ่น มีหนุ่มมาจีบสุดาหลายคน แต่เธอก็ยังไม่ยอมเลือกว่าจะแต่งงานกะใคร ผมถามเธอว่าทำไม? เธอตอบว่า ‘I believe that they all are airheads.’ อ้า ก็ดิฉันมั่นใจว่าทั้งหมด (ที่มาจีบดิฉันเนี่ยะ) เป็นพวกสมองลมทั้งหมดเลยน่ะซีคะ

2. ผู้หญิงคนหนึ่งเป็นมะเร็งใกล้ตาย ไปหาหมอที่ไหนๆ หมอก็ว่าคุณต้องไปสวรรค์ภายใน 3 เดือน วันหนึ่งไปกราบพระ พระแนะนำโยมให้ไปขอขมาเจ้ากรรมนายเวร แล้วก็จะหาย อีก 6 เดือนต่อมา เธอและครอบครัวมาเยือนผมที่บ้าน ผู้อ่านท่านครับ I’m surprised she recovered, because the last time she came here I thought she was at death’s door. ผมแปลกใจมากที่ท่านหาย (จากการเป็นมะเร็ง) เพราะว่าเมื่อครั้งที่แล้ว ที่ท่านมาที่นี่ ท่านยังอยู่ในจุดที่กำลังจะตายอยู่เลย

At death's door = on the point of dying.

ณ ประตูแห่งความตาย ก็คือ อยู่ในจุดที่กำลังตายนั่นเอง

ไทยรัฐออนไลน์
* โดย นิติภูมิ นวรัตน์
* 9 กรกฎาคม 2553

ทางเลือกที่เลวร้าย: Between the devil and the deep blue sea

Devil 'เดฝ'ล หมายถึง ปีศาจ คนชั่วร้าย

The deep blue sea ก็คือ ทะเลลึกสีน้ำเงิน

ไม่ ว่าจะไอ้ปีศาจ หรือทะเลลึก เป็นอันตรายทั้งคู่ ทว่ามนุษย์บางคนโชคร้ายไม่มีทางไป เข้าตาจน ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ฝรั่งมีสำนวนสำหรับ สถานการณ์อย่างนี้ว่า between the devil and the deep blue sea ระหว่างไอ้ปีศาจและทะเลลึก ซึ่งหมายถึง faced with a choice between two risky or undesirable courses of action เผชิญกับทางเลือกระหว่างสองการกระทำที่เสี่ยง หรือที่ไม่ต้องการ

ผู้ อ่านท่านจำเหตุการณ์ในสาธารณรัฐคีร์กีซเมื่อเดือนมิถุนายน 2553 ได้ไหมครับ คนคีร์กีซเชื้อสายอุซเบกมีทางเลือกอยู่ 2 อย่าง ซึ่งแย่ทั้งคู่ คือ อยู่ในคีร์กีซเหมือนเดิม แต่ถูกฆ่า หรืออพยพเข้าไปในดินแดนของสาธารณรัฐอุซเบกิสถาน

Faced with a choice between being killed in the Kyrgyz territory and emigrating from Kyrgyzstan to Uzbekistan, those Uzbeks were between the devil and the deep blue sea. เผชิญกับทางเลือกระหว่างถูกฆ่าตายในดินแดนของคีร์กีซ หรืออพยพย้ายออกจากคีร์กีซสถานไปยังอุซเบกิสถาน

ขอแถมวลี at one's peril หน่อยครับ

คำว่า peril 'เพริล ก็คือ อันตราย at one's peril = at one's own risk ด้วยความเสี่ยงของตัวเอง Suda warned him not to come

but he came at his peril. หรือ

but he came at his own risk. สุดาเตือนว่าอย่ามา แต่เขาก็มาด้วยความเสี่ยงของตัวเขาเอง.

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 10 กรกฎาคม 2553

กลาง: Intermediate/กึ๋น: gut/guts

Intermediate school เป็นโรงเรียนแบบไหน?

Intermediate อินเทอะ มีดิอิท หมายถึง ช่วงระหว่างกลาง ระดับกลาง อย่างเช่น He is ranked as an intermediate executive. เขาถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับกลางคนหนึ่ง

Intermediate school ใช้กันในสหรัฐอเมริกา นักเรียนที่เรียนโรงเรียนพวกนี้จะอายุระหว่าง 10-12 ปี หรือ 12-14 ปี แล้วแต่กรณี

2. ความหมายที่แท้จริงของ gut

gut คือ กัท เป็นทั้งอวัยวะภายในของคนและสัตว์ เป็นพวก ตับไตไส้พุง และอีกอย่างหนึ่งก็คือ ไส้ นั่นแหละครับ I feel sick in the guts. ดิฉันรู้สึกคลื่นไส้ในท้อง แม้แต่การเกลียด คนไทย กับฝรั่งก็ยังเกลียดเหมือนกัน คือเกลียดเข้าไปในไส้ I hate his guts. ฉันเกลียดเขาเข้าไส้

ที่ชอบใช้กันอีกอย่างหนึ่งก็คือ a gut feeling เป็นความรู้สึก เป็นความเชื่ออย่างไม่มีเหตุผลว่า สิ่งนั้นจะดี สิ่งนี้จะเลว อดีตภรรยาของเพื่อนพาแฟนใหม่มาแนะนำให้รู้จัก แต่พบปะกันครั้งแรก I have a gut feeling that their relationship won't last. ผมมีความรู้สึกว่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนนี้จะอยู่กันได้ไม่ยืด

Guts (เติม s) คือ ความกล้า bravery เช่น He doesn't have the guts to admit that he failed the exam. เขาไม่มีความกล้าที่จะยอมรับว่า เขาสอบตก

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 14 กรกฎาคม 2553
===
แล้วคุณมีกึ๋นหรือเปล่า do you have any gut? ที่จะรู้ผิดรู้ถูก รู้ชอบรู้เลว อิอิ

ตู้นิรภัยของธนาคาร safe deposit box/เดินเยี่ยมพูดคุยกับประชาชน: walkabout

1. แม้ว่าจะไปประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่ ใช้ภาษาอังกฤษ แต่ท่านก็อาจจะไปเจอภาษาอื่นที่ใช้แค่หางตาซ้ายชำเลืองดูก็รู้ว่า ไม่ใช่ภาษาอังกฤษแน่ safe de'posit box ซึ่งธนาคารส่วนใหญ่ใช้คำนี้ครับ ความหมายคือ safe deposit box กล่องในธนาคารที่แข็งแรงมากซึ่งเป็นที่สำหรับใช้เก็บเงิน หรือสิ่งของที่มีค่าประเภทอื่น

2. "Our Prime Minister, Mr. Cameron, went on a walkabout in the town centre. ประโยคนี้หลายคนอาจจะงุนงงสงสัยว่า นายคาเมรอน นายกรัฐมนตรีของอังกฤษไปทำอะไรในแถวกลางเมือง ไปเดินเล่น ไปซื้อของ ไปเดินน่องทอด เอ๊ย ไปเดินทอดน่อง ฯลฯ

ผู้กระทำการ a walkabout มักจะเป็นบุคคลสำคัญ คนที่มี ชื่อเสียง คำนี้หมายถึง an occasion ออ เคฌัน หรือ โอกาสที่ an important person walks around a public place, meeting and talking to members of the public คนสำคัญเดินไปทักทายสนทนากับผู้คนในสาธารณสถานต่างๆ

แต่วลี go walkabout กลับให้ ความหมายคนละเรื่อง วลีนี้หมายถึง สิ่งของหายไป เป็นคำพูดแบบขำๆนะครับ My bag was in the car this morning but seems to have gone walkabout. เมื่อเช้า กระเป๋าของดิฉันยังอยู่ในรถอยู่เลย แต่ตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะไปเที่ยวแล้ว (หายไปแล้ว)

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์ * 13 กรกฎาคม 2553
===
Safe Deposit Box/Safety Deposit Boxes/Bank Safe Deposit Box จัดเป็น Reserve Vault คือ มีระบบนิรภัยที่ตัวระบบถูกออกแบบมาให้มีความทนทานสูง highly "resistant" ต่อไฟ to fire, น้ำท่วม flood, ความร้อน heat, แผ่นดินไหว earthquakes, เฮอริเคน hurricanes, แรงระเบิด explosions or หรือภาวะหายะนะอื่น ๆ other disastrous conditions. However, the key word here is "resistant." ความทนทานที่วาก็ยังไม่เต็มร้อย There is no 100 percent guarantee against damage, and substantial losses sometimes occur. และบางครั้งความเสียหายแบบมาก ๆ ก็ยังเกิดขึ้นได้

Monday, July 12, 2010

งานอดิเรก: pastime

ตั้งแต่จันทร์วันนี้จนถึงวันอาทิตย์ถัดไป นิติภูมิของท่านผู้อ่านมีภารกิจต้องเดินทางไปสหสาธารณรัฐแทนซาเนีย ที่ผมใช้คำแปลภาษาไทยว่า "สหสาธารณรัฐ" เพราะชื่อทางการของประเทศนี้คือ United Republic of Tanzania

ห้วงที่อยู่แทนซาเนีย ผมต้องเจรจากับหน่วยงานของรัฐบาลแทนซาเนียเยอะมาก ผมจึงขอนำ e-mail ท่านผู้อ่านมาตอบซะก่อน ในห้วงที่ยุ่งมากนี้

ผู้ อ่านท่านหนึ่งสงสัยประโยค "Suing people, especially doctors, is a national pastime in my country." การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งการฟ้องร้องแพทย์ เป็น pastime แห่งชาติในประเทศของข้าพเจ้า "อ้า ผมแปลยังไงก็ไม่ได้ใจความที่ดี ขอให้คนเขียนเปิดฟ้าภาษาโลกช่วยแปลหน่อย"

Sue ซยู คือ ยื่นฟ้องต่อศาลเพื่อเรียกร้องค่าเสียหายหรือสิทธิ์

Pastime ไม่ได้หมายถึงเวลาในอดีต ทว่าหมายถึง "งานอดิเรก" เป็นประเภท hobby 'ฮอบบิ หรือ an activity which is done for enjoyment กิจกรรมที่ทำเพื่อความเพลิดเพลิน

นอกจากนั้น pastime ยังหมายถึง กิจกรรมที่ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดา ทำกันโดยทั่วไป เป็น a common activity ประโยคที่ท่านถามมา ถ้าเขียนด้วยภาษาทั่วไปก็จะได้ "Suing people, especially doctors, is a national common activity in my country." การฟ้องร้องเรียกค่าเสียหายจากผู้คน โดยเฉพาะจากแพทย์ เรื่องการกระทำที่ธรรมดาซึ่งทำกันทั้งประเทศในประเทศของข้าพเจ้า นั่นเอง

  • โดย นิติภูมิ นวรัตน์ ไทยรัฐออนไลน์
  • 12 กรกฎาคม 2553

คุณลุงกับลังเหล็ก

มีคุณลุงอยู่ท่านหนึ่ง ในช่วงวัยหนุ่มคุณลุงท่านนี้เป็นหัวหน้าคนงานอยู่ในเหมืองทองคำมีรายได้ดีมาก แต่คุณลุงท่านนี้ไม่เคยเก็บเงินเลยมีเท่าไรก็ใช้หมด เนื่องจากคุณลุงเป็นคนจิตใจดีใครมาหยิบยืมก็ให้ เลี้ยงเพื่อนฝูงตลอด คุณลุงมีเพื่อนเยอะมาก จนกระทั่งคุณลุงท่านนี้เกษียณอายุจากการทำงาน ปรากฏว่าไม่มีเงินเหลือเลยจากชีวิตการทำงานอันยาวนาน คุณลุงมีลูกอยู่ 5 คน เมื่อคุณลุงไม่มีเงินก็จำเป็นต้องไปอาศัยอยู่บ้านลูกๆ ทั้ง 5 คน

วันจันทร์ ก็ไปอยู่บ้านลูกสาว ก็ถูกลูกเขยพูดจากระทบกระเทียบ เช่น "ทำไมคุณพ่อคุณไม่ไปบ้านลูกคนอื่นบ้างนะ ผมจะทำอะไรก็อึดอัดจริงๆ "

วันอังคาร ก็ไปอยู่บ้านลูกชาย ก็ถูกหลาน และลูกสะใภ้กระทบกระเทียบ เช่น "รำคาญคุณปู่จังเลยกับข้าวที่หนูชอบดูสิคุณปู่ทานหมดเลย ทำไมคุณปู่ไม่ไปบ้านอื่นบ้าง" เป็นเช่นนี้ตลอด คุณลุงก็เปลี่ยนไปอยู่บ้านลูกคนนั้นทีคนนี้ที ก็ถูกลูกบ้าง ลูกเขยบ้าง ลูกสะใภ้บ้าง หลานบ้างพูดจาถากถางอยู่ตลอด แต่คุณลุงก็ต้องทน เพราะคุณลุงไม่มีเงินเก็บแม้แต่บาทเดียว

อยู่มาวันหนึ่ง คุณลุงตัดสินใจเรียกลูก ๆ ทุกคนมาแล้วบอกว่า "พ่อจะไม่อยู่สัก 2 ปีนะลูก เพราะเพื่อนพ่อที่เป็นเจ้าของเหมืองทองคำมันเขียนจดหมายมาขอร้องให้พ่อไปช่วยงานที่เหมืองทองคำของมัน พ่อจำเป็นต้องไปช่วยเขาจริงๆ" ลูกๆ ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจสนับสนุนเพื่อให้คุณลุงท่านนี้ไปให้พ้นๆ จะได้ไม่เป็นภาระอีกต่อไป

เมื่อครบ 2 ปี คุณลุงท่านนี้ก็กลับมาพร้อมกับลังเหล็กใบใหญ่ 1 ใบ ไปไหนแกก็ลากไปด้วย ลูกๆ ก็พากันแปลกใจและถามว่า "ลังอะไร" คุณลุงตอบว่า "เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายที่ได้มาจากเหมืองทองคำของเพื่อน ถ้าใครดูแลพ่อจนถึงวาระสุดท้ายก็จะมอบสมบัติในลังเหล็กให้ทั้งหมด" ปรากฏว่า ลูกๆ พากันตื่นเต้น ต่างอาสามาดูแลคุณพ่อกันยกใหญ่
วันจันทร์ คุณลุงก็อยู่กับลูกสาวคนโต ลูกเขยกับหลานก็พากันเอาใจบีบนวดให้ หาของกินดีๆ มาให้ แต่ยังไม่ทันไรลูกชายคนที่สองก็มาตามให้ไปอยู่ด้วย และก็เช่นกันยังไม่ทันไร ลูกสาวคนที่สาม ก็มาตามให้ไปอยู่ด้วยอีก ปรากฏว่าลูกๆ ทั้ง 5 คน ของคุณลุงต่างแย่งกันเอาใจและปรนนิบัติคุณลุงท่านนี้อย่างดี แต่เวลาไปไหนคุณลุงก็จะลากลังเหล็กใบนี้ไปด้วยตลอด
เวลาผ่านไป 7 ปี คุณลุงท่านนี้เสียชีวิตลง หลังงานพิธีศพลูกๆ ทุกคนพากันมานั่งล้อมลังเหล็กใบนี้เพื่อแบ่งสมบัติกัน ลูกสาวคนโตเป็นคนเปิดฝาลังเหล็ก พบว่ายังมีผ้าสีขาวปิดอยู่อีกชั้นหนึ่ง และมีจดหมายฉบับหนึ่งวางอยู่ ลูกสาวคนโตก็เปิดอ่านให้น้องๆ ฟัง เนื้อความในจดหมายเขียนไว้ว่า

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่าประมาทและอย่าคาดหวังว่าใครจะเลี้ยงดูเรา ให้เร่งเก็บออมเสียตั้งแต่เนิ่นๆ จะได้มีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบาย
ได้ฟังนิทานเรื่องนี้ทีไรให้รู้สึกสะท้อนใจทุกครั้ง และไม่เคยคิดว่า เป็นเพียงนิทานเพราะเหตุการณ์แบบนี้อาจเกิดขึ้นได้กับทุกคนที่ไม่เตรียมเก็บออมเงินเสียตั้งแต่เนิ่นๆ ....พึ่งพาใครไหนเล่า....จะดีเท่าพึ่งพาตัวเราเอง

เอเชียเป็นเบาหวานหนักเพราะความนิยมกินอาหารแบบจานด่วน

ผู้เชี่ยวชาญบอกเตือนว่า ความนิยมอาหารจานด่วนแบบตะวันตกที่กำลังเติบโตขึ้น กำลังโหมกระหน่ำโรคเบาหวานให้ลุกฮือขึ้นทั่วทวีปเอเชีย

นัก วิทยาศาสตร์ทั้งออสเตรเลียและเวียดนาม ได้ศึกษาพบว่าชาวนครโฮจิมินห์ เมืองหลวงของเวียดนาม ที่เป็นชาย มากถึงร้อยละ 11 และหญิง ร้อยละ 12 ต่างพากันเป็นโรคเบาหวานแบบที่ 2 โดยไม่รู้ตัวตามๆกัน

ศาสตราจารย์ เติน เหงียน แห่งสถานวิจัยทางการแพทย์การ์แวน ที่นครซิดนีย์ กล่าวว่า ชาวเวียดนามได้เปลี่ยนแบบนิสัยการกิน ในระยะเวลา 2-3 ปีมานี้ไปอย่างผิดหูผิดตา โดยเฉพาะผู้ที่อยู่ตามเมืองต่างๆ หันมากินตามแบบอย่างตะวันตกกันมากขึ้น มีร้านอาหารจานด่วนอยู่เกือบทุกหัวระแหง และเสริมว่า "เหมือนกับผลการศึกษาแบบเดียวกันที่ทำในเมืองไทย"

เขาสรุปว่า "เรารู้สึกเชื่อมั่นมากว่า เราอาจประมาณการจากข้อเท็จจริงที่ปรากฏอยู่แล้วได้ว่า ผลก็คงเป็นเช่นเดียวกับส่วนอื่นของเอเชียอาคเนย์ ไม่ว่าจะที่มาเลเซีย สิงคโปร์ กัมพูชาและลาว"

ไลฟ์สไตล์ ไทยรัฐ 12 กรกฎาคม 2553

จบชั้นประถมทำเครื่องบิน

ช่างซ่อมรองเท้าชาวจีน ความรู้พื้นฐานเรียนจบแค่ชั้นประถมศึกษาตอนต้น แต่มุมานะจนกระทั่ง "ลุยเดี่ยว" ลงมือคนเดียว ประดิษฐ์ เครื่องบินขับขึ้นฟ้าได้จริง ๆ
นายฮวง เจี้ยนจุน อายุ 34 ปี ประชาชนคนเดินดินกินก๋วยเตี๋ยว ชาวอำเภอเต้าหยวน มณฑลหูหนาน ทุ่มเทเวลารวมทั้งสิ้นหกปีเต็มให้กับการเรียนรู้ ดีไซน์แบบและสร้างอากาศยาน "แฮนด์เมด" ทำก๊ะมือ สำเร็จสมบูรณ์แบบ

ถึงแม้คุณเตี่ยคุณแม่ตลอดจนสมาชิกครอบครัวพยายามคัดค้าน เรียกร้องวิงวอนให้เลิกคิดแบบบ้าระห่ำเสียเถิด เพราะงานสร้างเครื่องบินเหาะเหินเดินอากาศมิใช่หมูๆ

หนุ่มซินตึ๊งฮวง ก๊อมิสน อีถึงกับยอมเลิกราอาชีพซ่อมเกือกเมื่อปี 2547 หันไปตระเวนซื้อหนังสือตำราอากาศยานมาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับเครื่องบิน เงินที่อุตส่าห์หยอดกระปุกเก็บหอมรอมริบไว้ 480,000 บาท ถูกใช้ลงทุนเพื่อการนี้เกลี้ยง เงินส่วนใหญ่หมดไปกับค่าชิ้นส่วนตั้งแต่เครื่องยนต์ ลำตัวเครื่อง ใบพัด ลงไปจนถึงอะไหล่เล็กน้อยจ้อยจิ๊บ

ฮวงบ่เคยขับเครื่องบิน อาศัยเรียนรู้จากตำรา นำนกเหล็กขึ้นบินทดสอบได้สูง 500 เมตร ก่อนร่อนลงสู่พื้นดินโดยสวัสดิภาพ อีบอกปลาบปลื้มสุดๆในชีวิต.

ดอย ดอกผิ่น
* ไทยรัฐออนไลน์
* 25 มิถุนายน 2553
===
ขอเป็นกำลังใจให้ท่านอื่น ๆ ด้วยครับเด้อ

Sunday, July 11, 2010

ท่อง(เที่ยว)ไปโดยไม่มีจุดหมายแน่นอน: Roaming around like a lost sheep

ดารานักแสดงและทีมงานชาวรัสเซียของผม ซึ่งตอนนี้พักอยู่ที่หาดเจ้าหลาวและแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ทีมงานพวกนี้พูดอ่านเขียนภาษาไทยไม่ได้เลย ตอนไหนที่ไม่ได้ถ่ายทำ ก็จะเดินไปในร้านรวงและตามหาดทรายอย่างไม่มีจุดหมาย การเดินอย่างนี้นี่แหละครับ ภาษาอังกฤษมีวลีเปรียบเทียบว่า roam around like a lost sheep คำว่า roam โรม ก็คือ เดินเที่ยว ท่องไปโดยไม่มีจุดหมายแน่นอน

คำแปลตรงไปตรงมาของวลีนี้นี่ก็คือ เทียวเที่ยวไปอย่างไม่มีจุดหมาย เหมือนแกะหลง หรือ to wander aimlessly

ที่ เมืองจันท์ ฝรั่งคนหนึ่งจอดรถจี๊ปลงตรงหน้าผมและถามว่า Are you Nitipoom? แกใช่ไอ้นิติภูมิไหมวะ? I saw one of your beautiful Russian actresses roaming around like a lost sheep in the local market. You should go and rescue her because it’s a bit dangerous down there. ข้าเห็นดารารัสเซียคนหนึ่งเดินยังกะแกะหลงในตลาด ควรไปช่วยเธอนะ เพราะที่นั่นมันค่อนข้างอันตรายน่ะ

She can’t speak Thai, that’s why she’s wandering aimlessly about. เธอพูดไทยไม่ได้ นี่เป็นเหตุผลว่าทำไมเธอถึงเดินไปอย่างไร้จุดหมาย

พบเธอในตลาด ผมเตือนเธอว่า Next time please ask an interpreter to go with you, so you won’t be roaming around as a lost sheep like this. คราวหน้าให้ล่ามมากะคุณด้วย จะได้ไม่เดินไปไร้จุดหมายเหมือนแกะหลงอย่างนี้

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์
* 19 มิถุนายน 2553

ไอ้คุณตูบ(บูลด็อก)ขับรถทับเจ้าของ

สุนัขสัตว์โลกเล็บงามที่น่ารักนับเป็นเพื่อนแท้ของมนุษย์ พวกมันซื่อสัตย์ จงรักภักดี เจ้าของจะเฆี่ยนตีลงโทษฉันใดก็ไม่โกรธกริ้ว ไม่ผูกพยาบาทแก้แค้น

แต่ ทั้งนี้เจ้าของต้องเข้าใจพวกมัน เลี้ยงดูดี ฝึกสอนถูกวิธี และอุปนิสัยใจคอเหล่าเจ้าตูบคุณโฮ่งดุก้าวร้าวแค่ไหน หลายรายขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อม หมาบางตัวต่อให้สายเลือดดีเพดดีกรีเลิศ ก็เกเรดุร้ายถึงขั้นกัดทำร้ายเจ้าของนักต่อนัก

สำหรับเจ้าตูบพันธุ์บูลด็อกเพศผู้ชื่อ "แทสซีย์" วัยหนุ่มฉกรรจ์ สัตว์เลี้ยงสุดเลิฟของบุรุษมะริกันนามกร คริสโตเฟอร์ บิชอฟ อายุ 43 ปี อยู่ในจำพวก "หมาใหญ่ใจดี" แต่ซุกซนนิดๆ

จนก่อเรื่องตก เป็นข่าวกระจายทั่วโลก หลังจาก หนังสือพิมพ์เฮอร์นานโด ทูเดย์ รายงานว่า เช้าวันหนึ่งก่อนออกจากบ้านไปทำธุระ นายคริสโตเฟอร์ มุดใต้ท้องรถบรรทุกฟอร์ดคู่ชีพ เพื่อตรวจหาจุดน้ำมันรั่ว โดยเปิดประตู ใส่เกียร์ว่าง ติดเครื่องยนต์ไว้

ด้วยความซุกซน เจ้าโฮ่งแทสซีย์กระโจน ขึ้นนั่งเอ้เตบนที่นั่งคนขับ ยกอุ้งเท้าหน้าขวา ตะปบคันเกียร์ทำให้รถถอยหลังพรืด ล้อเฉี่ยวทับร่างคริสโตเฟอร์ซีกซ้าย

โชคดีเขาพลิกหลบออกมาได้ ปีนขึ้นควบคุม รถทัน เลยบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย!!

ดอย ดอกฝิ่น

ชื่อเล่น ปท./สำรวจ: do a Captain Cook

แต่ละประเทศมักจะมีชื่อเล่น เช่น นิวซีแลนด์ บางคนเรียกประเทศนี้ว่า Kiwiland (เขียนติดกัน) ที่หมายถึง "แผ่นดินแห่งนกกีวี" บางทีถูกเรียกว่า Land of the Long White Cloud "ดินแดนแห่งเมฆสีขาวทอดยาว" บางท่านเรียกนิวซีแลนด์ว่า Quaky Isles "เกาะแผ่นดินไหว" quaky มาจาก quake เควค ที่เป็นกริยาหมายถึง สั่น หรือเป็นคำนามหมายถึง แผ่นดินไหว ซึ่งเป็นคำย่อของ earthquake

Isle ก็ย่อมาจาก island ‘ไอแล็นด ที่หมายถึงเกาะ
ผู้อ่านคงจำ กัปตัน คุก หรือ Captain Cook ได้นะครับ ท่านผู้นี้เดินเรือเทียวเที่ยวไปดินแดนทั่วโลก ฝรั่งจึงนำคำว่า Captain Cook มาเกี่ยวดองหนองยุ่งกับคำว่า look หรือ look around

พ.ศ.2542 ผมได้รับชวนให้เดินทางไปเยือนนิวซีแลนด์ เพื่อนคนหนึ่งถามผมว่า Why are you going to the Quaky Isles? แกจะไปนิวซีแลนด์ทำไม? ผมตอบเพื่อนว่า I’m just going to do a Captain Cook. ข้าเพียงจะไปกัปตันคุก
I’m going to do a Captain Cook. หมายถึง I’ll explore the islands and look around. ข้าจะลองไปสำรวจดู ไปดูโน่นดูนี่ I’m not going to study or do any business. ข้าไม่ได้ไปเรียนหนังสือ หรือไปทำธุรกิจอะไรหรอก

ผู้อ่านท่านอย่าใช้...5...make a Captain Cook. ...5...do the Captain Cook นะครับ วลีที่ถูกต้องต้องคือ...4...do a Captain Cook.

นิติภูมิ นวรัตน์
ไทยรัฐออนไลน์
* 21 มิถุนายน 2553

สุนัขเลี้ยงลูกแมวเป็นลูกตัว

ด้วยจิตใจรัก เมตตา เอ็นดู ต่อส่ำสัตว์ นางหลี่ ต้าเจี๋ย ราษฎรจีนชาวหมู่บ้านหม่าปู้ มณฑลกว่างซี ซื้อลูกวิฬาร์น้อยกำพร้าวัยแรกเกิดมาตัวหนึ่ง

ขณะที่นางตูบสุนัข สัตว์เลี้ยงสุดเลิฟที่กำลังตั้งท้องก็ตกลูกออกมาสี่หน่อ ข้อสำคัญคือนางตูบแสดงความรัก ยอมรับลูกแมวเป็นลูกบุญธรรมด้วยความเต็มอกเต็มใจ ซึ่งนับว่าผิดแผกแหวกธรรมชาติชนิดหน้ามือสู่หลังมือ เพราะปกติหมากับแมวเป็นศัตรูตัวฉกาจต่อกัน

"แม่หมากับลูกแมวรักกันดี ตั้งก๊ะเริ่มต้น แม่หมาตกลูกมีน้ำนมพอให้ทั้งลูกตัวและลูกเลี้ยงดูดดื่มกิน ฝ่ายลูกแมวก็คงอยากมีแม่ให้ความอบอุ่น" อาเจ๊หลี่บอกนักข่าว นสพ.กุ้ยหลิน โพสต์

เวลาลูกสุนัขและลูกแมวดูดนมแม่หมาเป็นภาพน่าเอ็นดูน่าทึ่งมาก เดี๋ยวนี้ทั้งครอบครัวหกตัวแม่ลูกติดกันแจ แทบไม่ยอมแยกห่างจากกัน วิฬาร์น้อยก็เติบโตรวดเร็วเหลื่อเชื่อ เพียงเดือนเดียวก็โตเบ้อเร่อน้ำหนักมากกว่าตอนซื้อมาใหม่ๆตั้งสี่เท่า

บาง คราวลูกแมวเห็นน้องโฮ่งเพศผู้เพศเมียทั้งสี่ดูดนมแม่ มันจะเบียดตัวเอาหัวมุดแย่งเต้านม คุณแม่ก๊อเลียขนลูกแมวเหมือนจะปลอบว่าใจเย็นๆสิลูกเอ๊ย

เปลี่ยนแปลงชัดแจ้งอีกข้อ...พี่น้องญาติมิตรแขกเหรื่อแห่มาเยี่ยมแบบหัวกระไดไม่แห้ง.

ดอย ดอกผิ่น
ไทยรัฐออนไลน์ เปิดม่าน joke opera
* 5 กรกฎาคม 2553

กลับตาลปัตร

"เชือดไก่ให้ลิงดู" เป็นสำนวน หมาย ความว่าลงโทษคนหนึ่งเป็นตัวอย่าง เพื่อให้คนอื่นหวาดกลัวและไม่กล้าทำผิดแบบเดียวกัน

แต่สำหรับนายหลี ชุน ชาวจีนในมณฑลหยุนหนาน กลับต้องรู้สึกผิดเป็นอย่างยิ่งเมื่อได้ยินใครพูดประโยคดังกล่าว!

สาเหตุ เพราะอาแป๊ะชุนเลี้ยงลิงพิการแขนขาด้วนอย่างละหนึ่งข้างไว้ตัว มีความแสนรู้เป็นยิ่งนัก สามารถช่วยทำงานบ้านสารพัด "ตอนที่พ่อเสียมันก็นั่งเป็นเพื่อนคลายเหงา แถมช่วยปาดน้ำตาให้อั๊วด้วยนา" หนุ่มใหญ่แดนมังกรเล่าด้วยน้ำเสียงอันภูมิใจ

"ปัญหาคือมันเลียนแบบ ทุกอย่างที่อั๊วทำนี่สิ วันหนึ่งอั๊วฆ่าไก่เพื่อนำมาทำกับข้าว มันก็เอาบ้าง...จากนั้นว่างเมื่อไรมันก็ฆ่าเมื่อนั้นโดยไม่แยกเพศและวัย ตอนนี้เสียไก่ไปเกิน 80 ตัวแล้วเซ็งจริงๆ"

เลยท่องไว้ขึ้นใจ "อย่าเชือดไก่ให้ลิงจ๋อดูเป็นอันขาด"...น่าเห็นใจจริงๆ...เหอเหอ.

ตุ๊ ปากเกร็ด
ไทยรัฐออนไลน์ เปิดม่าน joke opera
* 7 กรกฎาคม 2553
===
คงต้องเชือดลิงให้ไก่ดู เรื่องมันจะไ้ด้จบจบ

เมาซิ่งรถตัดหญ้าก็ติดคุก

มานพหนุ่มชาวรัฐไอโอวามีอันสิ้นอิสรภาพ โดนจับต้องระเห็จเข้านอนตะรางกินข้าวแดง ฐานสะด๊วบสุราเมามายแล้วซ่าขับรถตัดหญ้าซิ่งบนถนนหลวง!? เมาซิ่งรถตัดหญ้าก็ติดคุกน๊ะเฟ้ย..

ตามข่าว นสพ.ดี มอยส์ เรจิสเตอร์ กระทาชายฉกรรจ์ โรเบิร์ต กริมส์ตัด อายุ 38 ปี ดวดดื่มแด๊กน้ำเปลี่ยนนิสัยสีอำพันเข้าไปเกินคราบ ตกดึกเกิดอารมณ์ คึกคะนองเสี้ยนอยากซิ่งรถ แต่สมาชิกครอบครัวเอารถเก๋งรถกระบะไปใช้หมด เหลือเพียงรถตัดหญ้าอยู่คันนึง

"ระ...รถ...ตะ...ตัดหญ้าก๊อซิ่งได้ วุ้ย!..." ขี้เมาโรเบิร์ตบอกตัวเอง ตะกายขึ้นนั่งเบาะสตาร์ตเครื่อง ขับควบปุเลงๆขึ้นมอเตอร์เวย์หมายเลข 17 ใกล้เมืองดี มอยส์ ไม่เปิดกระทั่งโคมไฟหน้า

ผู้ช่วยนายอำเภอเมืองดี มอยส์ ลาดตระเวนดูแลความสงบเรียบร้อยในท้องที่ เห็นรถอะไรหว่าคันเล็กกระจิ๊ดแล่นตะคุ่มๆบนทางหลวง เร่งรถเข้าประกบ ส่งสัญญาณให้หยุดตรวจ พบว่ารถประเภทนี้ไม่ได้รับอนุญาตให้แล่นบนมอเตอร์เวย์ จึงนำส่งโรงพัก

นาย โรเบิร์ตพูดอ้อแอ้ลิ้นพันคับปาก บอกตนนำรถตัดหญ้าหกสปีดลำเลียงกระป๋องออกจากชุมชน แต่โปลิศได้กลิ่นเหล้าหึ่ง วัดแอลกอฮอล์เกินพิกัด ต้องถูกดำเนินคดีมีหวังติดคุก...

ตามกฎหมายรัฐไอโอวาใครเมาห้ามขับยานยนต์ใดๆบนทางหลวง เด็ดขาด!!

ดอย ดอกฝิ่น
ไทยรัฐออนไลน์
* 10 กรกฎาคม 2553

คุณเรื่องมาก กับการมีแฟนรึเปล่า?

คุณเรื่องมากกับการมีแฟนรึเปล่า? แต่ไหนแต่ไรคนที่อยู่เป็นโสดมักถูกตั้งข้อสงสัย (ให้รำคาญใจ) อยู่เรื่อยเลยว่า ทำไมถึงไม่มีแฟน เอ๊ะอยากอยู่คนเดียวหรือพยายามจะมีแฟนแล้วแต่ ไม่สำเร็จจึงเลือกที่จะเป็นโสดซะเลย...มันยังไงกันแน่? อันที่จริง ถ้าท่านใดเลือกที่จะโสดก็ไม่เห็นจะไปหนักส่วนไหนของใครนี่หว่า เพราะบางทีจังหวะชีวิตของคนโสดบางรายยังไม่ลงตัวที่จะมีแฟนละมั้ง จึงยังไม่คิดเรื่องการมีคู่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว

แล้วแหม...การมี แฟนก็ไม่ใช่เครื่องรับประกันสักหน่อยว่าคู่นั้นจะประสบความสำเร็จในการครอง รักเสมอไป เพราะการแยกทางเดี๋ยวนี้ก็เยอะ, หย่ากันก็แยะ หรืออยู่ๆกันไป จากที่เคย "รักแทบตาย" กลับกลายเป็นความเคยชินจนในที่สุดก็เฉยๆกันไปก็มี ดังนั้น อย่าได้คิดเชียวว่าคนโสดน่ะเป็นคนประหลาด แทนที่จะมีแฟนกลับไม่มี โธ่...ถ้ามีแล้วไม่ดีแล้วจะมีไปทำไมละเนอะ

อีกอย่างถ้ามีแฟนแล้วมัน ดีเลิศประเสริฐศรีนักละก็ งั้นใครๆคงอยากมีให้รู้แล้วรู้แรดไปแล้วละจ้ะ เพราะทุกคนก็อยากมีชีวิตที่เด็ดสะระตี่เป็นคนดวงดีกันทั้งนั้นนี่หว่า

เอ้า ตกลงใครอยากเป็นโสดก็เป็นสิทธิส่วนบุคคล แต่เชื่อดิ คนโสดบางรายก็ไม่ได้อยากเป็นโสดนานนักหรอก เพราะที่จริงก็เมียงมองหาใครสักคนมาร่วมทางมีชีวิตเป็นหนึ่งเดียวกันอยู่นะ เฟ้ย

เพียงแต่ยังไม่เจอใครที่ "ใช่" ก็เท่านั้น โธ่...ถ้าเจอเมื่อไหร่ก็ไม่อยากอยู่คนเดียวให้หัวหาย แต่อยากอยู่ 2 คนเป็นเพื่อนตายกันซะมากกว่า ขอแต่ให้อีกคนที่ว่า อยากเป็นเพื่อนตายกับเราด้วยจริงๆเถอะว้า

ดังนั้น จึงอยากเขียนถึงคนโสดที่อยากมีแฟนนี่แหละ เพราะถ้าไม่ลองมี บางทีก็ไม่รู้ หรอกว่าชีวิตจะดีขึ้นหรือเลวลง เอ้า หากต้องเสี่ยงก็เสี่ยงกันสิยะ ไม่งั้นเดี๋ยวชีวิตจะราบเรียบเกินไป แต่ตลกแฮะ เคยได้ยินเพื่อนคุยกันทำนองว่า "ชั้นกำลังหาแฟนอยู่นะแก" แล้วทันใดนั้นก็มีเสียงสวนกลับอย่างกระเซ้าเย้าแหย่ว่า "ถ้าเอ็งอยากรู้ว่านรกมีจริง ก็มีไปซี" อู๊ย...ถ้าไม่อยากให้กำลังใจกัน ก็หุบปากไว้ก็ได้ พูดซะเห็นภาพเชียว แต่ถ้าตั้งใจจะมีแฟนซะอย่าง ไอ้คำพูดแค่นี้คงฉุดรั้งกันไม่ได้หรอก... ใช่ปะ

พูดถึงผู้ที่อยากมี แฟนนี่ ก็ด้วยเหตุผลหลายอย่าง บางคนอยากมีแฟนเพราะอยากมีคู่ชีวิตจริงๆก็แล้วไป แต่บางรายอยากมีแฟนเพราะถูกสมาชิกในครอบครัวกดดันให้มีก็ไม่น้อย เช่น พี่ป้าน้าอา อาจรวมถึงพ่อแม่ด้วยชอบถามอยู่เรื่อยว่า เมื่อไหร่จะมีแฟนซะที หรือถามว่ามีแฟนรึยัง? อยู่นั่นแหละ เท่ากับไปเร่งรัดให้ลูกหลานมีแฟนนะสิ ทั้งที่ลูกหลานอึดอัดกับคำถามแบบนี้รึเปล่า...กลับไม่นึกแฮะ

แต่เอา เถอะ ถ้าบ้านไหนไม่โดนคะยั้นคะยอแบบนี้ก็ถือว่าอยู่ในครอบครัวที่ให้อิสรเสรีดีนะ ส่วนบางบ้านก็แปลกแฮะ ลูกชอบใคร แทนที่พ่อแม่จะชอบด้วย แต่เปล่าเลย กลับไม่ชอบคนที่ลูกชอบก็มี จึงพลอยทำให้บางคนกลายเป็นคนเรื่องมากในการเฟ้นหาแฟนไปเลยนะสิ ในขณะที่บางรายมีนิสัยช่างเลือกมาแต่ไหนแต่ไรก็เยอะ จึงอยากรู้ น่ะสิว่า คุณผู้อ่านที่รักนั้นเป็นคนช่างเลือกหรือเรื่องมากกับการจะคบใครเป็นแฟนรึ เปล่าน้า ซึ่งหากยังไม่รู้ตัว ก็มีคำถามมาให้คุณตอบกันง่ายๆว่า ใช่หรือไม่ใช่ ดังนี้จ้ะ

1. คุณมีสเปกของคนที่จะมาเป็นแฟนอยู่ในใจของคุณอยู่แล้ว เช่น หน้าตาดี, พูดเพราะ, ใจเสาะ... เอ๊ย ใจนักเลงแบบว่า กล้าได้กล้าเสีย, อยู่ด้วยแล้วทำให้คุณสบายใจ, อารมณ์ดี, ว่านอน สอนง่าย, ช่างพูด, ชอบชวนคุย, สนุกสนานเฮฮา, รักเดียวใจเดียว...ทำนองนี้ใช่มะ?

2. ส่วนมาก ถ้าคุณชอบหรือถูกชะตากับใครสักคน คุณมักส่งสัญญาณเปิดทางให้เค้าเข้ามาจีบ หรือไม่งั้นคุณก็จีบเค้าซะเองก่อนซะเลย อย่างงี้ใช่ไหม?

3. คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตอยู่เหมือนกัน แต่ถ้าเป็นไปได้ คุณอยากเป็นฝ่ายเลือกผู้ที่เหมาะสมจะมาเป็นแฟนด้วยตัวคุณเองมากกว่าปล่อยให้ ชะตาฟ้าลิขิต...งั้นเลยใช่ปะ?

4. แม้เพื่อนๆจะมีแฟนกันไปเกือบหมดแล้ว แต่คุณก็ไม่หวั่นไหว เพราะถ้ายังเฟ้นหาผู้ที่จะมาเป็นแฟนไม่ได้ดังใจละก็ คุณยอมที่จะรอต่อไปดีกว่าเร่งรีบมีแฟนตามเพื่อนๆ ใช่ม้า?

5. คุณมองความรักเป็นสิ่งสวยงามและไม่ได้ ปิดตัวเองจากคนอื่นซะหน่อย แต่ถ้าสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อนๆ พยายามทำหน้าที่เป็นพ่อสื่อแม่ชักช่วยนัดบอดให้คุณได้พบกับใครบางคนที่พวก เค้าคิดว่าเป็นคนดีและเหมาะกับคุณละก็ คุณจะถามขึ้นมาทันทีว่า เค้าดียังไง? ถ้าได้คำตอบที่น่าพอใจ

เมื่อไหร่ ก็ค่อยตัดสินใจว่าจะยอมออกเดทด้วยไหม อย่างงั้นรึ?

6. คุณไม่ได้เป็นคนขี้เหงาเท่าไหร่ (จริงอ่ะ) แต่บางแว้บ ก็อดคิดไม่ได้เหมือนกันว่า เราน่าจะมีแฟนได้แล้ว เผื่อจะได้มีไว้ดูแลซึ่งกันและกันไงล่ะใช่ปะ? ขอให้ดูแลกันจริงไม่ทิ้งกันเหอะน่า!

7. เมื่อคุณนัดเดทกับใครสักคน ถ้าหากคนนั้นไม่สามารถสร้างแรงดึงดูดให้คุณชอบเค้าตั้งแต่แรกที่พบกันได้ละ ก็ คุณจะไม่ไปเดทกับเค้าอีกแล้ว แหมไม่ยอมให้เค้าแก้ตัวรอบ 2 เลยนะ ใช่มะ?

8. ถ้า "คนที่คุณชอบ" ปรี่มาชวนคุณไปเที่ยว คุณจะรีบโอเคทันที อ้าว...ก็อยากทำความรู้จักกับเค้าให้มากขึ้นอยู่แล้วนี่หว่า แล้วจะปฏิเสธไปทำไมกัน โอกาสมาแล้วต้องคว้าไว้ งั้นเรอะ?

9. คุณเชื่อเรื่อง "รักสายฟ้าแลบ" หรือรักแรกพบอยู่เหมือนกันนะ เพราะฉะนั้น ถ้าคุณเกิดไปปิ๊งใครสักคนที่ใจตรงกับคุณเข้าละก็ คุณก็พร้อมจะลองคบกับเค้าทันที โอ้โห ขนาดนั้นเลยรึ?

10. ถ้าเพื่อนของคุณบอกอยากเป็นแฟนด้วย ด้านคุณก็ไม่ได้รังเกียจรังงอนว่าเจ้าเพื่อนคนนี้จะมาไม้ไหนกันแน่ว้า แต่อาจตกใจว่าเค้าคิดอย่างนี้กับเราจริงเหรอ จึงขอให้เค้าไปทบทวนความรู้สึกของเค้าอีกครั้งแล้วค่อยมาคุยกันอีกที ใช่มะ?

เอ้า... เฉลยแล้วจ้า ถ้าตอบว่าใช่มากกว่าไม่ ก็แสดงว่าคุณเป็นคนช่างเลือกและเรื่องมากกับการจะคบใครเป็นแฟนนั่นแหละ โถ...จะมีแฟนทั้งทีก็ต้องคิดหน้าคิดหลังกันมั่งสิฮ้า.

เมอร์ลิน ไทยรัฐออนไลน์
* 11 กรกฎาคม 2553

ข้าวผัดพริกเกลือสูตรป้าศรี ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท

แตกต่างอย่างกลมกล่อม ข้าวผัดพริกเกลือสูตรป้าศรี ร้านก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท

ข้าวผัดพริกเกลือ

หนึ่งในเพื่อนสาวแสนเก๋ของ 'เจ๊แซบ' เป็นคนจังหวัดตราดโดยกำเนิด มีนิสัยรักการโซ้ยโดยสัญชาตญาณ คุณเพื่อนมีหนึ่งเมนูแนะนำ เป็นร้านประจำท้องถิ่น กินมาตั้งแต่สมัยแตกเนื้อสาวเปรี๊ยะๆ เป็นอาหารจานเก๋ที่มีชื่อสุดเท่ว่า "ข้าวผัดพริกเกลือ" นอกจากชื่อสะดุดหูแล้ว รสชาติยังสะดุดลิ้น กินเพลิ้น... เพลิน!!!

แรก เห็นหน้าตาข้าวผัดพริกเกลืออาจจะดูไม่แตกต่างจากข้าวผัดทั่วไป แต่ พอเข้าปากแค่คำแรก รสชาติที่แหวกความจำเจของข้าวผัดแบบเดิมๆ ทำให้การโซ้ยได้อรรถรสแปลกใหม่ อยากรู้ว่าใส่อะไร ต้องไปฟัง "ป้าศรี" ผู้ควบตำแหน่งเจ้าของร้าน และ เจ้าของสูตร พูดถึงที่มาที่ไปด้วยตัวเอง

"ป้าใส่น้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปตอนผัดข้าวด้วยค่ะ...ป้าเป็นคนคิดเอง เมื่อก่อนก็ไม่ได้ทำหรอก เพิ่งจะมาทำเมื่อสัก 10 ปีที่แล้ว เมื่อก่อนมีแค่ ไม่กี่อย่าง ไม่หลากหลาย เมนูแรกของเราคือ ข้าวหน้าปู...ไม่มีอะไรมากก็คือ เอาเนื้อปูวางบนข้าว แล้วก็กินกับน้ำจิ้มซีฟู้ดเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรมากเลย แต่คนก็ชอบทานกัน จากตอนนั้นถึงตอนนี้ป้าก็มีประมาณ 20 กว่าเมนูแล้ว" ป้าศรีเล่าย้อนไปเมื่อ 25 ปีก่อน ตั้งแต่เริ่มเปิดร้าน

สำหรับเมนู "ข้าวผัดพริกเกลือ" ที่หลายคนติดอกติดใจ เกิดมาจากความซุกซนของคนชอบทำกับข้าว หลังจากที่ป้าเปิดร้านขายข้าวผัด และข้าวโน่นข้าวนี่มาสิบกว่าปี ป้าศรีเริ่มเห็นว่าลูกค้าส่วนใหญ่ที่มาโซ้ยจะติดใจน้ำจิ้มซีฟู้ดของทางร้าน มากเป็นพิเศษ ป้าเลยเกิดไอเดียเด็ดใส่น้ำจิ้มซีฟู้ดลงไปผัดกับข้าวให้มันรู้แล้วรู้ รอดไป ไม่ต้องเสียเวลามาตักน้ำจิ้มใส่ข้าวแล้วตักเข้าปากทีละคำ ป้าศรีลองทำอยู่ไม่กี่ครั้งก็ได้สูตรที่ลงตัว เริ่มขายได้ไม่กี่เดือน ลูกค้าต่างกล่าวขานถึงความเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร เกิดการบอกต่อแบบปากต่อปาก จนมีเซียนหม่ำ นักชิมหลายสำนักแวะมาฝากท้องพร้อมทำการประชาสัมพันธ์ให้ไปในตัว นับจากนั้นมาชื่อเสียงร้านป้าศรีเริ่มกระฉ่อนไปทั่วทุกสารทิศ ใครไปใครมาถ้ารู้จักเป็นต้องแวะโซ้ยอย่างไม่ขาดสาย

หัวใจสำคัญของ "ข้าวผัดพริกเกลือ" อยู่ที่น้ำจิ้มซีฟู้ด รสชาติต้องจัดจ้าน เข้มข้น ป้าศรีเป็นคนทำน้ำจิ้มเอง ทุกวันป้าจะตื่นตอนตี 2 เตรียมเครื่อง เตรียมของแล้วลงมือทำน้ำจิ้มทิ้งไว้ เครื่องปรุงมีอะไรบ้างป้าขอเก็บเป็นความลับ บอกได้แค่ว่าตั้งแต่เปิดร้านมาป้าไม่เคยใช้มะนาวสังเคราะห์แม้แต่ครั้งเดียว ต้องใช้มะนาวสดเท่านั้น ไม่ว่าราคาแพงแค่ไหน ป้าไม่ท้อ ขอทุ่มสุดตัว

ข้าวที่ใช้ป้าบอกว่าอะไรก็ได้ แต่ไม่ใช้ ข้าวหอมมะลิ เพราะเวลาผัดจะทำให้แฉะเกินไป แต่ใช้ข้าวอะไรป้าขอปิดไว้เป็นความลับ ใครอยากรู้ไปแอบดูกันเอาเอง (ถ้าไม่ เกรงใจ...หุหุ)

นอกจากน้ำจิ้มซี ฟู้ดรสเด็ด ข้าวเม็ดสวยแล้ว น้ำหนักมือในการผัดและความร้อนของเตาก็มีความสำคัญกับความอร่อย ไฟต้องเร่งให้แรงตลอด ห้ามเบาเด็ดขาด ป้าศรีจะมีกระทะ ประจำกายเอาไว้ทำข้าวผัดแต่ละชนิด จะไม่ใช้ปนกัน โดยเฉพาะข้าวผัดพริกเกลือต้องใช้กระทะใบโปรดเท่านั้น ถึงจะผัดได้มันส์ถึงใจ!!

ขาโซ้ยหน้าใหม่ที่เพิ่งมาครั้งแรก เจ๊เแซบแนะนำให้ เริ่มต้นจาก "ข้าวผัดพริกเกลือกุ้ง" หรือ "ข้าวผัดพริกเกลือกั้ง" ข้าวเม็ดสวยผัดจนแห้งได้ที่ รสชาติกลมกล่อม เค็มนิดๆ เผ็ดหน่อยๆ เปรี้ยวน้อยๆ อืมมม์...ลงตัว!!!

ป้าศรีใจดี๊..ดี

ถ้า ท้องยังพอมีที่ว่าง เจ๊แนะนำให้สั่ง "ข้าวกั้งผัดพริกอ่อน"มาหม่ำเพิ่มเติมเป็นจานที่สอง ของง่ายๆที่ป้าศรีทำได้อร่อยมั่กๆ เจ๊แซบยอมรับในลีลาการผัดและน้ำหนักมือของป้า ขอยกให้เป็นที่หนึ่งในดวงใจ ใครอยากดูด้วยตาต้องรีบไปเกาะขอบเตาเฝ้าติดตามการผัดอย่างใกล้ชิดแล้วจะรู้ ว่ามัน...เพลินดีจริงๆ!!!

ระหว่างหม่ำข้าวผัด ป้าศรีมี "ก๋วยเตี๋ยวปู" "เย็นตาโฟ" "ต้มยำ" "เกี๊ยวปลา" และอีกสารพัดเมนูเส้นเป็นทางเลือก แต่ที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ เย็นตาโฟ โดยเฉพาะกุ้งทอดกรอบสูตรลับฉบับป้าศรีที่โรยมาในชามก๋วยเตี๋ยว ลูกค้าจะชอบมาก ถ้าใครมาสายอาจหมดอดหม่ำ!

เครื่องปรุงส่วนใหญ่ที่ ใช้ในการทำก๋วยเตี๋ยว ไม่ว่าจะเป็น พริก ถั่ว หรือน้ำพริกเผา ป้าศรีเป็นคนเตรียมเองทั้งหมด เพื่อให้ได้มาตรฐานเดียว กันทุกวัน รับประกันว่าโซ้ยมันไม่น้อยหน้าข้าวผัด!!!

"ก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท" ชื่อว่าสุขุมวิท แต่ ตัวร้านตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัดตราด ร้านอยู่หลังตลาดสดในตัวเมืองตราด ถ้าหันหน้าเข้ามาตลาดสด ร้านจะอยู่ในซอยทางขวามีชื่อซอยว่าสุขุมวิท เข้ามาในซอยประมาณ 50 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ ร้านเปิดตั้งแต่ 8 โมงถึงบ่าย 3 ทุกวัน ไม่มีวันหยุด ยกเว้นเช็งเม้ง ตรุษจีน และวันที่ป้าป่วย